คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Hello || 05
ใบหน้าเริ่มเคร่งเครียดยามมองชื่อตัวเองและชื่อชมรมที่ตนเพิ่งเขียนไปลงในใบสมัคร
หล่อนส่ายหัวพลางพึมพัมกับตัวเองว่าไม่ใช่จากนั้นก็หยิบยางลบขึ้นมาลบตรงช่องชมรม
สองแขนยกขึ้นมากอดอกแล้วมองไปรอบๆก็เห็นญาติและเพื่อนของตนกำลังนั่งทานมื้อเที่ยงอยู่โต๊ะข้างๆ
หล่อนถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบดินสอกดแล้วเขียนชื่อเดิมตรงชมรมจากนั้นก็วางดินสอลงแล้วพยักหน้าหนึ่งทีเหมือนกับมั่นใจแล้ว
ผุดลุกจากเก้าอี้จนทำให้คนที่นั่งทานข้าวด้านข้างถึงกับหันมามองเนื่องจากเธอดันลุกพรวดพราด
“นี่”สึกิชิมะร้องทัก
“หืม?”
“จะไปไหนน่ะ”
“ส่งใบสมัครชมรม”ยกแผ่นกระดาษขึ้นมาโบกให้สึกิชิมะดูอย่างไวแต่เขาก็มองไม่ออกว่าเธอเขียนชมรมไหนลงไปในนั้น
“นิชิโนะซังใส่ชมรมไหนเหรอ?”
“ความลับ”นิ้วชี้ทาบบนริมฝีปากของตนพื่อบอกให้ยามากุจิรู้ว่าบอกไม่ได้
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับรู้จึงไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วจึงเดินไปที่ประตูฝั่งหลังห้อง
“แล้วข้าวเที่ยงล่ะ!”
“ไม่กิน
ลืมเอาข้าวกล่องมา”
ขาเรียวก้าวมาหยุดอยู่หน้าบันไดซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังชั้นของนักเรียนปีสาม
เหลือบมองใบสมัครชมรมในมือรอบที่ร้อย
รู้สึกลังเลว่าที่ตนเขียนนั้นมันถูกต้องหรือไม่ทั้งที่บอกว่าจะลองหาอะไรอย่างอื่นทำนอกจากวอลเลย์บอลแล้วแท้ๆแต่ก็วกกลับมาหามันจนได้
เหมือนที่สึกิชิมะว่าไม่ไม่มีผิด เชื่อแล้วว่ารอบตัวของนิชิโนะ
มานากะนั้นหมุนด้วยวอลเลย์บอล
ยามเดินตามระเบียงทางเดินรุ่นพี่ปีสามหลายคนต่างทยอยหลีกทางให้เมื่อเธอเดินผ่าน
ซ้ำยังมีสีหน้าหวาดๆเหมือนว่าเห็นเป็นอันธพาลหรือไม่ก็เจ้เก็บค่าแผงที่ตลาด
ได้ยินเสียงซุบซิบมาจากบริเวณด้านข้างว่านั่นเด็กปีหนึ่งเหรอ ทำไมดูเฟียสจัง
ฉันไม่กล้าสบตาเลย น้องจะต่อยป่ะวะ
และอีกหลายต่อหลายคำที่มานากะจับใจความไม่ค่อยได้แต่ถึงอย่างนั้นมันก็วนๆอยู่ประมาณนี้
เด็กสาวพยายามทำเป็นไม่สนใจจึงมุ่งสมาธิไปกับการหาห้องของรุ่นพี่คนหนึ่ง
สักพักก็เดินมาอยู่อยู่ที่ห้องปีสามห้องสองที่รุ่นพี่คนนั้นเคยบอกว่าหากตัดสินใจได้แล้วให้เอามาส่งที่นี่
ชะโงกหน้าเข้าไปในห้องพร้อมกวาดสายตาหาเป้าหมายแต่กลับไม่พบ
มีแต่คนที่อยู่ในห้องนั้นมองเธออย่างสงสัยว่ามาทำอะไรที่นี่
ดูเหมือนว่าจะมาเสียเที่ยวซะแล้วสิ
“มาหาใครงั้นเหรอ?”
