'แม้เล็กน้อยก็ตาม...ฉันก็อยากตั้งความหวังกับมัน...'
EP 00 -
'นี่มันอะไรน่ะ?'
'ประตูไง สิ่งที่เชื่อมด้านในกับข้างนอก'
'ข้างนอกงั้นเหรอ?ยังไม่เคยไปกันเลยสักครั้งนะ!'
'ก็พวกเราอยู่ที่นี่ตลอดตั้งแต่เกิดมาเลยนี่นะ'
'จะว่าไปหม่าม๊าก็บอกตลอดนี่นะว่าประตูกับด้านหลังรั้วในป่ามันอันตรายห้ามเข้าไปใกล้น่ะ'
'เรื่องนั้นมันต้องโกหกแน่อยู่แล้วสิ'
'เอ๋~...นี่เรย์ถ้าออกไปข้างนอกแล้วอยากทำอะไรงั้นเหรอ?'
'ไม่รู้...แล้วเอ็มม่าล่ะ?'
'ฉันอยากขี่ยีราฟ!'
'....สู้เขา'
'เจ้านี่มันกำลังปกป้องเราจากอะไรกันนะ'
'อือ....'
"อึก..."
ฝันอย่างงั้นเหรอ...น่าคิดถึงจังเลยนะ
ฉันลืมตาปรับโฟกัสรอบตัวอย่างช้าๆ ห้องนอนสีขาวสะอาดตา และที่นอนของทุกคน ที่เริ่มเก็บพับเรียบร้อย ให้ตายสินี่ฉัน..ตื่นช้ากว่าทุกคนเหรอเนี่ย ฉันค่อยๆมองไปรอบๆเด็กๆบางคนพึ่งเก็บที่นอน บางคนเตรียมตัวอาบน้ำก่อนทานอาหารเช้า ฉันค่อยๆลุกจากที่นอนและเตรียมตัวบ้าง เช้านี้ก็เหมือนทุกๆวันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป...ไม่สิจะว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนก็ไม่เสียทีเดียว
"เฮ้"
เสียงทักอันคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมสันมือที่ลงมากระทบกับหัวฉันซึ่งถ้าให้พูด มันคงเป็นกิจวัตรของฉันกับ'เพื่อนสนิทที่สุดที่เหลืออยู่'ของฉัน
"อรุณสวัสดิ์เรย์"
"อรุณสวัสดิ์เอ็มม่า...แปลกนะที่เธอตื่นช้ากว่าเจ้าพวกโทมะแบบนี้"
"อือ..นั่นสินะ"
ฉันตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนทุกทีแม้จะเป็นยิ้มที่ไร้เรี่ยวแรงแต่ฉันก็ยังพยายามยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้ใครต้องเป็นห่วง...พี่สาวคนโตอย่างฉันต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องน้องๆและทุกคน ใครจะมาว่าฉันคิดในแง่ดีเกินไปหรือโลกสวยมันก็ไม่สำคัญหรอก ถ้าสิ่งที่ฉันทำมันจะทำให้ทุกคนปลอดภัยฉันก็ยอมทำทุกอย่าง
"คิดอะไรคนเดียวอีกแล้วนะ.."
ฝ่ามือหนาที่กระทบกลางหัวเมื่อกี๊เปลี่ยนมาลูบเบาๆบนหัวฉัน เรย์เป็นแบบนี้เสมอ ภายนอกดูหยาบกระด้าง หวาดระแวงต่อทุกคน แต่ที่จริงเขานั่นแหละที่ใจดีมากกว่าใคร และฉันก็ชอบจุดนี้ของเรย์มากๆเช่นกัน เพราะทั้งฉันหรือทุกคนรู้ดีว่า เรย์น่ะรักครอบครัวมากกว่าใคร
"ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยนะ"
"โกหก...เธอน่ะจะคิดหรืออะไรมันก็แสดงออกทางสีหน้าหมดนั่นแหละ...คิดว่าเรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วห๊ะ"
"อือ..ถ้าไม่นับตอนเป็นทารกก็คงสัก10กว่าปีล่ะมั้ง"
"ถ้ารู้แล้วมีอะไรในใจก็บอกมาซะยัยบ้า"
ฉันเผลออมยิ้มกับเสียงที่แม้จะดูดุฉันอยู่แต่มุมปากเขากลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าฉันน่ะโกหกไม่เก่ง ไม่สิ เรียกว่าโกหกได้แย่ทีเดียวถ้าไม่นับตอนที่ต้องพยายามแสดงท่าทางร่าเริงต่อหน้าคนอื่น แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เรย์กับนอร์แมนก็จะรู้เสมอ
"นอร์แมน..."
