คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Hello || 07
เช้าวันเสาร์มาถึงแล้วจากแต่เดิมที่ควรจะนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มแล้วตื่นสายๆกลับต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน
เพราะว่าวันนี้มีแข่งสามต่อสามของชมรมวอลเลย์บอลยังไงล่ะ
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเธอก็ได้ไปเห็นฮินาตะซ้อมวอลเลย์บอลตอนที่และตอนเย็นอยู่บ่อยครั้งก็ดูเหมือนว่าเขาทำได้ดีขึ้นแล้ว
ซึ่งเจ้าตัวก็ทำตามคำแนะนำที่เธอบอกอีกอย่างดูเหมือนว่าคาเงยามะจะเซ็ตลูกให้ฮินาตะแล้วจากคำบอกเล่าของทานากะ
ยืนภูมิใจในตัวเด็กหนุ่มหัวส้มได้ไม่นานก็ถูกญาติตัวเองเคาะหัวดังเป๊าะแล้วบอกว่าให้ไปอาบน้ำได้แล้ว
มานากะลูบหัวตัวเองป้อยๆพร้อมทำหน้าบึ้งไล่หลังคนตัวสูงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
มานากะที่อยู่ในชุดลำลองเดินหาวหวอดๆออกมาจากห้องน้ำ
ถึงแม้จะล้างหน้าล้างตาแล้วแต่ทำไมมันดันไม่ช่วยให้เธอรู้สึกตื่นสักนิดเลยล่ะ
นึกย้อนกลับไปเพราะตัวเองเอาแต่นอนดึกมาหลายวันก็พอจะรู้สาเหตุแต่แล้วไงล่ะ? สุดท้ายเธอก็นอนดึกเหมือนเดิมนั่นแหละ
“นายดูไม่เครียดเลยนะเคย์”มานากะว่าขณะรินนมใส่แก้ว
“ก็แค่ชมรมเองทำไมฉันต้องไปเครียดด้วยล่ะ”
“แต่เมื่อวานก็ซ้อมซะเหนื่อยเลยไม่ใช่เหรอ”ดวงตาสีตะกั่วหรี่มองอีกฝ่ายอย่างจับผิด
“กินข้าวไปเลยเธอน่ะ”
หล่อนหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามตัดบท
ปากบอกว่าไม่เครียดแต่เมื่อวานก็ดันซ้อมกับเธอจนถึงสองทุ่มแถมสภาพก็คือเหงื่อท่วมตัว
นี่ถ้าคุณแม่ไม่มาเรียกให้ไปอาบน้ำก่อนเธอคิดว่าไม่เขาก็เธอนี่แหละที่ต้องตายกันไปข้าง
แต่คาดว่าการแข่งสามต่อสามวันนี้เขาก็น่าจะเล่นแบบปกตินั่นแหละนะ
เอาเถอะ
อย่าไปบังคับคงจะดีกว่า
“ไปแล้วนะครับ”
“ไปแล้วนะคะ”
“ไปดีมาดีนะเด็กๆ”คุณนายสึกิชิมะโผล่ออกมาโบกมือไล่หลังเด็กน้อยทั้งสองก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน
เส้นทางไปโรงเรียนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
บางทีเธอก็คิดว่ามันน่าจะมีทางอื่นที่อาจจะไปได้เพื่อที่จะเปลี่ยนบรรยากาศก็เลยลองถามสึกิชิมะดู
ส่วนคำตอบที่ได้มานั้น คนขี้เกียจแบบเธอจะเดินไกลๆได้เหรอ? พร้อมกับยิ้มเยาะแล้วหันกลับไปทำการบ้านต่อ
มานากะก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะว่าเป็นคนขี้เกียจ
แต่ได้ยินเจ้าตัวบอกแบบนี้แล้วแสดงว่าอีกทางมันคงไกลมากๆดังนั้นไม่ไปจะดีกว่า
ไหนว่าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไง
“อรุณสวัสดิ์สึกกี้
นิชิโนะซัง”ยามากุจิที่เดินออกมาจากซอยราวกับคะเนเวลาได้อย่างดีว่าจะต้องเจอพวกเขาแล้วเอ่ยทัก
“ไง ยามากุจิ
อ่ะ---งั่ม!”ไม่ทันจะทักทายจบก็โดนสึกิชิมะเอาขนมยัดใส่ปาก “อร่อยอ่ะ ทีหลังซื้อมาป้อนอีกนะ”
“ตะกละ”
มานากะถึงกับเหวอ
ทั้งที่ตัวเองเป็นคนยัดขนมใส่ปากหล่อนเองแท้ๆแต่กลับมาว่าเธอตะกละนี่นะ? ถามจริง? ใครควรเป็นคนพูดคำนั้นกันแน่ มานากะหันหน้ามามองยามากุจิพร้อมบุ้ยปากแล้วนิ้วชี้ไปที่สึกิชิมะเหมือนกับฟ้องว่าตัวเองถูกใส่ร้าย
