ตอนที่ 9 : ข่าวจากเพื่อน
หญิงสาวที่ก้าวออกจากรถไฟฟ้าสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นพอดีตัวสีขาวเรียบคู่กับกางเกงยีนส์สะพายกระเป๋าผ้าเพ้นท์ลายศิลป์น่าเวียนหัวเรียกร้องความสนใจจากสายตาผู้คนบนสถานีเกือบทุกคู่ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีส้มใสแย้มนิด ๆ คล้ายขบขันนั้นน่ามอง
เตชินีไม่ทันสนใจเจ้าของสายตาพวกนั้น ขยับสายกระเป๋าให้กระชับ เดินด้วยท่าทะมัดทะแมงเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ผมยาวเกือบถึงบั้นเอวเกล้าเป็นหางม้าแกว่งไกวตามจังหวะเดิน หล่อนยกมือขึ้นเสยผมด้านหน้าพ้นลูกตาทีหนึ่งพร้อมย่นหน้า ผมยาวขนาดนี้เวลามัดมักทำให้ปวดศีรษะ
สงสัยต้องหั่นออกซะมั่งแล้ว
คิดพลางทบทวนอีกที ร้านตัดผมแถวนี้ขึ้นเป็นดอกเห็ด จะตัดร้านไหนดี ใครหลายคนมองตาม หญิงสาวทำเป็นไม่เห็น ไม่ใช่หยิ่งหรอกแต่เขินมากกว่า หล่อนไม่ชินกับการถูกจับจ้อง อาชีพนักเขียนน่าพอใจตรงนี้ ต่อให้นามปากกาของตนดังกระฉ่อนขนาดไหนก็ยังเป็นบุคคลนิรนามอยู่นั่นเอง ยกเว้นเสียแต่ถูกสัมภาษณ์และลงรูปตามสื่อใดสื่อหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่หล่อนหลีกเลี่ยงเสมอ...ยกเว้นกรณีจำเป็น
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหวานปนดุ คนอื่นว่ากันอย่างนั้นนะ หญิงสาวไม่เคยรู้สึกเสียทีว่าตัวเองดุ ตรงไหนกันหนอ หล่อนเนี่ยนะ อย่างมากหากโกรธก็เดินหนี เงียบ เท่านั้นเอง วีนใส่ใครสักครั้งหรือก็เปล่า เหลียวมองนิทรรศการแสดงภาพศิลป์แล้วขาก็พาร่างเดินดิ่งไปใกล้อย่างรวดเร็ว
บางรูปดูแล้วน่าเวียนหัว แต่บางรูปเตชินียืนจ้องอยู่เป็นนาน สัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์ลุ่มลึกแห่งผู้ถ่ายทอดพลางนึก ขณะวาด เขากำลังนึกถึงสิ่งใด เบื้องหลังเขาต้องจบเจออะไรมาบ้างถึงได้สื่อออกมาในรูปแบบนี้
เลือดนักเขียนปลุกคำถามขึ้นเป็นสิบเป็นร้อย หล่อนเขียนนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวน บางทีน่าจะลองใช้งานศิลปะเป็นกุญแจไขเงื่อนงำบางอย่าง
ดูจนพอใจจึงค่อยเดินต่อมาถึงร้านกาแฟจุดนัดพบ เนื่องจากเป็นวันธรรมดา คนจึงไม่พลุกพล่านจนเกินไป หญิงสาวเลือกนั่งใกล้ทางเข้าชิดริมกระจกใส ยังไม่สั่งอะไรเพราะรู้นิสัยเพื่อนคนนี้ที่ตรงเวลา ถ้านัดกี่โมง นาฬิกาชี้เข็มเวลานั้นเมื่อไหร่เป็นได้เห็น
ห้านาทีต่อมา ผู้หญิงผิวขาวเหลืองรูปร่างเตี้ยดูไกล ๆ เหมือนตุ๊กตาก็ยื่นหน้าเคาะกระจกเบา ๆ ส่งยิ้มร่า
