คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Story / Histoire / παραμύθι
ผมราส คอนฟิเนอร์ ในตอนนี้ ผมกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตโดยที่มีผู้ที่ผมเคารพรักที่สุดในชีวิตอย่างคุณอาคาริ คอนฟิเนอร์ ยาคานามิ =_=
ก๊อก ก๊อก
=[ ]=!? คะ...แค่เสียงเคาะประตูก็ทำให้ผมผวา ใครกัน!!! T^T ผมรู้สึกผวาไปหมดเลยละนะ
“นี่เราเอง ราสคุง”
เสียงใสของผู้หญิงและคุ้นหูผมมากเลย หรือว่า....?
“คุณอาคาริ!”
“เปิดประตูให้หน่อยสิ”
“ครับ! จะไปเปิดเดี๋ยวนี้ละครับ...”
ดะ...เดี๊ยวนะ! คุณอาคาริทำไมต้องให้เราไปเปิดประตูด้วยละ? แต่คุณอาคาริอาจจะเป็นคนมีมารยาทให้เคาะประตูเรียกให้มาเปิดเขาไปตามมารยาทของผู้ดี? มะ...ไม่ไหวกลัวว่าจะเป็นนักฆ่าที่จะมาเชือดผมอ๊ะ ไม่กล้าเปิด... TT_TT
“ราสคุง?”
“ขะ...ขอโทษครับ คุณอาคาริ ตอนนี้ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย...”
“นั่นสินะ...”
นั่นสินะ...เหรอ!!?? คุณอาคาริเป็นคนสั่งจ้างบังคับ? =_= ให้มีคนมาฆ่าเชือดชำแหละผมแล้วยังจะมานั่นสินะอะไรอีก =_=
“เราเข้าใจนะราสว่าคงกลัวว่าเราเป็นตัวจริงตัวปลอม แล้วถ้าเป็นเราจริงๆจะให้เข้าไปไหม?”
“ก็...ครับ ถ้าไม่มาฆ่าผมละก็นะ....”
ผมเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะนิดๆของคนที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูของผม หรือว่าจะไม่ใช่ตัวจริง? ไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่อยู่หลังประตูนั้นคือความลวงหรือความจริง
“ราสคุงนี่ขี้กลัวจังนะ...”
เสียงของคุณอาคาริดังมาจากข้างหลังทำให้ผมถึงกลับหันหลังไปมอง และพบคุณอาคารินั่งอยู่ขอบหน้าต่างขนาดใหญ่ในห้อง งั้นคนที่อยู่นอกประตูก็ตัวปลอมสินะ เกือบไป เกือบไป
“เปล่าหรอกนะ เมื่อกี้เราอยู่หน้าห้องของราสคุงจริงๆ ^^”
“อะ...อ่านใจได้ด้วยเหรอ? 0.0 ”
“ไม่ได้มั้ง ^_^”
“=_=”
ไม่ได้แล้วจะพูดเหมือนกับเถียงความคิดผมได้ไงกันไม่มีทาง คุณอาคาริสามารถอ่านใจคนได้ไม่ธรรมดาเลยนะ ทำอย่างไรถึงจะอ่านใจคนอื่นได้นะ?
“ฝึกทำสมาธิ ^w^”
“อ่า...ไม่ต้องตอบทุกอย่างก็ได้นะครับ =_=”
“โอ้~~ ^0^”
ไม่รู้จะถามอะไรก่อนดีเลย รู้สึกอึดอัดแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก >_< ไม่ได้ๆคุณอาคาริอ่านใจผมได้ คงไม่ทันแล้วมั้ง คงอ่านไปเรียบร้อย ผมเงยหน้ามองคุณอาคาริที่กำลังยิ้มแย้มมาให้ผม นั่นไงคงอ่านไปเรียบร้อย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...
“ถ้าอย่างนั้นเราจะอธิบายเองนะราสคุง ^_^”
ผมก็เงียบและรอที่คุณอาคาริจะเล่า...