เด็กหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกันแถมเมื่อกี้ตอนที่เธอหันมาฟ้องเขาก็โดนมองแรงใส่อีก
“จะว่าไปวันนี้นิชิโนะซังแต่งตัวเท่มากเลยนะ”
“เอ๊ะ? ฉันว่าก็ธรรมดานะ”มานากะสำรวจชุดลำลองเรียบๆของตนเอง
ไม่เข้าใจว่าทำไมยามากุจิถึงได้บอกว่ามันเท่ทั้งที่ก็แต่งตัวสไตล์นี้ตลอด “เพราะปกติเห็นแต่ชุดนักเรียนหรือเปล่าเลยชินตาไปแล้ว”
“นั่นสินะ
แต่นิชิโนะซังกับกางเกงขายาวนี่เข้ากันมากเลยแถมต่างหูนั่นอีก”
“งะ---งั้นเหรอ
ปกติก็หยิบอะไรได้ก็เอามาใส่เลยน่ะอีกอย่างไม่ค่อยชอบแต่งอะไรเยอะอยู่แล้วด้วย”
“ถ้าลองใส่ขาสั้นล่ะ
นิชิโนะซังก็น่าจะเหมาะนะ”ยามากุจิว่าโดยมีมานากะพยักหน้าเห็นด้วย
“เงียบน่า ยามากุจิ”
“ขอโทษทีสึกกี้”เด็กหนุ่มเงียบลงเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทของตนพูดเชิงรำคาญ
สึกิชิมะเบี่ยงตัวเข้ามาแทรกคั่นกลางระหว่างยามากุจิและมานากะเหมือนกับไม่พอใจที่ทั้งคู่คุยกัน
ตัวหล่อนก็ได้แต่อ้าวเฮ้ยอยู่ในใจ คนกำลังคุยกันอยู่ดีๆทำไมต้องมาขัดกันด้วย
กลับบ้านไปเธอคงต้องถามให้แน่ใจสักหน่อยแล้วว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
ประสาทป่ะ?
ใช้เวลาขึ้นเนินมาสักพักก็มาถึงโรงเรียนคาราสึโนะ
สังเกตเห็นว่ามีชมรมกีฬาอื่นๆที่ก็ดูเหมือนจะมาซ้อมเช่นกันแต่ถึงอย่างนั้นคนก็บางตามากเมื่อเทียบกับวันปกติ
แถมตอนนี้ยังเช้าอยู่ด้วยจึงทำให้คนมาแบบแทบนับจำนวนคนได้
มานากะแยกกับสึกิชิมะและยามากุจิเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปโรงยิมโดยปล่อยให้สองคนที่เหลือไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมแข่งให้เรียบร้อย
ดึงปีกหมวกบักเก็ตของตัวเองลงมาเล็กน้อยก่อนจะเปิดเข้าไปในโรงยิมก็เห็นฮินาตะและคาเงยามะกำลังนั่งพักให้เหนื่อยอยู่
เดี๋ยวนะ
ถ้างั้นสองคนนี้ก็มาเช้ากว่าพวกเธออีกน่ะสิ
มานากะมองพวกเขาสักพักหนึ่งก่อนจะเลื่อนปิดประตูโรงยิม
สองหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดวอร์มทั้งคู่คาดว่าคงจะมาถึงก่อนพวกเธอได้ไม่นานแถมยังไม่รู้สึกว่าตัวหล่อนอยู่ในโรงยิมด้วยนี่สิ
“โย่ว”
“ว้าก!”
เด็กหนุ่มหัวส้มร้องลั่นโรงยิมเมื่อจู่ๆเธอก็ทักขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
ฮินาตะถอยไปใกล้กับคาเงยามะที่เหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามานากะเองก็อยู่ในนี้ด้วย
ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างราวตกใจซึ่งนั่นก็ทำให้ได้เห็นหน้าเด๋อๆของพวกเขาทำเอามานากะเองหลุดขำพรืดออกมาเลยล่ะ
“ตกใจหมดเลยมานะตัน”ฮินาตะเอามือทาบลงบนอกซ้ายของตนเองเพื่อเช็กว่าหัวใจของเขาคงไม่หลุดออกไปไหน
เดี๋ยวนะ
นี่เขาก็เรียกเธอว่ามานะตันอีกคนงั้นเหรอเนี่ย
“มานะตัน?”คาเงยามะทวน
“ใครพาพวกนายเรียกแบบนี้เนี่ย”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินว่าทั้งสองคนเรียกเธอด้วยชื่อแปลกๆ
“ทานากะซังพาเรียกน่ะ!”
