คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Hello || 01
ดวงตาสีตะกั่วมองลูกบอลสีน้ำเงินเหลืองที่กำลังลอยกลางอากาศ
ยกแขนขึ้นเหนือหัวรอให้ลูกกระทบลงฝ่ามือก่อนจะส่งให้ผู้เป็นกัปตันทีมพ่วงตำแหน่งเอซตบลูกได้อย่างพอดี
เสียงลูกบอลกระทบพื้นดังไปทั่วโรงยิม
หันมามองฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองที่เพิ่งส่งลูกไปให้ตัวตบอย่างแม่นยำ กัปตันทีมเดินเข้ามาแท็กมือก่อนจะเอ่ยชมเหมือนทุกครั้งจนกระทั่งเสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาการแข่งขัน
“เหนื่อยหน่อยนะมานากะ”หันไปมองคนที่ยื่นขวดน้ำมาให้ก็เห็นเป็นเด็กสาวเรือนผมสีเหลืองทองรวบเป็นหางม้า
นัยน์ตาสีไวโอเล็ตเป็นประกายจ้องมาที่เธอพร้อมฉีกยิ้มให้
“อ่า...ขอบใจนะ”มานากะรับน้ำมาจากอีกฝ่ายก่อนจะใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อตามใบหน้าสลับกับดื่มน้ำดับกระหาย
“ลูกเซ็ตของเธอเนี่ยมันสุดยอดจริงๆเลยนะ
เข้ามือฉันพอดีเป๊ะเลย”
“แต่ถ้าเธอตบไม่ได้มันจะไปมีความหมายอะไรล่ะ
อากาเนะ”
คนเป็นกัปตันหัวเราะเบาๆให้เพื่อนสนิทของตนเอง
เอาเถอะ
เซ็ตเตอร์คนนี้เป็นคนที่ไม่คิดว่าตัวเองเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ถึงจะเป็นดาวเด่นแถมยังอยู่ในระดับต้นๆของเซ็ตเตอร์ม.ต้นระดับประเทศด้วย
แต่เพราะคิดว่าตัวเองไม่เก่งนี่แหละเลยน่ากลัวเพราะมันทำให้ได้ทักษะและพัฒนาการใหม่ๆตลอดเวลายังไงล่ะ
เลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าคนข้างตัวหัวเราะอะไร
มานากะไม่สามารถเดาความคิดของเธอคนนี้ออกจริงๆไม่สิทุกคนในชมรมเลยก็ว่าได้
ภายใต้ดวงตาและรอยยิ้มนั่นไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่แม้กระทั่งตอนแข่งก็ตามเหมือนกับว่าเธอกำลังคุมทุกคนในสนามแต่ก็ปล่อยให้ทุกคนเล่นอย่างอิสระแต่การเล่นอย่างอิสระนั่นก็อยู่ภายใต้การควบคุมอีกทีไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
เหมือนกับจงใจให้มันเป็นอย่างนี้
“แต่ว่านะได้แชมป์ระดับประเทศมาแล้วตั้งสามสมัย
การสอบก็จบไปแล้วด้วยทำไมยังมาซ้อมอยู่อีกล่ะ”
“เธอเองก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง”
เอนหลังพิงผนังแล้วกอดอกมองสมาชิกชมรมที่กำลังซ้อมอยู่ในสนาม
มานากะก็อยากถามตัวเองเหมือนกันว่ามาเล่นทำไมทั้งๆที่ควรเอาเวลาไปเตรียมอ่านหนังสือสอบเข้ามัธยมปลายไม่ก็เตรียมตัวสำหรับวันปัจฉิมที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
เอาเถอะ ถือว่ามาผ่อนคลายก่อนจบก็แล้วกัน แล้วก็ได้มาเล่นกับเพื่อนสนิทเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแยกย้ายไปตามทางตัวเอง
“นิชิโนะซัง!”
“หืม?”
“อึ๋ย!”รุ่นน้องปีหนึ่งสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นสายตาคมแสนน่ากลัวของรุ่นพี่ที่เธอเรียก
มองยังไงก็ไม่ชินสักที
“อย่าไปมองรุ่นน้องอย่างนั้นสิมานากะ”
“ฉันก็มองปกตินี่”
ให้ตายสิ
ทำไมมีแต่คนกลัวเธอกันนะ กะอีแค่มองแบบธรรมดานี่มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง?
