ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Bad Boy เป็นของฉันได้ไหมนายตัวแสบ - HaeEun feat. WonKyu

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 20 [ End ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.35K
      8
      6 เม.ย. 58

    Chapter 20 [ End ]



     




     

     

     

     

     

    ทงเฮยืนมองเตียงกว้างซึ่งมีร่างบางของฮยอกแจที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนอนพิงหัวเตียงเล่นโทรศัพท์อยู่ฝั่งซ้ายของเตียงสลับกับหันออกไปมองด้านนอกตำแหน่งของที่ตั้งโซฟาอย่างคนที่ตัดสินใจไม่ถูก

     

    “นอนด้วยกันก็ได้”  ฮยอกแจเอ่ยบอกโดยที่ไม่ได้ละสายตาออกจากเครื่องมือสื่อสารตรงหน้า

    “ปิดไฟเลยมั้ย”  ทงเฮต้องบังคับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งไม่ให้ปากหยักเผยยิ้มออกมามากเกินไปจนอีกคนอาจจะไม่ไว้ใจเขาไปเสียก่อน

     

    เมื่อคนที่อยู่บนเตียงพยักหน้าร่างหนาก็เดินไปปิดประตูห้องนอน  คว้ารีโมทตรงโต๊ะหัวเตียงขึ้นมากดปิดไฟ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่มและแทรกตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกันนอนพิงหัวเตียงมองอีกคนที่ยังคงเล่นโทรศัพท์อยู่  อยากจะพูดอีกสิ่งที่ค้างจากเมื่อตอนหัวค่ำแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

     

    “ฮยอกแจ”  เสียงทุ้มเรียกชื่ออีกคนเพื่อดึงความสนใจของร่างบางออกจากโทรศัพท์ตรงหน้า

    “หืม” แต่ฮยอกแจก็ทำเพียงแค่ขานรับในลำคอ  ไม่ได้ละสายตาออกมามองคนเรียก

    “คุยกันหน่อยได้มั้ย ผมมีบางอย่างอยากจะบอก”

    “ว่า”  มือบางลดโทรศัพท์ลงก่อนจะหันมาถาม  และเมื่อได้สบกับสายตาของอีกคนที่มองมาฮยอกแจก็อยากจะยกโทรศัพท์กลับขึ้นมาทำเป็นกดเล่นเหมือนเดิมเหลือเกิน  ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลยจริงๆ

     

    ดวงตาสีน้ำตาลที่มองมาอย่างจริงจังและแฝงไปด้วยความอ่อนโยนมันทำให้หัวใจของฮยอกแจเต้นไม่เป็นจังหวะ  ถ้าเปลี่ยนใจไม่คุยตอนนี้ยังทันมั้ย  เขามุดเข้าผ้าห่มได้มั้ย หรือนอนหันหลังหนีไปเลยได้หรือเปล่า  ใครก็ได้โทรเข้ามาตอนนี้หน่อยเถอะ
     

    “ผมคิดว่าผมระ.....”

    “พ่อคุณเป็นยังไงบ้าง”  อยู่ๆฮยอกแจก็โพล่งถามออกมาเสียงดังกลบเสียงนุ่มทุ้มของทงเฮที่กำลังจะเอ่ยบอกความรู้สึกพร้อมกับแววตาชวนละลาย
     

    ทงเฮระบายลมหายใจออกมาอย่างขัดใจก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปใหม่ลึกๆระงับตัวเองไม่ให้จับคนตรงหน้านี่ฟัดให้จมที่นอนเพราะความหมั่นเขี้ยวไปเสียก่อน
     

    “ก็ยังต้องรอผลอยู่  พรุ่งนี้น่าจะรู้ผล” 
     

    เมื่อเปลี่ยนมาพูดเรื่องนี้น้ำเสียงของทงเฮก็เศร้าลงอย่างที่ทำให้คนถามนั้นรู้สึกผิดที่ถามขึ้นมา  เพราะเมื่อตอนหัวค่ำทงเฮก็เล่าให้ฟังแล้วว่าซูมานอาจจะต้องผ่าตัดถ้ากระดูกสะโพกหัก  อีกคนคงจะกำลังเครียดเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเพราะนี่ก็หลายวันมาแล้วที่หมอ ยังไม่ให้คำตอบเสียที
     

    “ผมไม่น่าถามเลยเนอะ  คงไม่มีอะไรหรอกขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีของครอบครัวคุณนะ”  มือบางเคลื่อนออกมาวางบนหลังมือหนาและบีบเบาๆเพราะต้องการให้กำลังใจและเป็นการไถ่โทษที่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

