คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 06
Chapter 06
งานเลี้ยงครบรอบ 10 ปีอิมคอปเปอร์เรชั่น ยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งมีเจ้าของคืออิม ซังอ๊กเพื่อนรักในวัยเรียนของอี ซูมาน ดังนั้นงานฉลองความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ขนาดนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่ซูมานจะไม่มาร่วมแสดงความยินดี
และนี่คือเหตุผลที่ซูมานอยากให้ลูกชายมาปรากฏตัว เพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนรักของตนและเพื่อผูกมิตรกับครอบครัวนี้ไว้เพราะตั้งแต่ไปเรียนเมืองนอกก็เป็นเวลาเกือบแปดปีแล้วที่ทงเฮไม่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลอิม
“ทำหน้าดีๆหน่อยดิวะ”
คยูฮยอนส่งแก้วไวน์ที่เพิ่งรับมาจากบริกรให้เพื่อนรักแก้วหนึ่ง หลังจากเห็นว่าหมอนี่เอาแต่นั่งจ้องนาฬิกาทำหน้าบอกบุญไม่รับมาตั้งแต่เริ่มเข้างานแล้ว
“อีกนานมั้ยกว่าจะเสร็จพิธี ฉันรีบ” ทงเฮถามประชดประชัน เพราะเขาเบื่อไอ้พิธีรีตรองอะไรบนเวทีนั่นมานานจนเข้าขั้นเรียกว่ารำคาญอยู่แล้ว มี VCR ฉายโน่นนี่นั่นร่ายยาวตั้งแต่ที่ดินว่างเปล่ามาเรื่อยๆจนถึง เริ่มก่อตั้งบริษัท ขยายสาขา สลับกับมีผู้บริหารผลัดกันมาพูดเยินยอกล่าวคำอวยพร รำลึกความหลังกันบ้าง ถามสักนิดมั้ยว่าเขาอยากฟังหรือเปล่า
“เออๆ รู้น่า แต่ยังไงก็ต้องรอขึ้นไปแสดงความยินดีพร้อมคุณลุงบนเวทีก่อน”
คยูฮยอนว่าอย่างอ่อนใจ เขาโทรไปหาทงเฮตั้งแต่ตอนสายเพราะกลัวอีกคนจะลืมงานสำคัญในวันนี้ แต่ปรากฏว่านอกจากจะไม่ลืมธรรมดาแล้วเจ้าตัวยังตอบกลับมาว่า “วันนี้ไม่ว่างว่ะ” ถามว่ามีธุระอะไรที่ไหนก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าไม่ว่างดึงดันจะไม่มาท่าเดียว
จนสุดท้ายเป็นเขาเองที่ต้องรีบขับรถไปเฝ้าไอ้เพื่อนรักที่คอนโดและนั่งรถเจ้าของคอนโดมางานด้วยกัน เพราะกลัวว่าถ้าให้มาเองคืนนี้อาจจะไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของทงเฮในงาน
“เบื่อเหรอคะพี่ทงเฮ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” หญิงสาวผมยาวสีดำขลับในชุดเดรสสั้นสีขาวน่ารัก เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างกันที่ว่างอยู่
“อ้าว ยุนอา ไง...เหนื่อยเลยสิเรา” ทงเฮไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับหันไปส่งยิ้มและถามไถ่อีกคนด้วยความเป็นห่วงออกไปแทน เขาเห็นนางฟ้าตัวน้อยของตระกูลอิมเดินยิ้มรับแขกตามบิดากับมารดาไปทั่วงาน จะว่าไปแล้วยุนอาแทบจะเป็นสิ่งสวยงามเพียงสิ่งเดียวของงานคืนนี้เลยละมั้ง
“ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ ชินแล้วมากกว่า ได้มองผู้คนก็เพลินดี” หญิงสาวตอบคำถามไปยิ้มไปอย่างน่ารัก
