ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kingdom of Ferlazia คฤหาสน์นักฆ่าคอนฟิเนอร์แห่งดราโกเนีย

    ลำดับตอนที่ #3 : Story / Histoire / παραμύθι

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 57


    ผมราส คอนฟิเนอร์ ในตอนนี้ ผมกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตโดยที่มีผู้ที่ผมเคารพรักที่สุดในชีวิตอย่างคุณอาคาริ คอนฟิเนอร์ ยาคานามิ =_=

    ก๊อก ก๊อก

    =[ ]=!? คะ...แค่เสียงเคาะประตูก็ทำให้ผมผวา ใครกัน!!! T^T ผมรู้สึกผวาไปหมดเลยละนะ

     “นี่เราเอง ราสคุง”

    เสียงใสของผู้หญิงและคุ้นหูผมมากเลย หรือว่า....?

     “คุณอาคาริ!

    “เปิดประตูให้หน่อยสิ”

    “ครับ! จะไปเปิดเดี๋ยวนี้ละครับ...”

    ดะ...เดี๊ยวนะ! คุณอาคาริทำไมต้องให้เราไปเปิดประตูด้วยละ? แต่คุณอาคาริอาจจะเป็นคนมีมารยาทให้เคาะประตูเรียกให้มาเปิดเขาไปตามมารยาทของผู้ดี? มะ...ไม่ไหวกลัวว่าจะเป็นนักฆ่าที่จะมาเชือดผมอ๊ะ ไม่กล้าเปิด... TT_TT

    “ราสคุง?”

    “ขะ...ขอโทษครับ คุณอาคาริ ตอนนี้ผมรู้สึกไม่สบายใจเลย...”

    “นั่นสินะ...”

    นั่นสินะ...เหรอ!!?? คุณอาคาริเป็นคนสั่งจ้างบังคับ? =_= ให้มีคนมาฆ่าเชือดชำแหละผมแล้วยังจะมานั่นสินะอะไรอีก =_=

    “เราเข้าใจนะราสว่าคงกลัวว่าเราเป็นตัวจริงตัวปลอม แล้วถ้าเป็นเราจริงๆจะให้เข้าไปไหม?”

    “ก็...ครับ ถ้าไม่มาฆ่าผมละก็นะ....”

    ผมเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะนิดๆของคนที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูของผม หรือว่าจะไม่ใช่ตัวจริง? ไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่อยู่หลังประตูนั้นคือความลวงหรือความจริง

    “ราสคุงนี่ขี้กลัวจังนะ...”

    เสียงของคุณอาคาริดังมาจากข้างหลังทำให้ผมถึงกลับหันหลังไปมอง และพบคุณอาคารินั่งอยู่ขอบหน้าต่างขนาดใหญ่ในห้อง งั้นคนที่อยู่นอกประตูก็ตัวปลอมสินะ เกือบไป เกือบไป

    “เปล่าหรอกนะ เมื่อกี้เราอยู่หน้าห้องของราสคุงจริงๆ ^^

    “อะ...อ่านใจได้ด้วยเหรอ? 0.0 ”

    “ไม่ได้มั้ง ^_^

    =_=

    ไม่ได้แล้วจะพูดเหมือนกับเถียงความคิดผมได้ไงกันไม่มีทาง คุณอาคาริสามารถอ่านใจคนได้ไม่ธรรมดาเลยนะ ทำอย่างไรถึงจะอ่านใจคนอื่นได้นะ?

    “ฝึกทำสมาธิ ^w^

    “อ่า...ไม่ต้องตอบทุกอย่างก็ได้นะครับ =_=

    “โอ้~~ ^0^

    ไม่รู้จะถามอะไรก่อนดีเลย รู้สึกอึดอัดแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก >_< ไม่ได้ๆคุณอาคาริอ่านใจผมได้ คงไม่ทันแล้วมั้ง คงอ่านไปเรียบร้อย ผมเงยหน้ามองคุณอาคาริที่กำลังยิ้มแย้มมาให้ผม นั่นไงคงอ่านไปเรียบร้อย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...

