ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Haikyuu!!] Hello,Police - Kuroo x OC -

    ลำดับตอนที่ #3 : Hello || 03

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 63






                เนื่องจากต้องเดินทางเป็นระยะเวลายาวนานสัมภาระที่เก็บไว้ตั้งแต่เมื่อคืนจึงถูกขนขึ้นรถตั้งแต่เช้าตรู่ มานากะที่นานๆทีก็ตื่นเช้าก็ต้องพยายามแหกตาและประคองสติตัวเองไม่ให้ร่วงไปนอนกับพื้นขณะขนของ หลังจากที่คุโรโอะมาส่งที่บ้านเมื่อวานพ่อเธอก็คิดว่ามีสตอล์กเกอร์แอบตามมาถึงบ้านยังดีที่ห้ามไว้ทันก็เลยต้องแก้ข่าวให้ยกใหญ่ว่านั่นไม่ใช่โจรหรือคนโรคจิตใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าทีแรกเธอก็เกือบโทรแจ้งตำรวจไปแล้วเหมือนกัน


                หลังจากนั้นมานากะก็โดนแม่ไล่ให้ไปเก็บของใช้ที่จำเป็นเพื่อแพ็คใส่กล่องจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในวันถัดไป เนื่องจากของและเสื้อผ้าของหล่อนนั้นมีไม่มากเท่าไหร่จึงไม่ได้เสียเวลาตรงนั้นมากนักแต่พอเก็บของเสร็จก็ถึงเวลาทานข้าวเย็นและโดนบังคับให้ขึ้นไปนอนโดยทันทีเพราะต้องออกเดินทางแต่เช้า ถ้าถามว่าทำไมตัวมานากะนั้นไม่แย้งอะไรออกไปก็คงเป็นเพราะเธอทำตามใจตัวเองมามากพอแล้วและแม่ก็คงสุดจะทนเลยตัดปัญหาโดยการไปถีบส่งไปอยู่กับญาติที่มิยางิซะเลย


                แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับตัวมานากะด้วยเพราะตัวเธอเองก็ไม่ได้ใคร่การต่อยตีเท่าไหร่ ยิ่งไม่มีเรื่องพวกนี้ยิ่งดีเธอจะได้ใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนคนอื่นเขาเสียที


                เก็บของมาครบแล้วใช่มั้ยมาริโกะถามลูกสาวของตนที่เพิ่งจะขนกล่องสุดท้ายเข้ารถ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจึงหันไปมองก็เห็นว่าหล่อนยืนนิ่งทำตาปรืออยู่ท้ายรถคล้ายนอนไม่เต็มอิ่ม


    เพียะ!


                ผู้เป็นแม่เดินไปดีดหน้าผากลูกสาวเพื่อเรียกสติ มาริโกะถามย้ำอีกรอบเมื่อเห็นว่าลูกสาวพยักหน้ารับก็เดินเข้าไปในร้าน มานากะลูบหน้าผากตัวเองพลางป้องปากหาวถึงจะดีดแรงขนาดไหนเธอก็ยังง่วงอยู่ดีนั่นแหละ เดินหาวเข้ามานั่งเล่นกับชิโร่ที่สวนหลังบ้านแต่เล่นได้สักพักก็โดนเรียกให้ไปทานมื้อเช้า


                แน่ใจนะว่าไม่ลืมอะไร


                ไม่ลืมค่ะม๊ารับจานอาหารเช้ามาจากผู้เป็นแม่แล้วจึงเริ่มทาน


                ไปอยู่ที่นั่นก็ทำตัวดีๆล่ะ อย่าไปมีเรื่องกับใครอีกนะ


                มานากะครางในลำคอตอบรับแล้วหั่นไส้กรอกเป็นชิ้นเล็กๆแอบโยนให้ชิโร่กิน เวลาเธอทำแบบนี้ทีไรมักจะโดนดุทุกครั้งแต่ก็ไม่เลิกทำสักที


                คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะไม่ไปด้วย?”มาริโกะหันมาถามสามี


                เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าร้านจะดีกว่า อีกอย่างพรุ่งนี้คุณก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ผมไม่อยากเปิดปิดร้านให้ลูกค้าบ่นหรอกนะ


                หลังจากทานเสร็จก็ลุกไปล้างจานให้เรียบร้อย เดินขึ้นมาบนห้องอีกรอบหนึ่งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยก่อนจะออกไป เดินหาวหวอดๆพลางใส่รองเท้าแตะแล้วเดินออกมายังรถที่ถูกจอดไว้หน้าบ้าน กอดร่ำลาคุณพ่อและคุณปู่ที่รักจบด้วยการกอดเจ้าชิโร่และสัญญากับมันว่าจะมาหาบ่อยๆจากนั้นจึงเดินขึ้นรถเพื่อมุ่งสู่มิยางิ