“คือว่าช่วยบอกวิธีการเซ็ตให้หน่อยได้มั้ยคะ”รุ่นน้องรีบกลับเข้าเรื่องแล้วพูดจุดประสงค์ของตัวเอง
นัยน์ตาสีตะกั่วมองรุ่นน้องของตนอย่างไม่เชื่อสายตา
ถ้าขอร้องให้สอนแบบนี้นั่นก็แสดงว่าเธอได้รับความเคารพนับถือแล้วน่ะสิ
แต่ว่าให้สอนเรื่องการเซ็ตอย่างนั้นเหรอเอาจริงๆมานากะก็สอนใครไม่เป็นด้วยสิ
“อืม นั่นสินะ
ก็แค่เซ็ตไปให้ตัวตบแล้วก็ใส่ความเชื่อมั่นลงไปว่าจะต้องตบได้แน่ๆ ก็แค่นั้นแหละ”
“แค่นั้นเหรอคะ”
“อืม แค่นั้นแหละ”
“อย่างนั้นมันก็เหมือนทำตามสัญชาตญาณหรือเปล่าคะ
ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ขอบคุณมากนะคะ”ก้มหัวให้ตนก่อนจะวิ่งออกไปรวมกับคนอื่น
“ให้ตายสิเธอนี่นะ
บอกว่าเชื่อใจตัวตบแต่ก็เซ็ตลูกเข้ามือฉันแบบพอดีเลยไม่ใช่หรือไง”สองมือเท้าเอวแล้วหัวเราะเบาๆ “เมื่อไหร่จะยอมรับว่าตัวเองเก่งสักที”
“ยังมีคนที่เก่งกว่าฉันอีกตั้งเยอะ
อีกอย่างฉันก็ไม่คิดจะเล่นวอลเล่ย์ต่อด้วย”
มานากะหย่อนกายลงนั่งกับพื้นก่อนจะจ้องไปยังเหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งปีสองที่กำลังซ้อมกันอยู่
เธอยอมรับว่าชอบวอลเลย์บอลมากแต่ก็ไม่มีความคิดที่จะเล่นไปเรื่อยๆจนถึงขั้นติดเยาวชนทีมชาติอะไรนั่นหรอกนะ
แต่ถ้าเป็นคุณกัปตันก็ไม่แน่นะเพราะหล่อนก็ติดท็อปห้าระดับประเทศเหมือนกัน
ถ้าแม่คุณไปเข้าโรงเรียนดังๆด้านวอลเลย์บอลที่ไหนสักที่ก็อาจจะไต่เต้าไปถึงติดเยาวชนทีมชาติก็ได้
หกโมงครึ่งถึงเวลาเลิกซ้อมของชมรมกีฬาทุกชมรมแล้ว
มานากะหยิบเสื้อฮู้ดสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาสวมก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายเป็นอย่างสุดท้าย
ถ้าดูเวลาในตอนนี้ก็น่าจะยังทันเวลาอยู่ ให้ตายสิ
จะจบม.ต้นอยู่แล้วยังมีเรื่องให้น่าปวดหัวอยู่อีกนะ
“ฮัลโหล ว่าไง”
[อยู่ไหน
ทำอะไรอยู่]
“อยู่โรงเรียน
กำลังจะกลับบ้าน แต่ว่าอยู่คนละจังหวัดจะถามทำไมเนี่ย”เดินหาที่นั่งคุยโทรศัพท์ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆกับโรงยิม
[แค่เหงาๆ]
“คิดถึงก็บอกมาเถอะ”
[เหอะ
ใครจะไปคิดถึงเธอกัน]
คุยกับคนปลายสายไปได้สักพักก็กดวางสาย
ปากแข็งไม่เปลี่ยนเลย พลันเห็นกัปตันทีมยืนอยู่ข้างๆก่อนจะส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้
“คุยกับแฟนเหรอ”
“บ้า ไม่ใช่สักหน่อย
ว่าแต่คนนั้นเถอะแฟนเธอรึเปล่า”ชี้ไปที่ผู้ชายร่างสูงโปร่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก
อากาเนะที่หันไปมองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาไม่แปลกหรอกที่จะคิดอย่างนั้นน่ะ ก็ไปรับไปส่งด้วยตลอดนี่นะ
“ไม่ใช่สักหน่อย
แค่เพื่อนๆ”โบกมือปัดเชิงปฏิเสธ “แล้ววันนี้มีไปไหนต่อมั้ย