“เฮ้ย!”ร้องตกใจเมื่อจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
เด็กสาวสวมแว่นใบหน้าสะสวยสะดุดตามีไฝเสน่ห์บริเวณมุมปากล่างทำเอามานากะรู้สึกเขินอยู่ช่วงหนึ่งแต่ก็ตั้งสติได้
เมื่อมองหน้าชัดๆก็รู้ได้ว่าคือคนที่ตามหานั่นเอง
“เธอ
เด็กคนเมื่อวานนี้นี่ ตัดสินใจได้แล้วเหรอ?”เสียงนุ่มเอ่ยถาม
“ค่ะ
ขอโทษที่ตัดสินใจช้านะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก
จะเข้าตอนกลางเทอมยังได้เลย ฉันชิมิสึ คิโยโกะนะมานากะจัง”คิโยโกะส่งยิ้มหวานไปให้รุ่นน้อง
“คะ---คิโยโกะซัง ขอเรียกอย่างนี้คงไม่มีปัญหานะคะ”มานากะเอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก “คิโยโกะซังเป็นผู้จัดการคนเดียวในชมรมเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ
ตอนแรกไม่คิดว่าจะรับผู้จัดการเพิ่มหรอกแต่ได้คนมาช่วยแบ่งเบาภาระมันก็ดีนะ
อีกอย่างคนในชมรมก็เป็นกันเองทั้งนั้น มานากะจังไม่ต้องกังวลหรอกนะ”
พอพูดอย่างนี้ก็รู้สึกกดดันยังไงชอบกลแฮะ
“ว่าแต่ทำไมถึงตัดสินใจล่ะ?”คำถามของคิโยโกะทำเอาหล่อนไปไม่ถูก
ที่นั่งคิดนอนคิดมาตลอดทั้งคืนในหัวก็มีแค่คำว่าจะเข้าดีมั้ยหรือจะไม่เข้าดี
พอมาคิดดูว่าไหนๆสึกิชิมะก็เป็นคนที่ตามตื๊อมาตลอดก็ตอบไปเลยล่ะกัน
“พอดีว่าญาติหนูอยู่ในชมรมนี้น่ะค่ะที่ชื่อว่าสึกิชิมะ
เคย์ ก็เลยอยากจะเข้ามาดูเขาด้วย”
“อย่างนั้นเหรอ
ว่าแต่มานากะจังเคยเล่นวอลเลย์บอลมาก่อนหรือเปล่าล่ะ”
“เคยค่ะ
เซ็ตเตอร์ทีมแชมป์ระดับประเทศม.ต้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงจะรู้เรื่องวอลเลย์บอลดีสินะ”คิโยโกะยิ้มออกมาทำให้มานากะใจเต้นรัว เธอล่ะแพ้รอยยิ้มของผู้หญิงจริงๆ
“ก็หวังว่าจะช่วยได้นะคะ”
“ไม่หรอก
ช่วยได้เยอะเลยล่ะ”
คุยกันได้สักพักก็ขอตัวออกมา
มานากะรู้สึกว่าอย่างน้อยตนก็ยังพอคุยกับคนอื่นได้นอกจากคนรุ่นเดียวกันแถมตัวคิโยโกะเองก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดๆเหมือนคนอื่นด้วยซ้ำ
นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกดีกับรุ่นพี่คนนั้นไม่น้อย
ก่อนจะแยกตัวออกมาคิโยโกะก็บอกว่าวันนี้ให้มาที่ชมรมด้วยเหมือนกัปตันจะเรียกคุยอะไรสักอย่าง
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นมานากะก็คิดได้ว่ากลับถึงห้องไปคงโดนสึกิชิมะถามแน่ๆว่าตกลงใส่ชมรมอะไรลงไป
โครกกกก~
เอาเป็นว่าตอนนี้หาอะไรลงท้องก่อนก็แล้วกัน
มานากะเดินลงมาชั้นหนึ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านค้าของโรงเรียนหวังว่าจะซื้อขนมปังยากิโซบะสักชิ้นพอให้หายหิว
แต่เมื่อเดินลงมาก็ต้องใจสลายเมื่อเห็นว่ามันปิดไปแล้ว
เงยหน้ามองนาฬิกาแขวนที่ติดอยู่ด้านบนก็เห็นว่าเลยเวลาขายมาสักพักแล้ว
แถมตอนนี้ท้องของเธอก็ร้องไม่หยุดอีกอย่างที่โรงเรียนก็ไม่มีตู้กดขนมด้วย
ดังนั้นที่พึ่งสุดท้ายจึงต้องเป็นเจ้าตู้กดน้ำอัตโนมัติเท่านั้น
“เหลือสองกล่องงั้นเหรอ
งั้นขอหมดเลยล่ะกัน”ว่าแล้วก็หยอดเหรียญอีกรอบหนึ่งเพื่อเอากล่องสุดท้ายจนกระทั่งขึ้นตัวอักษรสีแดงว่าหมดอยู่ใต้ชื่อเครื่องดื่ม
หวังว่าเจ้านี่จะพอรองท้องให้ได้นะ
มานากะเจาะกล่องโยเกิร์ตแล้วยกขึ้นมาดูดเพื่อซึมซับรสชาติ
เขาว่ากันว่ายิ่งหิวอาหารที่ได้กินมันก็จะอร่อยยิ่งขึ้นซึ่งเธอก็คิดว่านี่คือเรื่องจริง
เพราะอย่างน้อยๆเจ้านี่ก็ช่วยลดความหิวให้เธอได้บ้าง
เก็บโยเกิร์ตอีกอันลงกระเป๋าเสื้อกะว่าจะเอาไว้ไปดื่มต่อบนห้อง
ลิ้มรสชาติอยู่แถวตู้กดน้ำสักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินมาจากด้านหลัง
เมื่อหันไปมองก็เห็นเด็กหนุ่มผมสีดำตัวสูงคนนั้นเดินตรงมายังตู้กดน้ำเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเลื่อนมาสบตาเธอแบบจังๆ
เขาเดินล้วงกระเป๋ามาหยุดอยู่หน้าตู้พร้อมกวาดสายตามองหาโยเกิร์ตแต่ก็เหมือนกับว่าภาพเมื่อวานถูกนำกลับมาฉายซ้ำเมื่อเห็นว่ามีตัวอักษรสีแดงที่เขียนว่าหมด
นอกจากโดนห้ามให้เข้าโรงยิมนี่ยังต้องชวดโยเกิร์ตของโปรดอีกเหรอเนี่ย!