“เรื่องที่เราออกเดินทางคงรู้สินะ แล้วลูน่าราสคุงก็รู้จักสินะ”
ผมก็พยักหน้าตอบอย่างเดียวก็รู้อยู่แล้วละว่าคุณอาคาริออกเดินทางจากอาณาจักรยาคานามิ และคุณลูน่าก็เป็นคนที่ช่วยผมเอาไว้ในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับในชีวิตของผม
“แต่ลูน่าเป็นผู้พิทักษ์งานของเธอจึงค่อนข้างเยอะเลยโยนเธอมาให้ ตอนแรกเราก็จะโยนให้คนอื่นเหมือนกัน แต่พอดีไปได้ยินประโยคเด็ดๆจากใจเธอเข้า ^^”
“ประโยคเด็ดๆ?”
ผมทวนคำที่สงสัยออกไป ผมไปพูดอะไรเข้าหูคุณอาคาริอย่างนั้นเหรอ? แล้วตั้งแต่เมื่อไรกัน? คุณอาคาริยิ้มแป้นและหัวเราะคิกๆนิดหน่อยก่อนจะเสมองออกไปนอกต่าง
“ณ วันหนึ่งมีเด็กหนุ่มกำลังฝึกตนอย่างขันแข็งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีชื่อว่า คิโนะฮิคาริ หญิงสาวได้มองไปยังเด็กหนุ่มคนนั้นพร้อมกับจ้องมองและเงียบหูของตนเองและฟังเสียงของแต่เด็กหนุ่มคนนั้น... ^w^”
“หยุด!!!!”
ผมหยุดคุณอาคาริเพราะว่าแค่ฟังแค่นี้ผมก็นึกออกแล้วตอนนั้นคุณอาคาริแอบอ่านใจผมเหรอ? อบบนี้มันไม่ดีไม่ใช่เหรอ? แบบนี้มัน…
“แย่ที่สุด..”
คุณอาคาริพูดตัดขึ้นมาก่อนสีหน้าของเธอดูเย็นชาสายตาดูคมกริบจนหน้ากลัวและคุณอาคาริก็พลันเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม
“อึก!”
ผมพูดอะไรไม่ออกเลยแต่นิ่งเงียบไป... และไม่นานนักคุณอาคาริก็พูดขึ้นมามันเป็นประโยคคำพูดที่ทำให้ผมหน้าแดงเป็นตำลึงแดงสุกทันที
“เอาเป็นว่าเราก็ผิดนั่นละ แต่เราก็เอาเธอมาเลี้ยงก็เพราะประโยคที่ได้ยินนั่นละ... เอาเป็นว่าเราจะเราแบบยืดยาวเหมือนสวดร่ายยาวแล้วนะฟังให้ดี...”
สูดอากาศเข้าเต็มปอดแต่... =_= ไม่หายใจออก? และหลับตาลงก่อนจะลืมขึ้นมาเล็กน้อย..
“หลังจากที่เราได้รับหน้าที่ให้เป็นคนเลี้ยงดูแลราสคุง และแน่นอนว่าในตอนแรกเราไม่คิดที่จะเอาราสคุงมาดูแลเพราะมันเป็นเหมือนมีตัวเกะกะ..”
ตัวเกะกะ TT^TT ได้ยินคำนี้แล้วมันปวดใจอย่างบอกไม่ถูกเลย
“แต่ในตอนนั้นที่ได้มองเธอและฟังเสียงความคิดของเธอในตอนนั้นนิดหน่อย แค่คิดว่าจะฟังนิดหน่อยแต่ก็เริ่มสนใจเพราะหากราสคุงต้องการแข็งแกร่งเพื่อการนั้นเราก็จะตอบสนองให้มันเป็นจริง เราจึงได้สร้างคฤหาสน์นี้ขึ้นพร้อมกับหาคนที่เป็นคนอันตรายมาอยู่ร่วมด้วยเพื่อราสคุงโดยเฉพาะ...”