“เรานี่เก่งนะ ผิดกับพี่เลย พี่ไม่ถนัดงานสังคมแบบนี้เลยจริงๆ”
“อ้าว ยุนอาก็คิดว่าพี่ทงเฮจะชอบเสียอีกเห็นไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน พี่คยูฮยอนบอกว่าพี่ทงเฮไปดูแลผับด้วยนี่ ที่นั่นก็น่าจะคนเยอะนี่นาทำไมถึงออกตัวว่าไม่ชอบเข้าสังคมล่ะคะ” มีใครเคยบอกหรือเปล่านะว่ายุนอานี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เพลินตาเวลาพูดคุยที่สุดแล้ว ต่อให้บทสนาจะยาวเหยียดและเต็มไปด้วยคำถามมากมายแต่ก็ทำให้คู่สนทนายิ้มตามไปด้วยได้เสมอ
“มันก็ไม่เหมือนกันนะ เวลาไปเรียนก็ตัวใครตัวมันจะมีพูดคุยเล่นกันก็แค่ในกลุ่มที่สนิทกันจริงๆเท่านั้น ส่วนในผับยิ่งแล้วใหญ่นอกจากแจ็คสัน เอ่อ..เจ้าของผับตัวจริงน่ะ กับพนักงานอีกไม่กี่คน พี่ก็ไม่ได้พูดคุยกับใครอีก” แต่ในระหว่างที่ตอบคำถามก็อดที่จะมีภาพของใครบางคนแทรกเข้ามาในความคิดไม่ได้
“อ่อ แบบนี้นี่เอง แล้วนี่ทานอะไรกันบ้างรึยังคะ พี่คยูฮยอนล่ะหิวมั้ย”
“ก็นิดหน่อยครับ แต่พี่กะจะรอให้เสร็จข้างบนเวทีก่อนแล้วค่อยออกไปหาอะไรกินทีเดียวเลย” คยูฮยอนชะโงกหน้ามาตอบเมื่อหญิงสาวมีน้ำใจถามถึงตน
“งั้นทานอะไรรองท้องกันมั้ยคะ เดี๋ยวยุนอาไปดูให้”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่....” ยังไม่ทันที่ทงเฮจะปฏิเสธความมีน้ำใจยุนอาก็รีบออกตัวเสียก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ เจ้าบ้านจะปล่อยให้แขกหิวได้ยังไงกัน รอแปบเดียวนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ลุกออกไป ทงเฮเอี้ยวตัวมองตามก็เห็นว่าหญิงสาวเดินไปทางซุ้มอาหารที่มีของว่างวางเรียงรายอยู่ด้านหลัง
เขากับยุนอารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความที่พ่อของเขากับพ่อของยุนอาสนิทสนมกัน สายสัมพันธ์มันก็เลยเผื่อแผ่มาถึงรุ่นลูกด้วย หญิงสาวอายุน้อยกว่าเขา 2 ปี ยุนอาเป็นเด็กน่ารักตอนเด็กๆน่ารักยังไงโตขึ้นมาความน่ารักก็ไม่เคยจะลดลงเลยมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลาและยังสวยสมวัยอีกต่างหาก ถึงช่วงที่เขาไปเรียนอเมริกาจะห่างกันไปบ้างแต่พอกลับมาเจอกันอีกครั้งในค่ำคืนนี้ความรู้สึกดีๆต่อกันความผูกพันธ์ที่เคยมีก็ไม่ได้จางหายไปไหน
งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็มาถึงเวลาที่ทงเฮรอคอยเสียที เมื่อได้รับการแนะนำตัวบนเวทีและเอ่ยอวยพรให้กับคุณลุงซังอ๊กเรียบร้อยพอลงจากเวทีชายหนุ่มก็รีบเดินออกจากงานทันทีโดยไม่คิดจะร่ำลาใคร แม้แต่ผู้เป็นพ่ออย่างซูมานเองก็ยังเรียกไว้ไม่ทัน
“รอด้วยสิวะทงเฮ” คยูฮยอนรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งตามออกมาเรียกทันที เขานึกว่าทงเฮเดินลงจากเวทีแล้วจะกลับไปที่โต๊ะ แต่หมอนี่ก็กลับเดินออกจากงานไปเฉยเลย