                บอกให้นอนเร็วๆจะได้ไม่ง่วง


                ก็คนมันง่วงนี่ม๊า ให้ทำไงได้ล่ะปรับเอนเบาะให้เหมาะกับการนอนพลางยกผ้าคลุมขึ้นมาคลุม สภาพตอนนี้เหมือนตื่นนอนเพื่อเก็บของจากนั้นก็มานอนต่อหรือเรียกว่าแค่เปลี่ยนที่นอนใหม่นั่นเอง


                พรุ่งนี้ก็ต้องไปสอบเข้านะอย่าลืมล่ะสายตายังคงทอดมองไปยังถนน มานากะผงกหัวรับมือทั้งสองข้างกำลังง่วนกับการตอบแชทจากญาติตนเองอยู่


                ม๊าขอแค่อย่างเดียวนะอยู่นู่นจะมีแฟนมีอะไรก็ว่าไป----


                หนูว่าชาตินี้หนูไม่น่ามีแฟนหรอก


                จะมีหรือไม่มีนั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหรอกนะ ม๊าขอแค่อย่างเดียวอย่าไปมีเรื่องกับใครก็พอขอแค่นี้ทำให้ม๊าได้มั้ย


                ถ้าไม่มีคนมาหาเรื่องหนูก็น่าจะทำได้อยู่มานากะตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก มาริโกะถึงกับถอนหายใจออกมากับคำตอบแบบขอไปทีของลูกสาว เอาเถอะ ตัวเธอก็ได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะนะ


                เมื่อเห็นว่าแม่ของเธอไม่มีอะไรจะพูดต่อจึงเสียบหูฟังแล้วเปิดเพลงฟังระหว่างนั่งรถ มานากะค่อยๆหลับตาลงปล่อยให้เสียงเพลงดังอยู่ในโสตประสาท ทำสมองให้โล่งแต่แล้วก็มีใบหน้าหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว เป็นหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเพิ่งจะระบายปัญหาชีวิตไปเมื่อวานนี้ ไม่รู้ทำไมเธอถึงนึกถึงใบหน้าของเขาขึ้นมาเอาดื้อๆทั้งที่เจอกันแค่สองครั้งแท้ๆ แต่ก็นึกถึงเขาก็มีแต่ความสบายใจ


                รู้งี้แลกเบอร์ไว้ก็ดี


                หลังจากนึกถึงหน้าของคุโรโอะตัวเธอก็เผลอหลับไป ไม่รู้ว่านานกี่ชั่วโมงมานากะก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะคุณแม่ที่รักนั้นปลุกเธอมาริโกะบอกว่าอีกเดี๋ยวเดียวก็จะถึงที่หมายแล้ว เด็กสาวแกะสายหูฟังที่พันคอเธออยู่แล้วเก็บใส่ซองอย่างดีไม่นานนักรถก็เคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มานากะเดินเซเล็กน้อยขณะลงจากรถเพราะตอนนี้หล่อนยังง่วงอยู่ กระชับเสื้อคลุมเหมือนเพิ่งลุกจากที่นอนแล้วเดินมากดออดหน้าบ้าน


                ครับน้ำเสียงเอื่อยดังขึ้นพร้อมประตูบ้านที่เปิดออก เด็กหนุ่มตัวสูงเกือบร้อยเก้าสิบก้มมองมายังผู้มาเยือน นิ้วชี้ดันแว่นขึ้นพร้อมหรี่ตามองเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าตัวเอง


                แม่ครับมีเด็กหลงทะ---โอ๊ย!!!


                ปากหมาเท้าเล็กเหยียบไปที่เท้าอีกคนเต็มแรง มือหนาจับหัวอีกแล้วโยกไปมาด้วยความหมั่นไส้


                นั่นปากเหรอนั่น เดี๋ยวปั๊ดไม่ให้อยู่ด้วยหรอก


                ได้ งั้นฉันกลับล่ะปัดมือเขาออกจากหัวแล้วหมุนตัวเดินออกไปแต่กลับถูกมือของอีกคนกระชากไปกอดแทน


                มาถึงแล้วคิดว่าจะปล่อยไปง่ายๆเหรอ


                มานากะไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดแต่กลับกอดตอบอีกฝ่ายไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีความคิดถึงก็เริ่มกลับมา ญาติเพียงคนเดียวที่รู้ใจเธอเป็นที่สุดถึงแม้ปากจะหาเรื่องไปหน่อยก็ตาม กอดกันได้สักพักก็เด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายผละออกก่อนจะเดินจับมือเธอไปยกของลงจากรถ


                สวัสดีครับ


                สวัสดีจ้ะเคย์คุง สูงขึ้นหรือเปล่าเนี่ยมาริโกะว่าพลางยืดแขนลูบหัวอีกฝ่าย


                คงจะอย่างนั้นแหละครับ” ‘สึกิชิมะ เคย์ผงกหัวตอบรับ มานากะที่เห็นแม่ของตนมีท่าทีเอ็นดูลูกพี่ลูกน้องของตัวเองก็แอบเบะปากลับหลัง


