ตอนที่ 8 : ตอนที่ 7
ดะ...โดน อีกแล้ว!
หลังจากแข็งเป็นหิน ฉันก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันทีที่นายฆนากรผละจาก ไม่ใช่แค่สองขา หากทั้งตัวนั้นไร้สิ้นเรี่ยวแรงเหมือนกับว่ามันโดนสูบออกจากร่างไปเสียหมด แก้มที่ถูกสัมผัสเมื่อสักครู่ร้อนราวถูกไฟแผดเผา
บ้าไปแล้ว!
วันแรกโดนจูบ วันที่สองโดนกอดหอม แล้วพรุ่งนี้จะรับประกันได้หรือว่าจะไม่โดนปล้ำ!
แน่นอนแหละว่าคงไม่มีบริษัทประกันไหนมารับประกันให้ และอินรินทร์ก็คงจะต้องหาทางเอาตัวให้รอดเองนับจากนี้
ใจเย็น ๆ อินรินทร์ ใจเย็น ๆ
ฉันยกมือขึ้นตบหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง จุดอ่อนของฉันที่เห็นชัดเวลานี้ก็คือความเป็นผู้หญิง อ่อนไหวและวาบหวามทุกครั้งที่นายฆนากรเข้าใกล้ เรียกให้ถูกคือแทบจะละลายระเหยตัวกลายเป็นไอเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยแตะต้องตัวผู้ชาย เพื่อนสมัยเรียนที่สนิทกันก็เป็นผู้ชายหลายคน หากไม่มีใครเลยที่เวลาใกล้ชิดแล้วรู้สึกเหมือนโดนไฟหลอมได้ขนาดนี้
เพราะจูบบ้า ๆ นั่นแท้ ๆ เชียว!
ฉันเชื่อเลยว่าหากไม่โดนแบบนั้น ร่างกายของฉันคงจะไม่หวั่นไหวไปกับการสัมผัสของหมอนั่นแน่ ๆ มันจะต้องเป็นเหมือนเวลาที่ฉันอยู่กับเพื่อนผู้ชายคนอื่น เหมือนพี่ชาย เหมือนคุณอา เหมือนป๊า
จะว่าได้หรือ...อินรินทร์?
ฉันสะบัดหน้าพรืด จิตอกุศลร้องถามตัวเองด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า เอาล่ะ ยอมรับก็ได้ว่าหน้าตานายฆนากรก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันหวั่นไหวได้ตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งเวลาใบหน้านั้นยื่นเข้ามาใกล้ หัวใจฉันก็สั่นยิ่งกว่ากลองโดนตีตอนพระจะฉันเพลอีก
โอ้ย! โมโห ๆ
ฉันส่ายหัวไปมาอย่างสับสนตัวเองเหมือนคนใกล้บ้า และเพราะกำลังใกล้บ้าจึงนั่งกองนิ่งอยู่กับพื้นจนลืมตัวไปว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่ไหน
อุ้ย ขอโทษค่ะ อ้าว หนูอิน มานั่งตรงนี้ทำไม
เสียงคุ้นหูร้องทัก ฉันเลยได้สติเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นพี่แบมที่ก้มหน้าลงมามองด้วยความสงสัย
เอ่อ พอดีจะเข้าห้องน้ำค่ะ
เป็นอะไรมึนเหล้าหรือเปล่า พวกผู้ชายก็ชอบบังคับให้น้อง ๆ ดื่มเหล้าอยู่เรื่อย โดยเฉพาะเหน่งนี่ไม่ได้เรื่องเลย เมาเละตลอด พี่แบมคาดเดาพร้อมเท้าสะเอาบ่นอย่างเอาจริงเอาจัง ฉันเลยรีบลุกขึ้นเอ่ยปฏิเสธก่อนที่พี่เหน่งเจ้าของวันเกิดจะโดนด่าเละก่อนจะเมาเละอย่างที่พี่แบมว่า
หนูอินไม่ได้เมาค่ะพี่แบม พอดีว่า...มีคนนิสัยเสียเหยียบเท้าน่ะค่ะ ฉันนึกหาเหตุผลแก้ตัว หากสมองไม่วายจิกกัดถึงคนนิสัยเสียที่ไม่ได้เหยียบเท้าหรอก แต่ว่าจับฉันกดติดผนังเลยต่างหาก
เหรอจ๊ะ เจ็บแย่ ในผับมันมืดต้องระวังหน่อย เข้าห้องน้ำใช่ไหม มา ไปด้วยกันเลยหนูอิน
ค่ะ ฉันพยักหน้ารับ พี่แบมน่ารักทั้งยังอัธยาศัยดีเป็นกันเอง สมกับเป็นแผนกบุคคลจริง ๆ คนนิสัยดีอย่างนี้หนูอินรักตาย
ส่วนคนนิสัยเสีย หนูอินต้องเอาคืน!