ก็ไม่เกินความคาดหมายเท่าไหร่
มานากะถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตบไหล่ฮินาตะและคาเงยามะเบาๆ
เธอล่ะเหนื่อยใจจริงๆเวลามีคนมาเรียกชื่อนี้
ก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะแต่แค่รู้สึกว่ามันน่ารักเกินไปขัดกับลุคของเธอไปหน่อย
อีกอย่างดูเหมือนว่านอกจากสึกาวาระและคิโยโกะที่เรียกชื่อของมานากะถูกแล้วคนที่เหลือก็เหมือนจะเรียกมานะตันตามทานากะกันทั้งนั้น
หวังว่าคงจะไม่มีชื่อแปลกๆโผล่มานะ
ปล่อยให้เด็กหนุ่มอีกสองคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมอบอุ่นร่างกายก่อนแข่งไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูโรงยิมก็เจอทานากะและรุ่นพี่ปีสองคนอื่นเดินตามเข้ามาเพื่อเตรียมตั้งเสาและเน็ตสำหรับแข่ง
มานากะเอ่ยทักทายว่าอรุณสวัสดิ์แต่เพราะน้ำเสียงที่ติดเนือยและแข็งกระด้างเล็กน้อยทำให้สามคนที่เหลือสะดุ้งก่อนจะตอบรับอย่างกล้าๆกลัวๆ
เว้นแต่ทานากะที่เข้ามาทักทายอย่างอารมณ์ดีพร้อมเรียกว่ามานะตันเหมือนเดิม
ไปอำเภอเปลี่ยนชื่อใหม่ดีมั้ยเนี่ย
“เดี๋ยวช่วยค่ะ”มานากะอาสาพลางช่วยยกเสาตั้งเน็ตกับเอ็นโนชิตะ
“ไม่เป็นไรหรอกมานากะ
เรากลัวเธอจะยกไม่ไหวน่ะ”เด็กหนุ่มรีบตอบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้รุ่นน้องยกของหนัก
เจ้าเสานี่มันเบาซะที่ไหนล่ะ
“ยกไหวค่ะ
เพราะตอนม.ต้นหนูก็ต้องตั้งเสานี่ทุกวันอยู่แล้ว”เด็กสาวอุ้มเสาด้วยแขนทั้งสองข้างให้เด็กหนุ่มดูเพื่อยืนยันว่าเธอสามารถยกได้
“มานะตันเคยอยู่ชมรมวอลเล่ย์มาก่อนเหรอ?”
“ค่ะ
เป็นเซ็ตเตอร์น่ะ”มานากะตอบคำถามของรุ่นพี่หัวเกรียนระหว่างยกเสามาตั้งกับเอ็นโนชิตะ
ทานากะร้องโอ้ก่อนจะทำท่านึกบางอย่างและกำลังจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมาทำให้เธอและเอ็นโนชิตะงงไปตามกัน
หลังจากที่ตั้งเสาเน็ตเสร็จคนอื่นก็เริ่มทยอยเข้ามาโดยที่สองคู่หูนั้นเข้ามาโรงยิมเป็นคู่แรก
จากนั้นก็ตามด้วยสึกิชิมะและยามากุจิสุดท้ายเป็นซาวามูระและสึกาวาระแต่ดูเหมือนว่าวันนี้คิโยโกะจะมาช้าเล็กน้อยจึงต้องทำการวอร์มไปก่อน
ดวงตาสีตะกั่วมองไปที่ฮินาตะซึ่งเจ้าตัวดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษเนื่องจากจะได้แข่ง
เอาจริงเธอก็ไม่รู้ประวัติของเขาเหมือนกันว่าตอนม.ต้นนั้นเป็นมาอย่างไร
แต่แค่การกระโดดมันก็คงพออธิบายได้แล้วว่ามีเซ้นส์กีฬาที่ดีแต่ทักษะอื่นๆยังต้องพัฒนาอีกเยอะ
ดวงตาสีตะกั่วหันไปมองเด็กหนุ่มซึ่งได้รับฉายาว่าราชาแห่งสนามที่ตอนนี้กำลังวอร์มอยู่เช่นเดียวกัน
น่าแปลกที่วันนี้เขากลับเงียบเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดบางอย่าง
ไม่รู้ว่าอาจเป็นเพราะเธอจ้องเขานานไปหรือเปล่าจึงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มประสานตาหล่อนเหมือนเชิงถามว่ามีอะไร
มานากะส่ายหัวเป็นคำตอบแล้วหันไปดูคนอื่นต่อ
‘วันนี้เป็นอะไรไปนะ?
ต้องซื้อนมปลอบใจมั้ยเนี่ย’
‘หรือจะฝังใจเรื่องตอนม.ต้นกันนะ’
จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆวางอยู่บนหัว
มือบางเอื้อมขึ้นมาคลำดูก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร หล่อนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักเพราะอย่างไรก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอยู่แล้วจึงปล่อยให้เขาเล่นหัวหรือจับผมเธอต่อไป
พลันรู้สึกได้ถึงสายตาของกลุ่มคนซึ่งคงไม่พ้นทุกคนในชมรมวอลเลย์บอลแน่นอน
เดาไม่ออกเลยว่ากำลังเหม็นน่ะ
มานากะได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนจะเอามือสึกิชิมะออกแล้วสั่งให้เขาไปวอร์มอีกรอบเป็นเวลาพอดีกับที่คิโยโกะเดินเข้ามาในโรงยิม
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ครับคิโยโกะซัง!
วันนี้ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ!”คิโยโกะปรายตามองทานากะเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ยังเย็นชาเหมือนเดิมเลย!”