                เบะปาก เบะปากทำไม ฮะ?”เพราะถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจึงเดาไม่ยากเลยว่ามานากะจะทำหน้าอย่างไร สึกิชิมะบีบแก้มนุ่มของอีกคนเป็นเชิงหยอกแต่หล่อนก็กลอกตาแทนนั่นจึงทำให้มือเขาไม่ยอมปล่อยจากแก้มของเธอ


                ตีกันอยู่สักพักก็ต้องเบนความสนใจมายังการขนของเข้าบ้านแต่ก็ไม่วายตีกันเรื่องใครจะเข้าบ้านก่อนอีก รักกันได้ไม่ถึงนาทีก็ตีกันอีกแล้ว มาริโกะได้แต่มองภาพนั้นอย่างเหนื่อยใจระหว่างยืนรอเด็กทั้งสองคน ส่วนแม่ของสึกิชิมะนั้นก็ได้แต่หัวเราะชอบใจเพราะกำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาในบ้าน


                กล่องสุดท้ายถูกวางลงบนพื้นห้อง เมื่อมองไปรอบๆสภาพของห้องนั้นก็ถูกจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะมาริโกะโทรมาบอกแม่ของสึกิชิมะก่อนแล้วจึงทำให้จัดการเตรียมห้องได้เร็ว ห้องของเธอกับห้องของสึกิชิมะอยู่ตรงข้ามกันแถมประตูยังตรงพอดีเป๊ะด้วยอีกอย่างทั้งคู่ดันเป็นพวกชอบเปิดประตูออกมาพร้อมกันด้วยสิ มีหวังได้เหม็นขี้หน้ากันในเร็ววันแหงๆ แต่เอาเถอะการได้กวนสึกิชิมะก็เป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งที่เธอต้องการที่จะทำล่ะนะ


                มีห้องดีๆให้แล้วก็ไปห้องตัวเองสิสึกิชิมะยืนพิงประตูมองเด็กสาวสาวที่นอนอยู่บนเตียงของตน


                หลังจากขนของเข้าห้องเสร็จหล่อนก็แอบย่องเข้ามาแล้วกระโจนลงบนเตียงทันที ดวงตาสีตะกั่วกวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นหุ่นไดโนเสาร์วางบนชั้นวางของก็ทำให้นึกได้ว่าสึกิชิมะชอบไดโนเสาร์มาก พลันรู้สึกถึงอะไรหนักอึ้งทับอยู่บนตัวก็เดาได้ไม่อยากว่าเป็นเด็กหนุ่มคนนั้นที่ทิ้งตัวนอนทับเธอ


                มันหนักนะเคย์ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่มานากะก็ไม่ได้ดันเขาออกแต่อย่างใด


                ก็เธอเล่นนอนทับที่ฉันนี่ ฉันนอนทับเธอบ้างจะเป็นไรไป


                คิดว่าตัวนายเท่าลูกแมวหรือไง


                งั้นฉันจะคิดว่าตัวเองเป็นลูกแมวก็แล้วกัน


                เอาเถอะ ถือว่าครั้งนี้จะยอมให้เพราะไม่ได้เจอกันนานก็แล้วกัน


                ทั้งคู่ทำอะไรกันเนี่ย!มาริโกะเอ่ยอยู่หน้าประตูห้องเมื่อเห็นสภาพของทั้งคู่


                โตๆกันแล้วนะ อีกอย่างลูกเป็นผู้หญิงไปให้เคย์คุงนอนทับได้ยังไง


                ญาติกันไม่เห็นเป็นไรเลยมานากะลุกขึ้นนั่งก่อนจะได้ยินเสียง กร๊อบ ดังมาจากหลังของตัวเอง สึกิชิมะหนักกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก


                สักพักทั้งคู่ก็โดนมาริโกะไล่ออกมาจากนอกห้องและบอกว่าทีหลังห้องใครห้องมันอย่านอนเตียงเดียวกันเด็ดขาดเพราะมันดูไม่ดี มานากะก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องขนาดนั้นแต่เธอก็ทำได้แค่เดินจับหลังตัวเองพลางเดินลงบันไดอย่างลำบากเนื่องจากโดนเด็กโข่งนอนทับจึงทำให้ปวดหลัง ส่วนผู้กระทำนั้นเดินลอยหน้าลอยตาลงไปก่อนเธอเสียด้วยซ้ำ มานากะก็ได้แต่กัดฟันกรอดและหวังว่าสักวันเขาจะต้องปวดหลังเหมือนที่เธอปวด


                เคย์ พามานากะจังไปเดินเล่นหน่อยสิแม่ของสึกิชิมะหรือผู้มีศักดิ์เป็นน้าของเธอเอ่ยขึ้นภายในห้องนั่งเล่น


                ตอนนี้เลยเหรอครับ?”