“นายจะไปกับฉันรึไง”
“อ้าว ทำไมพูดแมวๆงี้ล่ะคุณเพื่อน เพื่อนไม่ได้เอารถมา ถ้าเพื่อนไม่กลับด้วยจะให้โบกแทกซี่กลับเหรอครับ” คยูฮยอนรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งทันทีที่ทงเฮปลดล็อค ไม่รู้ละหมอนี่จะไปธุระที่ไหนต่อก็ช่างแต่ต้องไปส่งเขากลับบ้าน หรือไม่ก็ต้องพาไปเอารถที่คอนโดเจ้าตัวมันก่อน
ทงเฮไม่ได้พูดอะไรอีก ตามใจอยากไปก็ไป แต่ถ้ารู้จุดหมายปลายทางแล้วอย่ามาโวยวายทีหลังแล้วกัน ร่างหนาสตาร์ทรถเข้าเกียร์และขับออกไปอย่างรวดเร็ว ดีนะที่คิบอมมาเอารถเขาไปเตรียมความพร้อมให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่อย่างนั้นวันนี้คงวุ่นวายและอาจจะไม่ทันนัดสำคัญก็เป็นได้
---------M-y--B-a-d--B-o-y---------
ถนนรอบเมืองในช่วงหลังเที่ยงคืน ถึงจำนวนรถจะไม่ได้พลุกพล่านเหมือนช่วงหัวค่ำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถนนจะโล่งไปเสียทีเดียว ยังคงมีแสงไฟจากรถที่วิ่งสวนกันไปมาประปรายทั้งสองฝั่งถนน
คังอินเลือกถนนเส้นรองติดแม่น้ำฮันเป็นสถานที่แข่งขันเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้แข่ง ผู้ชม และคนนอกที่สัญจรไปมา เพราะเป็นถนนใหญ่ที่แยกเลนส์ชัดเจนด้วยเกาะกลางถนน แต่ก็ไม่ใช่ถนนเส้นใหญ่ที่วิ่งตัดผ่านย่านสำคัญกลางเมือง และไม่ใช่ถนนสายเล็กเลนส์คู่ที่รถวิ่งสวนกันไปมา ถ้าเป็นเช่นนั้นมันจะเสี่ยงเกินไป และหากเกิดอะไรขึ้นถึงพ่อเขาจะเส้นใหญ่ขนาดไหนก็คงเลี่ยงยากที่จะไม่เป็นข่าว
เงินเดิมพันสามส่วนถูกกวาดรวมใส่ถุงผ้าสีดำโดยไม่มีการตรวจนับให้เสียเวลา มันไม่ใช่เงินจำนวนมากถ้าเทียบกับฐานะของผู้เข้าแข่งแต่ละคน แต่เมื่อรวมกันแล้ว 15 ล้านวอนสำหรับผู้ชนะ มันก็เป็นเงินรางวัลจำนวนมากที่สุดเท่าที่คังอินเคยจัดแข่งขันมาเลยด้วยซ้ำ
ไม่มีการจอดรถเรียงกันในแนวนอนเพื่อรอออกตัว เพราะนี่ไม่ใช่สนามแข่งและไม่ได้ปิดถนน ดังนั้นตอนนี้รถทั้งสามคันของทงเฮ คิบอมและซีวอน รวมถึงรถของคนอื่นๆที่มาดูการแข่งขันจึงจอดกระจัดกระจายอยู่ตามลานกว้างริมแม่น้ำเพื่อรอเวลา เสียงพูดคุยและเครื่องเสียงจากรถยนต์ดังก้องไปทั่วบริเวณ
“ไม่คิดว่าจะมาให้กำลังใจผมด้วย”
ทงเฮเอ่ยทักทายฮยอกแจทันทีที่อีกคนก้าวลงจากรถ ทำเป็นไม่สนใจว่าคนที่ร่างบางต้องการมาให้กำลังใจจริงๆคือใคร ร้องเพลงเสร็จก็คงรีบมาเลยสินะ
“ผมมาเชียร์ซีวอนต่างหาก” ฮยอกแจจ้องตาตอบกลับไป ไม่สนใจสายตาวิบวับที่อีกคนส่งมาแกล้งกัน
“เจ็บจัง” ร่างหนาแสร้งทำท่าเอามือจับที่หน้าอกข้างซ้ายของตนเองแล้วทำหน้าเศร้าสร้อยเหมือนเจ็บปวดใจกับคำพูดนั้นนักหนา แต่ในสายตาคนมองแล้วมันช่างน่าหมั่นไส้นัก
แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อซีวอนก็เดินเข้ามากลางวงสนทนาเสียก่อน ร่างสูงปรายตามองทงเฮเล็กน้อยก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับฮยอกแจ
“นี่เหยียบมาใช่มั้ย เร็วขนาดนี้” ซีวอนเอ่ยถามร่างบางที่เขาคิดว่าอีกคนน่าจะมาถึงช้ากว่านี้อีกสัก 10-15 นาทีด้วยซ้ำ
“ก็แน่ละสิ กลัวมาไม่ทัน” ฮยอกแจยิ้มรับ
“เวอร์ไป เหลืออีกตั้ง 15 นาที แต่มาเร็วก็ดีนะ มีอะไรจะให้ดู” ซีวอนไม่พูดเปล่าแต่ยังส่งมือมาโอบไหล่และพาเดินไปยังรถของตนเองที่จอดอยู่อีกมุมหนึ่งด้วย
“ฮ่าๆ แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยนะครับคุณทงเฮ” คยูฮยอนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่หัวเราะเพื่อนรักดังลั่น ประสานเสียงกับคิบอมที่ยืนป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นด้วยเหมือนกัน
“ไม่พูดฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคยูฮยอน”
“ซีเรียสไปได้ ใจร่มๆดิวะ สติแตกตั้งแต่ยังไม่เริ่มแบบนี้จะมีสมาธิได้ไง” ถึงจะเล่นบ้างอะไรบ้างแต่คยูฮยอนก็ยังอยากเตือนสติเพื่อน
“ก็แค่หงุดหงิดนิดหน่อยเท่านั้นแหละ ว่าแต่นายเถอะจะรออยู่ที่นี่หรือจะนั่งไปด้วยกัน”
“อย่างพี่คยูฮยอนเนี่ยนะจะนั่งไปด้วย” คิบอมว่าอย่างรู้ทัน
“เชิญนายไปแข่งให้สบายอารมณ์เถอะ ฉันนั่งรอที่นี่แหละ” และก็เป็นไปตามคาดคยูฮยอนปฏิเสธทันที
ซึ่งทงเฮก็ไม่ได้ว่าอะไร เขารู้อยู่แล้วว่าคยูฮยอนกลัวความเร็วถึงได้ไม่อยากพามาด้วยตั้งแต่แรกแต่เพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัยถ้าวนไปส่งหมอนี่ที่คอนโดเขาก่อน กว่าจะกลับมาก็เลยเวลาแข่งพอดี ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพามาด้วย ก็แค่นั่งดู คยูฮยอนสามารถนั่งดูได้ ลุ้นไปกับการแข่งได้ แต่อย่างเดียวที่หมอนี่จะปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาดเลยคือการนั่งไปด้วยกันในรถขณะแข่ง
เมื่อใกล้ถึงเวลาทงเฮและคิบอมจึงเดินไปสมทบกับพรรคพวกของคังอินและซีวอน เพื่อฟังกติกาและเส้นทางที่คังอินกำหนดโดยไม่ลืมที่จะลากคยูฮยอนไปฟังด้วยกันในขณะที่ฮยอกแจเองก็ยืนอยู่ข้างๆไม่ห่างจากซีวอน ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องใช้เส้นทางไหนแต่แน่นอนว่ารถทุกคันมี GPS
กติกาในการแข่งขันคือวิ่งวนรอบแม่น้ำเป็นวงรี ออกสตาร์ทจากจุดเริ่มต้นวิ่งตามถนนเส้นติดแม่น้ำไปตามความยาวจนถึงจุดที่กำหนด ข้ามสะพานเพื่อวิ่งกลับไปตามความยาวของถนนอีกฝั่งจนถึงอีกจุดหนึ่งจึงข้ามสะพานกลับและวิ่งวนกลับมายังจุดเริ่มต้น ระยะทางรวมประมาณ 120 กิโลเมตร สามารถออกนอกเส้นทางหลักได้แต่ระยะทางหักลบแล้วจะต้องไม่เกิน 3 กิโลเมตร คันไหนกลับมาจุดเริ่มต้นก่อนเป็นผู้ชนะ
