ตอนที่ 6 : ตอนที่ 5
ดะ...เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งปายยยย!
ฉันกำลังตะลึงค้าง คำที่จะพูดติดอยู่ในสมองไม่สามารถหลุดออกมาทางปากได้แม้สักคำ จนกระทั่งเสียงหัวเราะด้วยความสะใจราวคนบ้าดังขึ้นใกล้ ๆ
โอ้ย...ขำ
เท่านั้นแหละ สติที่แตกไปแล้วก็กลับคืนมาทันที
มันจะมากเกินไปแล้วนะ คุณฆนากร!
นิ้วสั่น ๆ ของฉันยกขึ้นชี้หน้าอันสุดแสนกวนประสาทที่กำลังขำอยู่นั่น ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ปลายนิ้วตัวเองมีแสงเลเซอร์พุ่งออกมาเป่าส่วนใดส่วนหนึ่งของนายฆนากรให้กระจุย!
แต่เป็นเพราะฉันไม่ใช่ยอดมนุษย์สาว นายฆนากรจึงยังหน้าระรื่นหัวเราะร่วน ซ้ำยังย้อนให้เจ็บแสบหัวใจเล่น
ไม่มากแล้วก็ไม่เกินไป หรือว่าเสียใจที่ไม่ได้จูบผมจริง
ใครจะจูบคุณ!
ฉันย้อนกลับเสียงแหลมปรี๊ดอย่างที่ไม่คิดว่าเสียงตัวเองจะแหลมได้ขนาดนี้ แต่นั่นแหละ กำลังฉุนขาด ใครจะสน!
โธ่..เด็กน้อย ฉากเมื่อกี้ ใครมาเห็นเขาก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าคุณเพิ่งจะจูบผมเสร็จ
แต่ฉันไม่ได้จูบคุณ!
แล้วอยากจูบจริงไหมล่ะ
คราวนี้ สีหน้านายฆนากรดูน่ากลัวอย่างประหลาด ฉันรีบกระโดดถอยหลังพรวดเว้นระยะห่าง กะว่าไม่ให้นายฆนากรเข้าถึงตัวได้
อันตราย! ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไป
และดูเหมือนผู้ชายตรงหน้าจะดูออกว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ คำพูดต่อมาจึงเหมือนมานั่งอยู่กลางใจฉันไม่มีผิด
กลัวผมแล้วใช่ไหมล่ะ คุณอินรินทร์
น้ำเสียงนายฆนากรเย้ยหยันแสดงความเป็นต่อ แต่ใครจะตอบความจริงให้อาย คนอย่างอินรินทร์เสียอะไรก็ได้แต่ไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด
โดยเฉพาะเสียหน้าให้แก่ศัตรู ยังไงก็ยอมไม่ได้!
ใครกลัวคุณ
ฉันตอบโดยพยายามข่มน้ำเสียงให้เข้มเข้าไว้ แต่ลึกๆ แล้วหัวใจกับเต้นตุบตับจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอก ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า ที่รู้สึกอยู่ข้างในเวลานี้เกิดจากอะไรบ้าง โกรธ แค้น อาย หรือหวั่นไหวด้วยเหตุผลประการใดกันแน่
แต่ไม่มีมากสำหรับวิเคราะห์ความรู้สึก เมื่อนายฆนากรลุกจากเก้าอี้เกิดเหตุตรงดิ่งเข้ามาหา
อย่าเข้ามาใกล้นะ! ฉันร้อง ซ้ำยังเผลอยกมือสองข้างออกไปขวางระหว่างฉันกับเขาเอาไว้ตามสัญชาติญาณ
ไหนว่าไม่กลัว
นายฆนากรพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ฉันจึงรีบลดมือตัวเองลงก่อนถลึงตาดุใส่คู่กรณีแก้เก้อ แต่ก็ยังเตรียมพร้อมเอาไว้หากนายนั่นเข้าใกล้เกินระยะปลอดภัย เพราะขืนคราวนี้ปล่อยให้โดนเข้าใกล้ตัวอีก ดีไม่ดีฉันอาจจะไม่รอดออกจากห้องนี้โดยที่มีความบริสุทธิ์ติดตัวออกไปด้วย
ให้ตาย! นี่ฉันไม่ได้ทะลึ่งนะ แต่ใครจะไปรู้ นายนั่นอาจจะบ้าทำจริง ๆ ก็ได้
แต่เหมือนจะเป็นโชคดีของฉัน ที่ผู้ชายตรงหน้าไม่ได้กระโจนเข้ามาหาเหมือนหมาป่าตามที่ฉันคาดเดาและจินตนาการเอาไว้ แต่กลับพูดราวเทศนาด้วยประโยคยาวเหยียดแทน
ถ้าคุณยอมรับว่ากลัว ผมก็อาจจะใจดีเป็นหัวหน้างานที่ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็นั่นแหละนะ ดูท่าว่าคนอย่างคุณจะไม่ยอมพูดคำนี้ออกมาง่าย ๆ เรื่องคราวก่อนคุณทำภาพพจน์ของผมเสียหาย ฉะนั้นเรื่องคราวนี้สำหรับคุณกับผมถือว่าเจ๊ากัน
ฉันกระพริบตาปริบ เรื่องคราวก่อนกับเรื่องคราวนี้ หมอนี่บอกให้เจ๊ากันอย่างนั้นหรือ
บ้าสิ! ฉันตอบออกไปอย่างที่คิดโดยไม่ต้องผ่านการกรองซ้ำ คุณเป็นฝ่ายรังแกฉันก่อนนะ คุณฆนากร
ผมนี่นะ นายฆนาการทำตาซื่อยกมือขึ้นชี้หน้าตัวเองแบบคนไม่รู้เดือดร้อน ฉันเลยยิ่งโมโหจัดตะโกนสวนใส่หน้าอย่างไม่ยั้งเสียง
ก็คุณนั่นแหละ! คุณเริ่มก่อน
ผมรังแกอะไรคุณ
นายนั่นยังมีหน้าถามกลับ เพราะความโมโหเลยทำให้ฉันลืมตัว...อีกครั้ง
ก็คุณจูบฉัน! เมื่อคำพูดหลุดออกจากปากฉันก็แทบผวา ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองจนแน่น เพราะทำไปทำมา ฉันก็วนกลับมาที่เรื่องเดิมที่ทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอีกครั้ง
อา นั่นซินะ เมื่อวานเราเพิ่งจูบกัน แล้ววันนี้เราก็ทำท่าจะจูบกันอีก...
อย่าพูดนะ!
ฉันตะโกนห้ามไม่ให้นายนั่นพูดต่อ เพราะแค่นี้ฉันก็รู้ดีเลยว่าหน้าตัวเองคงแดงเถือก ขืนให้คนตรงหน้าพร่ำไปเรื่อย เลือดทุกหยดภายในตัวฉันคงได้เดือดเกินร้อยองศาเซลเซียสแน่
และนายฆนากรก็ทำตามคำสั่งของฉันอย่างดีด้วยการเม้มริมฝีปากหยักแน่น ก่อนจะยักไหล่ด้วยท่าทางกวนประสาทสุด ๆ ในสายตาฉัน โดยไม่ต้องพูด สายตาคู่นั้นก็ยังบ่งบอกได้ชัดว่ากำลังสนุกสนานอย่างเต็มที่
คุณมันกวนประสาทที่สุด!
ฉันว่าออกมาอย่างเหลืออด เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนตรงหน้าดีแล้ว ถ้าฉีกเนื้อออกมาเป็นชิ้น ๆ ได้ฉันคงทำอย่างไม่รอช้า แต่เพราะแค่เข้าใกล้ก็ยังเสี่ยงต่อความสวัสดิภาพความบริสุทธิ์ เวลานี้ฉันจึงทำได้เพียงมองหน้าและจดจำทุกอณูขุมขนบนร่างกายของนายฆนากร
เพื่อระลึกเอาไว้ในทุกลมหายใจเข้าออกว่าต้อง...แก้แค้น!
