ตอนที่ 13 : ผิดตัว
เช้าตรู่วันที่สามของการทำงาน เตชินีพบว่าหล่อนหลงเสน่ห์บ้านสวนริมคลองอย่างจั๋งหนับถึงขั้นหมายมั่นไว้ในใจนั่นเชียวว่าเมื่อเสร็จสิ้นงานนี้จะลองสอบถามชาวบ้านเผื่อมีเจ้าของที่หรือบ้านไหนต้องการขาย คงดีมากทีเดียวถ้าหากได้พำนักท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติอันเรียบง่าย ปราศจากการเติมแต่งจนหน้าตาคล้ายคลึงกันหมดอย่างรีสอร์ท ตื่นตอนเช้านั่งจิบกาแฟตรงท่าน้ำ มีปากกากระดาษวางข้างตัวเผื่อคิดไอเดียดี ๆ ออกได้เขียนลงไป สมองคงลื่นไหลคิดนิยายได้มากกว่าอยู่ในกรุงเทพฯ เมืองอันสับสนวุ่นวาย
บ่ายแก่ คุณยายนอนพัก เตชินีถือโอกาสคว้าปากกามาจดพล็อตใหม่ซึ่งแว้บผ่านมารวดเร็วพอ ๆ กับสายฟ้าแลบ หากลืมจดมีหวังอันตรธานหายไปกับสายลม แต่สมาธิเขียนนิยายค้างคาต่อนั้นยังไม่มากพอเพราะพะวงถึงเป้าหมายการมาที่นี่
จากการสอบถามครองขวัญแบบละเอียดเกือบเท่าจับเข้าเครื่องสแกน นักเขียนสาวมั่นใจเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์
...บ้านหลังนี้ ที่อรอมลเคยมาทำงาน...
ไม่หรอก หล่อนไม่ได้ถามคุณยายผู้ว่าจ้างถึงลูกจ้างคนก่อน ๆ ให้ท่านได้ระแคะระคายสักน้อยนิด ทำตามตามปกติสวมรอยมาแทนน้องสาวซึ่งดูเหมือนทุกคนเชื่อสนิทใจอย่างไม่น่าเชื่อ หากบ้านหลังนี้เป็นสถานที่อันตรายจริง มันเหลือเชื่อมากที่คนพวกนี้ไม่ทราบว่าคนตรงหน้านี้หาใช่จีรณา
ก็ในเมื่อหล่อนสองคนพี่น้องหน้าตาเหมือนอย่างกับแกะ...คนละตระกูลขนาดนี้!
ว่างมากเข้าเลยคว้าโน้ตบุ๊คเดินลงมาตรงศาลาท่าน้ำที่โปรด เปิดเครื่องออนไลน์เพื่อเช็คอีเมล์ วันแรกที่มาถึงหล่อนส่งอีเมล์ รายงานตัว ถึงเพื่อนและน้องสาว จีรณาตอบกลับทันทีด้วยถ้อยคำงอแงเหมือนเด็ก ๆ แต่เตชินีจับได้ด้วยเซนส์ว่าแกล้งพูดเอาใจไปอย่างนั้นเพราะท้ายจดหมายอวดว่ากำลังเตรียมจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ชวนเพื่อนมาบ้าน
ส่วนครองขวัญ ปลายนิ้วกดตำแหน่งปุ่มซ้ายของเมาส์ คลี่ยิ้มบาง
ยายเลขาบีซี่
เข้าวันที่สามเพิ่งตอบกลับมา
เป็นไงบ้างจ๊ะอาร์ติสคนสวย ที่ปลีกวิเวกสำหรับบิ้วอารมณ์ได้ดั่งใจหรือเปล่า ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงเชียว มีเวลาอยู่กับสายลมแสงแดด ไม่ต้องวิ่งงก ๆ ตามนาย เดือนหน้าฉันต้องบินไปญี่ปุ่นดูโรงงานใหม่กับนายอีกแล้ว (เบื่อ ๆ ๆ ๆ) โห ฉันเผลอบ่นซะเยอะ เดี๋ยวเธอรำคาญตัดการติดต่อล่ะแย่เลย ทำงานต่อก่อนดีกว่า เธอน่ะ มีเรื่องสนุกอะไรเล่าให้ฟังบ้างนะ