ว่าไงจ๊ะนักเขียนใหญ่
ว่าไงจ๊ะคุณเลขา
เตชินีถามด้วยคำถามเดียวกันกลับไป ครองขวัญหัวเราะร่วน เดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง ท่านั่งตัวตรงการแต่งกายเนี๊ยบจุดรอยยิ้มกว้างให้กับนักเขียนสาว
ฉันเพื่อนเธอนะจ๊ะไม่ใช่เจ้านาย ทำตัวสบาย ๆ ก็ได้น่า
ก็สบายอยู่นี่ไง
คำตอบยืนยันว่าเจ้าตัวพูดจริง เตชินีพอเข้าใจแล้ว เพื่อนสาวฝึกบุคลิกจนเป็นอย่างนี้ เหมือนหล่อนกระมัง ที่ไม่เคยเปลี่ยนตัวเองได้
คิดถึง
ครองขวัญลุกขึ้นโน้มตัวข้ามฝั่งมากอดแบบไม่แคร์สายตาประหลาดใจของใครทั้งในร้านนอกร้าน เตชินีกอดตอบ จะแคร์ทำไม เพื่อนที่ไม่พบหน้ากันหนึ่งปี แสดงออกแค่นี้ยังน้อยไป
ครองขวัญเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมต้นถึงมัธยมปลาย หลังเรียนจบสอบเข้ามหาวิทยาลัยคนละคณะแถมติดคนละจังหวัด เตชินีเรียนมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในกรุงเทพ ส่วนครองขวัญสอบได้มหาวิทยาลัยใหญ่ที่จังหวัดบ้านเกิด แต่ยังติดต่อกันสม่ำเสมอ เมื่อเรียนจบระดับปริญญาตรีสองสาวเพื่อนซี้โคจรมาพบกันอีกครั้ง เตชินีเริ่มเดินทางเข้าสู่เส้นทางสายนักเขียนด้วยพลังมุ่งมั่น ส่วนครองขวัญยังสนุกกับการเรียนระดับปริญญาโทก่อนจบออกมาเป็นเลขานุการประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคพื้นเอเชียแห่งหนึ่งทำให้เจ้าตัวต้องเดินทางทั่วโลกตามนาย อย่างครั้งหลังสุดต้องไปประจำสำนักงานใหญ่ที่ต่างประเทศนานถึงหนึ่งปี
เธอเอาอะไร
ครองขวัญถาม
เอสเพรสโซ่
เตชินีบอกบริกรโดยตรงเสร็จแล้วหันมาถามสารทุกข์สุกดิบเพิ่มเติมจากอีเมล์ที่ติดต่อกันฉบับล่าสุด
หนนี้อยู่นานเท่าไหร่เหรอขวัญ
อาจจะสักเดือน คำตอบเนือยเจือกระแสเบื่อหน่าย เกิดเป็นเธอนี่ดีจังเต ไม่ต้องเร่ร่อนไปไหน แต่ก่อนฉันสนุกนะ ประเทศไหนฉันได้ไปหมด นี่สงสัยแก่แล้ว ชักเหนื่อยแฮะ
แก่! นักเขียนสาวแกล้งทำเสียงสูงตาโต คำต้องห้ามเลยนะนั่น สวยปิ๊งอย่างนี้แก่เก่อที่ไหนกัน
เชอะ อย่ามาประชด ถ้าเทียบชั้นกันอย่าว่าแต่สายตาเพื่อนสนิทเลย คนทั่วไปก็ต้องเห็นพ้อง คำว่าสวยเหมาะกับใครไม่ได้ นอกจากเตชินี เป็นความสวยสะดุดตาอย่างน่าค้นหาเป็นที่สุด ฉันอ้วนขึ้นตั้งหลายกิโล จะเป็นหมูอยู่แล้วเนี่ย เฮ่อ
แค่นี้ทำถอนใจ เลื่อนเหยือกจิ๋วใส่นมสดให้เพื่อน พลางจิบกาแฟของตัวเอง คิ้วเข้มขมวดพร้อมกับเสียงถอนใจครั้งที่สองของครองขวัญต้องเอ่ยถามออกมา เป็นอะไร งานหนักเหรอ
