คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Me in me_ตอนที่ 2
แสงสว่างมันชั่งอบอุ่นเหลือเกิน รู้สึกถึงความอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก ดีจังเลยนะ รู้อย่างนี้ออกมาจากความมืดแล้วนะไม่น่าเอาแต่มองเลยนะ ‘เรา’
เราหันไปมองทางความมืด เด็กสาวหน้าตาคล้ายเรา กำลังตะโกนเรียกสินะ เปล่าประโยชน์นะตัวเราอีกคน ไม่ว่าจะอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่มีทางที่จะเปล่าเสียงออกมาได้หรอกนะ
เราหลับตาลงในจิตใต้สำนักและลืมตาขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ภาพตรงหน้าคือเด็กหนุ่มที่ยื่นกล่องของขวัญมาให้ และยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เมย์เป็นอะไรไปเหรอ?”
ดูถ้าเราคงจะทำตัวแปลกไปเลยทำให้เขาถามคิดสินะ คนสำคัญของตัวเราอีกคนสินะ น่าหงุดหงิด
“เปล่าหรอก แค่แสงมันเข้าค่อยตานิดหน่อย”
เขาหันไปมองและพบว่าพระอาทิตย์มันอยู่ตรงข้างหลังพอดี และกำลังจะหายไป ความมืดกำลังครอบครองแผ่นดินนี้อีกครา
“จริงด้วยแสงอาทิตย์เข้าตาละนะ”
“ของขวัญนั่น”
เขามองของขวัญและมองมาที่เราและยื่นมาให้
“รับไว้สิ”
เรายื่นมือและรับมาแทนตัวเราอีกคน ของชิ้นนี้ให้ตัวเราอีกคนแต่หาใช่ว่าเป็นของเรา
“ขอบใจ”
เขายิ้มอย่างร่าเริง แม้แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเราแต่มีไว้เพื่อตัวเราอีกคน อะไร อะไรก็เป็นคนตัวเราอีกคน
“นี่เมย์”
“อะไรเหรอ?”
“พรุ่งนี้วันหยุด เมย์ว่างไหม”
พรุ่งนี้เหรอ? เราก็เพิ่งออกมาจะไปมีอะไรที่ทำให้ไม่ว่างกัน
“ก็ว่างนะ ทำไมเหรอ?”
“พรุ่งนี้วัดแถวนี้จัดงาน เราไปเที่ยวกันได้ไหม?”
“ก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นเจอกันตอนเย็นของพรุ่งนี้นะ”
เราพยักหน้าตกลงไปและเขาก็มาจับมือของเรา
“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะ”
“อืม”
ทุกสิ่งทุกอย่างมีไว้เพื่อตัวเราอีกคนไม่ใช่ของเราเลยแม้แต่น้อยนิด
ช่วงยามทิวาของวันหยุดเราก็ไมมีอะไรนอกจากเหม่อมองท้องฟ้าให้แปรเปลี่ยนเป็นสี ส้ม เพื่อจะไปงานเทศกาลกับเขาคนนั้น เราก็ได้แต่รอ แต่...
‘ ปล่อยฉันออกไป นะ บูม บูม ช่วยด้วยฉันกลัว ’
ตัวเราอีกคนก็ยังคงตะโกเรียกถึงจะอยู่ในใต้สำนึกจะไม่ได้ยินแต่หากอยู่ในโลก แห่งความจริงนี้กามารถได้ยินคำพูดของคนอีกคนหนึ่งในตัวเราได้
เสียงของตัวเราอีกคนนั้นชั่งดูสั่นเครือจากการร้องไห้และตะโกน เกลียดเราสินะ แค้นเราสินะ หากทำเช่นนั้นก็เท่ากับเธอนั้นเกียดและแค้นตัวเธออย่างไรละ
“รอนานไหม”
เขาคนนั้นคนสำคัญของตัวเราอีกคนหนึ่งส่ายหัวและยิ้มให้กับตัวเราอีกคน
“เราไปกันเถอะ”
เราพยักหน้าตอบรับและยื่นมือไปให้เขา และเขาก็จับมัน มือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน นิดหนึ่งได้ขอเราได้คิดว่ามันมอบให้เราได้ไหม นี่
เราสองคนสนุกสนานกันกับสิ่งต่างๆใน ณ ที่แห่งนี้ ของกินมากมายหลากสีหลากรสหลากรูปลักษณ์ เขายิ้มให้กับตัวเราอีกคน หาใช่ของเราไม่
ฉันได้เห็นสิ่งต่างจากตรงนี้ จากความมืดมิดนี้ ทั้งที่ บูม คนรักของฉันใจดีกับเธอ ทำไมกัน ทำไมเธอคนนั้นที่ยื่นยามท่ามกลางสว่างถึงได้หลั่งรินน้ำตาออกมาละ นี่ทำไมกัน
เธอคนนั้นยื่นอยู่ท่ามกลางแสงสว่างแต่กับหลั่งน้ำตาอย่างไร้ซึ่งเหตุผล เธอกำลังมีความสุขอย่างนั้นเหรอ นี่เขาต้องอยู่ในที่แบบนี้มานานขนาดกันไหน
ฉันหันไปมองความมืดที่อยู่ข้างหลังของฉัน เขาได้อยู่ที่นี่มานาแล้วอย่างนั้นเหรอ อยู่ตรงนี้จ้องมองฉันอยู่ตรงนี้ เหมือนกับฉันที่ได้จ้องมองเธออยู่แบบนี้
แล้วตอนที่เธอจ้องมองฉัน เธอได้เห็นฉันเป็นแบบไหนอย่างนั้นเหรอ ตอบฉันได้บ้างไหม
ความรักของเขาที่มอบให้ตัวเราอีกคนนั้นมากมายขนาดนี้ฉันจะเอามันไปไหวไหนละ นี่ขอร้องหยุดที่เถอะเราไม่อยากจะรับมันแทนเธอคนนั้นอีกแล้ว ขอร้องละ
“เมย์ ต่อไปเป็นงานสุดท้ายของที่นี่แล้วนะ”
“งานสุดท้าย?”