จากเพื่อนขี้อิจฉา...ครองขวัญ
เตชินิหัวเราะอยู่หน้าจอเสียงใสสะท้อนแซมกับนกน้อยเหนือร้านไม้เลื้อย คลิกเมาส์เปิดโปรแกรมสนทนาเผื่อฟลุ้คจังหวะเพื่อนว่างจะได้คุยโต้ตอบแบบทันท่วงที สัญลักษณ์ด้านล่างขวาของหน้าจอกะพริบแวบวาบก่อนเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดใส และยังไม่ทันได้เป็นผู้เริ่มต้น ครองขวัญก็ทักทายด้วยอีโมติคอนแสดงความดีอกดีใจ
จุดประสงค์การออนไลน์วันนี้นอกจากคุยกับเพื่อนสนิทยามว่าง เตชินีสอบถามเกี่ยวกับบ้านเรือนไทยอีกครั้งโดยอ้างว่าจะนำพล็อตมาเขียนนิยาย ถามอ้อมอย่างรู้นิสัยเพื่อน ครองขวัญช่างซัก หากลองได้ซักไซ้เอาจากอรอมลคงได้ถามละเอียดยิบ เมื่อถึงคราวเล่าบวกกับความสนิทสนมจากถามแค่เรือนไทยหลังดังกล่าว แน่นอนครองขวัญย่อมต้องเพิ่มปลีกย่อยเหตุกาณ์คาใจอีกหน
คุยจบ ซึ่งเวลาล่วงเลยไปไม่นานนักเนื่องจากครองขวัญมีงานด่วน เตชินีดูเวลา อีกเดี๋ยวคุณยายคงตื่น หล่อนยังพอมีเวลา
...สำรวจ...
รีบนำโน้ตบุ๊คเก็บ มาหยุดยืนหน้าห้องทางเรือนปีกขวา มันขัดดาลด้านนอก หากไม่ถูกขัง ใครจะอยู่ภายในแล้วปิดประตูด้านนอกเองได้เล่า
มองซ้ายขวา ดึงสลักประตู นิ่วหน้าขัดใจเจ้าประตูที่ดังแอ๊ดส่งเสียงดังจึงตัดสินใจเปิดแง้มเพียงเล็กน้อย มองผ่านเข้าไปก็เห็นแต่ห้องสลัวปิดหน้าต่างทุกบาน เตียงโบราณตั้งกึ่งกลางห้องรวบมุ้งผูกไว้ทั้งสี่เสา
ห้องนอน?
ปิดประตู ถอยออกมา เกรงหากสำรวจนานคุณยายจะตื่นมาพบเข้า หล่อนคงได้ถูกตำหนิ ขั้นร้ายแรงอาจถึงขั้นไล่ออก ใครจะทราบได้ นายจ้างบางคนใช้เหตุผลไร้สาระไล่ลูกจ้างออกง่ายดาย แล้วลูกจ้างทำอย่างไรได้นอกจากก้มหน้ารับกรรมไป ร้องทุกข์ก็เสียเวลาเปล่า
หญิงสาวหยุดยืนริมระเบียงชานเรือนชั้นบน เท้าแขนปล่อยสายตาไปตามริ้วน้ำคลองกระเพื่อมไหวเมื่อเรือหางยาวแล่นผ่าน เสียงเครื่องยนต์สนั่นแทรกความสงบเงียบ เตชินีครุ่นคิด ก็แค่ห้องนอน ทำไมจึงต้องห้ามผ่าน ห้ามวุ่นวาย หรือถ้าหนักนักน่าจะปิดตาย
อีกข้อแล้ว บ้านหลังนั้น อรอมลถูกสั่งห้ามยุ่มย่ามเรือนทางปีกขวาเช่นกัน ขาดอีกสิ่งเดียว ผู้ชายคนนั้น ถ้าได้พบจะสรุปได้ทันที
ที่นี่...สถานที่อันตราย