    “ผมขอกอดคุณได้มั้ย” น้ำเสียงที่เอ่ยขอนั้นเรียกให้หัวใจของอีกคนอ่อนยวบ  ฮยอกแจพยักหน้าเป็นการอนุญาตก่อนจะหันมองไปอีกด้านของเตียงเมื่อรู้สึกว่าเลือดกำลังสูบฉีดขึ้นหน้าไม่ต่างจากตอนที่ดื่มเหล้าเข้าไปเลย

     

    และเพราะแบบนั้นจึงไม่ได้เห็นแววตาเจ้าเล่ห์กับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยของอีกคน  ทงเฮปรับสีหน้าให้เป็นโหมดเศร้าเหมือนเดิมก่อนจะโผเข้ากอดร่างบาง ใบหน้าคมซบอยู่แถวซอกคอของฮยอกแจ ลมหายใจอุ่นๆที่ตั้งใจเป่ารดอยู่ตรงต้นคอทำให้ร่างบางเกร็งตัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเข้าออก

     

    “คุณ !!!  ฮยอกแจร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นร้อนจากริมฝีปากของทงเฮประทับอยู่แถวลำคอก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไปบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงกัน  มือบางจะผลักอีกคนออกแต่ทงเฮก็ขืนตัวไว้

    “ขอให้ผมได้กอดคุณ   อยู่กับผมคืนนี้...นะ..ฮยอกแจ” ทงเฮเอ่ยร้องขอออกมาพร้อมกับหยุดนิ่งทุกการเคลื่อนไหวเพื่อรอคำตอบ

     

    น้ำเสียงวอนขอของทงเฮพร้อมกับอาการนิ่งค้างไปแบบนั้นเพื่อรอคำอนุญาตทำให้ใจที่จวนเจียนจะอ่อนอยู่แล้วของฮยอกแจหลอมละลายไปทันที  มือบางที่จับไหล่ของอีกคนไว้เตรียมจะผลักออกก่อนหน้านี้เลื่อนลงมาลูบหลังเป็นการปลอบใจและให้คำตอบไปในตัว

     

    แต่ฮยอกแจคงไม่รู้เลยว่าต่อให้ตนเองจะไม่อนุญาต คืนนี้คนเจ้าเล่ห์ที่ซุกซบอยู่ตรงคอก็คงไม่มีทางปล่อยให้ร่างบางรอดไปได้  ก็ในเมื่อตั้งใจจะเอ่ยปากบอกรักกันดีๆแล้วอยากขัดกันดีนักก็บอกรักกันด้วยภาษากายนี่แหละ

     

    เมื่อรับรู้ได้ถึงมือบางที่เคลื่อนจากต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมาโอบกอดเขาไว้แทนทงเฮจึงสานต่อการกระทำก่อนหน้านี้ทันทีอย่างไม่ต้องให้คนอนุญาตเอ่ยปากซ้ำ 

     

    ปากหยักกดลงบนต้นคออย่างแผ่วเบาก่อนจะระเรื่อยขึ้นมาตามสันกรามได้รูปของใบหน้าหวาน  จมูกคมกดซึมซับกลิ่นหอมของโฟมล้างหน้าบนแก้มนุ่ม กลิ่นของโฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชายที่เขาใช้มันอยู่ทุกวันแต่เมื่อมันอยู่กับผิวของฮยอกแจแล้วทำไมถึงได้หอมชวนหลงใหลขนาดนี้กัน  เพียงไม่นานปากหยักก็ลากไล้มาบรรจบกับริมฝีปากบางที่เผยอรออยู่แล้วอย่างรู้ดีว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

     

    “ขอบคุณนะ”
     

    เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปากก่อนจะกดปากลงบดเบียดกับกลีบปากบาง ขบเม้มเบาๆอย่างไม่รีบร้อนไม่นานก็ส่งปลายลิ้นอุ่นชื้นออกมาแตะเบาๆเพื่อขอให้อีกคนเปิดปากออกรับมัน ซึ่งฮยอกแจก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดีริมฝีปากบางเปิดออกรับปลายลิ้นของทงเฮเข้าไปในโพรงปาก ก่อนจะตวัดปลายลิ้นตนเองหนีคล้ายจะยั่วให้อีกคนไล่ต้อน
     

     

    -----------------------โคมไฟ ------------------------

     



    “ผมรักคุณนะฮยอกแจ  เป็นของผมได้มั้ย”

    เสียงทุ้มกระซิบถามอยู่ตรงหน้า ลมหายใจอุ่นๆยังเป่ารดอยู่แถวจมูกรั้นในขณะที่ส่วนล่างก็ยังคงสอดประสานกันอยู่