ฉันจ้องนายฆนากรที่เงียบอยู่นาน จนในที่สุดนายฆนากรก็เป็นฝ่ายหมดความอดทน
เอาล่ะอินรินทร์ วันนี้เราเสียเวลากันมาเยอะแล้ว และพี่เหน่งฝ่ายซาวน์ก็คงจะรอแจกเค้กอยู่ เสียงและสีหน้านายฆนากรกลับมาเรียบสนิทเหมือนก่อนเกิดเรื่องบนเก้าอี้อีกครั้ง ทำให้ฉันที่กำลังบันทึกความแค้นต้องหรี่ตามองด้วยความแปลกใจ
ผมว่าเราควรจะออกไปข้างนอก เพราะนี่เป็นโอกาสดีที่จะแนะนำคุณกับพนักงานคนอื่น
ฟังเหมือนจะเป็นการขอสงบศึกชั่วคราว ฉันเองที่กำลังจนมุมจึงตอบออกไป หากน้ำเสียงยังคงแข็งอยู่เหมือนเดิม เพราะการจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติด้วยกับศัตรูคงทำได้ยาก
ก็ได้
ถ้าอย่างนั้นก็ตามผมมา
นายฆนากรพูด ก่อนหมุนตัวออกเดินนำไปก่อนอย่างมีมาด ฉันเว้นระยะห่างในการเดินตามพอตัว แผ่นหลังกว้างหยัดตรงจนฉันอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้
ชิ! ระวังตัวเอาไว้เถอะ สักวันฉันจะต้องให้นายเดินตามหลังต้อย ๆ เรียกหนูอินครับ ๆ รอผมด้วยครับ...
ไม่เชื่อคอยดู!
เมื่อออกมานอกห้อง ฉันก็เผลออาศัยแผ่นหลังกว้างของศัตรูเป็นที่หลบสายตานับสิบที่พุ่งตรงมาหมายปักตามร่าง ริมฝีปากพนักงานบางคนยังขยับขมุบขมิบ โดยเฉพาะคุณแม่บ้านที่เพิ่งเปิดประตูไปพบฉากเด็ดของฉันกับนายฆนากรเมื่อสักครู่ ที่หน้าตาแกยังคงอยู่ในอาการตกตะลึงไม่หาย
แย่ที่สุดในชีวิตหนูอินเลย
ป่านนี้ชื่อเสียงคงป่นปี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าข่าวคงกระจายด้วยฝีปากแกไปเรียบร้อยโรงเรียนแม่บ้าน คราวก่อนวางแผนขอยืมใช้ความสามารถพิเศษของแกเข้าช่วยในการแกล้งนายฆนากร ไม่ถึงครึ่งวันดีด้วยซ้ำ กรรมก็สะท้อนผลกลับมาให้ฉันต้องตกเป็นคนที่อยู่ในข่าวของคุณแม่บ้านแทน
มาแล้วเหรอไอ้หล่อ พี่รอแกจนเค้กจะเน่า
เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยทัก ฉันรีบโฟกัสสายตาไปทางต้นเสียง ก่อนจะพบร่างของผู้ชายอายุประมาณสามสิบห้าปีคนหนึ่งยืนง่วนตัดเค้กอยู่ หน้าตาเขาธรรมดาแต่ดูท่าว่าจะเป็นผู้ชายอารมณ์ดี เพราะเพียงแค่ฉันโผล่หน้าจากหลังนายฆนากร ผู้ชายคนนั้นก็ส่งยิ้มแล้วร้องทักฉันทันที
นั่นน้องอินรินทร์โปรดิวเซอร์ใหม่ใช่ไหมครับ มาๆ พี่จัดเค้กชิ้นพิเศษเอาไว้ต้อนรับเลย
ผู้ชายอารมณ์ดีคนนั้นเรียกให้ฉันเข้าไปรับเค้กด้วยเสียงหวานฉ่ำพร้อมสายตาทอประกายวิบวับ ฉันที่ยังไม่รู้จักใครเลยงก ๆ เงิ่น ๆ ทำตัวไม่ถูก แต่ยังไม่ทันคิดว่าจะทำอย่างไรดี เสียงโห่ฮาป่าจากบรรดาคนที่ยืนรุมล้อมกันอยู่ก็ดังขึ้นเสียก่อน
หูดำอีกแล้วพี่เหน่ง เดี๋ยวน้องเค้าก็กลัวจนไม่กล้ายุ่งด้วยหรอก