“เอ็นโนชิตะซังคะ
ทานากะซังเขาชอบคิโยโกะมากขนาดนั้นเลยเหรอ”มานากะหันมากระซิบกับรุ่นพี่ขณะมองเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังดี๊ด๊าอยู่ด้านข้าง
“ก็อย่างที่เห็น
แต่หมอนั่นก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละอย่าไปใส่ใจเลยนะ”
“คนคลั่งรักสินะคะ”มานากะร้องอ้อเหมือนเข้าใจแล้วหันไปมองรุ่นพี่คนอื่นๆที่ดูเหมือนว่าจะพยักหน้าเห็นด้วยเหมือนกัน
แต่สวยขนาดนั้นเป็นเธอก็คงไม่ต่างกันหรอก
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคิโยโกะซัง”
“อรุณสวัสดิ์มานากะจัง
หมวกสวยดีนะ”คิโยโกะยิ้มก่อนจะจับที่ปีกหมวกบักเก็ตของมานากะทำเอาหล่อนถึงกับหน้าแดง
พอจะเข้าใจความรู้สึกของของทานากะซังแล้วล่ะ
“อิจฉามานะตัน
อิจฉาโว้ย!”
“นั่นน้องนะทานากะ!
น้อง!”
“เอาล่ะ
งั้นเริ่มกันเลยนะ”เสียงที่ประกาศก้องทั่วโรงยิมของซาวามูระ
ไดจิทำให้ทุกคนหยุดการวอร์ม
รวมถึงแก๊งปีสองที่กำลังห้ามทานากะไม่ให้โวยวายเนื่องจากอิจฉาผู้จัดการน้องใหม่ก็หันมามองคนเป็นกัปตัน
“ทางฝั่งสึกิชิมะน่ะ
ฉันจะลงเล่นเอง”
“เอ๋! กัปตันเหรอ!”ฮินาตะร้องอย่างประหลาดใจ กัปตันอาสาเล่นเองแบบนี้เอาชนะยากแน่ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก
เรื่องการบุกน่ะทานากะถนัดกว่าฉันอีกนะ”ซาวามูระหัวเราะเบาๆ “แต่ยังไงก็ไม่ออมมือให้หรอก”
มานากะที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็ประเมินระหว่างที่ฝั่งนั้นคุยกัน
ถ้าหากฝั่งฮินาตะที่มีทานากะซึ่งถนัดเกมรุกอีกฝั่งก็คงจะถนัดเกมรับ
แถมยังมีสึกิชิมะที่ตัวสูงอีกแน่นอนว่าบล็อคได้สบายอยู่แล้ว
ขณะที่กำลังคิดอยู่จู่ๆก็เหลือบไปเห็นท่าทางของเจ้าลูกพี่ลูกน้องตัวดีที่กระแอมเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
หล่อนส่งสายตาไปให้เขาเชิงถามว่าคิดจะทำอะไรแต่เจ้าตัวเพียงยิ้มมุมปากแล้วหันกลับไปทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
อีแบบนี้ต้องพูดยั่วโมโหแน่ๆ
“ระหว่างเจ้าเปี๊ยกกับทานากะซังเราจะเชือดใคร---บล็อคใครก่อนดีครับ”
“มะ---มานากะ มือๆ”เอ็นโนชิตะหันมาห้ามเด็กสาวที่เหมือนว่าจะพร้อมซัดใครสักคนแล้ว
ปากนั่นขอตบสักทีเถอะ!
“อ๊ะ
จริงสิอยากเห็นคุณราชาแพ้จังเลยนะครับ”หันไปทำท่ากระซิบกระซาบกับซาวามูระแต่เสียงของเขากลับดังพอที่จะให้คนที่ถูกกล่าวถึงได้ยิน
“สึกกี้
เสียงดังไปแล้วนะ เดี๋ยวมีเรื่องหรอก”ยามากุจิเดินเข้ามาห้ามด้วยท่าทางหวาดๆ
ที่เขาเป็นห่วงสุดไม่ใช่เรื่องคาเงยามะหรอกแต่เมื่อครู่เหมือนเห็นว่ามานากะกำลังเดือดปุดๆเหมือนไม่อยากให้เขาพูดยั่วโมโห
“ก็จงใจให้ได้ยินอยู่แล้วนี่
อยากจะให้น็อตหลุดเป็นบ้าเลยล่ะนะ”
“สึกิชิมะ
นิสัยเสียได้โล่เลยนะ”
ซาวามูระซัง คุณได้พูดแทนใจทุกคนไปหมดแล้ว
“นี่ๆเมื่อกี้ได้ยินบ้างป่ะ
ที่พวกนั้นเขาพูดกันน่ะ ยิ่งสึกิชิมะคุงเนี่ยมันน่า....”ทานากะเดินเข้ามาหาฮินาตะและคาเงยามะด้วยท่าทางเหมือนคุณป้าที่มีเรื่องมาเม้าท์พร้อมทั้งดัดเสียงของตนเองให้ดูแบ๊ว
“ขยี้ให้เละชะมัด!”
เอาเลยค่ะทานากะซัง
หนูหมั่นไส้มันมานานแล้ว
“นี่คาเงยามะ
ถ้านายชนะฉันจะเลี้ยงนมนายสองกล่องเลย”
“โอ้ส”คาเงยามะหันมาพยักหน้าตอบรับพร้อมยกนิ้วโป้งเหมือนว่าเขาทำได้แน่ๆ
แก๊งนมต้องไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว
“เฮ้ย!