เด็กหนุ่มหันขวับมาที่เด็กสาวนอกจากเธอที่ดื่มยี่ห้อเดียวกันแถมยังเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ตรงตู้ก่อนเขาจะมาก็ไม่มีใครแล้ว
แถมหลักฐานยังคามือและตุงอยู่ในกระเป๋าเสื้อนั่นด้วย
เมื่อเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้มานากะก็ทำอะไรไม่ถูก
ดูเหมือนเขาจะชอบดื่มนมและโยเกิร์ตมากจะไล่ให้ไปดื่มอย่างอื่นก็คงดูไม่เข้าท่าเพราะที่เหลือในตู้ก็มีแต่น้ำผลไม้กับน้ำอัดลมคงไม่เหมาะกับตัวของอีกฝ่ายหรอก
มือข้างหนึ่งจับกล่องโยเกิร์ตในกระเป๋าเสื้อคลุมไว้แน่น
รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ตนดันโลภมากเลยกดมาสองกล่องโดยไม่คำนึงว่ามีคนอื่นที่อยากดื่มเหมือนกัน
แต่ทำไงได้เธอหิวนี่แถมยังลืมเอาข้าวกล่องมาจากบ้านอีกไม่แปลกที่จะกดมาทั้งสองกล่องเพื่อให้หายหิว
‘เอาไงดี
ถ้าไม่ให้ก็จะโดนหมายหัวไปตลอดแต่ถ้าให้ก็จะต้องหิวจนไปถึงตอนเย็นเลยแต่ก็อาจจะไม่โดนหมายหัวก็ได้’
เป็นการตัดสินใจที่ลำบากจริงๆ
ดวงตาสีตะกั่วและสีน้ำเงินประสานสายตากันสักพักก่อนที่ฝ่ายของเด็กหนุ่มจะเป็นฝ่ายที่ละสายตาไป
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเสียดายเหมือนกับยอมแพ้เรื่องชวดโยเกิร์ตมาสองวันติด
จึงหมุนตัวเตรียมเดินกลับแต่ก็รู้สึกว่ามีใครมากระตุกชายเสื้อกักคุรันเบาๆ
เมื่อหันไปก็เห็นเป็นมานากะเองโดยที่มืออีกข้างยังคงถือกล่องโยเกิร์ตดูดอยู่
เหมือนกินอ้างหน้าเลยแฮะ
“ให้”
“ให้?”ชี้มาที่ตัวเองพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย
เพราะจู่ๆหล่อนก็หยิบโยเกิร์ตอีกกล่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทแล้วยื่นมาให้
“อือ ให้”
“ให้จริงเหรอ?”เขาถามย้ำอีกครั้ง
“ให้”
“จะดีเหรอ?”
“เห็นนายชวดตั้งแต่เมื่อวาน”
“แล้วเธอไม่หิวเหรอ?”
โครกกกก~
ท้องที่ดันร้องได้ถูกจังหวะนั่นทำให้เขายิ่งอยากถามเธอให้แน่ใจใหญ่ว่าไม่หิวจริงๆเหรอ
อีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าแดงๆเนื่องจากอายที่ดันมาท้องร้องต่อหน้าคนอื่น
ทั้งชีวิตนี้คนที่เคยได้ยินเสียงท้องร้องของหล่อนก็มีแค่สึกิชิมะเท่านั้นแหละ
“เอาไปเถอะน่า”ยัดกล่องโยเกิร์ตใส่มืออีกฝ่ายก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
เด็กหนุ่มได้แต่มองกุนกุนโยเกิร์ตในมืออย่างงงๆ
ทั้งที่หิวก็ไม่น่าจะต้องให้เขาก็ได้เพราะท้องร้องเสียขนาดนั้น
แต่เมื่อได้รับมาก็มีแต่ต้องรับไว้เท่านั้นแหละนะ
เสียงออดดังบอกเวลาเลิกเรียน
นักเรียนที่มีทำเวรและเข้าชมรมก็รีบลุกก่อนใครเพื่อนบางคนก็นั่งเอื่อยรอสักพักจึงค่อยลุกออกจากห้อง
เสียงจากด้านนอกเริ่มดังขึ้นคาดว่าหลายคนน่าจะทยอยออกมาจากห้องเรียนแล้ว
เด็กในห้องสี่ก็เช่นกันแต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่นั่งทำงานและลุกขึ้นมาหยิบไม้กวาดเพื่อทำเวร
มานากะมีสีหน้าคร่ำเครียดเนื่องจากไม่ได้ทานข้าวเที่ยงแถมยังมีแค่โยเกิร์ตกล่องเดียวที่เธอได้ทานและตอนนี้มันก็ย่อยไปหมดแล้วจึงทำให้หิวข้าวสุดๆ
โชคยังดีที่ท้องไม่ร้องโครกครากระหว่างเรียนไม่งั้นอาจารย์ได้ไล่ให้ไปหาอะไรทานแน่
แต่จะไปได้ไงล่ะสหกรณ์มันไม่เปิดตอนเรียนนะคะอาจารย์ หมดพักเที่ยงก็ปิดแล้วค่ะ