นั่นซิพี่เหน่ง ระวังโดนพี่ปวินท์เชือดคอเอานะ
และอีกหลายเสียงพากันสำทับจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผู้ชายอารมณ์ดีที่ฉันคิดว่าน่าจะชื่อพี่เหน่งเลยร้องประท้วง
บ๊ะ พวกแกนี่ วันเกิดทั้งทีขอฉันหน่อยไม่ได้หรือไง
ขอน้องหน่อยเด็กเก่าพี่เหน่งเหรอครับ
ผู้ชายที่ฉันยืมหลังเป็นที่กำบังเอ่ยขึ้นเป็นคำแรกตั้งแต่ออกมานอกห้อง เรียกเสียงโห่รอบด้านให้ดังยิ่งกว่าครั้งก่อน พี่เหน่งเลยชี้หน้านายฆนากรแล้วเอ่ยเสียงเขียวเลยทีเดียว
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หล่อ!
หลายคนหัวเราะคิกคัก แต่ฉันกลับรู้สึกขัดหูมากกับคำว่า ไอ้หล่อ ของพี่เหน่ง เลยไม่มีแม้เศษเสี้ยวของอารมณ์ขันร่วมด้วย
หล่อตาย...ชัก
ฉันแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่จะต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ ๆ นายฆนากรก็หันหน้ามาอย่างกะทันหัน ก้มตัวลงมากระซิบข้างหูฉันพอให้ได้ยินกันสองคน
นั่นพี่เหน่งซาวน์เอ็นจิเนียเจ้าของวันเกิด ส่วนคนอื่นเดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จักทีละคน หวังว่าสมองคงจะจำได้หมดนะ
น้ำเสียงกระซิบของนายฆนากรแสนกวนประสาท ฉันเลยถลึงตาใส่ก่อนจะกระซิบตอบ
ฉันไม่ใช่ปลาทองย่ะ
นายฆนากรยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนเดินนำเข้าไปยืนนิ่งกลางวงข้างๆ พี่เหน่ง ฉันเดินตามไปหยุดอยู่ในระยะห่างที่ไม่มากนัก เหลียวมองรอบวงก็เห็นพี่แบมฝ่ายบุคคลซึ่งฉันรู้จักดีอยู่แล้วส่งยิ้มให้อยู่ ฉันส่งยิ้มตอบให้พี่แบม ก่อนรีบหันกลับเมื่อได้ยินเสียงนายฆนากรเอ่ยแนะนำฉันอย่างเป็นทางการกับทุก ๆ คน
นี่อินรินทร์ หลานพี่ปวินท์ โปรดิวเซอร์คนใหม่ครับ
ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกเหมือนประโยคเมื่อสักครู่นั้นถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนความประชดประชันอย่างประหลาด
ฝากตัวด้วยนะคะ ฉันรีบตัดอารมณ์แล้วประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะต้องหัวเราะคิก เมื่อได้ยินประโยคตอบรับฉันจากพี่เหน่งเป็นคนแรก
ฝากทั้งตัวทั้งใจได้เลยครับ พี่ยินดีรับเลี้ยงตลอดชีวิต
คราวนี้ทั้งเสียงโห่เสียงเป่าปากดังกระหึ่ม พี่เหน่งวาดมือโค้งตัวลงรับด้วยความเต็มอกเต็มใจ ราวกับว่าเสียงเหล่านั้นเป็นเสียงเยินยอก็ไม่ปาน
ส่วนฉันสิ...เขินไปตามระเบียบ
หลังจากนั้นวงก็เหมือนจะถูกบีบเข้าหาฉันเรื่อย ๆ หลายคนเดินเข้าหามาแนะนำตัวเองกับฉันเสร็จสรรพ โดยมีนายฆนากรคอยแนะนำอย่างเป็นทางการทั้งชื่อทั้งตำแหน่ง จากหนึ่งคน เป็นสอง เป็นห้า เป็นสิบ
ทั้งหมดนับได้สิบห้าคน!