ออกจากห้องน้ำ ฉันก็เดินตามพี่แบมคนสวยกลับมาที่โต๊ะ ตอนแรกวงก็ยังแยกฝั่งหญิงชายกันอยู่ แต่พอเริ่มดึก คนในวงก็สลับที่สลับทาง ฉันเริ่มสังเกตพบความสัมพันธ์อีกแบบของพนักงาน Heart Rhythm เมื่อเห็นว่าใครนั่งจับคู่กับใคร ใครเหลือบมองใคร
น่ารักจัง...
รักเกิดในที่ทำงานฉันก็ว่าดีอยู่ แต่เสียอยู่อย่างเดียว
ทำไมสลับที่นั่งกันแล้ว ฉันต้องมานั่งตรงข้ามกับนายฆนากรด้วย!
ตอนนี้สายตากำลังปะทะสายตา นายฆนากรมองฉันด้วยแววท้าทายและเยาะเย้ย หมอนั่นไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด แต่ฉันกับรู้ชัดว่าหมอนั่นกำลังบอกอะไร
แน่จริงก็เก่งให้ตลอดสิ
หมอนั่นกำลังพูดแบบนี้ ฉันเม้มริมฝีปากแน่นพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ร้อนรนไปกับการยั่วยุ นายฆนากรคงมีแอลกอฮอล์ในเลือดได้ระดับอยู่ เพราะฉันรู้สึกว่าหน้าเขาติดจะแดงนิด ๆ แล้ว
ช่าง!
ฉันกะเอาไว้ว่าเวลาที่เหลือจะพยายามนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ นายฆนากรจะจ้องยังไงฉันก็จะไม่สน แต่ว่าฉันไม่อาจทำอย่างนั้นได้ เมื่อเจ้าของวันเกิดที่ดูท่าว่าจะกรึ่มกว่าเพื่อนเริ่มแสดงอาการด้วยการประกาศเสียงดังตัดหนทางสงบของฉันว่า
เอ้า หนูอิน มาชนแก้วกับพี่เหน่งหน่อยคร้าบ พี่เหน่งลากเสียงยาวลิ้นเริ่มรัว มือหนึ่งยกแก้วที่บรรจุน้ำสีทองยื่นส่งมาตรงหน้าฉัน ส่วนมืออีกข้างก็ยกแก้วของตัวเองเตรียมจะชนกันตามที่บอก
อย่าเลยค่ะพี่เหน่ง น้องเค้าดื่มได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวเมาแย่เลย เสียงห้ามดังมาจากพี่แบม แต่เพราะพี่เหน่งกำลังได้ที่เลยพยายามคะยั้นคะยอต่อ
ชนหน่อยนะคร้าบ แก้วเดียวพอเป็นพิธีก็ได้ไม่เมาหรอกคร้าบ
พี่แบมส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย ส่วนฉันก็ทำท่าลังเลอย่างไม่แน่ใจว่าจะรับแก้วมาชนดีหรือไม่ ช่วงหัวค่ำก็ดื่มแต่น้ำอัดลม ของมีแอลกอฮอล์ไม่ค่อยอยากแตะสักเท่าไหร่
แต่ขณะที่ลังเลนั่นเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามขยับริมฝีปาก แม้ไม่มีเสียงลอดออกมา ทว่า...เป็นคำชัดเจน
อ่อน
ปี๊ด!
ถ้าเสียงในสมองดังออกมาได้มันคงจะเป็นเสียงนี้ ฉันโมโหสุดขีด คว้าแก้วเหล้าจากมือพี่เหน่งแล้วยกมันชนเข้ากับแก้วเหล้าในมือพี่แกอีกข้าง ก่อนกระดกมันลงคอในรวดเดียวหมดแก้ว!