และหล่อนต้องทราบความจริงให้จงได้ เพราะหาก...เพียงนึกย้อนว่า ถ้าจีรณาปิดเงียบตัดสินใจมาที่นี่ แล้วเกิดเรื่องซ้ำรอยน้องสาวครองขวัญ
เตชินีห่อไหล่ น้องเจ็บ หล่อนยิ่งเจ็บกว่า
เตชินีในคราบจีรณาดูแลคุณยายกระทั่งท่านเข้านอน คืนนี้คุณยายแสดงพิรุธให้ได้ผิดสังเกต กับคนอื่นคงไม่ฉุกคิดหากสำหรับหล่อนที่มาเพื่อค้นหาความลับโดยเฉพาะทำตัวตามปกติ หลุบนัยน์ตาซ่อนแววแปลกใจครุ่นคิด คุณยายเข้าห้องแต่พลบค่ำทั้งยังไหว้วานให้อ่านหนังสือและนวดเฟ้น
ระหว่างปลีกตัวจากคุณยายไม่ได้ เตชินีพยายามเงี่ยหูฟัง บ้านเงียบ การสัญจรทางน้ำนิ่งสนิทเพราะคนต่างจังหวัดเข้านอนแต่หัวค่ำ หากใครคนนั้นที่จนป่านนี้ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมาบนเรือน หล่อนน่าจะได้ยินเสียงเรือหรือรถบ้างสิ แต่นี่กลับเงียบ
หญิงชราหายใจสม่ำเสมออย่างคนหลับสนิท ผู้ดูแลสาวจึงลุกออกจากห้อง หันกลับพุ่งสายตาไปยังห้องต้องห้าม หัวคิ้วชนกันแน่น
ไฟเปิด?
ความต้องการลึกเร้นเรียกร้องขาก้าวตรงไปหากสมองสั่งหยุดแล้วเปลี่ยนเส้นทางเข้าห้องนอนตน ข้างนอกอากาศเย็นแต่เพราะอุดอู้อยู่ในห้องหญิงชราเป็นชั่วโมง รู้สึกระคายตัว เตชินีทำตัวตามปกติให้มากที่สุด คว้าผ้าเช็ดตัว ชุดสำหรับใส่นอนเดินลงห้องน้ำชั้นล่าง
น้ำเย็นจากฝักบัวหาได้ลดทอนความร้อนภายใน เอาสิ หล่อนก็อยากรู้ว่าในเมื่อห้องนั้นมีชีวิตขึ้นมาแล้วคนข้างในจะทำอย่างไรต่อ หวังให้เร่งรีบวิ่งแจ้นเข้าไป
ฝัน!
ห้องนอนที่คุณยายผู้ว่าจ้างยกให้เป็นอาณาจักรส่วนตัวชั่วระยะเวลาทำงานที่นี่คงเคยเป็นห้องนอนของหญิงสาวมาก่อน ตั่งเครื่องแป้งทำจากไม้สีเข้มตั้งตรงตำแหน่งหน้าต่างบานหนึ่ง หญิงสาวนั่งพับเพียบสางผมยาวอย่างยิ่งก่อนม้วนตลบแล้วปักปิ่นเพื่อต้นคอจะได้โล่งสบาย กระจกเงาเก่าหากยังเที่ยงสะท้อนเงาหญิงสาวสวมเสื้อยืดลายการ์ตูน ใบหน้าผัดแป้งบาง ๆ นอกนั้นเป็นความงามธรรมชาติ
เตชินียืนขึ้นเต็มความสูงขยับกางเกงผ้าฝ้ายแบบป้ายผูกขึ้นสูงอีกนิดเพราะปลายกางเกงยาวลากพื้น เตียงเหล็กขนาดสามฟุตครึ่งใกล้ตั่งเครื่องแป้งใหม่เอี่ยมคงเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ชิ้นเดียวในห้องนี้ หล่อนจัดหมอนตั้งพิงหัวเตียงนั่งกึ่งนอนเหยียดขาหยิบหนังสือนวนิยายที่อ่านค้างขึ้นเปิด