มีแต่ต้องรอจนกว่าจะเข้าชมรมเสร็จและไปทานมื้อเย็นรวดเดียวที่บ้านหรือไม่ก็ระหว่างทางกลับก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อหาซื้อข้าวปั้นมาแทน
เรื่องกินเรื่องใหญ่สำหรับเธอจริงๆ
“นิชิโนะซังเป็นอะไรหรือเปล่า
เห็นทำหน้าเครียดตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว”ยามากุจิถามอย่างเป็นห่วง
“ปวดอึ๊เหรอ”
“ถ้าปวดป่านนี้ฉันวิ่งออกไปเข้าห้องน้ำตั้งนานแล้ว”เอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางกลอกตาใส่สึกิชิมะ
ดูก็น่ารู้ว่าคนกำลังซีเรียสยังจะมากวนอีก
สึกิชิมะที่เห็นท่าทีของญาติตนเองดูเครียดและหงุดหงิดก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเที่ยงมานากะไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากโยเกิร์ตโง่ๆกล่องเดียว
แถมเขาก็รู้ด้วยว่าถ้าหากให้เธอหิวไปตลอดจนกว่าจะถึงบ้านแบบนี้คงแย่แน่
“อ่ะ เอาไป”เด็กหนุ่มยื่นช็อกโกแลตบาร์มาให้เด็กสาว อย่างน้อยของหวานก็สามารถบรรเทาอาการหงุดหงิดและพอให้หายหิวจนกว่าจะถึงตอนเย็นได้
“ช็อกโกแลต?”
“อืม
น่าจะพอให้หายหิวอยู่ ถ้าอยากกินอีกก็บอกในกระเป๋าเหลืออยู่สองสามแท่ง”
“เคย์ รักนายจัง”ว่าแล้วก็รวบเอวสึกิชิมะเข้ามากอดพร้อมบอกรัก
แทนที่เขาควรจะหน้าแดงแต่เป็นฝ่ายยามากุจิและคนที่อยู่ในห้องดันหน้าแดงแทนซะงั้น
เหม็นโว้ย
“เดี๋ยวเถอะ
นี่มันโรงเรียนนะอย่ากอดซี้ซั้วแบบนี้สิ”แกะมืออีกคนออกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัว
“โทษที
พอดีมันเคยตัวน่ะ”
“นี่
ว่าแต่ชมรมน่ะเธอเขียนอะไรลงไปล่ะ”
“แค่กๆ---”คำถามของเขาทำเอามานากะถึงกับสำลักช็อกโกแลต
ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะถามแบบนี้แต่พอมาเจอจริงๆก็คิดคำตอบไม่ออกเหมือนกัน
“นิชิโนะซัง นี่น้ำ”
“ขอบใจนะยามากุจิ”
“ตกลงชมรมไหนล่ะ?”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าความลับน่ะ”ยกหลังมือขึ้นมาเช็ดอย่างลวกๆ
กะว่าจะเซอร์ไพรส์ตอนไปถึงสักหน่อยเธอจึงพยายามเลี่ยงที่จะตอบเขา
“แค่ชมรมเอง
ไม่เห็นต้องเก็บเป็นความลับเลย”เขาไหวไหล่เหมือนไม่เห็นว่าการที่ไม่บอกเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่จำเป็นเท่าไหร่
แค่ชมรมทำไมต้องทำตัวลับๆล่อๆด้วย
มานากะไม่ตอบแต่ลุกขึ้นพร้อมสะพายกระเป๋าเตรียมไปชมรมโดยไม่ลืมบอกยามากุจิและสึกิชิมะว่าวันนี้ต้องไปชมรมไม่ใช่เหรอ
จากนั้นเด็กหนุ่มก็เลิกถามต่อซึ่งก็เป็นการดีที่อย่างน้อยก็สร้างความสบายหูขึ้นมาบ้าง
เพราะตั้งแต่เมื่อวานก็หลอนกับคำว่าจะเข้าชมรมไหนที่สึกิชิมะพูดกรอกหูหลายต่อหลายครั้งแล้ว
ระหว่างเดินลงมาจากอาคารก็เห็นเด็กผู้ชายที่เธอให้โยเกิร์ตไปเมื่อตอนเที่ยงเดินออกจากบริเวณโรงยิมพร้อมกับเด็กหนุ่มผมสีส้มแสบตา
คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมชมรมเดียวกัน
ถ้าเขาเจอเธอจะตกใจมั้ยนะ
“ว่าแต่ไม่ไปชมรมของตัวเองหรือไง”
“ก็กำลังจะไปไง”ตอบคำถามของสึกิชิมะพลางหันไปมองรอบๆ
“แต่นี่มันทางไปโรงยิมนะ”
“ก็ใช่ไง”มานากะยกยิ้มกวนๆไปให้
เห็นอีกฝ่ายจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ก็รู้ได้ว่าอาจจะงอนเรื่องเธอไม่ยอมบอกว่าอยู่ชมรมไหน
“ถึงชมรมฉันแล้วเธอก็ไปชมรมของตัวเองได้แล้ว
ไป๊”สึกิชิมะสะบัดมือเชิงไล่
“จะไล่ฉันได้ไงก็ในเมื่ออยู่ชมรมเดียวกันกับนายน่ะ”
“ฮะ?”
