ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kyubiki Kuroki จิ้งจอกสีดำ

    ลำดับตอนที่ #3 : Part 3

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 58


                    หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากของเจ้าหนูชินยะก็ได้รู้กระจ่างแจ้งดุจดั่งเห็นธรรม? =_=

                    “เรื่องก็เป็นอย่างที่เล่ามา เพราะฉะนั้นรู้แล้วสินะ ฉันก็ไม่ค่อยอยากให้นายมาอยู่กับฉันมากหรอกนะ -0-”

                    ก็เข้าใจแล้วล่ะนะ -__- แต่ช่วยเลิกมองข้าด้วยสายตาที่เหมือนกับมองต่ำแบบนั้นสักทีสิ หรือว่าเจ้าหนูมันจงใจมองต่ำอยู่แล้ว? =__=

                    เรื่องที่เจ้าหนูชินยะพูดคือในตอนนี้มีสมาคมหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าฮันเตอร์แวมไพร์หรือที่เรียกว่านักล่าแวมไพร์อะไรนั่นล่ะนะ มาขอความร่วมกับอนเมียวจิให้กำจัดพวกแวมไพร์ที่ในตอนนี้ได้อยู่ที่ประเทศแห่งนี้ แถมยังเป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่เป็นตัวอันตรายของแท้เลย

                    “แล้วแวมไพร์คืออะไรเหรอ?”

                    ข้าถามออกไปอย่างสงสัย แวมไพร์นี่คืออะไรกันข้าไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับซึ่งเหล่านี้ด้วยสิ แต่ข้าพอถามเจ้าหนูชินยะก็ ชิ! ทันที -__- ชิ! เพื่ออะไร

                    “นายก็อยู่มาตั้ง 900 ปีกว่าแล้วแท้ๆ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆนะ -0-

                    “ช่วยไม่ได้นี่น่าข้าไม่ค่อยชอบจะท่องโลก แค่ฟังและเรียนภาษาเท่านั้นคือสิ่งที่ข้าต้องการที่สุดเท่านั้นล่ะ แต่ไม่สนวัฒนธรรมต่างชาติสุดๆ -0-

                    “หัวโบราณ -0-

                    “ว่าไงนะ!!

                    ข้าตรงดิ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าสายตาต่อสายตา สายตาของเจ้าหนูและของข้าก็ประสานกัน งานนี้เล่นจ้องตากันมา! =___=

                    “=0= อย่ามาจ้องฉันนะ!!

                    “-__-?”

                    เจ้าหนูนี่ก็ยังคงจ้องข้าตอบด้วยสายตาที่เยือกเย็น ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะน่ารัก ชอบอ้อนข้าแท้ๆ วัยต่อต้านรึอย่างไรกัน? -__-?

                    ในตอนนี้ข้าต้องตัดสินใจเสียแล้วสิ... ว่าจะเอาไงต่อดี จะไปกับเจ้าหนูไปหาอนเมียวจิที่เหลือเพื่อร่วมพร้อมใจกันกำจัดข้า =__= ไม่ใช่สิช่วยเจ้าหนูนี่จากสมาคมนักล่าอะไรนั่น ทั้งๆอย่างนั้นแต่ทำไมมันรู้สึกสังหรณ์ใจไปเป็นอันแรกนะ คงคิดมากไปเอง -__- รึเปล่า =A=

                    “เอาล่ะข้าจะไปดีไหมนะ -3-”

                    “ตะ..ต้องไปสิ -0-

                    “เดี๋ยวสิ ถ้าคุโระคุงไปแล้วใครจะเอาของเซ่นมาเซ่นให้ฉันล่ะ TT0TT

                    “=__=

                    -__-

                    ไม่นึกเลยว่าเจ้าหนูจะทำหน้าเอื้อมสุดๆ เป็นเทพแต่ให้ปีศาจเอาของเซ่นมาเซ่นไหว้เนี่ยนะ? ก่อนจะหันมาทางข้า และคงคิดว่าเจ้านี่หรือข้านั่นเองเป็นปีศาจแต่ก็บูชาเทพ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

                    ในขณะที่ข้าทำหน้าเรียบเฉยกับคำพูดของท่านเทพคิมาโมโตะที่กำลังโอดครวญเพราะจะไม่มีคนมาสักการะทุกวันแล้ว

                    “แล้วคุโระคุงต้องไปอยู่กับชินยะคุงกี่ปีล่ะ?”

                    “ประมาณ 1 ปีล่ะนะ”

                    =[ ]=! ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา TT{ }TT!!