ฉันเผลอพึมพำชื่อนึงออกมา ใช่ชื่อของเพื่อนสนิทอีกคนที่สำคัญมากสำหรับฉัน ครอบครัวคนสำคัญที่ฉันได้สูญเสียไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนฉันก็รู้สึกว่าเขายังอยู่กับฉันเสมอ ช่วงที่ฉันเกือบตายที่โกลดี้พอนด์ ฉันก็ยังรู้สึกถึงตัวตนของเขาที่ยังอยู่ข้างฉัน
"เอ็มม่า.."
"อ๊ะ..ม..ไม่มีอะไรหรอกเรย์...คือว่า.."
อ้อมแขนแกร่งเอื้อมมากอดฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว ความอบอุ่นที่ส่งผ่านอ้อมแขนนั้นทำให้ขอบตาฉันร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะพยายามสะกดกั้นอารมณ์ไว้แค่ไหน หรือจะแสดงละครตบตาใครได้ แต่กลับเรย์และนอร์แมนฉันไม่เคยกลั้นอารมณ์ตัวเองได้เลย
ฉันก็แค่หวังว่า'เขา'จะยังอยู่ แค่ตั้งความหวังที่ริบหรี่ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้เป็นความหวังลมๆแล้งๆก็ตามที
"จะร้องออกมาบ้างก็ไม่เห็นไปไร...ฉันยังอยู่ตรงนี้..."
"ฉัน..ฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงดี ฉันไม่รู้ว่าควรระงับอารมณ์แบบไหน..."
"..."
ไม่มีแม้แต่เสียงปลอบใจหรือสีหน้าแสดงความเห็นใจใดๆ เรย์ยังคงกอดฉันอย่างปลอบโยน เพียงแค่นั้นก็ทำให้ฉันรูัสึกดีขึ้น
การแสดงความเศร้าออกมาไม่ใช่เรื่องน่าอายไม่ใช่เรื่องตลก และการพึ่งพิงใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่
"เรย์..ฉัน..ฉันแค่อยากเชื่อใจกับความหวังที่ริบหรี่...แค่อยากเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แค่อยากหลอกตัวเองว่าเรายังอยู่ดูกัน3คนเหมือนเมื่อก่อน..ฉัน..ฉันแค่.."
คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากของฉันราวกับกำแพงความอดทนที่มันได้พลังทลายลงไป ความอัดอั้นที่อยากระบายออกมามันเยอะขึ้นมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
'เอ็มม่าน่ะเหมือนดวงตะวันเลยนะ คอยสาดส่องให้ความอบอุ่นแก่ทุกคนรอบตัว'
ใครบางคนเคยกล่าวกับฉันไว้แบบนั้น แต่ฉันรู้ดีว่าดววตะวันสักวันมันก็ต้องมอดดับลง เหมือนกับตัวฉัน แม้จะพยายามเข้มแข็ง ทำเป็นพูดเอาแต่ใจว่าจะเปลี่ยนโลก ทำเป็นบอกว่าจะสร้างปาฏิหารย์พร้อมทุกคน
แต่ลึกลงไปในใจฉัน ฉันก็รู้ตัวดีว่า 'ปาฏิหารย'์น่ะไม่มีจริงหรอก ถ้ามีจริงพี่น้องฉันคงไม่ตาย และคงไม่มีใครต้องถูกพวกปิศาจกิน
ฉันน่ะแค่หลอกตัวเองอยู่ว่าฉันจะสามารถช่วยทุกคนได้ ถึงแม้ฉันยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนยังไม่ตายแต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บเจียนตาย
แม้แต่ตัวฉันเองก็ตาม
ฉันพยายามหยุดน้ำตาตัวเองและผละออกจากอ้อมแขนของเพื่อนสนิทของฉัน ดวงตาสีมนจ้องเข้ามาที่ฉันราวกับพยายามวิเคราะห์ แต่ฉันรู้ดีสิ่งที่ฉันควรทำคือ
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะเรย์~"
"แน่ใจนะ"
"สบายมากๆ อ๊ะกิลด้า แอนนา ฉันช่วยนะ ไปกันเถอะเรย์ฉันหิวแล้วล่ะ พวกคุณยูโกะก็คงรอแล้ว"
อา..วันนี้ก็เหมือนทุกวัน ฉันยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่เป็นไร ฉันน่ะตัดสินใจแล้ว...