    “แล้วนี่ยังไม่เป็นอีกหรือไงเล่า”  ร่างบางเอ่ยพร้อมกับขยับช่วงสะโพกที่ยังเชื่อมต่อกันอยู่อย่างประชด  ตัวตนของอีกคนยังค้างอยู่ในช่องทางเขาอยู่เลย  ช่างพูดมาได้ว่าเป็นของผมได้มั้ย

    “ผมหมายถึงตรงนี้ต่างหาก”  ทงเฮใช้นิ้วชี้จิ้มลงไปที่หน้าอกข้างซ้ายของร่างบาง

    “คนบ้า”  บทจะโรแมนติกก็พูดออกมาได้ แล้วสภาพอย่างเขาตอนนี้จะทำอะไรได้นอกจากหันหน้าหนี  ไม่อยากจะสบตากับอีกคนให้ได้เขินหนักไปมากกว่านี้ 
     

    “ได้มั้ย เป็นของผมนะ”

    “แล้วคุณล่ะ  ตรงนี้เป็นของใคร”  ฮยอกแจจิ้มลงไปแรงๆที่อกข้างซ้ายของทงเฮบ้าง

    “เป็นของคุณ.....นานแล้ว....I’m yours ใบหน้าหล่อตอบพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมั่นใจ จนคนที่เขินเป็นทุนอยู่แล้วยิ่งเขินมากกว่าเดิมไปกันใหญ่  สงครามรักที่เพิ่งจบไปยังทำให้อี ฮยอกแจเขินได้ไม่เท่ากับตอนที่อีกคนกำลังบอกรักกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เลย ให้ตายเถอะ

    “เดี๋ยวก็หายไปอีก”  แต่ถึงจะแอบดีใจขนาดไหนก็อดจะพูดออกไปไม่ได้อยู่ดี

    “ไม่หาย จะอยู่กับคุณตลอดเลย”

    “ไม่เชื่อหรอก ไล่นิดเดียวก็ไปแล้ว” ร่างบางนึกถึงตอนที่มีความสัมพันธ์กันครั้งแรกที่เขาไล่ทงเฮกลับไปเพราะความสับสนและเสียหน้าแล้วอีกคนก็หายเงียบไปเลย

    “ไม่ไป

    แล้ววันนั้นที่คอนโดผม”

    “ไม่ได้อยากไป  ก็โดนไล่...กะว่าจะกลับไปตั้งหลัก  แต่ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อน”

    “มีปัญหาอะไร”  ฮยอกแจเริ่มขยับตัวหนีและจะผลักอีกคนออกเพราะอยากจะคุยกันดีๆ  แต่ทงเฮก็ไม่ยอม

    “คุยกันแบบนี้แหละอบอุ่นดี” ใบหน้าหล่อยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้  ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตนเองต่อ

    “พ่อท่านสุขภาพไม่ค่อยดี  หลังจากวันนั้นที่คอนโดคุณผมก็ไปเป็นเพื่อนท่านตรวจร่างกายแล้วผลที่ออกมาไม่โอเคเท่าไหร่เลยตัดสินใจเข้าไปเรียนงานที่บริษัท อยากจะแบ่งเบาภาระท่านออกบ้างกับอีกเหตุผลนึงคือ...กะว่าจะตั้งใจทำงานเอาให้ยุ่งจนลืมคนแถวนี้.......แต่ทำไม่ได้ อยากไปเจอหน้า  สุดท้ายก็เลยก็ต้องพาตัวเองไป  พูดก็พูดเถอะวันนั้นผมโกรธคุณนะ” 

    “โกรธเรื่องอะไร”

    “ก็คุณจะไปกับผู้หญิงคนนั้น”

    “มันก็เรื่องปกติ”

    “ไม่ปกติแล้ว  จากนี้ห้ามไปกับใครอีก”

    “จะมาห้ามได้ไง”

    “ทำไมจะห้ามไม่ได้ นี่ไง” ทงเฮแกล้งขยับสะโพกเสียดสีเข้าออก จนมือบางต้องจับเอวหนาให้หยุด

    “อ๊ะ..ยะ..หยุด”

    “เสียงแบบนี้ชักไม่อยากหยุดแล้วละ ต่อกันเถอะ”

    “เชิญต่อไปคนเดียวเถอะ ลุกได้แล้ว”

    “จะต่อคนเดียวได้ไงล่ะ มันต้องทำสองคน”