คราวนี้ฉันรู้ชัดแล้วว่ารอยยิ้มมีเลศนัยกับประโยคที่กระซิบข้างหูฉันก่อนหน้านั้นของนายฆนากรหมายความว่าอย่างไร
ตานี่กำลังแกล้งฉัน!
คงคิดจะทดสอบความจำว่าฉันจะสามารถจดจำชื่อและตำแหน่งของทุกคนได้หมดหรือเปล่า แต่ท่าทางนายฆนากรคงจะคิดผิด
เพราะฉันมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งซึ่งติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ นั่นก็คือ
ความสามารถในการจดจำเป็นเลิศ!
ฉันเลยขอโชว์ออฟใส่หน้านายฆนากรดูสักหน่อย ด้วยการสวัสดีไล่ทีคนพร้อมเอ่ยทั้งชื่อและตำแหน่งอย่างครบถ้วน ก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่คนแกล้งหนึ่งทีด้วยความสะใจเป็นที่สุด!
เป็นยังไง เจอหนูอินอินฟินิตี้เม็มโมรี่เข้าไป อึ้งไหมคะ คุณหล่อ
นายฆนากรถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไม่สนใจฉันอีก และก็อย่าคิดว่าฉันจะสนนายนั่นเช่นกัน เพราะฉันรีบเดินฉีกตัวออกไปทางกลุ่มผู้หญิงที่พี่แบมฝ่ายบุคคลยืนอยู่ ส่วนนายฆนากรก็เดินเข้าไปอยู่ในกลุ่มของพวกพี่เหน่งซึ่งเป็นผู้ชาย
เป็นอันแยกทางกันอย่างชัดแจ้ง...
แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด เพราะเพียงแค่เดินเข้าไปถึงกลุ่มสาวๆ ของ Heart Rhythm ฉันก็ถูกดึงตัวเข้าไปอยู่กลางวงล้อมทันที
นี่ๆ หนูอิน เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ เล่ามาให้พวกพี่ฟังหน่อยซิ
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถาม แต่สายตาทุกคนจับจ้องมาที่ฉันเป็นจุดเดียว ทำเอาขนลุกทั่วร่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ระ..เรื่องอะไรเหรอคะ ฉันเค้นเสียงตะกุกตะกักถาม ทั้งที่พอเดาได้ลางๆ แล้วว่าเรื่องที่สายตาทุกคู่อยากรู้จากฉันนั้นคืออะไร แต่ฉันก็เลือกที่จะเนียนทำเป็นงงเอาไว้ก่อน
คราวนี้สายตาทุกคนเลยหันไปจ้องที่หน้าของคุณแม่บ้าน ฉันถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อคุณแม่บ้านโฟกัสสายตาตรงแน่วมาที่ฉันก่อนจะพูดอย่างชัดเจนว่า
ก็เรื่องที่ป้าเห็นหนูอินกำลังจูบกับคุณฆนากรอยู่ยังไงล่ะคะ
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบวง กลุ่มผู้ชายรวมถึงนายฆนากรที่อยู่ห่างออกไปหันมามองด้วยความสนใจ
ซวยแล้วไงหนูอิน!