“เอ๊ะ?”
เห็นทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่งก็นึกขำอยู่ในใจ
ก็ปกติที่ผ่านมาเธอมีท่าทีปฏิเสธตลอดไม่แปลกที่เขาจะตกใจขนาดนี้
สักพักก็รู้สึกเหมือนมีมือใหญ่ๆมาจับหัวและแน่นอนว่าคงไม่พ้นสึกิชิมะที่ตอนนี้เจ้าตัวดูฉุนสุดๆ
เขาโยกหัวหล่อนไปมาโดยไม่สนคำทักท้วงของมานากะก็เข้าใจว่าไม่ชอบเซอร์ไพรส์แต่ไม่เห็นต้องรุนแรงขนาดนี้เลยนี่
ยังดีที่ยามากุจิออกตัวมาห้ามเพราะเริ่มเห็นเธอมึนหัวไม่อย่างนั้นคงได้ล้มตึงกลางพื้นแน่ๆ
หนำซ้ำยังผลักหัวอีกกลับบ้านไปคงต้องเอาคืนให้สาสมแล้ว
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
“โอ้ มากันแล้วเหรอ
เอ๊ะ?”
“เอ๊ะ?”
เหล่าสมาชิกปีสามและปีสองที่กำลังมองผู้มาเยือนคนใหม่ต่างก็ร้องอย่างสงสัย
ผู้หญิง? อย่างนั้นเหรอแล้วทำไมถึงได้มาเข้าชมรมวอลเลย์บอลชายล่ะ
ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังมานากะทำเอาแทบลืมเด็กหนุ่มอีกสองคนที่ยืนขนาบข้างเธอ
“มานากะจัง”สักพักก็ได้ยินเสียงของผู้จัดการประจำทีมดังออกมา
แถมยังดูเหมือนว่าจะรู้จักกันอีก
“ชิมิสึ
เธอรู้จักด้วยเหรอ”ซาวามูระ ไดจิ หรือคนที่เป็นกัปตันเอ่ยถาม
“อือ
เด็กคนนี้จะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของชมรมเราน่ะ”คิโยโกะยื่นใบสมัครชมรมให้ซาวามูระดู
“นิชิโนะ มานากะ
ขอฝากเนื้อฝากตัวในฐานะผู้จัดการด้วยนะคะ”
“เอ๋!!!!!”
“นะ...นี่ชิมิสึ
พวกเราใช้งานเธอหนักไปเหรอถึงได้รับผู้จัดการใหม่น่ะ”ซาวามูระหันมาถามเด็กสาวรุ่นเดียวกัน
นี่พวกเขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า
“พวกเราสร้างปัญหาให้คิโยโกะซังอย่างนั้นเหรอครับ!”เด็กหนุ่มหัวเกรียนหน้าตาออกนักเลงโพล่งออกมา
“เปล่า
แค่คิดว่าถ้ารับก็ไม่เสียหายอย่างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาภาระและสามารถดูแลทุกคนได้อย่างทั่วถึงด้วย”คำตอบของคิโยโกะทำเอาทุกคนถึงกับซาบซึ้งในความเป็นห่วงของคุณผู้จัดการ
“คุณคิโยโกะเป็นห่วงพวกเรามากสินะครับ!”
“หยุดทำหน้าตาซาบซึ้งได้มั้ยทานากะ”
มานากะมองเหล่าสมาชิกชมรมวอลเลย์บอลคาราสึโนะที่กำลังซาบซึ้งในตัวของผู้จัดการปีสามสลับกับมองหน้าเพื่อนและญาติของตนที่ตอนนี้ช็อคไปแล้ว
บางทีเธอก็คิดว่าทุกคนที่รู้จักนั้นโอเวอร์แอคติ้งมากไปหน่อย
แค่มาเป็นผู้จัดการทำไมต้องช็อคนักหนา หางตาเห็นสึกิชิมะมองมาเหมือนว่านี่มันเหนือความคาดหมายของเขาไปเยอะ
“เฮ้ย!