ว่าจะชวนไปกินไอศกรีมตรงร้านเปิดใหม่สักหน่อย”
“วันนี้มีนัดน่ะ
แต่น่าจะเป็นนัดสุดท้ายก่อนจบจากนั้นคงไม่มีอะไรต่อแล้ว”
เด็กสาวเรือนผมสีเหลืองทองร้องอ๋อคล้ายเข้าใจว่า ‘นัด’ ที่เซ็ตเตอร์คนนี้ว่านั่นคืออะไร นึกสงสัยอยู่ในใจว่าเพื่อนคนนี้จะมีวันพักผ่อนและใช้ชีวิตแบบปกติกับคนอื่นเขามั้ยเนี่ย เพราะตั้งแต่ที่หล่อนรู้จักเธอตอนปีสองก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนหลังเลิกชมรมด้วยกันเท่าไหร่ แถมช่วงเสาร์อาทิตย์นานๆทีก็จะได้ออกไปข้างนอกด้วยกันแต่ส่วนใหญ่เพราะนัดที่ว่านี่แหละถึงไม่ค่อยได้ไปน่ะ
มานากะโบกมือลากัปตันทีมหน้าประตูโรงเรียนก่อนจะหันหลังแล้วแยกไปอีกทาง
เดินมาบริเวณย่านการค้าซึ่งอยู่ห่างจากบ้านตัวเองพอสมควรคนแถบนี้ไม่ค่อยพลุกพล่านมากนักเพราะอยู่แถบชานเมือง
ดวงตาสีตะกั่วมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์จากก้าวเดินธรรมดาก็เริ่มกลายเป็นวิ่งจนมาหยุดอยู่ที่ตรอกแคบๆตรอกหนึ่งซึ่งไม่น่าใช่ที่ที่เด็กสาวอย่างเธอควรจะมานัก
ภายในตรอกมีแก๊งสวมเครื่องแบบมัธยมปลายของโรงเรียนไหนสักแห่งซึ่งมานากะไม่ได้สนใจมากนักซึ่งมีอยู่ราวสี่ถึงห้าคน
ชายหัวตั้งคนหนึ่งลุกขึ้นมาคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งด้านหลังมีเด็กหนุ่มสวมเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกันกับเธอ
สีหน้าของเด็กหนุ่มไม่สู้ดีนักแถมยังดูเกรงกลัวเธออีก
ใบหน้ามีแต่รอยช้ำและแผ่นแก้ปวดแปะอยู่เต็มหน้า
“กล้ามากนะที่เล่นน้องชายฉันซะเละขนาดนี้”
น้องชาย?
เธอก็ไม่ใช่พวกที่จำหน้าคนเก่งซะด้วยสิ
เอาเป็นว่าตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน
“ไอ้คนที่ท้าสู้กับฉันแล้วแพ้ราบคาบน่ะฉันไม่อยากใส่ใจหรอก”ใช่ป่ะวะ?
“หนอย!
งั้นมาตัดสินกัน ถ้าเธอแพ้ต้องคุกเข่าขอโทษน้องชายฉัน!”
งั้นที่เธอคิดก็น่าจะถูกล่ะนะ
‘ไร้สาระจริง
คุกเข่าขอโทษเนี่ยนะ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนมาท้าก่อนแท้ๆ’
มานากะถอนหายใจออกมาก่อนจะถอดกระเป๋าแล้วเอาวางไว้ด้านข้าง
ถกแขนเสื้อทั้งสองขึ้นเพื่อให้สะดวกต่อการทำสิ่งที่จะถึงนี้
ไกล่เกลี่ยไม่เคยจะได้หรอกพวกนี้ ก็เอาเถอะ
ไหนๆก็นัดสุดท้ายแล้วขอเต็มที่หน่อยก็แล้วกัน
“แล้วถ้าฉันชนะล่ะ?”
“ไม่มีทะ---”
“ถ้าฉันชนะล่ะ”ดวงตาสีตะกั่ววาววับจนน่ากลัวทำเอาใบหน้าของเขาถอดสี
กลืนก้อนเข็งๆที่กระจุกอยู่ตรงลำคออย่างยากลำบาก
‘แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมมันกดดันอย่างนี้วะ’
“ว่าไง
ถ้าฉันชนะนายจะต้องขอโทษฉัน เอามั้ย”
“ตะ...ตกลง
แต่ว่ามันจะไม่มีทางเป็นงั้นแน่---อั่ก!!!”
ผัวะ!!