พี่เหน่งมองอย่างตะลึงเช่นเดียวกับคนอื่น ก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบอกชอบใจที่เห็นฉันดื่มเหล้าตามที่ชวน
เจ๋งมากเลยน้องหนูอิน พี่เหน่งยกนิ้ว ฉันยิ้มรับนัยน์ตาใส ก่อนจะหันมายักคิ้วให้กับนายฆนากรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
หนูอินไม่อ่อนหรอกนะ จะบอกให้!
ปกติแล้วฉันไม่ชอบดื่มเหล้า แต่ไม่ใช่ว่าดื่มไม่เป็น พี่ชายสองคนของฉันเป็นคนสอน พี่บอกว่าผู้หญิงหากไม่ดื่มเลยเกิดโดนมอมทีเดียวก็เสร็จ ดื่มให้เป็นแต่ไม่ติด แค่เอาไว้เข้าสังคมและในกรณีที่ไม่มีทางเลี่ยง
เป็นไง อึ้งล่ะซิ
หน้าตานายฆนากรเหมือนไม่พอใจฉันเลยยิ่งได้ใจ เพราะเริ่มช้ากว่านายฆนากรมากซ้ำฉันไม่ใช่คนเมาง่าย สมัยเรียนก็เคยโดนท้าทำนองนี้ แต่ปรากฏว่ากว่าฉันจะเมาคนท้าก็หัวทิ่มโต๊ะไปเสียก่อน
เพราะฉะนั้น ฉันจะเอาคืนนายบ้างล่ะ!
แผนชั่วร้ายเริ่มปรากฏ เมื่อหลายคนที่เห็นฉันชนเหล้ากับพี่เหน่งเริ่มตีวงเข้ามาใกล้ แก้วเหล้าฉันถูกเติมเต็มอีกครั้ง ฉันหันไปกระซิบเบา ๆ กับพี่แบมที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
พี่แบมอยากแกล้งคนชอบเมาไหมคะ
พี่แบมมองหน้าฉันก่อนจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังถามฉันด้วยความเป็นห่วง จะไหวเหรอหนูอิน พวกนี้เมากันประจำนะ
ไหวค่ะ แต่พี่แบมต้องช่วยนิดหน่อย
ยังไง พี่แบมถาม แววตาเริ่มสนใจเมื่อมองไปทางพี่เหน่งที่เรียกคนอื่นชนแก้วไม่เลิก ฉันแอบขำเพราะสายตานั่นบอกอะไรออกมาจนหมด คู่นี้ก็เป็นอีกคู่ที่ฉันบังเอิญเห็นเข้าพอดี ทุกอย่างก็เลยลงล็อคโดยที่ฉันไม่ต้องลงทุนมากเกินไป
หนูอินจะรบกวนพี่แบมเป็นคนชงเหล้าให้ค่ะ
พี่แบมพยักหน้าทันที ก่อนยิ้มให้กันอย่างรู้ความหมาย
แล้วแผนการร้ายก็เริ่มต้น!
ชนแก้ว ๆ พี่เหน่งพูดขณะชวนทุกคนชนรอบวง ฉันยกแก้วชนตาม แต่เป้าหมายของฉันไม่ใช่พี่เหน่ง ฉันจ้องเป้าหมายด้วยแววตาท้าทาย เมื่ออยู่ในระยะและสถานการณ์ปลอดภัยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกนายฆนากรจับปล้ำ ฉันยกแก้วเหล้าก่อนจะชนเข้ากับแก้วของนายฆนากรอย่างแรงชนิดไม่กลัวว่ามันจะแตกคามือ
ชนแก้วค่ะ หัวหน้า ฉันยกแก้วดื่มจนหมดก่อนจะยื่นให้คนตรงหน้าเห็น และไม่ต้องรอนาน หัวหน้าของฉันก็ยกดื่มหมดแล้วตามมาติด ๆ ทันที
นายต้องหัวทิ่มแน่ นายฆนากร!