    “อี-ทง-เฮ”  ฮยอกแจเรียกชื่ออีกคนเสียงรอดไรฟัน 

    “คร๊าบบบ”  แต่ทงเฮก็ไม่ได้สะทกสะท้านยังคงส่งยิ้มทะเล้นกลับไปให้
     

    “ตกลงจะเป็นของผมได้หรือยัง”  ร่างหนาเอ่ยถามออกมาอีกเมื่อเห็นว่าบรรยากาศนั้นเริ่มกลับมาสู่ในทิศทางที่ดีแล้ว

    “ก็เป็นอยู่นี่ไง” ฮยอกแจตอบแต่ไม่กล้าสบตา  ดวงตาเรียวหลุบต่ำลงก่อนจะเฉไฉมองออกไปด้านข้าง 

    “ตรงไหน” ทงเฮยังคงไล่ต้อนถามอย่างไม่ลดละ  ดวงตาสีน้ำตาลนั่นเป็นประกายระยับเหมือนเด็กรอลุ้นอะไรสักอย่าง

    “จะตรงไหนก็เป็นของคุณทั้งนั้นแหละ  ผมเป็นของคุณ อีฮยอกแจเป็นของอีทงเฮ ชัดพอหรือยัง” ฮยอกแจตอบออกไปเสียงดังทั้งต้องการจะบอกและต้องการจะประชด  แต่ผลที่ได้ก็คือใบหน้าที่เห่อร้อนของตนเองจนเจ้าตัวก็รู้สึกได้ว่ามันต้องแดงมากแน่ๆ  แถมทงเฮยังส่งมือออกมาประครองใบหน้าเขาไว้อีกและในตอนนี้ถึงอยากจะหันหน้าหนีเพราะความอายก็ทำไม่ได้อย่างใจคิดก็เล่นกักเขาไว้แบบนี้ทั้งร่างกาย

     

    ผมก็เป็นของคุณ

    ผมรักคุณนะ..ฮยอกแจ
     

    ดวงตาสีน้ำตาลส่งผ่านถึงความจริงจังในคำพูดไปให้อีกคน  ร่างบางไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีกแล้ว มีเพียงรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากบางอย่างห้ามไม่อยู่กับมือเรียวที่โอบกอดคนด้านบนด้วยหัวใจรักที่ไม่ต่างกันกับความรู้สึกที่ทงเฮมี  ฮยอกแจไม่อยากปฏิเสธหัวใจตนเองอีกต่อไปแล้ว  ช่วงเวลาที่ผ่านมาช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเขารู้สึกกับทงเฮเช่นไร
     

     “ต่อกันอีกรอบนะ ไปรำลึกความหลังที่โซฟากัน”

    ยังไม่ทันจะได้ซาบซึ้งกับคำบอกรักได้นานส่วนล่างก็รู้สึกถึงความวูบโหวงเพราะร่างกายที่ไม่ได้เชื่อมต่อกันแล้วก่อนที่กายบางจะลอยหวือขึ้นไปอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น ถึงจะเคอะเขินกับท่าทางการอุ้มในแบบเจ้าสาวของอีกคนแต่ฮยอกแจก็ไม่ได้ผลักไส มือบางส่งออกไปคล้องประสานกันไว้บนลำคอของคนอุ้มแต่ใบหน้ากลับหันออกไปอีกทางไม่กล้าพอที่จะซบลงไปบนอกแกร่ง  

    ทงเฮอุ้มร่างบางเดินออกไปด้านนอกทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่  ถึงแสงไฟในห้องจะมืดมิดแต่ก็ไม่เป็นปัญหากับคนที่คุ้นชินกับสถานที่เป็นอย่างดี  เมื่อพ้นออกจากห้องนอนไปแล้วปากหยักก็บดเบียดกับปากบางปิดกั้นคำประท้วงที่ดังงุ้งงิ้งอยู่ตลอดทางตั้งแต่ที่เตียงจนออกไปถึงข้างนอก เหลือไว้เพียงเสียงครางหวานๆของค่ำคืนแห่งความสุข

     

    “ผมก็รักคุณ...ทงเฮ”



     

     

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

     

     

    เช้าวันใหม่ฮยอกแจงัวเงียตื่นขึ้นมาภายใต้อ้อมกอดของคนรัก สถานะใหม่ที่เปลี่ยนไปเพียงข้ามคืน เมื่อนึกย้อนไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมาแล้วริมฝีปากบางก็อดจะยิ้มขึ้นมาไม่ได้   ใบหน้าหวานหันกลับไปมองคนที่นอนกอดตนเองอยู่ด้านหลังก่อนจะตัดสินใจเอ่ยเรียกเบาๆ