มือบางรับหมัดของคนตรงหน้าก่อนจะยกขาขวาเตะเข้าไปบริเวณสีข้างอีกฝ่ายเต็มแรง
ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังไม่รอช้ารีบวิ่งมาเอาคืนทันที
เมื่อเห็นดังนั้นก็หมุนตัวแล้วใช้ขาอีกข้างถีบไปที่ท้องจนกระเด็นชนกำแพงตึก
เบี่ยงหลบหมัดขวาของชายอีกคนอย่างไวจากนั้นก็แทงเข่าไปที่ท้องแล้วผลักเจ้าตัวไปทับกับหัวหน้าแก๊ง
เพราะแสงที่มีเพียงน้อยนิดในตรอกหมัดของใครสักคนพุ่งเข้ามากระทบกับใบหน้าโดยที่มานากะไม่ทันตั้งตัว
แต่เธอไม่รอช้ายกแขนซ้ายป้องกันแล้วใช้หมัดขวาสวนไปที่อีกฝ่ายโดยทันที
ใช้ลิ้นแตะบริเวณมุมปากก็รับรู้ได้ถึงความเค็มของเลือดที่ไหลออกมา
ยกหลังมือขึ้นมาเช็ดอย่างลวกๆก่อนจะปรายตามองกลุ่มชายที่กองอยู่บนพื้น
หัวหน้าแก๊งใช้มือพิงกำแพงเพื่อดันตัวเองขึ้นมา
ส่วนอีกข้างกุมบริเวณสีข้างของตัวเอง
ใบหน้าบิดเพราะความเจ็บปวดก่อนจะพุ่งมาหาเธอด้วยความเดือดดาล
มือต่อยสะเปะสะปะเพราะความโกรธจัดแต่ก็โดนใบหน้าเธออยู่รอบหนึ่ง
ปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วหมุนตัวไปด้านหลังแล้วใช้ขาเตะไปที่หลังของอีกฝ่าย
“แค่กๆ! อ๊าก!”มานากะย่อตัวลงก่อนจะจิกหัวอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
ดวงตาของเขามีแต่ความหวาดกลัวแต่ว่าก็ยังมีความต้องการที่จะสู้อยู่
เด็กสาวเหยียดยิ้มแล้วเปลี่ยนมาจับคอเสื้อเขายกขึ้นพร้อมกระหน่ำชกไปที่หน้าของเขา
“มีฝีมือแค่นี้เองเหรอ
มาทำให้ฉันสนุกกว่านี้หน่อยสิ”
“ในที่สุดก็ปิดเทอมสักที~”
“โฮ่...ดูดีใจจังนะยามาโมะโตะ”คำพูดของคนเป็นกัปตันถึงกับทำเอาเขาสะดุ้ง
คุโรโอะหันไปมองลูกทีมหัวโมฮอคย้อมทองของตน คิดว่าปิดเทอมจะได้ลั้ลลาหรือไง
“ก...ก็ปิดเทอมจะได้มีเวลาซ้อมมากขึ้นไงครับ”ยิ้มเก้อก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น ก็คิดว่าจะได้อยู่อย่างสบายๆแท้ๆ
ชิลๆไปส่องสาวอะไรแบบนี้
“บอกไว้ก่อนนะถ้าจะใช้เวลาปิดเทอมไปกับการส่องสาวก็หยุดเอาไว้ตรงนั้นแหละ”ยาคุพูดดักทางรุ่นน้องของตน
ทำไมรุ่นพี่มันรู้ทุกอย่างที่เขาคิดเลยวะเนี่ย!
“ฉันเห็นนายติดอยู่ด่านนี้ตั้งนานแล้ว
ยังเคลียร์ไม่ได้อีกเหรอ?”
คุโรโอะก้มมองเพื่อนสนิทของตนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมอยู่
โคซึเมะ เคนมะเพียงพยักหน้าตอบเพื่อนของตนเท่านั้นจนกระทั่งบนหน้าจอขึ้นคำว่าGame Over เจ้าตัวจึงถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
เห็นคิ้วของอีกคนขมวดเข้าหากันก็อดหัวเราะไม่ได้จนเคนมะหันมามองเขาถึงจะเงียบไปจากนั้นเด็กหนุ่มก็กดเริ่มเกมใหม่แล้วสนใจกับการตีบอสต่อ
“รู้สึกว่าฮารุโคของพวกม.ต้นเพิ่งจะจบไปใช่ไหมครับ?”