งานน่ะฉันชินแล้ว หนักแค่ไหน ถ้านายยังโอเคฉันทำได้สบายมาก แต่พูดเรื่องอ้วนแล้วเลยนึกไปถึงเรื่องอื่นที่เพิ่งเจอมาสด ๆ น่ะ
เตชินีเลิกคิ้ว บรรดาสาวอารมณ์ดี ครองขวัญถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ เพื่อนหล่อนแม้ไม่สวยระดับนางงามแต่ความน่ารักบวกกับอารมณ์ขันที่มีผลักให้เจ้าตัวเนื้อหอมเอามาก ๆ คนอารมณ์ดีใครก็อยากอยู่ใกล้ หากอีกฝ่ายเอ่ยปากพร้อมทำหน้าเครียดย่อมหมายถึง...ร้ายแรง
ช่างเถอะ ยักไหล่ เอ่ยตัดบทง่ายดาย เพิ่งเจอกัน คุยแต่เรื่องแฮปปี้ดีกว่า
ขวัญ ลงเสียงหนัก วางแก้วกาแฟเนื้อดีดังกริ๊ก เพื่อนไม่ได้มีไว้แชร์ความสุขอย่างเดียวนะ
ครองขวัญหัวเราะคิก แววตาสุกใสขึ้น
ฟังสละสลวยสมเป็นนักเขียน แต่รื่นหูจัง ขอบใจนะเต
ทีนี้เล่าได้หรือยังล่ะ
ร่วมครึ่งชั่วโมง เตชินีใช้ปลายนิ้วใช้ไล้วนเหนือปากแก้วกาแฟแก้วที่สอง เพื่อนสาวกลับไปแล้ว หล่อนยังนั่งอยู่ร้านเดิมเพื่อรอฉลองวันสอบวันสุดท้ายของจีรณาพร้อมคำถามมากมาย
เรื่องหนักใจจากปากครองขวัญ จริงหรือ?
ก็แล้วเพื่อนจะโกหกหาพระแสงอะไร!
เตชินีนึกฉุนตัวเอง หล่อนเชื่อว่าเพื่อนพูดจริง เพียงแต่ เรื่องนั้น มันเหลือเชื่อจนเกินไป เกินกว่านักเขียนอย่างหล่อนที่ถนัดผูกปมค้นหาเหตุผลจะปักใจ
น้องสาวฉัน ยัยอร อรอมล เธอเคยเจอนานแล้วจำได้หรือเปล่า
คิดอยู่เป็นครู่ล่ะกว่าหล่อนจะตอบออกไปว่าจำลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทได้ ก็นานมากแล้วนี่ เกือบสิบปีได้กระมัง
ฉันไปเยี่ยมน้า เห็นสภาพน้องแล้วตกใจ ผอมมาก เห็นว่าวัน ๆ เอาแต่นั่งเหม่อเพราะ broken heart
โธ่ นึกว่าอะไร เดี๋ยวก็หายน่า ไม่มีใครตายเพราะอกหักหรอกขวัญ
หล่อนบอกให้เพื่อนสบายใจ ก็มันจริงนี่ ชีวิตเราตั้งยาวไกลจะผูกจิตผูกใจกับใครคนหนึ่งที่เป็นญาติก็ไม่ใช่พี่น้องหรือก็เปล่าทำไมนักหนา
เต เธอน่ะ ป่านนี้ยังไม่ยอมเปิดใจรับใครใช่ไหมล่ะ
คิดถึงคำถามนี้แล้วใจวูบ เพื่อนสนิทคนนี้ช่างรู้ใจซะจริง อย่างกับเปิดลิ้นชักความลับออกมาอ่านได้งั้นล่ะ แล้วผิดตรงไหน ถ้าหล่อนจะไม่เปิดรับใคร ไม่...ไม่ผิด
ความรัก อกหักไม่ทำให้ใครตายหรอก แต่ขาดรัก หัวใจมันก็อ่อนแอจนตายไปเองได้นะ
ฉันเข้าใจ เธอได้คุยกับน้องหรือเปล่า
อืม ฟังแล้วตกใจนะ เรื่องนี้แม้แต่แม่ตัวเอง ยัยอรก็ไม่ได้เล่า สีหน้าครองขวัญขณะเล่าแสดงความหนักใจ อรได้งานดูแลคนแก่ที่บ้านหลังนึง แล้ว...ก็ได้เจอผู้ชายที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรที่นั่น
แล้ว?