ว่าแต่เธอชื่ออะไร”เด็กหนุ่มหัวเกรียนหน้านักเลงหันมามองมานากะพร้อมทำหน้าทำตา
“เธอก็บอกไปแล้วไงว่าชื่อมานากะน่ะ!
หัดฟังซะบ้างสิ”เด็กหนุ่มอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ก็เขกหัวทานากะไปหนึ่งที
“งั้นฉันจะเรียกเธอว่ามานะตันแล้วกันนะ!”
“หา? มานะตัน?”เลิกคิ้วข้างหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อแปลกๆที่รุ่นพี่ตั้งให้แต่มันดันเหมือนกับทำหน้าหาเรื่องในสายตาสมาชิกคนอื่นเสียอย่างนั้น
‘มีคนแบบทานากะเพิ่มซะแล้วสิ’
“เข้าเรื่องต่อเถอะ
ไดจิ เด็กสองคนที่เหลือล่ะ”สึกาวาระ โคชิ
ที่มีศักดิ์เป็นรองกัปตันเบี่ยงความสนใจมาที่เด็กหนุ่มอีกสองคน
“อ๋อ อื้ม
พวกนี้น่ะคือเด็กปีหนึ่งเข้าใหม่ปกติจะไม่รับสมาชิกจนกว่าอาทิตย์หน้าแต่พวกเรามีแข่งเสาร์นี้
แต่พวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมทีมเราต่อจากนี้น่ะ”
สิ้นคำของกัปตันทุกคนก็หันมามองสึกิชิมะและยามากุจิ
และแน่นอนว่าด้วยส่วนสูงอันโดดเด่นกว่าเด็กมัธยมปลายปีหนึ่งทั่วไปจึงทำให้รุ่นพี่แปลกใจอยู่ไม่น้อย
แต่เรื่องมีผู้จัดการใหม่นั้นมันน่าแปลกใจกว่าอีก
มานากะที่จับคีย์เวิร์ดได้อย่างหนึ่งก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย แข่งวันเสาร์? เพื่อนร่วมทีม?
“ขอโทษนะคะกัปตัน”
“มีอะไรเหรอนิชิโนะ”ซาวามูระหันมาถาม
“เรียกมานากะก็ได้ค่ะ
แข่งวันเสาร์ที่ว่านี่คือยังไงเหรอคะ”
“อ๋อ
พอดีว่ามีเด็กปีหนึ่งสองคนที่มีปัญหากันน่ะเราก็เลยว่าจะจัดแข่งแบบสามต่อสามกันวันเสาร์นี้เพื่อที่จะให้พวกเขาได้เข้าโรงยิมน่ะ”
‘ถ้ามีปัญหากันก็ไม่เห็นต้องห้ามเข้าโรงยิมเลยนี่
หรือจะทะเลาะกันหนักมากนะ?’มานากะได้แต่คิดในใจ
เด็กปีหนึ่งสองคนนั้นคงเป็นเจ้านมโยเกิร์ตและคนหัวพระอาทิตย์แน่ๆ
“อ๋อ
เด็กปีหนึ่งที่ทำวิกของรองผอ.หลุดน่ะเหรอครับ”
“สึกกี้!”
“ไอ้เด็กนี่!”
“นายไปรู้มาจากไหนน่ะ!”
“ไม่ใช่ผมจริงหรอกหรอ”มานากะพึมพัมกับตัวเอง
ดูจากปฏิกิริยาของทุกคนในชมรมแล้วดูท่าว่าเรื่องนี้คงจะเป็นความลับขั้นสุดยอดที่รองผอ.สั่งให้ปิดปากเงียบ
นี่เขากลัวเรื่องคนคิดว่าเป็นวิกขนาดนั้นเลยเหรอ
ทานากะที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเอ็นดูสึกิชิมะเสียเท่าไหร่ก็เข้าไปถามว่ารู้มาจากไหนพร้อมหน้าหาเรื่อง
แต่ก็โดนสึกาวาระเขกหัวเหมือนเดิม
เด็กหนุ่มสวมแว่นตอบว่ามาจากวงในด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่ให้ความรู้สึกว่าบาทามันกระตุกเบาๆ
สักพักก็ต้องข้ามเรื่องนี้ไปเพราะซาวามูระไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีก
ก็นะวิกของรองผอ.ดันกระเด็นมาใส่หัวเขาแบบพอดีเป๊ะเลยนี่ อธิบายรายละเอียดกันสักเล็กน้อยโดยที่คิโยโกะบอกว่าจะยังไม่แจกแจงงานว่ามีอะไรบ้างแต่วันเสาร์เธอจะอธิบายให้ฟังและเริ่มกิจกรรมชมรมได้ในอาทิตย์หน้า
ซึ่งกัปตันก็บอกแบบเดียวกันว่าหลังจากจบการแข่งวันเสาร์ก็จะเริ่มกลับมาซ้อมตามปกติ
“งั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะครับ”ทั้งสามคนโค้งให้รุ่นพี่ในโรงยิม
“นี่ๆมานะตัน”ทานากะเข้ามาสะกิดไหล่เธอ “เธอกับเจ้าเด็กโข่งนั่นเป็นอะไรกันเหรอ”
“อ๋อ คะ---”
“พอดีว่าพวกเราน่ะเป็นแฟนกันน่ะครับ”สึกิชิมะเดินเข้ามาใช้แขนพาดไหล่เธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของโดยมียามากุจิที่อยู่ข้างๆพยักหน้ายืนยันว่าเป็นความจริง
“รุ่นน้องมีแฟนก่อนฉันเหรอเนี่ย!”ทานากะยกมือขึ้นมากุมอกข้างซ้ายแล้วตัวเองแล้วลงไปคุกเข่ากับพื้น
“เว่อร์ไปแล้วนะทานากะ!”