“อ่า...ดูเหมือนว่าทีมหญิงโรงเรียนนั้นจะได้แชมป์อีกแล้วนะ”ยาคุว่าต่อจากยามาโมโตะ
“สามปีซ้อนเลยนี่
แต่ก็ถือว่าสมกับตำแหน่งล่ะนะโดยเฉพาะตัวตบน่ะเห็นว่าตอนนี้ขึ้นมาอันดับสี่ด้วยนี่”คุโรโอะเว้นจังหวะก่อนจะว่าต่อ
“แต่คนที่เล่นตำแหน่งเซ็ตเตอร์คนนั้นก็เล่นได้สุดยอดเลยนะ
เซ็ตได้อย่างแม่นยำแถมยังสลับตำแหน่งกับตัวตบได้เร็วด้วย”
“เห...นายดูสนใจเซ็ตเตอร์คนนั้นมากเลยนะ”ยาคุหันมาส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้คุโรโอะ
คนที่ถูกกล่าวหาถึงกับสะดุงแล้วตวัดสายตาคาดโทษมาให้คนตัวเล็กสุดในกลุ่ม
“หุบปากไปเลยนายน่ะ!”
“โทระ! จะไปไหน!”
“เฮะ!? เมื่อกี้เหมือนมีคนเรียกผมนะ!”ยามาโมโตะหันซ้ายขวามองหาต้นตอของเสียง
“เป็นเสียงผู้หญิงด้วย”
“ผู้หญิงเข้าหาสักคนยังไม่มี
แล้วจะมีใครมาเรียกนายกันล่ะยามาโมโตะ”
“ยาคุซัง!”
กลอกตาอย่างเบื่อหน่ายเมื่อต้องฟังยามาโมโตะเถียงกับยาคุ
สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกโทระอีกรอบหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะมาจากบริเวณย่านการค้าแห่งนี้
ไม่นานก็หาต้นตอของเสียงเจอเป็นหญิงวัยกลางคนที่วิ่งออกมาอุ้มเจ้าแมวที่คาดว่าน่าจะชื่อโทระกลับเข้าไปในร้าน
“ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เรียกนายนะยามาโมโตะ”เคนมะเงยหน้าขึ้นมาแล้วชี้ไปที่คุณป้าคนนั้น
จากนั้นทั้งกลุ่มก็ระเบิดหัวเราะใส่ยามาโมโตะเพราะไม่ใช่สาวน้อยน่ารักตามที่เจ้าตัวได้หวังเอาไว้
เดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงโวยวายจากหญิงวัยกลางคนคนนั้นอีกจนกระทั่งเห็นแมวสีทมิฬวิ่งออกมาจากร้านโดยมีหญิงคนนั้นยืนวิ่งออกมาก่อนจะหยุดหอบอยู่ด้านหน้าร้าน
กลุ่มของพวกเขาที่เห็นแต่ต้นก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหญิงวัยกลางคน
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ”
“พ่อหนุ่ม...ช่วยจับเจ้าโทระให้ป้าที…”หญิงวัยกลางคนชี้ไปยังเจ้าแมวนามว่าโทระซึ่งดันไปพ้องกับชื่อจริงของยามาโมโตะ
“ได้เลยครับ!
ไปเร็วพวกเรา!”
“วิ่งอีกแล้ว”เคนมะว่าด้วยเสียงยานคาง
“คิดซะว่าเป็นการซ้อมก็ได้”คุโรโอะตอบพลางหิ้วคอเสื้อเพื่อนสนิทตามไปด้วย
จะให้ทิ้งอยู่คนเดียวไว้กับคุณป้าคนนั้นก็กะไรอยู่ถึงแม้ว่าเคนมะจะไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่ก็เถอะ
“คึกคักแบบที่กัปตันบอกหน่อยสิเคนมะ!”