และเข้าคนนั้นก็เอามือมาจับมือของเราไว้
“ไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ!?”
เขาวิ่งนำไป เรานั้นก็ออกวิ่งตามเขาคนนั้นไปเช่นกัน เขาก้มดูนาฬิกาของตนและวิ่งไปสลับกันแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนมาถึงที่แห่งหนึ่งที่นี่เป็นในป่าที่ไม่มีผู้คน แต่มีแหล่งน้ำเล็กๆอยู่ ที่นี่ชั่งมืดและเปลี่ยวเหลือเกิน แต่เราสองคนก็อยู่นี่ที่แล้ว
“โชคดีจริงๆที่มาทัน”
“อะไรเหรอ?”
เขายิ้มอย่างมีความสุขและมองดูนาฬิกา
“เอาละ ห้า สี่ ม สอง หนึ่ง ”
เมื่อสิ้นสุดคำว่าหนึ่งนั้นเขาก็ชูมือขึ้นฟ้าและเมื่อนั้นก็เกิดเสียงระบิดดังตูม และแสงสีบนฟากฟ้าสีเขียว มันแต่งแต้มท้องฟ้าสีดำมืดของราตรีให้สว่างไสวดุจดวงดาวชั่วขณะและมันก็มี มากขึ้นมากขึ้น
เราจ้องมองมันอย่างไม่กระพริบตา มันงดงามเป็นอย่างมาก เราเลิกสนใจแสงนั้นและหันไปมองเขาที่อยู่ข้างๆที่จับมือเราอย่างแนบแน่น มันอบอุ่นเหลือเกิน เขาคนนั้นกำลังสนใจแสงสีนั้น ใบหน้าของเขาดูตื่นเต้นราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย เรามองกลับไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งมันก็งดงามเหลือเกิน
“นี่ เมย์”
เราหันไปมองเขา
“ฉันรักเธอนะ”
เขายิ้มเมื่อพูดจบประโยคเขาอ่อนโยนใจดีเหลือเกิน เราหลงรักเธอเสียแล้ว ภาพมากมายที่เกี่ยวกับเขาที่เรากับเขาได้อยู่ด้วยกันถึงจะไม่นาเป็นวันแต่ มันก็ทำให้เรามีความสุขเหลือเกิน
“ฉันรักเธอ”
คำพูดได้ถูกเปล่งออกไป คำพูดของเราที่มันเป็นคำสารภาพรัก ไม่ใช่คำตอบกลับแต่อย่างใดเลย คำพูดที่เขาได้เอื้อนเอ่ยออกมาและร้อยยิ้มที่ส่งมาให้นั้น มันไม่ใช่ของเราเลย
เขาจับมือเราแน่นขึ้นกระชับความอบอุ่นของกันและกัน แล้วเขาก็หันไปมองที่ท้องฟ้า เราที่มองใบหน้าของเขาก็ต้องมองตามสายตาของเขาไปเช่นกัน
ในตอนนี้เรา
ในตอนนี้ฉัน
ได้ยื่นมองซึ่งกันและกันอยู่โดยมีลูกกรงที่ทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สุดและมีความสูงเกินจะหยั่งรู้ขว้างเราทั้งสองไว้
“ทำไม ถึงไม่ใช่เรากัน”
เอื้อนเอ่ยออกไป ใบหน้าที่ถูกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตากำลังถูกคนอีกคนจ้อง
“แล้วทำไมเธอถึงร้องไห้กันละ”
ใบหน้าที่มีความเศร้าสร้อยที่จ้องอีกฝ่ายได้เอื้อนเอ่ยถาม คำตอบและความรู้สึกของทั้งสองนั้นมันแตกต่างกันหรือไร?
ความคิดเห็น