“มีใครสงสัยอะไรอีกมั้ย” เมื่อคังคินร่ายยาวถึงเส้นทางและกติกาเรียบร้อยแล้วก็เงยหน้าจากจอแผนที่ขึ้นมาถามผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งสาม ซึ่งส่วนใหญ่ก็ส่ายหน้าเพราะเข้าใจกติกาทั้งหมดแล้ว เว้นก็แต่ใครคนหนึ่ง
“กูอยากได้เดิมพันเพิ่ม” สิ้นเสียงของทงเฮคนที่เหลือทั้งหมดก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“คนละห้าล้านวอนก็เยอะแล้ว แข่งเล่นๆมึงเอาอะไรเยอะวะ” คังอินแย้งขึ้นมา
“กูไม่ได้หมายถึงเงิน กูหมายถึง.....คน”
“คน ?” คราวนี้คังอินยิ่งแปลกใจหนักกว่าเก่า
“ถ้ากูชนะ นอกจากเงิน 15 ล้านวอนนั่นแล้ว.........กูอยากได้ตุ๊กตาหน้ารถ” ซีวอนกำหมัดแน่นทันทีเมื่อได้ฟังข้อเสนอของคู่แข่ง ดวงตาคมแข็งกล้าขึ้นอย่างชัดเจนบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมากในข้อเสนอที่ได้ยิน ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่า ตุ๊กตาหน้ารถ ที่ว่านั่นหมายถึงใคร
“แต่คิบอมไม่มีคนมาด้วย” ซีวอนพยายามแย้งอย่างใจเย็น
“ก็ไม่ได้จะท้าคิบอมนี่ แค่ฉันกับนาย” น้ำเสียงที่พูดออกไปว่าจริงจังแล้วแต่แววตาที่จ้องตอบกับซีวอนนั้นจริงจังยิ่งกว่า
ในขณะที่บรรยากาศกำลังมาคุ คยูฮยอนเองหันมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีเลิกลั่ก ก็ถ้าตุ๊กตาหน้ารถของฝั่งซีวอนคือฮยอกแจ แล้วใครจะเป็นตุ๊กตาหน้ารถของฝั่งทงเฮกันล่ะ
“ถ้านายชนะ นายก็พาคยูฮยอนไป” นั่นไง งานเข้าแล้วไอ้คยู
“เฮ้ย...นายจะบ้าหรือไงทงเฮ” คยูฮยอนรีบท้วง
“เออน่า นายคิดว่าอย่างฉันจะแพ้หรือไง”
ถึงคยูฮยอนพอจะรู้จักฝีมือทงเฮดี แต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าซีวอนจะแพ้ล่ะ แล้วยิ่งเป็นถนนหนทางในเกาหลีด้วยแล้วทงเฮพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงเดือนเองนะ ต่างกับคู่แข่งที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดจนโต
“ถ้าอยากเอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ขอเพิ่มเงื่อนไขแล้วกัน ถ้าฉันชนะหมอนี่ไม่ต้องไปกับฉัน
แต่ว่า..............นายห้ามยุ่งกับฮยอกแจอีกไม่ว่าจะทางไหนทั้งนั้น............ ตกลงมั้ย
ถ้าไม่ตกลงเงื่อนไขอื่นก็ตัดออกเหลือแค่เงินเดิมพัน 15 ล้านวอนเท่านั้น”
มันเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ซีวอนพูดออกมา และทุกถ้อยคำในประโยคบ่งบอกว่าเขาเอาจริงจะไม่มีการต่อรองอะไรอีก เอาก็เอา ไม่เอาก็จบ จะได้เริ่มแข่งกันเสียที แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองใบหน้าหวานของคนที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างหวังว่าอีกคนจะเข้าใจในการตัดสินใจของเขา ซึ่งฮยอกแจก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจใดๆในเงื่อนไข มีเพียงแววกังวลที่ฉายปนอยู่ยามเมื่อสบตากัน