“ถ้าคึกคักแบบนายแล้วไม่มีสาวมาชอบฉันก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ”
ยามาโมโตะหันไปเขม่นใส่เคนมะซึ่งแต่ละคนก็ได้แต่ส่ายหัวเพราะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะเกิดอะไรแบบนี้ระหว่างพวกเขา
สมาชิกทีมวอลเลย์บอลเนโกมะกำลังวิ่งไล่จับแมวท่ามกลางย่านการค้า
แต่ดูท่าว่าเจ้าแมวจะรู้ทันเลยวิ่งเข้าซอยต่างๆจนคุโรโอะต้องสั่งให้สมาชิกในทีมวิ่งไปดักอีกทางเผื่อเจ้าแมวจะออกไปทางนั้น
แต่ถึงแม้จะวิ่งไปดักได้แต่มันก็ดันกระโดดเหยียบหน้ายามาโมโตะแล้ววิ่งต่อไป คุโรโอะและเคนมะวิ่งตามมาสมทบกับเจ้าตัวจากนั้นก็ตามมาด้วยยาคุวิ่งมาด้วยสภาพเหนื่อยหอบไม่ต่างกัน
“ให้ตายสิ
ทำไมแมววิ่งเร็วขนาดนี้เนี่ย!”ยาคุบ่นออกมา
“ฉันยังพอมีแรงเหลืออยู่เดี๋ยวจะตามไปเอง
พวกนายไปรอกับคุณป้าเลยก็ได้”
“จะดีเหรอครับคุโรโอะซัง”
“ให้คุโระไปเถอะยามาโมโตะ
พวกเราเหนื่อยแล้วก็เหลือแค่คุโระนั่นแหละที่ยังมีแรงอยู่”เคนมะกระตุกชายเสื้อของยามาโมโตะ
“นายแทบไม่ได้ออกแรงวิ่งด้วยซ้ำ”เคนมะเมินคำพูดของยามาโมโตะแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไป
“งั้นตกลงตามนี้ก็แล้วกันนะ”
ภายในตรอก
ร่างใหญ่ของชายมัธยมปลายลอยกระแทกกำแพงตึกด้วยฝีมือของเด็กสาววัยมัธยมต้นเพียงคนเดียว
เนื้อตัวของมานากะเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า
หล่อนเบี่ยงหลบหมัดของอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาแล้วใช้กำปั้นชกเข้าไปที่ท้องเต็มแรงจนล้มลงไป
สักพักร่างของหัวหน้าแก๊งที่นั่งพิงผนังก็ลุกขึ้นพุ่งตรงมาที่เธอโดยมันทันได้ตั้งตัวทำให้หล่อนพลาดท่าโดนอีกฝ่ายล็อกคอ
มือเล็กตีที่แขนเต็มแรงใบหน้าเหยเกเนื่องจากเริ่มขาดอากาศหายใจแล้วใช้ศอกกระทุ้งจนอีกฝ่ายเริ่มคลายแล้วถีบเข้าที่ท้องจนเขาล้มลงไป
มือเรียวลูบคอตัวเองแล้วมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครลุกขึ้นมาได้อีก
เด็กสาวนั่งลงทับกล่องไม้ริมกำแพงพักเหนื่อย
นิ้วโป้งแตะเบาๆบริเวณมุมปากก็มีของเหลวสีแดงติดบริเวณปลายนิ้วมาด้วย
“ให้ตายสิ
โดนม๊าจัดชุดใหญ่แน่”ถอนหายใจอย่างปลงๆเมื่อรู้ตัวว่าหลังจากนี้ต้องเจอกับอะไร
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายพาดบ่า
ยกมือตัวเองขึ้นมาดูก็เห็นว่ามีรอยช้ำอยู่แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
หลังจากฟังแม่บ่นเสร็จค่อยไปทำแผลต่อก็แล้วกัน
เมี้ยว~
“แมว?”
ดวงเนตรสีตะกั่วมองไปที่ต้นตอของเสียงก็พบเจ้าเหมียวสีทมิฬอยู่ตรงหน้า
มันเดินเข้ามาคลอเคลียบริเวณขาของหล่อนพลางครางอย่างสบายอารมณ์ มานากะย่อตัวลงอุ้มเจ้าแมวขึ้นมาก่อนจะสังเกตเห็นปลอกคอสีแดงของมัน
“หนีเจ้าของมารึไง
นิสัยไม่ดีเลยนะเจ้าเหมียว”วางแมวไว้บนตักแล้วใช้นิ้วเกาคางของมัน
เท้าเล็กๆตะปบเข้าที่นิ้วจากนั้นก็ใช้เขี้ยวเล็กของมันงับที่นิ้วเป็นเชิงหยอกเล่น
“อย่ากัดสิมันเจ็บนะรู้มั้ย”หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่ามันดูสนุกกับการขบนิ้วของเธอ
“เอาล่ะไปหาเจ้าของของแกกัน”
“โทระ!”