หน้าฉันคงจะซีดเหลือไม่ถึงนิ้ว เหงื่อกาฬแตกพลั่กๆ ไหลบ่าราวน้ำทะลักเป็นสาย ทั้งๆ ที่ตอนแรกแอร์ในสำนักงานนั้นแสนเย็นฉ่ำ
ว่ายังไงล่ะหนูอิน ที่ป้าเค้าพูดจริงหรือเปล่า
นั่นซิ แล้วที่ป้าบอกว่าหนูอินเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องคุณฆนากรเป็นเกย์ แถมยังบอกรักเค้าอีกน่ะจริงไหม
จริงหรือเปล่าหนูอิน
หลายเสียงหลายสายตาคาดคั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่แบมที่มองมาด้วยความสงสัยเช่นกัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองชักจะหายใจติดขัด ปอดเริ่มรับออกซิเจนเข้าไม่ได้ สมองหมุนติ้วคิดหาทางออกจนปวดตุบ จนกระทั่งได้ยินประโยคเด็ดจากใครบางคน
จูบแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ดีไหม
หนทางบางอย่างส่องแสงสว่างวับ ฉันจึงถอนหายใจออกอย่างแรงเหมือนคนที่รู้สึกผิดหวังเสียเต็มประดา
เฮ้อ...รสชาติมันแย่มาก ๆ เลยค่ะพี่ ๆ
หลายคนร้องฮ้าอ้าปากค้าง ก่อนที่ใครบางคนจะได้สติ ลากฉันและพาเอาคนทั้งกลุ่มหลบมุมอาคารเพื่อให้ห่างจากรัศมีของกลุ่มผู้ชายที่หันมามองอีกครั้งอย่างสนใจ
พอพ้นสายตา คำถามก็ถูกยิงมาอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงคนถามเต็มไปด้วยความตื่นเต้นราวกับกลุ่มเพื่อนสาวที่รวมหัวกันนินทาเพื่อนชายของพวกหล่อนด้วยเรื่องทะลึ่งสมัยเรียนไม่มีผิด
ฉันนึกไปถึงคำนินทาเหล่านั้น แม้ชั่วโมงบินฉันเป็นศูนย์ แต่ชั่วโมงทางทฤษฎีฉันก็เก็บสะสมมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
มันจืดสนิทสุด ๆ เลยค่ะ
ว้าย พี่นึกว่าจะเร้าใจซะอีก ดูออกจะน่า...จูบ เสียขนาดนั้น พี่สาวที่ฉันจำได้ว่าอยู่ฝ่ายบัญชีเม้มปากทำท่าชวนฝัน ฉันเลยยิ่งนึกสนุกเอ่ยยืนยันคำพูดของตัวเองอีกครั้ง
ไม่เลยค่ะพี่ มันแย่จริงๆ
ว้า.... คราวนี้น้ำเสียงผิดหวังดังไปทั่วทั้งวง ไม่เว้นแม้แต่ป้าแม่บ้านต้นเหตุที่ดูท่าทางจะผิดหวังเป็นพิเศษ
แล้วเรื่องเกย์กับเรื่องสารภาพรักอะไรนั่นล่ะ
ใครบางคนยังคงคาใจเลยถามอีก คราวนี้ฉันยิ้มกว้าง สมองลื่นไหลหาคำตอบได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเค้นพลังขบคิดเลยแม้แต่น้อย
ที่ต้องจูบก็มาจากเรื่องนี้แหละค่ะ พอหนูอินถามพี่เค้าว่าเป็นเกย์จริงหรือเปล่า พี่เค้าก็ตอบว่าไม่จริง แต่หนูไม่เชื่อก็เลยลองสารภาพรักเล่น ๆ พอแกอึ้ง หนูก็เลยคะยั้นคะยอถามอีก คราวนี้แกก็เลยบอกว่าให้พิสูจน์ด้วยการจูบ..แล้วผลก็เป็นอย่างที่หนูอินว่าล่ะค่ะ เฮ้อ...
ฉันร่ายยาวก่อนถอนหายใจอีกครั้ง ได้ยินเสียงหลายคนถอนหายใจตามแถมทำหน้าผิดหวัง แม้บางคนจะทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แต่ฉันก็คิดว่ามันไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรวันนี้ฉันก็สามารถเปลี่ยนแปลงประเด็นข่าวได้ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อยังไงฉันก็ไม่ได้เสียหายแค่คนเดียว
เพราะนายฆนากรจะต้องเสียหายไปกับฉันด้วย!