จะอ่อนแอก็ไม่เห็นเป็นไร...แต่ถ้าแข็งแกร่งคงดีกว่า
จะเศร้าก็ไม่เป็นไร แต่จะไม่ให้ใครเศร้าเพราะฉันเป็นอันขาด
จะเจ็บปวดก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ต้องไม่เป็นสาเหตุให้ใครต้องเจ็บปวดเป็นอันขาด
จะหลอกตัวเองก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงสุดท้ายผลมันก็เปลี่ยนจากเดิมเท่าไหร่หรอก....
"อรุณสวัสดิ์ทุกคน~"
"อรุณสวัสดิ์เอ็มม่า!"
มันก็แค่หลังจากเศร้าแล้วต้องปั้นหน้ายิ้มให้ดีที่สุดก็พอ..
ไม่ใช่แค่เพื่อทุกคน
แต่มันก็เพื่อตัวฉันเองด้วย
"แปลกจังเลยนะ..ที่เธอตื่นช้ากว่าพวกเด็กเล็กเนี่ย"
เสียงของไวโอเล็ตทำให้ฉันหันไป และพบเธอเดินมากับพวกโอลิเวอร์
"อรุณสวัสดิ์ทุกคน...พอดีว่านอนเพลินน่ะ"
ฉันพยายามเอ่ยให้เป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช่แบบนี้แหละดีแล้ว ทุกคนจะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วง แต่ทว่าฝ่ามือของโอลิเวอร์ คุณลูคัส กลับเอื้อมมาวางบนหัวฉัน
อา..
"ไม่ได้ผลสินะ"
ฉันพึมพำออกไปพรางยิ้มน้อยๆออกมา ใช่ที่ว่าหลอกทุกคนได้น่ะ มันก็แค่คำพูดหลอกตัวเองเท่านั้นแหละ. ที่จริงก็รู้อยู่แล้วล่ะ
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาอ่อนโยนหลายคู่ที่มองมาที่ฉัน
ตัวฉันรู้ดีที่สุดอยู่แล้ว..ฉันน่ะ..หลอกใครไม่ได้สักคน..แม้แต่ตัวเอง
"ไม่เป็นไรหรอกนะทุกคน!ฉันแค่ฝันร้ายนิดหน่อยน่ะ...ไม่สิ...อาจไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความทรงจำน่ะ"
เมื่อปิดไม่ได้ฉันถึงได้เลือกตัวเลือกสุดท้าย ไม่สิ ไม่ใช่ตัวเลือกหรอก..มันไม่เคยมีตัวเลือกอยู่แล้วเรื่องแค่นั้นเด็กยังรู้เลย.
"ถ้ารู้ตัวว่าฝืนอยู่จะระบายออกมาบ้างก็ได้นี่เอ็มม่า"
คุณลูคัสเอ่ยพรางระบายยิ้มออกมา ฉันนี่มันโง่จริงๆ
"ขอบคุณนะทุกคน..ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะก็มีทุกคนอยู่ด้วยนี่นา!"
ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังเป็นฉัน ต้องยิ้มและก้าวต่อไป จริงอยู่ที่ฉันยังทำใจเรื่องนอร์แมนไม่ได้เลย..แต่ว่าตอนนี้ฉันต้องก้าวไปข้างหน้า
ไม่เป็นไรหรอก..ก็มีเรย์ มีกิลด้า ดอน คุณยูโกะ คุณลูคัส โอลิเวอร์ ไวโอเล็ต แล้วก็ทุกๆคนอีกนี่นา
ถ้าฉันมายอมแพ้ แล้วจิตตกกับเรื่องพวกนี้ง่ายๆก็ไม่ใช่เอ็มม่าแห่งเกรซฟิลด์น่ะสิ
มีแต่จะต้องก้าวต่อไปสิ
"หิวแล้วล่ะทานข้าวกันเถอะทุกคน!"
ไม่มีเวลาแล้ว อีกแค่2วันเราจะไปตามหาดวงตามังกรกันแล้ว จะมัวแต่ชักช้าไม่ได้
ต้องทำให้สำเร็จ หาทางไปสู่โลกมนุษย์และกลับไปช่วยพวกฟิลที่เกรซฟิลด์ เราจะมามัวหยุดอยู่กับที่ไม่ได้หรอก
ต้องช่วยทุกคนให้ได้!!
ุมุมนึงของเนเวอร์แลนด์แสนโหดร้าย ณ ปราสาททมึฬ ได้ปรากฏร่างของชายหนุ่มทั้ง7คนนั่งล้อมวงดื่มชากันอย่างหาได้สนใจโลกภายนอกสักนิด
"นี่ วาซตี้ เราต้องรอกันไปถึงเมื่อไร ถึงจะไปรับเด็กคนนั้นได้สักที"
"น่า...รีบไปก็ไม่ได้อะไรหรอกซูแปรบีอา"
"ถ้าเธอกลับมาฉันจะอิ่มหรือปล่าวนะ"
"ไม่เห็นต้องรีบเลย...จะรีบไปให้เหนื่อยทำไม..ทางที่ดีทุกคนมานอนให้สบายๆดีกว่าา..หาวว"
"อา~...แต่ฉันน่ะคิดถึงสัมผัสของเด็กคนนั้นแล้วนะ~"
"ลัส..คุณนี่จะทำตัวแบบนั้นไปถึงเมื่อไหร่นะครับ"
"เอาน่าฉันเข้าใจพวกนายว่าอยากเจอเด็กคนนั้นแค่ไหน.."
"มันตั้งพันกว่าปีแล้วนะเฟ้ย วาซตี้ ทำไมนายยังจะใจเย็นได้อีก "
"ตามข้อมูลที่ได้มา เธอได้เกิดใหม่มาจะ12ปีแล้วล่ะนะครับ...แถมยังหนีออกมาจากสถานที่น่ารังเกียจนั่นได้แล้วด้วย"
"ฮะๆๆ สมแล้วที่เป็นเด็กคนนั้น จะผ่านไปกี่พันปีก็ยังสร้างเรื่องน่าตกใจได้จริงๆ"
"อีกไม่นานหรอก..เธอคือของของฉัน...ยังไงกระต่ายน้อยของพวกเราก็ต้องกระโดดกลับมาสู่อ้อมแขนของพวกเราเหมือนเดิม..และเพื่อการนั้น"
"ครับ..เราจะต้องเปลี่ยนไอเนเวอร์แลนด์แสนโสมมนี่ซะ"
"เพื่อการนั้นเรา7คนจะพลาดไม่ได้..เพราะมีแค่พวกเราที่จะคอยเป็นพลังให้เธอคนนั้น"
'ไม่เป็นไร....อีกไม่นานหรอก...พวกเราจะไปรับเธอแน่ๆ....เอ็มม่า'
คือตอนที่มันมีตัวละครนึงมันบอกว่า "ลัส" ตูอ่านเป็น "สัส" นึกว่ามันด่ากันเชี่ยเอ้ย5555
มาต่อเร็วๆนะคะ สงสารเอ็มม่า????แต่ฟินที่เรย์เอ็มม่าเหมือนกัน????