เธอน่ะควรจะเข้าข้างฉันไม่ใช่หรือไงฮะ”ฝ่ามือใหญ่ของสึกิชิมะจับหัวเธอโยกไปหมาเหมือนกับคันโยกทำเอามานากะหัวหมุนจนคอแทบหัก
“ไดจิซังช่วยหนูด้วยค่ะ!”
“สึกิชิมะ
อย่าทำน้อง!”
หลังจากที่ช่วยแยกสึกิชิมะไม่ให้หักคอมานากะได้ก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการแข่งขันโดยทันที
การแข่งแบ่งออกเป็นสองเซ็ตเหมือนเดิมโดยฝ่ายรุกอย่างทีมฮินาตะก็ได้นำไปก่อน
ดูเหมือนว่าทุกลูกที่ทานากะตบลงไปมันจะเต็มไปด้วยอารมณ์ซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากการที่สึกิชิมะดันไปยั่วโมโหทานากะเข้า
แน่นอนว่าทำให้หมอนั่นดูหัวเสียอย่างมากเลยล่ะ
แต่ลูกต่อไปที่คาเงยามะเซ็ตให้ฮินาตะนั้นมันกลับถูกบล็อคได้โดยสึกิชิมะเพียงคนเดียว
ไม่พอยังพูดเสียดสีใส่ฮินาตะทำนองว่าหากสูงอีกนิดคงกลายเป็นดาวเด่นแน่
มานากะถอดหายใจออกมากับความปากเสียของสึกิชิมะ
สายตายังคงจับจ้องไปยังผู้เล่นในคอร์ท
ที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นทางฝั่งของฮินาตะถึงแม้ว่าคาเงยามะจะเซ็ตได้แม่นยำขนาดไหนแต่ถ้าตัวตบไม่สามารถตบลูกให้ลงไปได้ก็ไม่มีความหมาย
ให้ตายสิ เธออุตส่าห์ส่งกระแสจิตแห่งชัยชนะไปที่ทีมของพวกเขาเลยนะ!
สึกิชิมะนี่ก็บล็อคเก่งกันเก่งแต่กันผู้ชายออกจากเธอนี่เก่งกว่าล้านเท่าเลยมั้ง
มานากะคิดว่าคนแบบนี้ต้องโดนดัดนิสัยสักหน่อยแล้ว
“มานากะจังเครียดไปหรือเปล่า”
“ก็ไม่นี่คะ”คนอายุน้อยกว่าตอบคำถามของรุ่นพี่สาว
ถึงปากจะบอกว่าไม่แต่อาการก็แสดงออกทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“แต่คิ้วนี่ไปแล้วนะ”นิ้วเรียวอีกฝ่ายจิ้มตรงหว่างคิ้วที่แทบขมวดเป็นปมให้คลายออก
มานากะสะดุ้งพร้อมใบหน้าแดงเล็กน้อยทำเอาคิโยโกะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
คนอะไรหัวเราะยังสวยเลย
หลังจากชื่นชมความสวยของผู้จัดการได้ไม่ถึงห้าวินาทีก็ต้องมาดูการแข่งขันต่อ
แต่ดูเหมือนว่าสึกิชิมะจะดันไปพูดอะไรบางอย่างกระทบกับปมในอดีตของคาเงยามะเข้า
ปากเสียโดยไม่มีอะไรกั้นจริงๆ
แต่ด้วยท่าทางใสซื่อของฮินาตะที่ดันไปฉุดอะไรบางอย่างในใจของเขาได้ก็ทำให้เกมกลับมาดำเนินต่อแถมดูเหมือนทางด้านสึกิชิมะจะเริ่มไม่ค่อยชอบใจท่าทางที่ฮินาตะแสดงแล้วด้วยสิ
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยที่เมื่อกี้นี้ฮินาตะและคาเงยามะเล่นลูกควิกแต่เจ้าตัวดันไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ
คนอาศัยสัญชาตญาณเล่นมันเป็นอย่างนี้สินะ
“เฮ้ย! เคย์
เลิกพูดมากได้แล้วน่า”มานากะตะโกนใส่สึกิชิมะที่กำลังพูดอะไรบางอย่างใส่ฮินาตะ
“เธอน่ะเงียบไปเลย”คนตัวสูงเชิดหน้าก่อนจะไปประจำยังตำแหน่งเดิม
“อ้าว ไอ้นี่....”