เตชินีจำสายตาลำบากใจคู่นั้นได้ ตอนนั้นหล่อนถึงได้ถามสั้น ๆ แต่เข้าใจกันว่า
เลยเถิด ใช่ไหม
อืม
แล้วไง ฉันงงนะ พบกัน รักกัน ลึกซึ้งกัน ก็น่าจะลงตัวนี่นา
เพราะมันไม่ใช่น่ะสิเต ไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แม้แต่ยัยอร กระทั่งวันสุดท้ายที่อยู่บ้านหลังนั้นก็ไม่เห็น เหมือนไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละ
หา! อย่างงี้มันฟันแล้วทิ้งชัด ๆ
เลือดปกป้องสิทธิสตรีฉีดพล่าน จะว่าผีคงไม่ใช่แน่ ผีที่ไหนจะ...ได้ล่ะ
ใครคนหนึ่งเดินผ่านหน้าเข้าร้านมา ทีแรกเตชินีไม่นึกสนใจมองแต่บังเอิญสายตาปัดไปปะทะ แล้วจึงชะงัก ชายหนุ่มคนดังกล่าวสวมสูทภูมิฐาน รูปร่างสูงสง่านั้นเคลื่อนไหวนุ่มนวลแต่มั่นคง ผมหยักศกยาวระต้นคอ ด้านหน้าปรกเสี้ยวหน้าเล็กน้อย เขานั่งโต๊ะสุดทางเดินตรงข้ามหล่อนทำให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน
นัยน์ตาสีเทาเข้มในตอนเหลือบขึ้นสั่งบริกรกระตุกหัวใจหญิงสาว เตชินีพยายามนึก...คุ้นตาเหลือเกิน เคยเห็นที่ไหน ที่ไหนกัน
รักกันจริงต้องเม้นท์ต้องโหวต เหอ ๆ
Ro sE
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตกลงเตคนนี้เป็นนางเอกใช่มะ...
ต้องมาเจอกับพระเอกที่ชอบฟันแล้วทิ้ง...
น่าสนุกนะเนี่ย..
ชอบค่ะ
แล้วผู้ชายที่เตเห็นเปนไคน๊า???
เคยเหนที่ไหน
อยากรุ้ๆๆๆๆ
อยากเดาว่าเตเหมือนกันอ่ะ
เดา เดา เพราะเจ๊แกไม่เปิดใจรับใครเลยนิ
อย่างนี้พระเอกคงชอบแน่ๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
อะโฮ๊ก อะโฮ๊ก
พอ เจอะ เจอ
กันแล้วว
นี่คือนางเอกแล้วใช่ไหม
เจ๊เต น่าจะเป็น นางเอก
เพราะเจ๊แกสวยเฉี่ยว
555+ ม่ายเกี่ยว ชอบค่ะๆ
อยากรู้!!!
^ ^
ครัยจาเปนคนดูแลคนต่อไป
งิงิ
เราว่า เตชินี เนี่ยเเหละ
นางเอก
มิรู้จะทายถูกมั้ย
อิอิ
เพิ่งมาอ่านอ่า
เเบบว่า ไม่กล้าเข้ามา
ประมาณนั้น
ว้าว มาแล้วววว!!
คงต้องเป็นเตแล้วล่ะที่เป็นนางเอก
อยากให้ฟันพระเอกแล้วทิ้งจังเลย
แอบสะใจนิดๆๆ
แล้วเตชินีเคยไปเจอพระเอกเราที่ไหนเนี่ยถึงคุ้นได้