                อื้อ ยังไงมานากะจังก็ต้องอยู่กับเราไปตลอดด้วยนี่ถือว่าเดินรำลึกความหลังแล้วก็สำรวจเมืองไปด้วยไง


                โอ้ นี่แม่กะจะไม่ให้เธอกลับโตเกียวเลยใช่มั้ย


                ไปป่ะ?”มานากะเงยหน้าถาม


                ถ้าเธออยากไปฉันก็จะไปสึกิชิมะไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจนักเพราะอย่างไรซะพวกเขาทั้งคู่ก็ตัวติดกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


                สองขาเดินเคียงข้างเด็กหนุ่มไปตามทาง ก่อนออกจากบ้านสึกิชิมะถามเธอว่าจะออกไปด้วยสภาพแบบนี้จริงๆเหรอเพราะตอนนี้เธอสวมเสื้อโอเวอร์ไซส์และกางเกงผ้าขายาวสีเบจ อีกทั้งยังรองเท้าแตะแถมยังมัดผมแบบลวกๆสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แต่มานากะก็เพิ่งตื่นนอนจริงๆนั่นแหละ เด็กสาวก็ได้แต่ตอบปัดๆไปว่าไม่เห็นจะเป็นอะไรแต่ยังไม่ทันได้ใส่รองเท้าก็โดนเขาดึงไปมัดผมให้ใหม่จะได้ไม่ต้องยุ่งเหมือนที่เป็นอยู่ ตอนนี้ผมหางม้าของเธอจึงเรียบร้อยสวยงามเพราะสึกิชิมะมัดให้อย่างดี


                สภาพแวดล้อมรอบบ้านนั้นต่างจากตอนที่เธอเคยมาเมื่อหลายปีก่อนเล็กน้อยแต่อะไรหลายอย่างก็ยังเหมือนเดิม ชี้ไปที่ร้านขายของชำสมัยยังเด็กที่พวกเธอมักจะมาซื้อด้วยกันบ่อยๆ สักพักก็ได้ขนมแท่งติดไม้ติดมือมาด้วย มีเดินผ่านสวนสาธารณะและโรงยิมที่ทั้งคู่เคยมาเล่นวอลเลย์บอลด้วยกัน


                ว่าแต่เป็นไงบ้าง โตเกียวน่ะ


                ก็ดี


                ดีนี่หมายถึงดีที่มีเรื่องกับชาวบ้าน?”


                แบบนั่นมันเรียกว่าดีด้วยเหรอ?”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง


                ก็ปกติเธอมีเรื่องกับคนอื่นไปทั่วไม่ใช่เหรอ คิดว่าเธอจะชอบเสียอีกมือหนาแกว่งมือของเธอที่จับอยู่เบาๆขณะเดินไปตามทาง


                มานากะโคลงศีรษะเหมือนไม่อยากตอบ มือยังคงยกขนมแท่งขึ้นมากัดอย่างสบายอารมณ์พร้อมสูดอากาศระหว่างทาง มานากะเลือกที่จะสนใจกับบรรยากาศมากกว่าเพราะอากาศที่นี่ดีกว่าที่โตเกียวเป็นไหนๆจนอยากจะชวนอีกคนให้มารับอากาศบริสุทธิ์ที่นี่ด้วยกัน


                ว่าแต่ทำไมต้องนึกถึงด้วยเนี่ย


                นี่เคย์


                ว่า?”สึกิชิมะตอบโดยที่ไม่ได้หันมามอง


                เมื่อหลายวันก่อนฉันได้ไปรู้จักคนคนหนึ่งด้วยแหละ


                ผู้ชายหรือผู้หญิง


                ผู้ชายคนตัวสูงถึงกับหันขวับมามองเธอทันทีที่พูดว่าผู้ชายรู้จักตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เพิ่งเคยรู้ว่าตัวมานากะนั้นมีผู้ชายเข้าหาด้วย อีกอย่างเขาเป็นประเภทที่หวงเธอมากขนาดไม่ยอมให้เด็กผู้ชายแถวบ้านเข้าใกล้ด้วยซ้ำ


                มานากะเห็นเขาแสดงความไม่พอใจผ่านทางสายตาภายใต้กรอบแว่นนั่นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จะผ่านไปกี่ปีก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แถมตอนนี้สึกิชิมะดูอยากจะรู้สุดๆว่าผู้ชายที่เธอพูดคนนั้นเป็นใครนิสัยเป็นอย่างไรแต่มานากะก็ยังลีลาไม่ยอมบอกเขา ถ้าอยากรู้ก็ถามออกมาซะสิ