ให้ตายสิ
รอบตัวเธอมีแต่คนไม่ปกติจริงๆด้วย
มานากะได้แต่มองทานากะที่น้ำตาไหลพรากก่อนจะหันไปหาคิโยโกะที่ขยับปากพูดว่าจริงเหรอ
หล่อนได้แต่ยิ้มแห้งๆและตอบกลับแบบไม่มีเสียงไปว่าแค่แกล้งเฉยๆซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้
มองทานากะที่ดิ้นอยู่บนพื้นได้ไม่ถึงสองนาทีก็ต้องกลับบ้านเนื่องจากตอนนี้ดึกมากแล้ว
ทั้งสามเดินออกมาจากโรงยิมโดยที่เธอก็แอบกระซิบกระซาบกับสึกิชิมะว่าไปตุ๋นคนทั้งชมรมแบบนั้นจะดีเหรอ
“จะได้ไม่ต้องมีคนเข้ามาใกล้เธอไง
ฉันทำเพื่อเธอขนาดนี้เลยนะไม่ดีเหรอ?”
ไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่าเขาหวงเกินไปน่ะ?
หกโมงเย็นตามต่างจังหวัดท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำแล้ว
แต่ก็ยังมีบางชมรมที่ยังอยู่ซ้อมสังเกตได้จากแสงไฟตรงสนามกีฬาก็เห็นชมรมฟุตบอลยังคงซ้อมกันอยู่
แต่ก็มีนักเรียนบางคนเริ่มทยอยออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้านแล้วเหมือนกัน
ทั้งสามคนเดินผ่านบริเวณสนามกีฬาก็เห็นเด็กหนุ่มสองคนโดยที่เจ้าโยเกิร์ตกำลังช่วยคนหัวส้มแสบตาซ้อมรับลูก
ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กกว่าจะไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อนเลยรับแบบเก้ๆกังๆและกระเด็นออกจากแขนอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังกลับมาเล่นต่อเหมือนเดิม
ดูเหมือนว่าพวกนี้จะจริงจังกับการแข่งตอนวันเสาร์มากสินะ
“เคย์ ยามากุจิ”
“อะไร?”
“ขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนึงนะ”
มานากะเดินแยกตัวเพื่อมาเข้าห้องน้ำก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งเพราะอั้นตั้งแต่เข้าโรงยิมแถมตอนที่คุยกับทุกคนในชมรมก็ใช้เวลาพอสมควรด้วย
หล่อนเดินหาห้องน้ำไปเรื่อยๆจนเดินห่างจากจุดที่สึกิชิมะและยามากุจิอยู่ไม่มากนักก็เจอ
ถ้าขืนไปไกลกว่านี้มีหวังได้อั้นจนเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแน่ๆ
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจส่วนตัวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาสีตะกั่วมองไปยังบริเวณจุดที่ทั้งสองคนนั้นเคยยืนอยู่แต่ก็พบว่าหายไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าทิ้งเธอไปแล้วหรอกนะ
“เฮ้ย!
อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ!”
“เรื่องจริงสินะ”
“หา!?”
ได้ยินเสียงผู้ชายดังมาจากทางสนามกีฬาแถมเสียงนั้นยังเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยทั้งคู่อีก
สึกิชิมะและเด็กหนุ่มผมสีดำที่ดูท่าทางจะโมโหสุดๆโดยมีเด็กผมส้มที่ดูลนลานยืนอยู่ด้วย
เหมือนว่าหมอนั่นจะไปพูดอะไรไม่เข้าท่าให้อีกฝ่ายได้ยินสินะ
มานากะเดินมาหลบมุมเพื่อสังเกตการณ์อยู่ห่างๆเพราะตอนนี้เธอยังไม่อยากเข้าไปยุ่งอะไรด้วยมากแถมก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยเรื่องอะไรกันอยู่
แต่ดูเหมือนฝ่ายสึกิชิมะคงจะเป็นคนเข้าไปหาเรื่องเอง
“ที่เขาเรียกนายว่าราชาแห่งสนามแล้วจะโมโหน่ะ
ทำไมล่ะราชาเท่จะตายฉันว่าไม่มีอะไรเหมาะกับนายเท่าราชาแล้ว”สึกิชิมะยิ้มเยาะก่อนจะเดินผ่านโดยถือลูกวอลเลย์บอลอยู่ในมือ
อีกใจก็อยากจะเข้าไปขัดแต่ก็อยาลุ้นต่อว่าอีกคนจะโต้ตอบอย่างไรกลับ
‘ราชางั้นเหรอ
แสดงว่าฝีมือการเล่นของเจ้าโยเกิร์ตคงไม่ธรรมดาสินะ’
“ฉันได้ดูรอบชิงคัดตัวระดับจังหวัด
ลูกที่เซ็ตเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนทนมาได้เป็นฉันคงไม่ไหวแน่ อ๊ะ…”ฝ่ายที่ถูกพูดถึงได้แต่ยืนนิ่งไม่ยอมตอบโต้ “หรือเพราะทนไม่ไหวแล้วก็เลยเป็นแบบนั้นน่ะ”
“ฮึ่ย!”