    “ถ้าอย่างนั้นเราจะอธิบายเองนะราสคุง ^_^

    ผมก็เงียบและรอที่คุณอาคาริจะเล่า...

    “เรื่องที่เราออกเดินทางคงรู้สินะ แล้วลูน่าราสคุงก็รู้จักสินะ”

    ผมก็พยักหน้าตอบอย่างเดียวก็รู้อยู่แล้วละว่าคุณอาคาริออกเดินทางจากอาณาจักรยาคานามิ และคุณลูน่าก็เป็นคนที่ช่วยผมเอาไว้ในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับในชีวิตของผม

    “แต่ลูน่าเป็นผู้พิทักษ์งานของเธอจึงค่อนข้างเยอะเลยโยนเธอมาให้ ตอนแรกเราก็จะโยนให้คนอื่นเหมือนกัน แต่พอดีไปได้ยินประโยคเด็ดๆจากใจเธอเข้า ^^

    “ประโยคเด็ดๆ?”

    ผมทวนคำที่สงสัยออกไป ผมไปพูดอะไรเข้าหูคุณอาคาริอย่างนั้นเหรอ? แล้วตั้งแต่เมื่อไรกัน? คุณอาคาริยิ้มแป้นและหัวเราะคิกๆนิดหน่อยก่อนจะเสมองออกไปนอกต่าง

    “ณ วันหนึ่งมีเด็กหนุ่มกำลังฝึกตนอย่างขันแข็งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีชื่อว่า คิโนะฮิคาริ หญิงสาวได้มองไปยังเด็กหนุ่มคนนั้นพร้อมกับจ้องมองและเงียบหูของตนเองและฟังเสียงของแต่เด็กหนุ่มคนนั้น... ^w^

    “หยุด!!!!

    ผมหยุดคุณอาคาริเพราะว่าแค่ฟังแค่นี้ผมก็นึกออกแล้วตอนนั้นคุณอาคาริแอบอ่านใจผมเหรอ? อบบนี้มันไม่ดีไม่ใช่เหรอ? แบบนี้มัน

    “แย่ที่สุด..”

    คุณอาคาริพูดตัดขึ้นมาก่อนสีหน้าของเธอดูเย็นชาสายตาดูคมกริบจนหน้ากลัวและคุณอาคาริก็พลันเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม

    “อึก!

    ผมพูดอะไรไม่ออกเลยแต่นิ่งเงียบไป... และไม่นานนักคุณอาคาริก็พูดขึ้นมามันเป็นประโยคคำพูดที่ทำให้ผมหน้าแดงเป็นตำลึงแดงสุกทันที

    “เอาเป็นว่าเราก็ผิดนั่นละ แต่เราก็เอาเธอมาเลี้ยงก็เพราะประโยคที่ได้ยินนั่นละ... เอาเป็นว่าเราจะเราแบบยืดยาวเหมือนสวดร่ายยาวแล้วนะฟังให้ดี...”

    สูดอากาศเข้าเต็มปอดแต่... =_= ไม่หายใจออก?  และหลับตาลงก่อนจะลืมขึ้นมาเล็กน้อย..

    “หลังจากที่เราได้รับหน้าที่ให้เป็นคนเลี้ยงดูแลราสคุง และแน่นอนว่าในตอนแรกเราไม่คิดที่จะเอาราสคุงมาดูแลเพราะมันเป็นเหมือนมีตัวเกะกะ..”

    ตัวเกะกะ TT^TT ได้ยินคำนี้แล้วมันปวดใจอย่างบอกไม่ถูกเลย

    “แต่ในตอนนั้นที่ได้มองเธอและฟังเสียงความคิดของเธอในตอนนั้นนิดหน่อย แค่คิดว่าจะฟังนิดหน่อยแต่ก็เริ่มสนใจเพราะหากราสคุงต้องการแข็งแกร่งเพื่อการนั้นเราก็จะตอบสนองให้มันเป็นจริง เราจึงได้สร้างคฤหาสน์นี้ขึ้นพร้อมกับหาคนที่เป็นคนอันตรายมาอยู่ร่วมด้วยเพื่อราสคุงโดยเฉพาะ...”