ก้าวขาออกมาจากตรอกก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น
ท่าทางของเขาดูร้อนรนเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่าง
สวมเครื่องแบบที่เธอไม่ค่อยคุ้นเคยเดาว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่มัธยมปลาย
เด็กหนุ่มหันซ้ายขวาก่อนจะมาหยุดอยู่ที่เธอสลับกับมองเจ้าเหมียวในอ้อมแขน
คงจะเป็นเจ้าของสินะ
“แฮ่กๆ...ให้ตายสิมาอยู่นี่เอง”เขานั่งอยู่ตรงราวกั้นเหล็กเพื่อพักเหนื่อยด้านข้างเธอ
“โทระ? แมวตัวนี้เป็นของคุณใช่มั้ยคะ?”มานากะถาม
“ไม่ใช่หรอก
มันเป็นแมวของคุณป้าคนหนึ่งแต่เจ้านี่ดันหนีออกมาก็เลยโดนวานให้ช่วยน่ะ”เด็กสาวพยักหน้ารับรู้ “ว่าแต่คุณเจอมันได้ยังไง?”
“มันวิ่งเข้ามาในตรอกจากนั้นก็คลอเคลียหนูสักพัก
พอเห็นปลอกคอก็คิดว่าคงมีเจ้าของเลยกะว่าจะเอาไปคืนน่ะค่ะ”
“ยังไงก็ขอบใจมากนะ---เฮ้ย!”คุโรโอะเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของเด็กสาววัยมัธยมต้นที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่และเนื้อตัวมีแต่รอยช้ำ
“คุณไปโดนอะไรมาเนี่ย!
ทำไมถึงบาดเจ็บอย่างนี้”มือหนาจับใบหน้าของอีกฝ่ายหันซ้ายขวาเพื่อสำรวจบาดแผล
ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพด้านในตรอกที่มีร่างของชายราวสี่ถึงห้าคนหมอบกับพื้น
“อย่าบอกนะว่าพวกนั้น…”เด็กสาวพยักหน้าเป็นคำตอบ “แจ้งตำรวจมั้ย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ
ถึงแจ้งไปยังไงซะตำรวจก็คิดว่าเป็นแค่การทะเลาะวิวาทของเด็กม.ปลาย
อย่างมากก็คงโดนตักเตือนจากนั้นก็เอาไปบอกพวกผู้ปกครองนั่นแหละ”มือเล็กคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเด็กหนุ่มซึ่งกำลังล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง
“เอาแมวของคุณไปคืนเจ้าของแล้วลืมเรื่องที่เจอกับหนูเถอะค่ะ
ลาล่ะนะคะ”ยื่นเจ้าเหมียวไปให้คุโรโอะแล้วก้มหัวลงบอกลา
ไม่ทันที่จะเดินไปไกลก็โดนคว้าเข้าที่ข้อมือเสียก่อน
“เดี๋ยว”
“?”
“คุณต้องไปทำแผลก่อน”คำพูดของเขาทำให้เธอขมวดคิ้ว
“ไม่---”
“ไม่ต้องปฏิเสธ
ผมไม่ยอมปล่อยให้เด็กผู้หญิงมีแผลเต็มตัวแบบนี้เดินกลับบ้านคนเดียวหรอกนะ”
กลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมาซะแล้วสิ
มือใหญ่กอบกุมมือเล็กให้เดินตามหลังโดยที่มืออีกข้างของเขาอุ้มเจ้าโทระติดมาด้วย
ขายังคงก้าวต่อไปหยุดโดยระหว่างทางไม่มีใครเปิดบทสนทนาออกมาเลย
มานากะได้แต่ก้มมองสองเท้าซ้ายขวาสลับกันเดินอยู่บนทางเท้า
ในหัวก็นึกแปลกใจในตัวของชายตรงหน้าว่าทั้งที่ไม่รู้จักกันแท้ๆแต่ทำไมถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอกันล่ะ? จะปล่อยเบลอก็ยังได้เพราะอย่างไรเสียก็ไม่ใช่ธุระของเขาด้วยซ้ำเพราะคนปกติมักจะไม่เอาตัวเองไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรจะยุ่งและปล่อยผ่านไป
น่าแปลกจริง
สักพักก็เดินมายังใจกลางย่านการค้าซึ่งประดับไปด้วยแสงไฟจากร้านรวงต่างๆ
คนวัยทำงานที่เพิ่งเลิกงานก็มานั่งก๊งเหล้าตามร้านอิซากายะสังสรรค์กันเฮฮาจนเสียงดังออกมานอกร้านซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
เด็กหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายของชำซึ่งมีเด็กมัธยมปลายยืนอยู่หน้าร้านดูจากเครื่องแบบแล้วน่าจะเป็นเพื่อนของเขาล่ะมั้ง
“จับได้แล้วเหรอ”
“อืม
เล่นเอาซะเหนื่อยเลย”คุโรโอะหัวเราะเบาๆแล้วยื่นแมวให้เจ้าของ
“แล้ววิ่งไปถึงไหนล่ะครับ”
“เกือบออกย่านการค้าเลยล่ะ”เด็กหนุ่มหันไปตอบคำถามของยามาโมโตะ
“ฉันว่าแค่ไปตามแมวนะแต่นายไปฉุดใครมาด้วยงั้นเหรอ”คำพูดของยาคุทำให้ทุกคนหันมามองเด็กสาวที่อยู่ด้านหลังของคุโรโอะ
มานากะหลบอยู่ด้านหลังจึงทำให้พวกเขามองไม่ชัดแต่ก็พอจะรู้ว่าน่าจะเป็นเด็กมัธยมต้น
“เอ๊ะ! เอ่อ....”