                เป็นใคร อายุเท่าไหร่ อยู่ชั้นไหน โรงเรียนอะไร


                เป็นคนที่ช่วยทำแผลให้ฉัน อายุดูๆแล้วก็น่าจะสิบเจ็ดสิบแปดได้


                ม.ปลาย? ไม่เจอกันตั้งหลายปีมีหนุ่มม.ปลายมาติดแล้วเหรอเนี่ยสึกิชิมะหัวเราะ


                แค่คนที่ช่วยฉันเอง นายไม่เห็นต้องซีเรียสอะไรเลยนี่


                เพราะเป็นเธอฉันเลยซีเรียสไง


                แต่บางทีมานากะก็คิดว่าเขาหวงเกินไปล่ะนะ


                เมื่ออีกคนไม่ได้เปิดประเด็นเธอก็ไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรต่อ ทั้งคู่ยังคงเดินจับมือกันไปเรื่อยๆเดินผ่านสถานที่ในวัยเด็กมีนั่งพักตามริมแม่น้ำบ้างเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยกันแต่ก็ไม่ได้น่าอึดอัดแต่อย่างใดคงเพราะแค่มีกันและกันอยู่มันก็สบายใจโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะมั้ง


                ว่าแต่นายจะเข้าโรงเรียนอะไรล่ะเด็กสาวใช้หัวพิงกับไหล่ของเขาขณะนั่งพักอยู่ริมแม่น้ำ


                คาราสึโนะ อีกอย่างเธอก็จะเข้าโรงเรียนเดียวกันกับฉันด้วยไม่ใช่รึไง


                จริงด้วยสินะ ว่าแต่นายยังเล่นวอลเลย์อยู่ใช่มั้ย?”สึกิชิมะผงกหัวให้เป็นคำตอบ


                ทำไม? เลิกเล่นแล้วเหรอ?”


                อือ เลิกแล้วคำตอบของหล่อนสร้างความประหลาดใจให้เขาอยู่พอควร ปกติก็มักจะส่งรูปช่วงที่ซ้อมไม่ก็ไปแคมป์ฝึกมาให้เขาตลอดแถมตอนแข่งยังดูจริงจังขนาดนั้นไม่เห็นมีวี่แววว่าจะเลิกเล่นเลยด้วยซ้ำ


                ถ้าเลิกเล่นแล้วจะทำอะไรต่อล่ะ


                ไม่รู้สิ แต่อยากลองทำอะไรใหม่ๆดูบ้างแค่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกมานากะหลับตาลงพลางนึกสิ่งที่ตอนอยากทำแต่เพราะทั้งชีวิตเธอมีแต่วอลเลย์บอลที่ทุ่มเทให้กับมันจึงไม่รู้ว่าจะทำอะไร


                เชื่อสิว่ารอบตัวเธอหมุนด้วยวอลเลย์ ยังไงซะเธอก็ต้องกลับมาเกี่ยวข้องกับมันอยู่ดีนั่นแหละ

     





                หลายวันต่อมาตัวมานากะเองเริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้วแถมมีเรื่องให้เข้าใจผิดอีกอย่างเข้ามาในชีวิตอีกด้วย เรื่องมีอยู่ว่าระหว่างทางที่จะไปสอบเข้าที่คาราสึโนะก็บังเอิญเจอเพื่อนสนิทของสึกิชิมะที่ชื่อว่ายามากุจิ ทาดาชิ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ซึ่งมานากะก็ไม่ได้สนใจในจุดนั้นมากนัก แต่รีแอคชั่นที่เขาเห็นเธอและสึกิชิมะนั่นมันเหนือคนปกติทั่วไปยามากุจิตกใจแถมยังพูดอีกว่าสึกิชิมะเดินกับผู้หญิงเหมือนกับว่าไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน


                ถ้าดูจากนิสัยของเขาแล้วก็น่าตกใจอยู่หรอก


                แต่เมื่อยามากุุจิเห็นทั้งคู่เดินจับมือกันเขาก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ทำเอาเธอถึงกับอึ้งว่าคนอะไรจะมีรีแอคชั่นใหญ่ขนาดนั้น เจ้าตัวถามด้วยเสียงสั่นๆว่าตัวสึกิชิมะเป็นอะไรกันกับมานากะ ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากตอบเด็กหนุ่มก็โอบไหล่เธอแล้วบอกว่าแฟนแบบเต็มปากเต็มคำ ส่วนหล่อนก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะขี้เกียจจะแก้แถมตัวยามากุจิเองก็คงเชื่อแบบสนิทใจด้วย


                รู้สึกผิดแต่ก็ช่างมันเถอะ


                ทีหลังนายหัดกินข้าวเยอะๆบ้างนะ จะได้มีกล้ามบ้างมานากะว่าพลางใช้นิ้วจิ้มไปที่บริเวณท้องของสึกิชิมะ ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะตัวผอมบางยังคงมีกล้ามพอให้เห็นอยู่บ้างเพียงแค่น้ำหนักของเขาในตอนนี้มันไม่สมดุลกับส่วนสูงของเขาเท่านั้นเอง


                ไม่เอาอ่ะ เธอก็น่าจะรู้นี่ว่าฉันไม่ชอบกินเยอะสึกิชิมะว่าขณะเลือกเพลงบนโทรศัพท์ ปกติเขาจะสวมเฮดโฟนตลอดแต่วันนี้เขากลับสวมหูฟังแบบธรรมดาแทนเพราะอยากฟังเพลงกับเธอด้วย


                เอาเพลงนี้ดีป่ะ?”