    รู้สึกขอบคุณอยู่หรอกที่จะทำให้ผมแข้งแกร่งแต่แบบนี้ผมจะแข้งแกร่งก่อนหรือจะตายก่อนกันแน่นะ? T^T

    “และแน่นอนว่าคนที่เป็นนักฆ่าของในคฤหาสน์แห่งนี้มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่จะปกป้องเธอ และที่เหลือจะทำการปลิดชีพเธอ... หากอยากแข็งแกร่งก็ต้องพยายามหลบและสู้กลับไปหรืออยากจะอ่อนแอให้คนอื่นปกป้องมันก็เรื่องของราสคุง”

    อึก!! =[ ]=!~ จี๊ด ประโยคที่ให้คนอื่นต้องมาปกป้องผมรู้สึกจี๊ดเลย ใครต้องการกัน! คุณอาคาริที่ลืมตาเล็กน้อยก็หลับตาลงอีกครั้งและหันไปมองนอกหน้าต่างที่มีเพียงแค่เมฆหมอกปกคลุม

    “ ใช่ว่ามันจะถูกหมดนะ ในตอนนี้เธอต้องขอความช่วยเหลือจาก 5 คนนั้นไปก่อน หากคิดว่าสามารถสู้ได้แล้วจริงๆก็ค่อยๆพึ่งพาตนเองให้มาก แต่ไม่ใช่ว่าเอาแต่พึ่งตนเองจนลืมคนรอบข้างที่อยู่รอบตัวเธอละกันนะ...”

    “ผมจะจำเอาไว้ครับ! และจะพยายามอย่างสุดความสามรถครับ!

    คุณอาคาริหัวเราะในลำคอนิดหน่อยก่อนจะลืมตาและมามองที่ผม

    “ในตอนนี้ก็พยายามทำในสิ่งที่ตนทำได้ไปก่อน ไม่มีใครแกร่งมาแต่เกิดหรอกนะ”

    “นั่น...คุณอาคาริก็ด้วยเหรอ?”

    ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรหรือถามอะไรผิดออกไปรึเปล่า สีหน้าของคุณก็พลันเป็นสีหน้าเศร้าสร้อยและยิ้มออกมาแห้งๆ

    “นั่นสินะ...เราก็ไม่ได้เป็นคนเก่งหรอก”

    และคุณอาคาริก็มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งสายตาทอดมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบนแต่มันก็มองไม่เห็นอยู่ดี... หรือคุณอาคาริเห็นท้องฟ้าสีครามที่อยู่เบื้องบน?

    “เป็นว่า...ราสคุงรู้สถานการณ์ของตนในตอนนี้รึยัง?”

    “เข้าใจอย่างชัดเจนเลยครับ...”

    “อย่างนั้นก็ดีแล้วละ ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอตัว...”

    “ดะ..เดี๋ยว!!

    ในขณะที่เรือนร่างของคุณอาคาริกำลังโปร่งใสราวกับจะหายไป ผมก็เรียกขัดขึ้นมาก่อนที่คุณอาคาริจะหายไป

    “มีอะไรเหรอ?”

    “คนที่จะช่วยผมมี 5 คนมีใครบ้างครับ?”

    คุณอาคาริหัวเราะในลำคอและยิ้มออกมาอย่างร่าเริงอย่างเป็นธรรมชาติ

    “ลองใช้ ซิกกุเซ็นสึ ของราสคุงสัมผัสเองสิ ^0^

    จากนั้นคุณอาคาริก็หายไป =[ ]=! ใช้เซ็นส์ของตนว่างั้นแล้วมันจะใช่ว่าง่ายที่ไหนนั่น T^T ที่รู้ก็มี คุณเทียเฟย และคุณชางไฮสินะที่อยู่ข้างผม ยังมีอีก 3 คนว่าแต่... คนในคฤหาสน์นี้มีกี่คนกัน =_=

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    กระผมมีนามว่า วาลเชล เป็นรองพ่อบ้านและเพื่อนสนิทของเทียเฟยที่ได้ตำแหน่งเป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์คอนฟิเนอร์แห่งนี้ กระผมมีหน้าที่คุ้มครองคุณชายราส คอนฟิเนอร์ แต่ตั้งแต่เมื่อตะกี้ผมรู้สึกเหมือนถูกลืมเลือนอย่างไรบอกไม่ถูกเลย =_= กระผมคงคิดมากไป...