    “ทงเฮ  ตื่นได้แล้ว ไม่ไปทำงานหรือไง”

    “หืม...ไม่ไป  วันนี้จะไปรับพ่อ”  ร่างหนางัวเงียตอบกลับมา เพราะยังคงง่วงอยู่

    “ไปรับพ่อ  ไปรับทำไม”  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมุ่นเมื่อได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนเท่าที่ควรนัก

     

    และเหมือนว่าคำถามของร่างบางจะปลุกให้คนละเมอตื่นขึ้นมาเสียแล้ว  แต่ก็ยังคงทำเนียนคว่ำหน้ากับหมอนต่อไปเพราะยังคิดคำตอบไม่ได้ 

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrr

     

    ทงเฮอยากจะขอบคุณใครก็ตามที่โทรเข้ามาได้จังหวะพอดี  มือหนาจะเอื้อมหยิบโทรศัพท์เครื่องสวยมากดรับถ้าไม่ติดว่ามือบางจะคว้าไว้ได้เสียก่อน  ชื่อแตฮีที่ปรากฏหราอยู่บนหน้าจอทำให้ฮยอกแจถือวิสาสะสไลด์หน้าจอรับสายและกดเปิดสปีคเกอร์โฟนทันที

    “ฮัลโหลทงเฮ หมอพัคจีซังอนุญาตให้คุณท่านกลับบ้านได้แล้วนะ  อีกไม่เกินสองชั่วโมงคุณมารับเราที่โรงพยาบาลได้เลย ทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ

    ฮัลโหล..ทงเฮ  ฟังอยู่หรือเปล่าคะ”

    “ฟะ..ฟังครับ  อะ..เอ่อ อีกประมาณชั่วโมงครึ่งผมคงไปถึง ฝากทางโน้นด้วยนะครับ”

     

    ปลายสายถูกตัดไปแล้วพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องสวยที่ถูกเหวี่ยงออกไปกลางเตียงในเวลาไล่เลี่ยกัน

    “ไง  ไหนบอกรอฟังผล จะผ่าตัด”  ฮยอกแจเลิกคิ้วถามด้วยความหมั่นไส้

    “ก็ไม่ผ่าแล้วไง หมอก็ให้กลับบ้านได้เลย  ไปแต่งตัวกันเถอะ” ทงเฮทำท่าจะลุกออกจากที่นอนตามที่ปากว่า ถ้าไม่ติดว่าฮยอกแจจะคว้าแขนเขาไว้ก่อน

    “คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าท่านไม่ต้องผ่าตัด”  ร่างบางถามสีหน้าเอาจริง  แต่ก็ยังไม่เท่ากับลำตัวเปล่าเปลือยที่ตอนนี้ขึ้นไปคร่อมอยู่ด้านบนลำตัวของทงเฮที่ไร้อาภรณ์ไม่ต่างกันไว้แล้ว

     

    “หืม..ผมถามว่าคุณรู้เมื่อไหร่”  ฮยอกแจจงใจเลื่อนสะโพกลงไปบดกับส่วนนั้นซึ่งร่ำๆว่าจะตื่นขึ้นมาได้ง่ายมากจากสภาพของพวกเขาในตอนนี้  และมันคงไม่ดีแน่เพราะทงเฮจะต้องออกไปรับพ่อภายในอีกชั่วโมงกว่าๆข้างหน้านี้

    “ก็..ก็รู้ตั้งแต่วันอังคารแล้ว  แต่ถ้าผมไม่บอกคุณแบบนั้นคุณจะมากับผมเหรอ”

    “งั้นไอ้ที่ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ อยากได้กำลังใจเมื่อคืนก็ตอแหลสินะ”  สะโพกกลมมนกดเบียดลงไปอีกครั้งพร้อมกับมือที่ลากไล้ไปตามลำตัวของทงเฮ

    “แต่ความรู้สึกของผมเป็นเรื่องจริงนะ ทุกอย่างออกมาจากใจจริง  นอกจากเรื่องพ่อที่..เอ่อ...บอกไม่หมด”  ทงเฮแก้ตัวออกมารัวเร็วก่อนที่น้ำเสียงจะแผ่วลงในปลายประโยค

     

    “บอกไม่หมด ?  แถวบ้านเรียกจงใจโกหกเถอะ  เจ้าเล่ห์นักนะ  งั้นที่เหลือก็จัดการเอาเองแล้วกัน”  กายบางแนบลงไปจนชิดก่อนจะขยับสะโพกเสียดสีกับส่วนนั้นของทงเฮที่เปลี่ยนสภาพเต็มกำลังไปแล้วอีก 2-3 ครั้ง และลุกออกเดินหายเข้าห้องน้ำไปเลย ทิ้งให้อีกคนนอนค้างอยู่กลางเตียง 