“มานากะจัง ใจเย็นนะๆ”
สึกาวาระแทบจะล็อคแขนมานากะไม่ให้เข้าไปเพ่นกบาลสึกิชิมะ
ดูก็รู้ว่าหัวเสียที่เด็กคนนั้นดันไปพูดดูถูกใส่ฮินาตะและพูดถึงปมของคาเงยามะแต่ยังไงเสียนี่ก็ยังอยู่ในระหว่างการแข่งขัน
ถ้านอกเวลาเขาจะไม่ห้ามสักนิดเดียว
ดูเหมือนว่าลูกเซ็ตของคาเงยามะจะเป็นปัญหาเพราะมันเร็วเสียจนฮินาตะแตะบอลแทบไม่ได้
แถมเมื่อกี้ยังกระโดดติดเน็ตเหมือนปลาติดแหด้วยซ้ำ
ต่อให้เธอที่เป็นเซ็ตเตอร์เหมือนกันก็ยังตกใจกับลูกที่เขาเซ็ตเลย
แถมยังได้ยินสองคนนั้นพูดว่ามันต้องปั๊บ แล้วก็ต้องควับขณะปรึกษากัน
เอาตรงๆใครมันจะไปเข้าใจกันแถมประเด็นมันก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย
หลังจากนั้นสึกาวาระก็เข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับทั้งคู่อย่างเช่นการใช้ทักษะของฮินาตะเพื่อจะดึงผลลัพธ์ดีๆสักอย่างออกมา
แต่ดูเหมือนคาเงยามะจะยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าผลลัพธ์ที่ว่านั่นมันคืออะไร
ไม่ใช่แค่เขาหรอกมานากะก็งงเหมือนกัน แต่ถ้าให้เดาเกมหลังจากนี้ก็คงเป็นคาเงยามะที่ต้องคอยดูตำแหน่งตัวบล็อค
ลูกบอล สไปเกอร์
หลังจากนั้นจึงเซ็ตให้โดยที่ฮินาตะต้องใช้ความเร็วและแรงกระโดดที่มีในการตบลูกเซ็ตของเขา
ดวงตาสีตะกั่วคอยมองลูกบอลพลางเดาความคิดของเด็กหนุ่มว่าจะส่งไปตรงมุมไหนและแน่นอนว่าตรงนั้นต้องไม่มีตัวบล็อค
“ตรงนี้แหละ”มานากะพึมพัมออกมาเป็นจังหวะเดียวกับที่คาเงยามะเซ็ตลูกให้ฮินาตะตบ
“เข้าเต็มมือเลย!”
“โอเวอร์ไปหน่อยมั้ง”สึกิชิมะมองท่าทางดีใจของฮินาตะด้วยใบหน้าหน่าย
“เฮ้ย
เมื่อกี้ฮินาตะหลับตาตบลูกเลยนะ”
“หา!?”
โอ เอ็ม จี
นี่มันอัจฉริยะเหรอเนี่ย
คนทั้งโรงยิมถึมกับอึ้ง
ถ้าฮินาตะหลับตาก็แสดงว่าคาเงะยามะต้องส่งลูกได้แม่นมาก
คงเป็นทักษะและพรสวรรค์ของเขาที่สั่งสมมานานด้วย
แต่อย่างไรมันก็ไม่มีเหตุผลที่ฮินาตะจะต้องหลับตาเลยนี่
ลูกส่งและการฟาดบอลของคาเงยามะและฮินาตะกลับมาใช้ได้อีกครั้งจนตอนนี้แต้มขึ้นนำจนเหลืออีกแค่คะแนนเดียวก็จะชนะแล้ว
“สุดยอดเลยฮินาตะ!
คาเงยามะ!”หล่อนป้องปากตะโกนโดยที่คนหัวดำยกนิ้วโป้งใส่ส่วนฮินาตะก็เข้ามาแปะมือกับเธอด้วยท่าทางดีใจสุดๆ
“โย้ช! มานะตัน!”
“มานากะ
เธอควรจะให้กำลังใจฉันนะ”สึกิชิมะเอ่ยด้วยเสียงตัดพ้อแต่มีหรือที่เธอจะทำตามที่เขาขอน่ะ
“ไม่”มานากะสะบัดหน้าหนีแต่จะว่าไปเมื่อกี้เห็นทานากะและฮินาตะแอบหัวเราะด้วยแฮะ
เซ็ตแรกจบไปด้วยฝั่งของฮินาตะและคาเงยามะชนะ
ดูท่าเซ็ตที่สองน่าจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นเพราะการเล่นของทั้งคู่เริ่มประสานกันได้ดีแล้ว
มองอีกฝ่ายที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ก็ขนลุกซู่เนื่องจากรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องเขม็งมาที่หล่อน
แค่ไม่ได้ให้กำลังใจมันต้องขนาดนั้นเลยหรือไง
พอหมดเวลาพักก็เริ่มการแข่งขันต่อทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันทำแต้มโดยที่ฝ่ายคาเงยามะนั้นนำไปอยู่ไม่น้อย
ถึงขนาดทำให้สึกิชิมะต้องออกไปถอดเสื้อนอกออกเนื่องจากเกะกะ
แต่ว่ามันจำเป็นต้องโยนมาใส่หน้าเธอมั้ย?