                จะเลือกเพลงอะไรก็เลือกไปเถอะ แต่นายต้องหัดกินข้าวยะ---ดังไปแล้วนะเคย์!ขึ้นเสียงใส่เมื่อคนตัวสูงเร่งระดับเสียงแถมยังผิวปากเหมือนกับต้องการตัดจบบทสนทนา


                อรุณสวัสดิ์สึกกี้ นะ---นิชิโนะซังด้วยเสียงติดประหม่าของยามากุจิดังขึ้น


                อืม อรุณสวัสดิ์


                อรุณสวัสดิ์มานากะพูดถัดจากสึกิชิมะ


                ยามากุจิที่ดูเหมือนจะยังเกร็งๆเธออยู่ผงกหัวตอบรับแถมยังก้มหน้าเหมือนไม่อยากสบตา ดูเหมือนหน้าเธอคงจะเป็นปัญหาจริงๆนั่นแหละ อุตส่าห์จะทำให้ตัวเองมีเพื่อนเยอะๆเหมือนคนอื่นแท้ๆแต่มันกลับยากกว่าที่คิดไว้เสียอีก


                ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะยามากุจิ หน้ายัยนี่ก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว


                เอ๊ะ....อืม เข้าใจแล้วสึกกี้


                เหมือนจะพูดให้หายกังวลแต่ทำไมกลับดูน่าหมั่นไส้เหลือเกิน


                นี่ยามากุจิจู่ๆมานากะก็เอ่ยขึ้นทำเอาคนที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง นายรู้จักกับเคย์ตั้งแต่ตอนไหนเหรอ


                เอ่อ...ตั้งแต่ตอนประถมน่ะ ตอนนั้นฉันถูกแกล้งแต่ก็ได้สึกกี้ช่วยเอาไว้หลังจากนั้นก็เริ่มสนิทกันน่ะพอเป็นเรื่องของสึกิชิมะดูเหมือนยามากุจิจะเริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง


                ไม่ได้ช่วยสักหน่อย อีกอย่างหุบปากน่ายามากุจิ


                ขอโทษสึกกี้


                เห~ ก็สนิทกันมานานพอดูเลยนะว่าพลางเหล่ตามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆที่ดูเหมือนไม่อยากจะให้พูดเรื่องนี้แล้ว


                ว่าแต่นิชิโนะซังกับสึกกี้ไปรู้จักกันตอนไหนเหรอ


                หุบปากน่ายามากุจิ


                ขอโทษสึกกี้ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรนะนิชิโนะซัง


                พยายามส่งยิ้มบางๆไปให้ยามากุจิ ในใจก็นึกสงสารว่าเจ้าตัวคงโดนสึกิชิมะพูดแบบนี้ใส่บ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติแล้วแน่ๆ แต่ถ้าเธอเป็นยามากุจิล่ะก็คงต่อยสึกิชิมะแล้วตะโกนใส่หน้าว่าน่ารำคาญไปแล้วล่ะ


                เด็กสาวหันไปสบตาสีน้ำผึ้งของสึกิชิมะว่าจะเอาอย่างไรต่อเพราะตอนนี้ยามากุจิก็คิดไปแล้วว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันจริงๆ แต่อีกอีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยเหมือนให้เธอหาเรื่องโกหกสักเรื่องตอบตอบไปจะได้จบๆ แต่เธอก็คิดว่าทำไมไม่บอกความจริงไปเลยล่ะแต่อีกใจก็ช่างมันปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็สนุกอีกแบบเพราะตัวมานากะและสึกิชิมะเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว


                พอดีแม่ของฉันกับแม่เคย์เป็นเพื่อนกันน่ะพวกเราก็เลยสนิทกันไปด้วย


                อย่างนั้นหรอกเหรอ แสดงว่าก็สนิทกันมาตั้งนานเลยล่ะสิ


                อืม แต่ฉันเป็นคนโตเกียวแถมยังเรียนอยู่ที่นั่นเลยทำให้ไม่ได้เจอกับเคย์นานหลายปีเลยล่ะนะ แต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่กับญาติก็เลยเจอกันได้บ่อยขึ้นญาติคนนั้นก็คนที่ยืนอยู่ข้างๆนั่นแหละจ้า


                คนโตเกียวหรอกเหรอเนี่ย!