     

    --------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------

     

    “จะไม่ไปด้วยกันจริงๆเหรอ”  ทงเฮเอ่ยถามคนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาอีกครั้งหลังจากตนเองแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ร่างหนาเดินเข้าครัวไปหยิบขนมปังกับบรรดาอุปกรณ์ต่างๆที่มีเพื่อทำแซนวิชให้อีกคนได้ทานรองท้อง  เพราะคิดว่าฮยอกแจน่าจะหิวแล้ว

    “ไม่ละ  พ่อคุณจะตกใจจนช็อคไปเปล่าๆ”  ฮยอกแจตะโกนตอบออกไป  เพราะห้องครัวที่ไม่ได้มีประตูปิดกั้นจึงทำให้คนด้านในและอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟายังคงสื่อสารกันได้โดยที่ไม่ต้องลุกไปยืนใกล้กัน

    “เอาไว้ผมจะหาโอกาสพาคุณไปทำความรู้จักกับท่านนะ”

    “อืม”

     

    “ทงเฮ”  ฮยอกแจเรียกอีกคนเมื่อนึกขึ้นได้ถึงบางเรื่อง

    “ครับ  ที่จริงคุณควรเรียกผมว่าพี่นะ หรือจะข้ามขั้นไปเรียกที่รักเลยก็ได้”  ทงเฮขานรับคำเรียก ถึงฮยอกแจจะเปลี่ยนมาเรียกชื่อเขาบ้างแล้วในบางครั้งแทนคำว่า “คุณ” กับ “ผม” ที่ใช้กันอยู่แต่ก็ยังไม่วายอยากให้อีกคนเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกให้ดูน่ารักขึ้นกว่านี้ แต่ไอ้คำว่า “ที่รัก” นั่นก็แกล้งแหย่เล่นไปอย่างนั้น  รู้ว่ายังไงฮยอกแจก็ไม่มีทางเรียกเขาแบบนั้นแน่

    “คำสุดท้ายลบทิ้งจากสารบบไปได้เลย ส่วนพี่ก็เรียกได้นะ ถ้าคุณอยากจะเป็นพี่ชายผม”

     “อืม...งั้นก็ไม่ต้อง  เป็นผัวนี่ละดีแล้ว”

    “คุณนี่มัน !! คนบ้าเอ้ย  พูดออกมาได้”  ฮยอกแจหยิบหมอนจะปาไปหาอีกคน แต่ก็ต้องวางกลับลงที่เดิมเพราะระยะห่างที่ไกลเกินไป สุดท้ายจึงทำได้แค่บ่นออกไปเสียงดังๆเท่านั้น

     

    “แล้วเรียกทำไม หรือว่าหิวจนทนไม่ไหวแล้ว”

    “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น  วันนี้ผมว่าจะไปดูรถ น่าจะซ่อมใกล้เสร็จแล้ว” 

    “ลองโทรไปก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเที่ยว”

     

    ในขณะที่มือกำลังวุ่นวายกับการทำแซนวิชสายตาคมก็เหลือบมองคนด้านนอกที่เงียบไป  ฮยอกแจกำลังคุยโทรศัพท์อยู่  คงจะโทรไปศูนย์ซ่อมรถตามที่เขาแนะนำ  มือหนาเรียงแซนวิชใส่จานและเก็บของเข้าตู้เย็นโดยไม่ลืมที่จะหยิบกล่องนมออกมาด้วย  จากนั้นจึงก้าวยาวๆออกจากครัวไปวางของกินและนั่งเคียงข้างกันกับอีกคนบนโซฟา

     

    “พี่เค้าบอกยังไม่เสร็จ   อีกนานเลย  ต้องรออะไหล่จากเยอรมัน เหมือนว่าโรงงานเขามีปัญหาอีกเป็นเดือนเลยกว่าจะผลิตอะไหล่ส่งมาได้”  ฮยอกแจว่าอย่างเซ็งๆก่อนที่มือบางจะหยิบกล่องนมสีชมพูออกมาเปิดดื่ม

    “ก็ไม่เป็นไรนี่  เอารถผมไปใช้ก่อนหรือไม่ก็เดี๋ยวผมไปรับไปส่งคุณแบบนี้ก็ได้”

    “ลำบากคุณน่ะสิ”