อาจจะโดนหาว่าเป็นสาวจัดจ้านไปเสียหน่อย แต่สมัยนี้ผู้หญิงก็ไม่ถือสาเรื่องทำนองนี้กันแล้ว บางคนถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ซ้ำยังคุยกันทะลึ่งกว่าที่ฉันคุยอีกเยอะ เพราะฉะนั้นเรื่องจูบแบบนี้เป็นอะไรที่เด็ก ๆ มาก
อยากแกล้งฉันดีนัก ไม่ยอมเป็นเกย์ดี ๆ ฉันก็ให้นายไร้สมรรถภาพไปซะเลย
ฉันทุ่มสุดตัวเพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เคยได้ยินมาว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้เหมือนเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ฉันรู้ดีว่าคราวนี้ตัวเองเล่นแรง แต่เมื่อสถานการณ์คับขันฉันเองก็ต้องเอาตัวให้รอด ไม่อย่างนั้นฉันก็จะกลายเป็นคนผิดอยู่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งที่เรื่องจริงนั้นฉันออกจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้วยซ้ำ
การสนทนาในวงเริ่มเข้าเรื่องทะลึ่งทีละนิดหลังจากฉันจุดประเด็นก่อน ฉันพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ไม่ได้ฟังมันสักเท่าไหร่ สมองคอยแต่จะนึกถึงต่อไปจากนี้ว่า หากนายฆนากรได้ยินข่าวที่ฉันโกหกเรื่องรสชาติจูบเขาจืดชืดไม่ได้ความ เขาจะโกรธจนควันออกหูแล้วรีบวิ่งมาหักคอฉันให้ตายหรือเปล่า
งานนี้ศพจะสวยไหมเนี่ยหนูอิน
ฉันคิดอย่างสยอง แต่เมื่อเดินหน้ามาถึงขนาดนี้ และฉันก็ไม่อยากที่จะเสียศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน มันก็ไม่มีทางอื่นให้เลือกนอกจากจะปะทะกันให้รู้แล้วรู้รอด
ตายเป็นตายเอ๊า!
ฉันให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งขออภัยที่ฉันโกหกเรื่องเมื่อสักครู่ออกไป
...มุสาวาทา เวรมณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ...ผิดเต็ม ๆ เลยเรา
เพราะความจริง จูบของนายฆนากรที่ฉันจดจำได้ซึ่งแม้เวลานี้มันก็ยังไม่เจือจางลงนั้น
จูบ..รสกาแฟ
ฉันเผลอเม้มริมฝีปากตัวเองด้วยความสั่นสะท้าน หัวใจพลันเต้นถี่กระชั้น ข้างในคล้ายเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกบินว่อน
นี่ฉัน...เป็นอะไร
คงต้องเป็นเพราะตื่นเต้นที่โกหกอยู่แน่ ๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ป่านนี้ นายต้นฝนดังไปทั้งบริษัทอีกเหมือนกัน
เกย์ไร้สมรรถภาพ จูบจืดไม่เป็นสับปะรด
คู่นี้แรงถึงใจดีจริง อยากอ่านต่อแล้ว
คราวหน้าจะมามุขไหนน้อ...
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 24 ธันวาคม 2552 / 22:45
อินเอ๊ย แกล้งเค้าเดี๋ยวก็ย้อนให้เจ็บตัวเปล่าๆ เน้อ
อยากรู้จังว่าหนูอินของเราจะจัดการกับนายปากจัดยังไง
ตื่นเต้นๆ
ตื่นเต้นจังเลยที่ได้แกล้งคนเล่น
55555+
น่าสนุกดีแฮะ
ผู้ชายอย่างนี้ต้องจับมาตบด้วยปาก กระชากด้วยลิ้นซะให้เข็ด อ้าว >///< เค๊าพูดอะไรออกไป ลืมตัว.... >/////<
เค๊าพึ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ขอตัวก่อนนะ
ปล. หัวเราะเพราะชอบใจค่ะพี่อัค 555+
จะรอดูว่าหนูอินจะเอาคืนแบบไหน
อิอิ