                    “เป็นเทพอย่าโอดครวญไปหน่อยเลย!!

                    ข้าตะคอกใส่เทพคิมาโมโตะอย่างลืมตัวและเดินจากที่ตรงนั้นพร้อมกับใช้พลังปีศาจแห่งลม หายตัวไปจากที่ตรงนั้นอย่างสมบูรณ์ เพื่อจะได้ไม่มีใครขัดขวางข้าที่ต้องไปทำงานพิเศษ จึงทิ้งท้ายด้วยว่า

    “วันนี้ข้าจะกลับมาตอนเที่ยงจะมาให้คำตอบตอนนั้นละกัน”

    และจากนั้นก็มุ่งสู่ที่ทำงานในตอนเช้าของข้า...

     

    ทั้งสองต่างมองท้องฟ้าที่ๆคุโรกิได้หายลับไป เมื่อเห็นว่าไปแล้ว ทั้งสองคนก็หันมองซึ่งกันและกัน

    “ท่านคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”

    “ไม่รู้สินะ เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุโระคุงนะ ^0^

    “อย่างนั้นเหรอ? เอาเป็นว่าฉันจะพาคุโรกิไปให้ได้”

    เด็กหนุ่มเอื้อนเอ่ยอย่างเรียบเฉยและเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ยังคงสลัวอยู่ ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่ค่อยอยากจะมาขอร้องคุโรกิ แต่เพราะคุโรกิจำเป็นสำหรับเด็กหนุ่มและเด็กหนุ่มเองนั้นก็ต้องการเพียงแค่คุโรกิ

     “จะว่าไปฉันยังไม่เคยเล่าให้ชินยะคุงฟังสินะ... คุโระคุงถึงจะมีอายุมายาวนานมากแต่ก็ยังน้อยกว่าข้าประมาณสัก 50 ปีได้ แต่รักแรกเขาก็ยังไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ เป็นปีศาจที่มีจิตใจที่สะอาดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเรียกเป็นปีศาจ...”

    “ท่านเทพคิมาโมโตะ?”

    เด็กหนุ่มงุนงงกับเรื่องบอกเล่าของผู้เป็นเทพ ท่านเทพจะเล่าเรื่องนี้ทำไมกันนะ? คำถามนี้เกิดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม...

    “ฉันหวังว่า 1 ปีที่ชินยะคุงอยู่กับคุโระคุงนั้นจะไม่มีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นนะ ฉันจะอวยพรให้ทั้งสองคนเลย ^_^

    และท่านเทพคิมาโมโตะก็หายไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืนอยู่อย่างเพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยวและพึมพำอย่างเยือกเย็นแต่กลับสั่นเครือ

    “ไม่มีทางหรอก อย่างไรมันก็ต้องเกิดแน่นอน....”

     

    ข้ามองดูนาฬิกานี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วสินะ ถ้าเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากจะออกจากที่นี่เลยถึงที่นี่จะไม่ใช่บ้านเกิดแต่ก็เป็นที่ๆข้าเติบโตขึ้นมาจนอายุเยอะขนาดนี้

    900 ปีแล้วที่อยู่ที่นี่ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ข้าเห็นเหล่าผู้คนเวียนว่ายตายเกิดไปมา มีคนตายและก็มีคนเกิดมา แต่ข้าก็ยังคงหยุดอยู่ที่เดิม... อายุขัยของตนก็ไม่รู้ว่าจะสิ้นเมื่อไร

    นอกเสียแต่จะฆ่าด้วยมือของตนหรือให้คนอื่นฆ่าเพียงเท่านั้น... แต่นั่นก็หาใช่สิ่งที่ข้าปรารถนา หากข้าตายก็ไม่มีใครเอาของเซ่นไปเซ่นเทพยาจกนั่นสิ

    พอคิดแล้วก็รู้สึกตลกจริงๆ ในตอนแรกๆที่ข้าเซ่นไหว้สักการะเทพคิมาโมโตะนั้นพวกปีศาจต่างก็ตราหน้าข้าบ้าไปแล้ว แต่ข้าก็รู้สึกสนุกและรู้สึกมีความสุขอย่างแปลกประหลาด ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

    ข้าเอามือข้างขวาไปกุมที่หัวใจของข้า ในตอนนั้นมันอบอุ่นมากเลยเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากเทพคิมาโมโตะ...

    จะว่าไปแล้วเรากับเทพคิมาโมโตะก็รู้จักกันมานานแล้วสินะในตอนนั้นรู้สึกว่าข้ากำลังเก็บของป่าและจะนำไปมอบให้กับมนุษย์ที่เลี้ยงดูข้า

    ชายหนุ่มหน้าตารูปงามมากเส้นผมยาวสลวยสีดำทมิฬได้เดินเข้าไปยังศาลเจ้าที่เหล่ามนุษย์ได้สร้างเสร็จกันเมื่อสองสามวันก่อน และเจ้านั่นก็เข้าไปอาศัยอยู่เฉยๆเลยซะอย่างนั้น =[ ]=!

    “นี่เจ้าเป็นใครบังอาจมาอยู่ที่นี่ รู้ไหมทุกคนในหมู่บ้านช่วยกันสร้าง!!

    “นี่เจ้า....เป็นปีศาจสินะ”

    “อึก! ถ้าใช่แล้วจะทำไม...ถึงจะเป็นปีศาจข้าก็จะต้องปกป้องหมู่บ้านนี่”

    “ถึงจะต้องโดนมนุษย์ในหมู่บ้านนี้ทำร้ายเหรอ?”

    “ใช่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรข้าจะปกป้อง แม้คนจะเกลียดข้า แต่ข้าก็อยากปกป้องพวกเขา!!

    เมื่อสิ้นเสียงเจ้านั่นก็หัวเราะเหมือนกับว่าสิ่งที่ข้าพูดไป มันเป็นเรื่องตลกไม่น่าเชื่อ...

    “อย่ามาหัวเราะนะ!!

    “ขะ...ขอโทษทีนะ ไม่ใช่ว่าข้าหัวเราะเจ้าเพราะมันตลกหรอก แต่ว่าเจ้าน่ารักดีนะ”

    0///0 ข้าเป็นผู้ชายนะ จะไปน่ารักได้ไงกัน >0<

    จากนั้นข้าก็ไม่ไปที่นั่นและทำงานช่วยงานมนุษย์อย่างขยันขันแข็งแต่ที่น่าแปลกใจคือเมื่อเจ้านั่นมาอยู่ที่นี่ รู้สึกว่าพืชต้นไม้ต่างงอกงามอย่างดีอย่างไม่น่าเชื่อ

    พอรู้ว่าเป็นฝีมือของเทพนั่น ข้าเลยตัดสินใจว่าจะสักการะด้วย แต่ข้าก็ไม่กล้า ข้าเป็นปีศาจจะไปเคารพเทพได้อย่างไรกัน...

    แต่พอข้าถามคนที่เลี้ยงข้าว่าข้าเป็นปีศาจจะสักการะเทพได้ไหม? และคำตอบที่ได้คือข้าสามารถสักการะได้ด้วยเช่นกัน เพราะการสักการะเป็นการแทนคำขอบคุณที่มอบให้ท่านเทพเจ้า...

    หลังจากนั้นข้าก็สักการะหาของเซ่นไหว้ให้ท่านเทพคิมาโมโตะอย่างขันแข็ง และพอปีศาจตนอื่นมาแซวว่าข้ามันเพี้ยน ข้าก็ไม่สน จะหาว่าข้าบ้า ข้าก็เมิน

    เพราะว่าข้าเองก็อยากจะขอบคุณเหมือนกัน ขอบคุณที่ท่านเทพคิมาโมโตะได้ทำให้หมู่บ้านแห่งอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตงอกงาม

    แต่พอมาคิดๆดู กว่าข้าจะคิดไปสักการะท่านเทพข้าก็ใช้เวลาตั้ง 5 ปีตั้งแต่ไปหาเรื่องกับท่านเทพ แค่ไม่โดนสาปก็ถือว่าดีแล้วล่ะนะ =__=

     

    “ผมไปก่อนนะครับ ผู้จัดการ!!

    “ไปดีมาดีนะ คุโรกิคุง!!

    ข้าเดินออกจากร้านและมุ่งตรงไปยังศาลเจ้าของเทพคิมาโมโตะเพื่อตอบคำถามของชินยะ...

    นี่คงเป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดในรอบร้อยปีของข้าสินะ -__- เฮ้อ~~ รู้สึกเหนื่อยใจและกายอย่างบอกไม่ถูก อยู่มาตั้งเกือบ 900 ปี แต่ชีวิตของข้านั้นกับไม่เคยซ้ำซากเลยสักนิด... จนรู้สึกว่ามันช่างน่ารำคาญ และก็.....

    น่าสนุกจนบอกไม่ถูก....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×