ตั้งแต่เด็ก หล่อนก็ขึ้นชื่อเรื่องสมาธิดีไม่ค่อยวอกแวกง่าย ๆ ผลจากคุณสมบัตินี้ส่งให้เป็นคนเรียนดี เมื่อยามผันชีวิตเป็นนักเขียนเตชินีพบว่าสมาธิเป็นสิ่งสำคัญ มันช่วยผลักดันหล่อนคิดได้อย่างไม่หยุดยั้ง
เนื้อหานวนิยายผ่านสายตาตอนแล้วตอนเล่า อดหยิบนาฬิกาข้อมือบนตั่งข้างเตียงดูเวลาไม่ได้แล้วพบว่าล่วงเลยถึงตีหนึ่ง หล่อนเริ่มวอกแวก ก็ทำไมไม่เห็นคนในห้องนั้นเคลื่อนไหว สงครามเย็นท่าทางได้ผลติดลบ หากลองหล่อนเฉยแล้วอีกฝ่ายก็นิ่งเมื่อไหร่จะรู้ความ
คิดแล้วลุกเดินออกจากห้อง ตรงดิ่งสู่ห้องปริศนา หากคืนนี้ปราศจากแสงจันทร์เพ็ญหล่อนคงได้ยืนอยู่ใต้เงื้อมเงามืดน่าสะพรึงราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในฉากหนังสยองขวัญ นาน...กว่าจะยื่นมือออกไปยังประตูซึ่งมิได้ล็อคจากด้านนอก และหากคนข้างนอกก็ถอดสลักทิ้งไว้คงผลักเข้าไปได้ง่ายดาย
ฉับพลัน ประตูก็เปิดออกพร้อมร่างชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่างช่องประตู แสงไฟจากภายในห้องสาดออกมาครอบกรอบโครงสูง เตชินีอุทานตกใจหดมือกลับ แสงจันทร์สินะที่เข้าข้างส่องลงมาให้ได้เห็นหน้าเขาชัดเจน ใบหน้าซึ่งกอปรขึ้นจากองค์ประกอบคมเข้มเครียดเคร่ง เหมือนเขาเองผิดคาดและหัวเสียไม่น้อย เตชินีเบิกตากว้าง ชายหนุ่มนิ่วหน้าสบถออกมาคำหนึ่ง
ทำไมถึงเป็นเธอ
ผู้ชายคนนี้...คนเดียวกับชายหนุ่มในร้านกาแฟผู้มีดวงตานิ่งดุและอำนาจบางอย่าง หาเสียงตนไม่พบชั่วอึดใจแล้วเตชินีค่อยสวนกลับไปว่า
แล้วทำไมถึงเป็นนาย
อย่าเรียกฉันว่านาย
นี่ถ้าเขาฆ่าหล่อนทางสายตาได้คงทำ น้ำเสียงเมื่อครู่ยืนยันแล้วว่าเขาโกรธ...อย่างมาก แต่ ไม่มีผลสำหรับเตชินี
งั้นก็อย่าเรียกฉันว่าเธอ
รักกันจริงต้องเม้นท์ต้องโหวต เหอ ๆ
Ro sE
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ว วว!~
เอาแล้วๆ ๆๆ
อ่านต่อๆ ๆๆ >.<
อิอิ
มาเจอกันจนได้เนอะ...
อิอิ...
น่าลุ้น...
หนุก.......
ลุ้นจังอ่ะ
เจอะกันแล้ว
หนุกหนานหนุกหนาน
เจอตัวซะที
เฮอะๆ
สนุกมากเลย
เตอย่าไปยอมมันนะ โอ้ยยยย ยิ่งอ่านยิ่งสนุกค่ะ จริงๆ ไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้มาก่อน
เเนวนี้คือนิยายแบบโตขึ้นมานิดนึงอ่ะนะคะ
ไปอ่านต่อดีกว่าาาา
ของแรงก็ต้องเจอของแรง
เจอของจริงเข้าให้แล้ว
นี่สิ
ตัวจริง!!!..ว๊ะฮ๊ะฮ่า าาา า าๆ ๆๆๆ ๆ
อย่าไปยอมมันน๊ะ!!
(เปนเอามากวุ้ย กุ - -*)
หนุกๆมากมาย