    “ไม่ลำบากเลย เต็มใจ ยินดีให้บริการ...ทั้งชีวิต” ใบหน้าหล่อยกยิ้มส่งมาให้จนฮยอกแจอดจะหมั่นไส้ไม่ได้

    “แหวะ เลี่ยน” แสร้งว่าก่อนจะวางกล่องนมลงบนโต๊ะ

    “นมหรือผม” ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่ก็ยังแกล้งถาม  ฮยอกแจจะรู้มั้ยนะว่าเวลาที่ตนเองทำท่าทางแบบนี้แล้วน่ารักในสายตาเขามากมายขนาดไหน 

    “อย่างหลัง”  ริมฝีปากที่ฉ่ำวาวเพราะน้ำนมที่ดื่มเข้าไปเมื่อครู่ตอบออกไปเสียงดังฟังชัด

     

    ทงเฮยกยิ้มอย่างชอบใจ มือหนาลูบผมอีกคนเล่นด้วยความรักใคร่แต่ฮยอกแจที่ไม่ชินสะบัดศีรษะออกทันทีจนอีกคนได้แต่ยิ้มขำ

     

    “ทานซะนะ ผมไปละ อาจจะอยู่บ้านโน้นสักพักแล้วเย็นๆจะเข้ามารับไป SWAG” ทงเฮเลื่อนจานแซนวิชไปตรงหน้าฮยอกแจเมื่ออีกคนทำท่าจะคว้ากล่องนมขึ้นไปดื่มอีกครั้ง

    “อืม ขับรถดีๆนะ”

    “ครับ”

     

    ริมฝีปากหยักกดลงบนปากบางอย่างรวดเร็วก่อนที่ปลายลิ้นจะสอดเข้าไปในโพรงปากกวาดชิมความหวานของนมสตอร์เบอร์รี่ที่เจ้าตัวเพิ่งดื่มเข้าไป  เพียงไม่นานทงเฮก็ผละออกมาจูบบนปากบางเบาๆและละออกไปกดลงบนหน้าผาก  ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายมองหน้าของคนขี้เขินที่ตอนนี้ใบหน้าหวานกลายเป็นสีชมพูไปหมดลามไปจนกระทั่งถึงใบหูอย่างล้อๆ จนโดนกำปั้นน้อยๆทุบเข้าที่อก

     

    “พอแล้ว เจ็บๆ” มือหนากุมมือบางเอาไว้แนบอกเมื่ออีกคนทำท่าจะทุบซ้ำลงมาอีกครั้ง เห็นมือเล็กๆอย่างนี้ก็หมัดหนักใช่เล่นเหมือนกัน

    “ไปได้แล้ว ป่านนี้พ่อคุณคงรอแย่”  ฮยอกแจดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยปากไล่ โดยที่ดวงตาเรียวได้แต่หลุบต่ำลงมองโต๊ะตรงหน้า ไม่กล้าสบกับดวงตาของอีกคนที่เอาแต่จ้องมองมาที่ตนเองอยู่ตลอดนั่นเลย

     

    ทงเฮกดจมูกลงบนแก้มขาวอีกครั้งก่อนจะตัดใจผละออกมาเพราะไม่อยากจะเป็นลูกที่อกตัญญูไปมากกว่านี้  มัวแต่ใช้เวลากับคนรักจนเกือบจะลืมพ่อไปเสียแล้วอี ทงเฮ

     

    ร่างหนาเดินควงกุญแจรถเข้าลิฟท์ไปอย่างอารมณ์ดี ปากหยักยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองขอร้องไว้กับชินดงเจ้าของศูนย์รถยนต์ที่เอารถของฮยอกแจไปซ่อม 

     

    ย้อนกลับไปช่วงสายของวันอาทิตย์

     

    “ชินดง....

    (มีอะไรให้รับใช้อีกครับคุณเพื่อน)

    Porsche  911 สีขาวคันนั้นมีคนมารับไปหรือยัง

    (ยังนี่.. นึกว่านายจะมารับเอง  แต่รถมันยังไม่เสร็จนะ)

    ยังไม่เสร็จเหรอ อีกนานมั้ย

    (วันอังคารก็เข้ามาเอาได้แล้ว กะว่าพรุ่งนี้เย็นๆจะโทรไปบอกอยู่พอดี)

    อะไรนะ !!!