    กระผมเงยหน้ามองไปยังนาฬิกาในห้องรับประทานอาหาร

    “เวลาขนาดนี้แล้วเหรอ...”

    กระผมพึมพำกับตนก่อนจะเดินออกจากห้องรับประทานอาหารและเดินมุ่งไปยังห้องดนตรี และอย่างที่กระผมคิด คุณแม่บ้าน แพนดาริกำลังเล่นไวโอลิน เสียงชั่งไพเราะและดูเศร้าสร้อยปะปนกันไป เสียงที่ถูกสีออกมาจากเครื่องดนตรีไวโอลินนั้นทำให้กระผมรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ

    “นั่นใครกัน?”

    แต่พลันเสียงไวโอลินก็หยุดลงตามด้วยเสียงของผู้ที่ถือครองไวโอลินอยู่ได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำแห่งการถามออกมาอย่างรุนแรงและดุดัน

    “กระผมเอง วาลเชล...”

    “นายเองเหรอ?”

    “คิดว่ากระผมเป็นใครอย่างนั้นหรือ?”

    เธอไม่ตอบคำถามของผมแต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกไวโอลินพาดบ่าและใช้คางของตนแนบและชักคันสี บรรเลงเพลงไวโอลินอีกครา กระผมก็เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่ในห้องและฟังเสียงที่คุณแพนดาริบรรเลงออกมา เพลงที่บรรเลงนั้นหากคุณแพนดาริถามออกมาว่าเล่นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง กระผมนั้นก็คงตอบคำถามนั้นไม่ได้..

    กระผมถึงจะได้รับคำชมว่าเป็นสุภาพบุราอ่อนโยน แต่กระผมก็เป็นนักฆ่าและเคยปลิดชีพดับลมหายใจชีวิตของคนอื่นมาใช่น้อย ตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง...

    จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับหน้าที่ให้คุ้มครองคนโดยสามารถเลือกที่จะฆ่าหรือไม่ก็ได้ที่จะสังหารเพื่อนพ้องร่วมงานถึงจะเป็นคนละสายก็ตาม

    มือที่ยื่นออกมาหากระผมในตอนนั้นมันชั่ง...

    “นี่..วาลเชล”

    “ครับ!

    “ฉันจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะดับลมหายใจทั้งท่านอาคาริ และท่านราสเป็นอันขาด..”

    คุณแพนดาริพูดพร้อมกับเก็บไวโอลินเข้ากล่องและนำมันไปวางไว้ที่ตู้เก็บของในห้องนี้ ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่คุณแพนดาริ

    “กระผมเองก็จะพยายามขัดขวางนะครับ ^_^

    “หึ!

    เธอหัวเราะในลำคอทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไป... ทิ้งให้กระผมนั่งอยู่คนเดียวโดดเดียวภายในห้องที่เงียบลงไปแล้ว พอมองไปนอกหน้าต่างก็ยิ่งทำให้หัวใจหดหู่ลงเหมือนกับเมฆหมอกปกคลุมในแคว้นนี้ก็ได้ปกคลุมจิตใจของกระผมเช่นกัน

    จะว่าไปมือที่ยื่นออกมาหากระผมในตอนนั้นมันชั่งเหมือนกับแสงสว่างแต่พอได้สัมผัสมันชั่งเย็นยะเยือกราวกับหัวใจของกระผมจะถูกแช่แข็งไปด้วยและพอมองไปยังใบหน้าของเจ้าของมือที่ยื่นออกมามันก็ทำให้กระผมในตอนนั้นเหมือนกับจะแตกสลายไป...

    สีตานัยน์สีแดงฉานราวกับหยาดโลหิต เส้นผมยาวสลวยสีหิมะขาวงาม และใบหน้านั้นที่แสนเยือกเย็นไร้ความรู้สึก และราวกับว่าหากปล่อยมือในตอนนั้นที่จับไปแล้วละก็ จิตใจคงพลันแตกสลายแน่...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×