ซีวอนไม่รู้หรอกว่าทงเฮกับฮยอกแจจะเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นยังไง และถ้าร่างบางไม่เล่าเขาก็จะไม่ถามถึงแม้จะอยากรู้แค่ไหนก็ตาม แต่จากที่เจอกันที่สนามแข่งครั้งก่อนทงเฮดูให้ความสนใจกับฮยอกแจจนออกจะดูแปลกตาไปสักหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งเคยเจอกัน และยิ่งมาเห็นทั้งคู่ยืนคุยกันตอนที่ฮยอกแจเพิ่งมาถึงรวมถึงข้อเสนอของทงเฮเมื่อครู่ แต่คนใจร้อนอย่างฮยอกแจกลับไม่พุ่งตัวส่งมือหรือเท้าไปฟาดปากที่เอ่ยเรียกร้องสิ่งเดิมพันออกมานั่นก็ยิ่งมั่นใจว่าทั้งคู่จะต้องรู้จักกันแน่ๆ
“ตกลง”
เอ่ยเพียงเท่านั้นทงเฮก็หันหลังเดินกลับรถ ร่างหนาส่งแผนที่ใน GPSให้คยูฮยอนดูอีกครั้ง ดวงตาคมจ้องตาเพื่อนรักอย่างสื่อความหมายซึ่งคยูฮยอนเองก็เข้าใจมันดี คยูฮยอนถ่ายรูปแผนที่ไว้ในโทรศัพท์มือถือก่อนจะส่งเครื่องมือคืนให้ทงเฮและเดินตามทงเฮไปหยิบไอแพดในรถออกมา
“กูมาที่นี่ทำไมวะเนี่ย”
คิบอมเกาหัวแกรกด้วยความสงสารตนเอง ทั้งที่ตนเองเป็นคนอยากแข่ง แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าจากไอ้นัดแข่งกระชับมิตรระหว่างตนเอง รุ่นพี่ กับซีวอน แต่ตอนนี้นอกจากมันจะไม่กระชับอะไรแล้วมันยังกลายเป็นนัดที่เอาจริงเอาจังชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใครอีกด้วย
“เออ..คิบอม”
“ครับพี่” คิบอมขานรับเมื่อทงเฮเรียกเอาไว้ก่อนในตอนที่เขาจะเปิดประตูขึ้นรถ
“ไม่ต้องสนใจเรื่องแพ้ชนะ
ขับให้เต็มที่แบบที่นายอยากจะขับ
แล้วก็จำไว้ว่า ความปลอดภัยของนายต้องมาก่อนเสมอ”
คิบอมยิ้มรับคำบอกของทงเฮ เขานึกว่าทงเฮจะอยากเอาชนะซีวอนจนลืมไปแล้วเสียอีกว่าคนที่อยากลงแข่งกับซีวอนจริงๆคือตนเอง อย่างน้อยในความกลุ้มใจก็ยังมีความอุ่นใจรวมอยู่ด้วย
“ขอบคุณครับ พี่ก็เหมือนกันนะ”
---------------------- TBC -------------------------
จนจบ Chapter นี้ก็ยังไม่ได้แข่งซะที อย่าด่าเราเลยนะ Chapter หน้าออก Start จริงๆละ ทีนี้เราจะรู้กันซะทีว่าอิพี่ทงผู้มั่นหน้าจะชนะหรือจะเงิบ
ตอนแรกจะปั่นแล้วลง Chapter หน้าอีก50% ให้วันพฤหัส แต่ว่าตอนหลังคงไม่ทันแล้ว (แล้วจะบอกเพื่อ) เอาเถอะมันเป็นการแก้ตัว ที่เราปั่นไม่ทันเพราะเรามัวไปปั่น SF วันคริสมาสต์อยู่ อาจจะเริ่มลงพรุ่งนี้หรือวันพฤหัสในอีกลิ้งค์นึงที่เป็นรวมเรื่องสั้นนั่นแหละ ใครไม่มีอะไรทำก็ไปหาอ่านกันได้ค่ะ ส่วนเรื่องนี้อาจจะมาต่ออีกทีหลังปีใหม่ ขอโทษที่ให้รอกันนาน (พูดยังกะมีคนรอ) เพราะความบ้าบออยากจะแต่ง SF ของเรา
ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่านค่ะ จริงๆครึ่งที่แล้วไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นแต่ก็ยังมาเม้นท์ให้กันขอบคุณมากๆค่ะ ขาดอีก 8 คอมเม้นท์จะร้อยแล้ว กรี๊ดแปบ
ความคิดเห็น