    (บอกว่ารถเสร็จไม่ใช่รถหาย จะตกใจทำไมวะ) 

    งั้น...ถ้าเจ้าของรถเขาโทรหานาย  บอกเขาว่ารถยังไม่เสร็จนะ  บอกไปเลยอีกเดือนนึง ต้องรออะไหล่ โรงงานที่เยอรมันติดปัญหาส่งอะไหล่ไม่ได้ จะไฟไหม้ น้ำท่วมอะไรก็ได้ แต่อย่าให้เขารู้ว่ารถเสร็จแล้ว กลางเดือนหน้าหรือลากยาวไปปลายเดือนเลยก็ได้ค่อยให้เขาไปเอารถ

    (ทำไมวะ)

    เออน่า นึกว่าช่วยเพื่อนหน่อยแล้วกัน

    (เออๆ  หวังว่าจะไม่ไปทำอะไรที่มันไม่ดีนะเว้ยยย)

    สบายใจได้ ไม่มีอะไรผิดกฎหมายหรอกน่า  ขอบใจมากเพื่อน

    (ไม่เป็นไร เอาไว้เจอกันเลี้ยงเหล้าตอบแทนก็พอ)

    ได้...แล้วเจอกัน...บาย”

     

     

    ถ้าร่างบางรู้ความจริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคราวนี้จะเป็นยังไงบ้าง  นี่ยังไม่รวมที่ไปสั่งแจบอมให้คอยจับตาดูฮยอกแจเวลาที่อยู่ในผับแล้วให้รายงานหากเห็นว่าอีกคนมีทีท่าจะไปกับใคร  ไหนจะกับฮีชอลที่เพิ่งไปสานสัมพันธ์ไว้ตอนที่โทรไปถามเรื่องฮยอกแจกลับบ้าน  ยอมลงทุนเปิดเผยความรู้สึกตนเองกับเพื่อนรุ่นพี่ของร่างบางเพื่อแลกกับการที่ฮีชอลจะคอยกันคนอื่นออกไปให้ ถ้าร่างบางรู้เข้าคงต้องแก้ตัวกันยาว

     

    ทำยังไงได้  ก็ดันไปหลงรัก Bad Boy ตัวพ่อเข้านี่นะ แสบขนาดนี้ความจริงใจอย่างเดียวคงจะเอาไม่อยู่ต้องอาศัยเล่ห์เหลี่ยมกันบ้าง

     

    จากนี้ไป...นายคือ My Bad Boy ของฉัน..คนเดียวเท่านั้น

     

    อี ฮยอกแจ   My Bad Boy ของอี ทงเฮ

     






     

     

     

    -------------------  The  End ----------------------

     

     

     

     

    หุหุ อี ทงเฮก็ต้องเป็นอี ทงเฮแหละน๊า

     

    มันจบแล้วจริงๆ  น้ำตาจิไหล อยากบอกว่าขอบคุณมากๆเลยที่อยู่ด้วยกันมา 4 เดือนกว่าๆ  ไม่คิดเลยว่าจะมีคนอ่านขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีคอมเม้นท์แปดเก้าร้อย  มันเป็นอะไรที่เกินคาดมาก  ขอบคุณที่มาเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำดีๆ ขอบคุณที่ทำให้เรามีแทกฟิค ขอบคุณที่ทำให้เรามีเล่ม  ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว  ขอบคุณจริงๆค่ะทุกคนเลย

     

    สำหรับสเปฯ คงไม่มีแล้วนะคะ สารภาพว่าเอาไปรวมในเล่มแล้ว  อาจจะตัดมาเป็นสปอยนิดหน่อย เดี๋ยวดูความเหมาะสมอีกที   คนที่ตอบคำถามถูกว่าเฮอึนเจอกันครั้งแรกที่ไหน เฉลยตรงนี้เลยละกัน เจอกันที่งานแข่งรถที่อเมริกา super_pigked  ตอบถูกนะคะ ติดต่อเรามาด้วย ของรางวัลคือเซตของแถม (เข็มกลัดกับโปสการ์ดยกเซต)

     

    ช่วงนี้อาจจะเงียบๆไปไม่ได้อัพเรื่องอะไรจนกว่าเล่มจะสมบูรณ์แล้วก็อาจจะกลับมาเขียนเรื่องสั้นเมื่อเล่มเสร็จแล้ว  พอมีพล็อตอยู่นิดหน่อย หนึ่งในนั้นก็ Touch Me Please !!! ภาค 2  

     

    ฟิคยังจองได้อยู่  คำถามชิงฟิคยังไปตอบกันได้อยู่นะคะ 

     

    สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง รักคนอ่านน๊า  ถึงเรื่องจะจบแต่อย่าลืมพี่ทงเฮคนเจ้าเล่ห์กับน้องฮยอกแจคนแมนน๊า ที่สำคัญอย่าลืมเราด้วย ^^

     

     

    © themy
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×