เสียงนกหวีดลากยาวเป็นสัญญาณว่าจบการแข่งขัน
ฝ่ายคาเงยามะและฮินาตะชนะสองเซ็ตไปแบบขาดลอยแต่ก็ทำเอาเหนื่อยพอตัว
มานากะหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินมาซับเหงื่อให้สึกิชิมะเจ้าตัวก็ทำหน้าสงสัยอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
“เต็มที่เหมือนกันนะนายเนี่ย”หล่อนว่าพลางซับเหงื่อบนใบหน้าอีกฝ่าย
“ก็ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย”
“แต่เหงื่อท่วมเลยนะ
ฮะๆ”นอกจากเช็ดก็ถือโอกาสแอบหยิกแก้มอีกฝ่ายแบบเนียนๆ
สงสัยกินช็อตเค้กเยอะไปหน่อยถึงได้กลมขนาดนี้
“สึกิชิมะ!”
“อะไร”ทั้งสามคนเลิกคิ้วเมื่อจู่ๆฮินาตะก็เดินเข้ามาแล้วยื่นมือมาตรงหน้า
“แข่งจบแล้วก็ต้องจับมือตามธรรมเนียมนี่
แล้วอีกอย่างเราต้องเป็นเพื่อนร่วมทีมกันด้วยต่อให้ไม่เต็มใจน่ะนะ”
หลังจากนั้นก็เกิดการเถียงกันระหว่างระหว่างฮินาตะและสึกิชิมะที่ดันทุรังจะจับมือให้ได้
หลังจากจับเสร็จก็ทำเอาสึกิชิมะมองมือตัวเองตาไม่กะพริบแถมทำหน้าอึ้งๆอีก
มานากะเดินออกมาจากกลุ่มนั้นแต่เหมือนว่าอีกสองคนก็ตามมาด้วย
หล่อนมองเด็กหนุ่มทั้งสองคนอย่างงงๆว่าต้องการอะไรกันแน่แต่พอเห็นฮินาตะและคาเงยามะยื่นมือมาก็เข้าใจทันที
“อ่ะ มือนุ่มจัง”คาเงะยามะเอ่ยยามที่หล่อนจับมือเขา
“เฮะ? จริงเหรอ?”มานากะถามย้ำโดยอีกฝ่ายพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“เฮ้ย! ไม่ให้จับเว้ย!”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครตะโกน
มานากะและคาเงยามะหันไปมองต้นเสียงด้วยท่าทางงงๆหลังจากนั้นจึงปล่อยมือออกจากกันจึงทำให้สึกิชิมะเลิกส่งสายตาขุ่นๆมาทางพวกเขา
มานากะเกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าเข้าใจเท่าใดนักจนกระทั่งเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างสะกิดบริเวณไหล่
คาเงยามะชูสองนิ้วเหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างจนกระทั่งเธอร้องอ๋อคล้ายเข้าใจ
ก็ที่บอกว่าถ้าชนะจะเลี้ยงนมสองกล่องไง
“ไว้ตอนเย็นนะ”คาเงยามะพยักหน้าก่อนจะได้ยินเสียงฮินาตะเรียกเขาพร้อมโบกใบสมัครชมรมไปมาเชิงว่าให้รีบเอาไปส่งกัปตัน
“อย่าลืมไปล้างมือด้วยล่ะ”
“ได้จับมือกับราชาเลยนะ
พรีเมี่ยมสุดๆ”หล่อนพูดยียวนพลางชูมือทั้งสองข้างตรงหน้าสึกิชิมะ
เขาบุ้ยปากแล้วปัดมือเธอออกเหมือนไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
สักพักกัปตันก็เรียกเด็กปีหนึ่งไปรวมตัวแถมดูเหมือนว่าคิโยโกะจะยกกล่องอะไรบางอย่างมาวางไว้บนพื้น
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่ามันคืออะไรจึงเดินไปยืนข้างกล่อง
เมื่อเปิดออกมาก็พบกับเสื้อวอร์มสีดำปักคำว่าชมรมวอลเลย์บอลคาราสึโนะไว้ด้านหลัง
โคตรเท่เลย
“นี่ของมานากะจังนะ”
“ขอบคุณมากค่ะคิโยกะซัง”หล่อนรับมันมาด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็กที่ได้ของเล่นใหม่
“นี่เคย์ๆ
ฉันใส่แล้วเท่มั้ย”มานากะสวมเสื้อและเดินเข้ามาอวดสึกิชิมะ
“ไม่”
“โคตรเท่เลยมานะตัน!”ฮินาตะและทานากะเอ่ยพร้อมกัน มานากะดูมีความสุขมากเมื่อได้ใส่ชุดวอร์มของชมรมโดยที่ตอนนี้ยังคงใส่อวดกันกับฮินาตะไม่หยุด
เหลือเชื่อตรงที่ว่าแค่อวดเสื้อใส่กันฮินาตะและมานากะก็เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยพ่วงด้วยคาเงยามะที่เหมือนจะคล้อยตามสองคนนี้ไปอีกทำเอาทุกคนในชมรมงงไปตามกัน
ก็เพราะว่าลุคของทั้งคู่มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงคนหนึ่งก็ลุคเด็กสาวมาดเท่สุดคูล
ส่วนอีกคนก็เด็กหนุ่มร่าเริงบวกความใสซื่อเล็กน้อยเลยไม่คิดว่าจะเข้ากันได้
แถมตัวทานากะก็ดูจะอวยเด็กสาวเข้าไปใหญ่ด้วยว่าหล่อนใส่แล้วดูดีมากนี่สิ
แก๊งนี้อยู่ด้วยกันแล้วต้องวุ่นวายแน่เลย
อวดเสื้อใส่กันได้ไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโรงยิม
คาดว่าน่าจะเป็นครูที่ปรึกษาของชมรมวอลเลย์บอลที่ชื่อว่าทาเคดะ
เขาว่าถึงการซ้อมแข่งกับโรงเรียนอาโอบะโจวไซ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเซย์โจว
พอนึกดูดีๆเท่าที่อยู่ในวงการวอลเลย์บอลมาก็รู้สึกว่าโรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนหนึ่งที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้มาก
เรียกได้ว่าเป็นที่กล่าวขวัญทั่วทั้งมิยางิเลยก็ว่าได้
สมาชิกทีมเริ่มทยอยเข้ามาฟังกำหนดการซ้อมแข่งโดยจะจัดขึ้นในวันอังคารหน้าโดยจะเดินทางหลังเลิกเรียนโดยทันที
“เป็นอะไรไปฮินาตะ?”มานากะทักเมื่อจู่ๆเห็นเขาเหม่อราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“แค่รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้แข่งร่วมกันกับทุกคนน่ะ”
“คงจะตื่นเต้นมากเลยสินะ”
“อื้ม! สุดๆเลยล่ะ!”