รู้สึกขอบคุณอยู่หรอกที่จะทำให้ผมแข้งแกร่งแต่แบบนี้ผมจะแข้งแกร่งก่อนหรือจะตายก่อนกันแน่นะ? T^T
“และแน่นอนว่าคนที่เป็นนักฆ่าของในคฤหาสน์แห่งนี้มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่จะปกป้องเธอ และที่เหลือจะทำการปลิดชีพเธอ... หากอยากแข็งแกร่งก็ต้องพยายามหลบและสู้กลับไปหรืออยากจะอ่อนแอให้คนอื่นปกป้องมันก็เรื่องของราสคุง”
อึก!! =[ ]=!~ จี๊ด ประโยคที่ให้คนอื่นต้องมาปกป้องผมรู้สึกจี๊ดเลย ใครต้องการกัน! คุณอาคาริที่ลืมตาเล็กน้อยก็หลับตาลงอีกครั้งและหันไปมองนอกหน้าต่างที่มีเพียงแค่เมฆหมอกปกคลุม
“ ใช่ว่ามันจะถูกหมดนะ ในตอนนี้เธอต้องขอความช่วยเหลือจาก 5 คนนั้นไปก่อน หากคิดว่าสามารถสู้ได้แล้วจริงๆก็ค่อยๆพึ่งพาตนเองให้มาก แต่ไม่ใช่ว่าเอาแต่พึ่งตนเองจนลืมคนรอบข้างที่อยู่รอบตัวเธอละกันนะ...”
“ผมจะจำเอาไว้ครับ! และจะพยายามอย่างสุดความสามรถครับ!”
คุณอาคาริหัวเราะในลำคอนิดหน่อยก่อนจะลืมตาและมามองที่ผม
“ในตอนนี้ก็พยายามทำในสิ่งที่ตนทำได้ไปก่อน ไม่มีใครแกร่งมาแต่เกิดหรอกนะ”
“นั่น...คุณอาคาริก็ด้วยเหรอ?”
ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรหรือถามอะไรผิดออกไปรึเปล่า สีหน้าของคุณก็พลันเป็นสีหน้าเศร้าสร้อยและยิ้มออกมาแห้งๆ
“นั่นสินะ...เราก็ไม่ได้เป็นคนเก่งหรอก”
และคุณอาคาริก็มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งสายตาทอดมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบนแต่มันก็มองไม่เห็นอยู่ดี... หรือคุณอาคาริเห็นท้องฟ้าสีครามที่อยู่เบื้องบน?
“เป็นว่า...ราสคุงรู้สถานการณ์ของตนในตอนนี้รึยัง?”
“เข้าใจอย่างชัดเจนเลยครับ...”
“อย่างนั้นก็ดีแล้วละ ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอตัว...”
“ดะ..เดี๋ยว!!”
ในขณะที่เรือนร่างของคุณอาคาริกำลังโปร่งใสราวกับจะหายไป ผมก็เรียกขัดขึ้นมาก่อนที่คุณอาคาริจะหายไป
“มีอะไรเหรอ?”
“คนที่จะช่วยผมมี 5 คนมีใครบ้างครับ?”
คุณอาคาริหัวเราะในลำคอและยิ้มออกมาอย่างร่าเริงอย่างเป็นธรรมชาติ
“ลองใช้ ซิกกุเซ็นสึ ของราสคุงสัมผัสเองสิ ^0^”
จากนั้นคุณอาคาริก็หายไป =[ ]=! ใช้เซ็นส์ของตนว่างั้นแล้วมันจะใช่ว่าง่ายที่ไหนนั่น T^T ที่รู้ก็มี คุณเทียเฟย และคุณชางไฮสินะที่อยู่ข้างผม ยังมีอีก 3 คนว่าแต่... คนในคฤหาสน์นี้มีกี่คนกัน =_=
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
กระผมมีนามว่า วาลเชล เป็นรองพ่อบ้านและเพื่อนสนิทของเทียเฟยที่ได้ตำแหน่งเป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์คอนฟิเนอร์แห่งนี้ กระผมมีหน้าที่คุ้มครองคุณชายราส คอนฟิเนอร์ แต่ตั้งแต่เมื่อตะกี้ผมรู้สึกเหมือนถูกลืมเลือนอย่างไรบอกไม่ถูกเลย =_= กระผมคงคิดมากไป...