                เงียบน่ายามากุจิ


                ขอโทษสึกกี้


                วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบเข้าโรงเรียนคาราสึโนะทั้งสามคนจึงเดินทางไปยังที่นั่นเพื่อดูผลสอบว่าตัวเองติดหรือไม่ สำหรับมานากะนั้นไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าตัวเธอจะติดมั้ยเพราะไม่ได้มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนเท่าไหร่แต่สำหรับสึกิชิมะนั้นน่าจะผ่านได้สบายแล้ว เดินขึ้นเนินมาตามทางก็มีนักเรียนหลายคนร่วมทางมาด้วยบางคนก็ปั่นจักรยานขึ้นเนินมาก็มี


                มานากะมาหยุดอยู่หน้าบอร์ดสำหรับติดผลสอบ ดวงตาสีตะกั่วกวาดสายตามองไปตามรายชื่อซึ่งดูเหมือนว่าจะแยกห้องให้เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว เมื่อเจอชื่อของตนที่อยู่ห้องสี่ก็โล่งใจแถมสึกิชิมะและยามากุจิก็ดันอยู่ห้องเดียวกันกับเธออีก หล่อนคิดว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่มีคนรู้จักอยู่ห้องเดียวกันบ้างล่ะนะเพราะเธอก็ไม่ถนัดด้านการผูกมิตรกับใครเท่าไหร่ ระบายยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่ามีรายชื่อของตนติดอยู่บนบอร์ด หยิบโทรศัพท์ออกมาหมายจะโทรหาเด็กหนุ่มคนนั้นแต่ก็ต้องชะงัก


                ไม่มีเบอร์นี่หว่า


                จะโทรหาใครอ่ะ มีเพื่อนด้วยเหรอ


                ปากเสียมือบางผลักหน้าของสึกิชิมะเมื่อเจ้าตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอเกินไป แค่จะโทรหาใครบางคนแต่ลืมไปว่าไม่มีเบอร์เขา


                คนนั้นเหรอมานากะพยักหน้าโดยมีสีหน้าซึมๆทำให้สึกิชิมะคิดว่าหล่อนคงอยากจะบอกคนคนนั้นมาก


                ก่อนจะบอกผู้ชายอ่ะโทรหาแม่หรือยัง


                บอกตั้งแต่เห็นชื่อตัวเองแล้ว


                สึกิชิมะโยกหัวเธอเบาๆก่อนจะหันไปคุยกับยามากุจิต่อ ดวงเนตรสีตะกั่วกวาดไปทั่วบริเวณที่เธอยืนอยู่ก็เห็นนักเรียนหลายคนเริ่มทยอยเข้ามาก่อนจะไปสะดุดกับเด็กหนุ่มตัวสูงโดดจากคนทั่วไป เรือนผมสีดำสนิทพร้อมดวงตาสีน้ำเงินเข้มประดับอยู่บนหน้าเรียบนิ่งคล้ายเคยเห็นในนิตยสารอะไรสักอย่างมองไปสักพักจนกระทั่งเจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่ามีคนมองเลยหันมาหล่อนจึงต้องรีบสะบัดหน้าหนีโดยทันที นึกขอโทษเด็กหนุ่มคนนั้นและโทษตัวเองว่าเสียมารยาทอยู่ในใจจนถึงขนาดสึกิชิมะหันมามองเหมือนว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มานากะก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ


                เมื่อดูรายชื่อบนบอร์ดเรียบร้อยจึงตัดสินใจว่าจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ขณะเดินออกมาจากฝูงชนก็สังเกตเห็นเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ขาเรียวเขย่งสุดปลายเท้าคล้ายพยายามจะดูบอร์ดรายชื่อแต่ว่าตัวของเธอนั้นเล็กเกินไปจึงโดนคนอื่นบังไปหมด มานากะเอียงศีรษะมองเด็กสาวคนนั้นครู่หนึ่งก่อนจะหันไปบอกสึกิชิมะว่าให้ไปรออยู่ที่หน้าโรงเรียนก่อน เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากถามแต่เมื่อคิดได้ว่าคงไม่ได้คำตอบดีๆจากหล่อนจึงเลือกที่จะพยักหน้าแทนและบอกยามากุจิให้ไปรอที่หน้าโรงเรียนด้วยกัน


                นี่


                คะ!!!เด็กสาวสะดุ้งตัวยามเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือและใบหน้าเริ่มถอดสีเหมือนกำลังโดนปล้น


                ฉะ...ฉันไม่มีเงินหรอกนะคะ!! ถึงมีก็มีเท่านี้แหละค่ะ!!


                เฮ้ย ดะ...เดี๋ยวสิ


                สองแขนของอีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้าพร้อมกระเป๋าสตางค์สีหวานบนมือของหล่อน ดวงตาสีตะกั่วเห็นได้ชัดว่าตัวของคนตรงข้ามนั้นสั่นมากขนาดไหน ในใจกระตุกวูบพร้อมคิดว่าตัวเองน่ากลัวขนาดนั้นเเชียวหรือ? สักพักก็ได้ยินเสียงคนเริ่มซุบซิบรอบบริเวณ เพราะเมื่อกี้เด็กคนนี้ดันพูดเสียงดังเลยทำให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้แทน มานากะตวัดสายตามองนักเรียนคนอื่นจนทุกคนสะดุ้งยามเห็นสายตาคมของหล่อนจึงเบนความสนใจไปที่บอร์ดรายชื่อดังเดิม


                ฉันไม่ได้จะมาปล้นหรอกนะมานากะพูดเสียงแผ่วจนอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าตัวหล่อนนั้นไม่ได้มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด


                ค่ะ...ค่ะ!!!แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังประหม่าอยู่ดีล่ะนะ 


                เธอน่ะชื่ออะไรมานากะมองคนตัวเล็กด้วยสายตาเรียบนิ่ง ตอนนี้เธอคิดว่าการทำตัวนิ่งๆจะไม่ทำให้อีกฝ่ายกลัว


                ยะ...เอ่อ เอ๊ะ?”