ให้ความรู้สึกเหมือนน้องชายดีแท้
เวลาล่วงเลยจนมาถึงตอนเย็นโดยที่ทุกคนในชมรมซ้อมด้วยกัน
มานากะที่ดูเหมือนจะติดใจเสื้อวอร์มตัวนี้ก็ใส่แบบไม่ยอมถอดตั้งแต่ได้รับมา
ปีนึงคนอื่นก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อวอร์มกันหมดเมื่อเสร็จสิ้นการซ้อมและต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน
บังเอิญว่าสมาชิกในทีมหลายคนดันกลับทางเดียวกันจึงตกลงกันว่าจะกลับพร้อมกันโดยที่มีมานากะ
สึกิชิมะ และยามากุจิรั้งท้าย
“ยามากุจิถ่ายรูปให้หน่อยสิ”
“แล้วทำไมไม่ให้ฉันถ่ายให้”สึกิชิมะปั้นหน้าบูด ทั้งที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แท้ๆแต่กลับมองข้ามกันได้
“ก็อยากให้ยามากุจิถ่ายให้อ่ะ
จบมั้ย”มานากะยกคิ้วกวนๆไปให้คนตัวสูงก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้ยามากุจิถ่ายรูปให้
สึกิชิมะจิ๊ปากไม่พอใจเล็กน้อย นี่หล่อนชักจะดูถูกฝีมือการถ่ายรูปของเขามากเกินไปแล้วนะ
ถ่ายเสร็จก็รับโทรศัพท์มาจากยามากุจิพร้อมตรวจดูรูปของตนเอง
มานากะเลือกรูปที่คิดว่าดีที่สุดเตรียมที่จะกดส่งไปให้ใครบางคนที่อยู่โตเกียวแต่พอนึกขึ้นได้ว่าไม่มีแม้กระทั่งเบอร์ติดต่อก็รู้สึกเหมือนถูกดับฝันไปดื้อๆ
กะจะอวดว่าได้ใส่เสื้อวอร์มของชมรมสักหน่อยแท้ๆ
เสียดายจัง
เดินกลับบ้านพร้อมถอนหายใจอย่างเสียดายก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของทานากะที่อยู่หน้าร้านขายของแห่งหนึ่งเรียกให้ไปทานซาลาเปาเนื่องจากซาวามูระเป็นคนเลี้ยง
ในความเศร้ายังมีของกินคอยปลอบใจ
ระหว่างทานอยู่ก็เหลือบไปเห็นคาเงยามะที่กำลังเคี้ยวแก้มตุ่ยก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองดันไปสัญญาอะไรบางอย่างกับอีกฝ่ายเข้า
โชคดีที่หน้าร้านมีตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติอยู่แถมยังมีนมยี่ห้อโปรดของเขาและเธออีก
มานากะไม่รอช้ากดมาสองกล่องแล้วนำมันไปให้คาเงยามะทันที
“ไม่ได้ลืมหรอกนะ”คนตัวสูงรีบทานซาลาเปาที่อยู่ในมือให้หมดก่อนจะรับนมสองกล่องนั้นมาจากเธอ
“นี่ มีของจะให้ด้วย”
“หือ?”ดวงตาสีตะกั่วมองอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋า
“ตอบแทนเรื่องตอนนั้น
เพิ่งซื้อมาเมื่อวานยังไม่เสียหรอก”คาเงยามะยื่นบลูเบอรี่ชีสเค้กกล่องหนึ่งมาให้
“ขอบคุณนะ
ฉันชอบชีสเค้กมากเลยล่ะ”มานากะยิ้มรับ
“ถ้าชอบจะซื้อมาให้อีกนะ”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะชอบขนาดนั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไม่ซื้อให้
“แต่แลกกับนมสองกล่องเหมือนเดิมนะ”
ความคิดเห็น