ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความล้มเหลว หนทางแห่งการเรียนรู้

    ลำดับตอนที่ #1 : ความล้มเหลว ประตูสู่การเรียนรู้

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 50


    "มนุษย์ทุกคนล้วนแต่มีเรื่องที่ผิดพลาดล้มเหลว ถ้าไม่มีความล้มเหลวก็ไม่มีการเรียนรู้"  เป็นคำพูดที่พ่อพูดกับผมตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ท่านสอนผมว่าหากมนุษย์เราไม่ล้มเหลวก็จะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ที่พ่อผมส่งให้ผมไปเรียนหนังสือท่านไม่ต้องการให้ผมเก่งเป็นอัจฉริยะ ท่านต้องการให้ผมมองว่ามันเป็นโอกาสหนึ่ง ที่จะได้เรียนรู้ ทุกๆคืนหลังเลิกเรียนพ่อผมจะถามผมว่าวันนี้ผมรู้อะไรบ้าง
    ผมมักจะตอบว่าผมไม่รู้ ท่านจะหัวเราะและพูดกับผมว่า "ดีแล้ว ถ้าลูกรู้แล้วจะไปโรงเรียนทำไม" ตอนนั้นผมไม่เข้าใจที่พ่อพูด

    คำถามของพ่อยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผม ทุกคืนก่อนนอน ผมมักจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ มันเป็นเรื่องที่ผมชอบมาก เพื่อตอบคำถามให้ตนเอง พ่อบอกว่าถ้าอยากรู้ว่ามนุษย์สามารถเรียนรู้อะไรจากความล้มเหลวได้บ้างให้อ่านประวัติศาสตร์ ผมรู้สึกแปลกใจอย่างมากเมื่ออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิมของมันอยู่เสมอ การศึกษาบุคคลในประวัติศาสตร์ ทำให้ผมรู้ซึ้งขึ้นถึงความคิดและภูมิปัญญา ทำไมคนนี้คิดเหมือนคนนู้น ทำแบบเดียวกันกับได้ผลต่างกัน

    ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ผมมักจะเล่าประวัติศาสตร์ที่ผมได้อ่านมาให้พ่อฟัง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์จีน ผมชอบคมความคิดของคนในสมัยนั้น เช่นการตรากฏหมายบ้านเมือง ถ้าอ่อนเกินไปโจรผู้ร้ายก็รำเริบเสิบสาน ขุนนางท้องถิ่นโกงกินราษฎ์ร ถ้ารุนแรงไปจะทำให้ประชาชนลุกฮือ พ่อถามผมว่ากฏหมายอ่อนหรือรุนแรงจึงจะดี ผมตอบว่ากลางๆ พ่อก็จะหัวเราะ แล้วเอาหนังสือประวัติศาสตร์จีนมากางให้ผมดู ตั้งแต่ เซี่ย ซาง โจว ชุนชิว จ้านกว๋อ ฮั่น จิ้น เป็นต้น ถึงตอนนั้นผมถึงเข้าใจกฎหมายจะอ่อนจะแรงขึ้นกับผู้คนในสมัยนั้น

    ตัวอย่างเช่นหลังจากประชาชนถูกกดขี่ด้วยกฎหมายที่เข้มงวดของราชวงศ์ฉินมานาน ประชาชนโกรธแค้น บ้านเมืองลุกเป็นไฟ

    ฮั่นโกวโจวจึงใช้กฎหมายที่อ่อน เพื่อบรรเทาความโกรธแค้นของปวงประชา ปลายยุคราชวงศ์ฮั่นบ้านเมืองปั่นป่วนสับสนวุ่นวาย จำเป็นต้องใช้กฎหมายที่เข้มงวดเพื่อจัดระเบียบสังคมใหม่ จะเห็นได้จากเรื่องนี้มนุษย์มักทำเรื่องที่ผิดพลาดล้มเหลวแต่เราก็เรียนรู้มัน ทำให้ผมรู้ว่าความล้มเหลวเป็นสมบัติที่มีค่าอย่างหนึ่งของมนุษย์ หากไม่มีความล้มเหลวก็ไม่มีการเรียนรู้ นี้เป็นปรัชญาประจำตัวผม

    หลังจากที่เราล้มเหลวเราก็เรียนรู้ เรียนรู้แล้วก็ล้มเหลวอีก เป็นอย่างงี้ซ้ำๆเรื่อยไป ถึงแม้กาลเวลาจะเปลี่ยน แต่มนุษย์ไม่เคยเปลี่ยน ผมชอบความล้มเหลวมันทำให้ผมเรียนรู้เยอะ ครั้งนึงตอนเลิกเรียนผมอยู่ที่สนามเทนนิส ผมพยายามฝึกตีเทนนิสด้วยมือซ้าย ให้ถนัดเท่ามือขวาของผม ผมทดลองมัน ตอนแรกๆ มันก็เป็นเรื่องยาก ทุกครั้งที่ลูกหลุดมือจะต้องมีคนหัวเราะผม แต่ผมก็ดีใจที่เขายังอุตส่าห์ดูผม ลูกตกแล้ว ผมก็หยิบขึ้นมาใหม่ โยนกลับขึ้นไปใหม่ แล้วก็ตกอีก ผมชอบมากตอนที่ผมตีไม่โดนลูก เพราะพักหลังๆมานี้ผมแทบจะตีได้หมดเลย ผมกลัวว่าตัวเองจะลืมความล้มเหลวที่เป็นสมบัติพิเศษสุดของผมในการเรียนรู้

    ตอนที่ผมเข้าเรียน ผมชอบพูดมั่วมากโดยเฉพาะภาษาจีน พ่อให้ผมเรียนตั้งแต่ยังเด็ก ครั้งนึงผมพูดกับคนจีนว่าผมรอเข้าอยู่ข้างนอก แต่ผมพูดผิดเป็นผมรอเขาอยู่ตรงทางออก คุณรู้ไหมตอนที่เขาบอกผมว่าผมพูดผิด ผมดีใจมาก ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ผมได้รับบทเรียนจากความล้มเหลวผิดพลาดนี้ หลังจากนั้นผมก็ใช้วิธีนี้เรียนรู้ภาษาจีนต่อไป เพื่อนๆคนไทยของผมบอกว่าผมพูดมั่วมาก ในขณะที่เพื่อนคนจีนบอกว่าผมพูดเก่งมาก เพราะเพื่อนๆผมกลัวความล้มเหลวผิดพลาด ที่เป็นสุดยอดสมบัติของผม และทำให้ผมสามารถพูดภาษาจีนได้มาถึงทุกวันนี้ ถ้าผมไม่ทำไหนเลยจะรู้ ว่า "ความผิดพลาดล้มเหลว เป็นประตูแห่งการเรียนรู้"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×