กระผมเงยหน้ามองไปยังนาฬิกาในห้องรับประทานอาหาร
“เวลาขนาดนี้แล้วเหรอ...”
กระผมพึมพำกับตนก่อนจะเดินออกจากห้องรับประทานอาหารและเดินมุ่งไปยังห้องดนตรี และอย่างที่กระผมคิด คุณแม่บ้าน แพนดาริกำลังเล่นไวโอลิน เสียงชั่งไพเราะและดูเศร้าสร้อยปะปนกันไป เสียงที่ถูกสีออกมาจากเครื่องดนตรีไวโอลินนั้นทำให้กระผมรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ
“นั่นใครกัน?”
แต่พลันเสียงไวโอลินก็หยุดลงตามด้วยเสียงของผู้ที่ถือครองไวโอลินอยู่ได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำแห่งการถามออกมาอย่างรุนแรงและดุดัน
“กระผมเอง วาลเชล...”
“นายเองเหรอ?”
“คิดว่ากระผมเป็นใครอย่างนั้นหรือ?”
เธอไม่ตอบคำถามของผมแต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกไวโอลินพาดบ่าและใช้คางของตนแนบและชักคันสี บรรเลงเพลงไวโอลินอีกครา กระผมก็เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่ในห้องและฟังเสียงที่คุณแพนดาริบรรเลงออกมา เพลงที่บรรเลงนั้นหากคุณแพนดาริถามออกมาว่าเล่นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง กระผมนั้นก็คงตอบคำถามนั้นไม่ได้..
กระผมถึงจะได้รับคำชมว่าเป็นสุภาพบุราอ่อนโยน แต่กระผมก็เป็นนักฆ่าและเคยปลิดชีพดับลมหายใจชีวิตของคนอื่นมาใช่น้อย ตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง...
จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับหน้าที่ให้คุ้มครองคนโดยสามารถเลือกที่จะฆ่าหรือไม่ก็ได้ที่จะสังหารเพื่อนพ้องร่วมงานถึงจะเป็นคนละสายก็ตาม
มือที่ยื่นออกมาหากระผมในตอนนั้นมันชั่ง...
“นี่..วาลเชล”
“ครับ!”
“ฉันจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะดับลมหายใจทั้งท่านอาคาริ และท่านราสเป็นอันขาด..”
คุณแพนดาริพูดพร้อมกับเก็บไวโอลินเข้ากล่องและนำมันไปวางไว้ที่ตู้เก็บของในห้องนี้ ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่คุณแพนดาริ
“กระผมเองก็จะพยายามขัดขวางนะครับ ^_^”
“หึ!”
เธอหัวเราะในลำคอทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไป... ทิ้งให้กระผมนั่งอยู่คนเดียวโดดเดียวภายในห้องที่เงียบลงไปแล้ว พอมองไปนอกหน้าต่างก็ยิ่งทำให้หัวใจหดหู่ลงเหมือนกับเมฆหมอกปกคลุมในแคว้นนี้ก็ได้ปกคลุมจิตใจของกระผมเช่นกัน
จะว่าไปมือที่ยื่นออกมาหากระผมในตอนนั้นมันชั่งเหมือนกับแสงสว่างแต่พอได้สัมผัสมันชั่งเย็นยะเยือกราวกับหัวใจของกระผมจะถูกแช่แข็งไปด้วยและพอมองไปยังใบหน้าของเจ้าของมือที่ยื่นออกมามันก็ทำให้กระผมในตอนนั้นเหมือนกับจะแตกสลายไป...
สีตานัยน์สีแดงฉานราวกับหยาดโลหิต เส้นผมยาวสลวยสีหิมะขาวงาม และใบหน้านั้นที่แสนเยือกเย็นไร้ความรู้สึก และราวกับว่าหากปล่อยมือในตอนนั้นที่จับไปแล้วละก็ จิตใจคงพลันแตกสลายแน่...
ความคิดเห็น