เด็กหนุ่มคว้าหมับที่คอเสื้อของอีกฝ่ายด้วยความเดือดดาล
ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธมืออีกข้างก็กำหมัดแน่นดูเหมือนว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่กว่าที่คิด
สึกิชิมะยิ้มเยาะใส่อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำพูดของตัวเองว่าจะไปกระทบกันคนอื่นหรือเปล่า
สักพักเขาก็ปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเด็กหนุ่มตัวสูงแล้วเดินไปหยิบกระเป๋า
จบได้สักทีเถอะ
อยากกลับบ้านแล้ว
“จะหนีเหรอ
ราชาก็ไม่ได้แน่จริงอะไรเลยนี่”สึกิชิมะก้มลงไปหยิบลูกวอลเลย์บอลพลางโยนมันขึ้นไปในอากาศ
“ไม่แน่วันเสาร์ฉันอาจจะโค่นราชาลงก็ได้นะ”
ถึงจุดนี้เธอควรจะเข้าไปห้ามแล้ว
ลูกบอลที่ลอยอยู่เหนือหัวกลับถูกเด็กหนุ่มตัวเล็กกระโดดรับได้อย่างง่ายดาย
เห็นหน้าตกใจของสึกิชิมะหล่อนก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
ถ้าถ่ายทันคงได้ใช้ล้อเจ้านั่นไปอีกยาวแน่
สึกิชิมะหันไปมองใส่เด็กหนุ่มที่มาแย่งบอลก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วแสร้งเป็นยิ้ม
แต่เธอรู้ว่าในใจตอนนี้เขาเดือดปุดๆแล้ว
“ไม่ต้องจริงจังไปหรอกน่าเรามาเล่นกันสนุกๆก็พอแล้วนี่มันก็แค่เข้าชมรมเองไม่ใช่เหรอ”
“ก็แค่เองงั้นเหรอ”
“มีความหมายอื่นด้วยเหรอ
โอ๊ย!---”
“สึกกี้! นิชิโนะซัง!”
“พูดจบยังแล้วก็เลิกทำตัวกร่างได้แล้วนะ
เป็นเด็กหรือไงนายอ่ะ”มานากะกอดอกมองคนที่กำลังมีสีหน้าเจ็บปวดเนื่องจากเพิ่งโดนหล่อนเตะไปหมาดๆ
เธอทนฟังมามากพอและอยากกลับบ้านเต็มทนแล้ว
“มานากะ!”มือใหญ่จับหัวอีกฝ่ายก่อนจะโยกไปมา เดี๋ยว หัวเธอไม่ใช่คันโยกนะ “ฮึ่ย! ไปล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ!
พวกนายเป็นใครกันแน่น่ะ!”
“ปีหนึ่งห้องสี่
สึกิชิมะ เคย์”
“ฉันยามากุจิ ทาดาชิ”
“ส่วนยัยแรงช้างนี่มานากะ”
“หา!
อยากโดนอีกหรือไงนายน่ะ”
มานากะขู่ฟ่อเหมือนลูกแมว
คอยดูเถอะถ้ากลับบ้านไปจะจัดให้หนักกว่านี้เลย!
สึกิชิมะเมินคำพูดของหล่อนทำหูทวนลมแล้วหันไปพูดจาน่าหมั่นไส้กับเด็กหนุ่มอีกสองคนก่อนจะเดินออกไป
“นี่”
“ฮะ?”มานากะหันไปหาเด็กหนุ่มผมดำคนนั้นก่อนจะชี้มาที่ตัวเอง
“เธอนั่นแหละ”
“ฉัน?”หล่อนทวนคำถามอีกครั้ง
“อืม”อีกฝ่ายกวักมือเรียกเชิงให้เข้าไปหา
มานากะที่เห็นสึกิชิมะและยามากุจิเดินออกไปไกลแล้วก็คิดว่าแค่ไปช้านิดหน่อยคงไม่เป็นไร
“ค่าโยเกิร์ตเมื่อตอนเที่ยง”
“เอ๊ะ?”นี่เขาเก็บเรื่องนี้ไปคิดด้วยเหรอ
“ไว้คราวหลังจะซื้อใช้ให้นะ”
ความคิดเห็น