                นี่ จำชื่อตัวเองไม่ได้งั้นเหรอเลิกคิ้วสูงเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าดันเกิดอ๊องขึ้นมากะทันหัน


                ไม่ใช่นะคะ!! ยะ---ยาจิ ยาจิ ฮิโตกะค่ะ!!!


                ยาจิตอบเสียงดังฟังชัดจนหล่อนตกใจ มานากะพยักหน้ารับก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงชนที่มุงดูบอร์ด นิ้วเรียวไล่ดูรายชื่อตั้งแต่ห้องหนึ่งเพื่อหาชื่อของยาจิ ฮิโตกะจนกระทั่งมาเจออยู่ที่ห้องห้าซึ่งเป็นห้องสุดท้ายแถมยังเป็นห้องที่รวมเด็กเก่งเหมือนกับห้องสี่ แต่เธอก็ไม่ได้จะชมตัวเองว่าเรียนเก่งหรอกนะ


                ยาจิ ฮิโตกะ เธอมีชื่ออยู่ห้องห้า


                จริงเหรอ! จริงนะ!ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายด้วยความดีใจ ขอบคุณมากเลยนะ ถ้าไม่ได้เธออีกนานกว่าจะรู้แน่ว่าได้อยู่ห้องไหนน่ะ


                มือเล็กของอีกฝ่ายกอบกุมมือของเธอพร้อมเขย่าไปมา ดวงตาสีตะกั่วเบิกกว้างเล็กน้อยเพราะเพิ่งเคยเห็นคนที่มาอาการดีใจมาขนาดนี้มาก่อน


                ฉันยาจิ ฮิโตกะ อ๊ะ! บอกชื่อไปแล้วนี่นายาจิเกาหัวแก้เขินเพราะตนเพิ่งจะบอกชื่อไปรอบสอง ว่าแต่เธอชื่ออะไรเหรอ?”


                นิชิโนะ มานากะ ห้องสี่


                นิชิโนะจังสินะ เรียกฉันว่าฮิโตกะก็ได้นะใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร บางทีมานากะคงต้องหัดยิ้มกว้างๆแล้วล่ะมั้ง


                มานากะ เรียกว่ามานากะก็ได้


                ได้เลยมานากะจัง!

               

     








    TALK

    เอาตามตรงนะฉันเห็นพวกเธอครั้งแรกฉันก็จะคิดว่าเป็นเป็นแฟนกัน มีเดินจับไม้จับมืองุ้งงิ้งๆ เนี่ย เป็นใครก็เข้าใจว่างั้นอ่ะพูดตรงๆ

    หลังจากนี้พี่แมวจะไม่โผล่มาแล้วนะคะ จะไม่มาเป็นตัวเป็นตน(เหมือนผีเลยอ่ะ)แต่จะมาในตอนที่มานากะนึกถึงพี่แมวแทน สตอรี่หลังจากนี้น้องจะโซโล่ล้วนๆค่ะ อาจมีไทม์สคิปบ้างอาจเห็นน้องไปอยู่กับคนนั้นคนนี้บ้างก็อย่าได้แปลกใจนะคะ ถ้าเห็นน้องอยู่แต่กับสึกกี้อะไรๆก็สึกกี้ขอให้รู้ไว้ว่าน้องมีเพื่อนคบแค่นี้นะคะ เพราะเป็นแนวชีวิตประจำวันเลยอยากให้เห็นว่าวันๆน้องทำอะไรบ้างเลยอยากให้เข้าใจหากในตอนต่อๆไปไม่มีพี่แมวโผล่มานะคะ และจะได้เบอร์พี่แมวตอนไหนไว้มาติดตามนะคะ ได้เบอร์เมื่อไหร่บทเยอะเมื่อนั้นค่ะ

    ช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องงานศพนิดหน่อยค่ะ แถมกดดันตัวเองอีกว่าจะเขียนได้ดีมั้ยเพราะเป็นคนชอบเปรียบเทียบเรื่องตัวเองกับเรื่องคนอื่นตลอดเลย แต่ไรต์ก็พยายามกำจัดความรู้สึกนั้นแล้วนะคะ แค่มาบ่นค่ะไม่มีอะไรหรอก รักทุกคนนะคะ


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×