เหล้าถูกรินโดยมือชงที่เตี๊ยมกันไว้แก้วแล้วแก้วเล่า หลายคนเริ่มพบหนทางสว่างเป็นของตัวเอง บางคนเริ่มตั้งศีรษะอยู่บนแขน ส่วนบางคนเช่นพี่เหน่งก็พูดไม่หยุดแต่ว่าฟังไม่รู้เรื่อง หรือบางคนที่ไม่ไหวหลับไปก่อนล่วงหน้าเลยก็มี
แต่ฉันออกจะแปลกใจ เมื่อเป้าหมายที่ควรจะหลับก่อนเพื่อนกลับนั่งจ้องตาฉันไม่เลิก ทั้งที่กระดกแข่งกันจนนับแก้วไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เห็นจะเมาหัวทิ่มอย่างที่ฉันต้องการเลยสักที ซ้ำเมื่อยิ่งดื่มเข้าไปมาก สายตาที่จ้องมองฉันก็ยิ่งเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัวขึ้นทุกขณะ
คอทำด้วยหินหรือไงนะ
สุดท้ายฉันก็อดรนทนไม่ไหว ต้องแอบหันไปกระซิบถามมือชงเหล้าเบา ๆ พี่แบมคะ คุณฆนากรนี่คอแข็งมากเลยเหรอคะ ดื่มไปตั้งเยอะไม่เห็นเมาสักที
มือชงเหล้ายิ้มใส่ตาแห้ง ๆ ก่อนจะตอบคำถามฉันด้วยน้ำเสียงติดจะเขิน ๆ อยู่เล็กน้อย
คือพี่ชงเหล้าให้คุณฆนากรเหมือนกับของหนูอินเลยค่ะ
โอ้ว...ฉันเกือบจะกรี๊ดเมื่อพี่แบมพูดจบ มิน่าเล่านายฆนากรถึงได้นั่งดื่มเฉยไม่มีทีท่าว่าจะเมาหัวทิ่มเหมือนคนอื่น ก็เพราะเหล้าที่พี่แบมชงให้ฉันและแถมให้นายฆนากรด้วยนั้น ดีกรีความแรงมันอ่อนกว่าที่ชงให้คนอื่น ๆ เกือบครึ่งต่อครึ่ง!
แบบนี้เรียกว่าโชคช่วยจะได้ไหม แต่ดูท่าว่าหน้าตาของนายฆนากรจะช่วยเอาไว้มากกว่า และเหมือนว่าหัวหน้างานของฉันจะดวงดีซ้ำซ้อน เพราะเหล้าก็หมด คนก็เมา ซ้ำร้านก็กำลังได้เวลาปิดพอดี
ทุกคนก็เลยแยกย้าย คนเมาที่ขับรถกลับไม่ได้ก็ถูกหามไปรวมกันที่ชั้นสามของผับพร้อมกับเจ้าของ ส่วนคนบ้านทางเดียวกันก็ให้คนไม่เมาเป็นคนขับ คนไหนยังนับนิ้วถ้วนขับรถปลอดภัยก็ล้างหน้าล้างตาเล็กน้อยขับกลับกันเองไป
ฉันที่ยังไม่เมาก็อยู่ในกลุ่มที่ต้องขับรถกลับเอง ขณะที่กำลังจะล่ำลากัน พี่แบมก็ร้องทักขึ้นมาว่า
บ้านคุณฆนากรไปทางเดียวกับหนูอินไม่ใช่เหรอคะ
ฉันหันไปมองหน้าคนถูกถามอย่างแปลกใจ ก่อนจะได้ยินเสียงตอบรับสั้น ๆ ครับ
ถ้าอย่างนั้นช่วยขับรถตามไปส่งหนูอินให้ด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ชงอ่อนขนาดนั้น ดื่มถึงเช้ายังไหวเลย
หนูอินคอแข็งไม่เบา..ต้องเรียกว่า ดื่มเป็นสิ
" หนูอินงานเข้าครับพี่น้อง "
สนุก !
หนุก...น่ารักดีค่ะ
เมื่อกี้เม้นผิดตอน
งั้นเอาไปอีกเม้นแล้วกันนะอาเฮีย
ฆนากรแมนทำเป็นใจดีัไม่โกรธ แต่ในใจแอบคิดแผนร้ายอยู่ล่ะซิ
หนูอินท่าทางจะรอดยาก งานนี้
มีเสียงสวรรค์มาช่วยพอดี รอดตัวไปนะจ๊ะหนู๋อิน
..
แอบตื่นเต้นพร้อมกันทั่่วประเทศ 555