“ลูกมีพ่อมีแม่นะคุโระ”
“ไม่คิดเลยว่ากัปตัน…”
“ไม่ใช่เฟ้ย!
พอดีเห็นเขาดูเดือดร้อนก็เลยช่วยมาเท่านั้นเองน่ะ!”คุโรโอะรีบแก้ตัวให้ตัวเอง
เจ้าพวกนี้คงจะคิดว่าเขาไปดักฉุดเธอมาล่ะสินะ
“นี่
จริงอย่างที่หมอนี่บอกหรือเปล่า”ยาคุชะโงกมองเธอที่หลบอยู่ด้านหลังของคุโรโอะแต่ว่ามานากะก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
และนั่นทำให้พวกเขาตีโพยตีพายไปเองว่าคุโรโอะ
เท็ตสึโร่นั้นได้ใช้กำลังข่มขู่ให้สาวน้อยคนนี้ไม่ยอมปริปากพูดเป็นแน่
“ให้ตายสิฉันไม่คิดเลยว่านายจะใช้กำลังประทุษร้ายแบบนี้น่ะ!”
“อย่ามากล่าวหากันซี้ซั้วแบบนี้นะเว้ย
หลักฐานล่ะหลักฐาน!”
“ก็หลักฐานคือที่เธอไม่ยอมตอบไง
ต้องใช่แน่ๆ!”ยาคุและคุโรโอะยังคงเถียงกันต่อไปไม่หยุดซึ่งก็สร้างความรำคาญใจให้แก่เธอไม่น้อย
เคนมะก็ได้แต่ทำหน้าปลงๆราวกับว่ามันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“ฉันขี้เกียจเถียงกับนายแล้ว
เคนมะนายจะไปกับฉันมั้ย?”เด็กหนุ่มตัดบทสนทนาอย่างรำคาญก่อนจะหันมาหาเพื่อนสนิทของตน
เคนมะส่ายหัวให้เป็นคำตอบเพราะตอนนี้เขาเหนื่อยสะสมจากการฝึกซ้อมและวิ่งไล่จับแมวจนแทบอยากจะกลับบ้านล้มลงบนเตียงนอนไม่ไหวแล้ว
คุโรโอะที่เห็นท่าทางของเคนมะก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่เพราะตัวของเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบออกแรงมากอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มจึงเอ่ยลาเพื่อนๆก่อนจะมุ่งไปยังเส้นทางคนละกับที่เพื่อนของเขากลับบ้าน
“ไปครับ ไปทำแผลกัน”
TALK
ตอนแรกมาแล้วค่ะไม่รู้ว่าทุกคนจะโอเคกันมั้ยนะคะ นี่ค่ะฉากเปิดตัวมาในสภาพเละๆอย่างนี้นี่แหละค่ะแต่น้องก็ยังทำตัวชิวได้อยู่อีกนะ ถ้าหากใครสนใจอ่านประวัติของน้องจะอยู่หน้าหลักนะคะหรือจะคลิกตรงนี้เลยก็ได้ Manaka คิดเห็นอย่างไรก็คอมเมนต์กันได้เลยนะคะ ทางนี้คงต้องย้อนไปดูไฮคิวอีกสักสามสี่รอบให้จำเนื้อเรื่องได้แม่นๆก่อนนะคะ55555 ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ รักรี้ดทุกคนค่ะ
ความคิดเห็น