คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 05
Chapter 05
“คนเมื่อคืนก็เยี่ยมดี ขอบคุณที่ช่วยเลือกให้นะที่รัก”
หลังจากอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเมื่อครู่แล้ว ฮยอกแจอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์เครื่องหรูลงพื้นให้แตกละเอียดนัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับข้อความอะไรแบบนี้ เขาไม่แปลกใจหรอกว่าทงเฮไปเอาเบอร์เขามาได้ยังไงเพราะเขาทำงานที่นี่อีกคนก็คงจะหาเบอร์เขาได้ไม่ยาก แต่ไอ้ข้อความที่ส่งมายั่วโมโหเขาบ่อยๆนี่สิ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วนี่ถือเป็นข้อความที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เขาได้รับ ทงเฮจงใจแย่งผู้หญิงตัดหน้าเขาทุกครั้ง หมอนั่นคิดจะเล่นสงครามประสาทกันหรือไง
เหอะ !! งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องเล็งคนไหนให้เสียเวลาสินะ ยังไงก็ถูกแย่งไปอีกอยู่ดี น่าโมโหชะมัดนี่เขาก็ผู้ชายนะ นักร้องนำวง Lucifer ที่สาวๆทุกคนใฝ่ฝันทำไมถึงต้องแพ้ให้กับทงเฮด้วย ก็แค่เป็นเจ้าของผับ หล่อ รวย แล้วยังไงล่ะ เขาเองก็ไม่ได้มีอะไรด้อยกว่าสักนิด (หรือเปล่า)
“เฮ้ย !! มึงเบาๆ แด กแบบนี้เดี๋ยวก็เมาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวทีหรอก” ฮีชอลรีบแย่งแก้วที่ฮยอกแจเพิ่งจะผสมเหล้าลงไปใหม่ออกไปจากมือทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้รุ่นน้องนี่ทำท่าจะยกขึ้นดื่มอีกหลังจากเพิ่งดื่มไปรวดเดียวติดๆสองแก้วเมื่อกี้นี้
ฮยอกแจตวัดสายตามองอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถูกของฮีชอล ถ้าอีกคนไม่ห้ามเขาก็คงกินไปเรื่อยๆจนกว่าจะขึ้นเวทีซึ่งมันเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมง เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เลยกดส่งข้อความไปหาใครบางคนแทน
“วันนี้ไม่มีแข่งใช่มั้ย มารับหน่อยสิ”
---------M-y--B-a-d--B-o-y---------
ร่างหนาของทงเฮยืนดูการแสดงของ Lucifer อยู่บนชั้นสองที่เดิม สายตาจับจ้องไปยังกลางเวทีไม่วางตา วันนี้ Lucifer ก็ยังคงร้อนแรงเหมือนเดิมสมกับเป็นวงหมายเลขหนึ่งของ SWAG
ทงเฮหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้งไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่อีกคนไม่มีข้อความตอบกลับมา เขาก็ไม่เคยได้รับข้อความอะไรตอบกลับมาอยู่แล้วไม่ว่าจะส่งไปหาอีกคนสักกี่ครั้ง เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าหวานตวัดมองขึ้นมาอย่างอาฆาตตอนที่เจ้าตัวเปิดอ่านข้อความเท่านั้นก็พอใจแล้ว
จะว่าไปเขาก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะรุกฮยอกแจต่อไปอย่างไรดี เพราะที่เจอมาเมื่อคราวที่แล้วก็พอจะรู้ว่าคนบนเวทีนั่นแสบใช่เล่น แต่ก็นะ “ความรู้สึกไวใช้ได้ทีเดียว”
“พี่ทงเฮ มีคนมาหา”
ทงเฮหันไปตามเสียงเรียกของแจ็คสันก็พบกับรุ่นน้องที่เคยสนิทสนมกันดีตอนที่อยู่อเมริกา ว่าแต่ว่าหมอนี่กลับมาเกาหลีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิม คิบอมเป็นเด็กเกาหลีที่ครอบครัวย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ยังเด็กดังนั้นก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ดีๆคิบอมจะกลับมาปรากฏตัวที่เกาหลี
“เฮ้.. คิบอม มาได้ยังไงเนี่ย”
“มาดูที่เรียนให้เซฮีมันน่ะ มันอยากมาเรียนที่โซล” รุ่นน้องตอบคำถามด้วยรอยยิ้มที่ฉีกกว้างอย่างคนอารมณ์ดี
“แล้วอยู่อีกหลายวันมั้ย พักกันที่ไหน” ทงเฮก้าวนำไปที่โต๊ะเพื่อพารุ่นน้องไปนั่งคุยกัน
“ผมมาจะเดือนนึงแล้ว มาไล่ๆกับพี่นั่นแหละตอนนี้ก็อยู่บ้านญาติ รอคอนโดที่ซื้อไว้เสร็จเรียบร้อยก็ค่อยย้ายเข้าไป คงอยู่อีกหลายเดือนรอเซฮีเปิดเทอมแล้วก็ปรับตัวได้ค่อยกลับ ไอ้ผมก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว อยู่นี่ก็สนุกดี”
“สนุก ? เกาหลีเนี่ยนะมีอะไรสนุกด้วยหรือไง”
“อืม เกาหลีนี่แหละสนุก เมื่อต้นเดือนผมเพิ่งไปแข่งรถที่สนามนอกเมืองมา นานๆจะเจอคู่แข่งที่สูสี ผมนี่นึกถึงพี่เลยนะแต่จะโทรหาก็ไม่มีเบอร์ จำได้ว่าไอ้แจ็คสันมันมาเปิดผับแถวนี้ก็เลยลองเสี่ยงๆมาดู ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ด้วย”
“ไอ้แจ็คสันไม่เห็นจะเคยบอกว่ามีสนามแข่ง” ทงเฮหันมองแจ็คสันแบบขอเหตุผลที่มันฟังขึ้น
“ก็ไม่เห็นพี่ถามนี่ อีกอย่างผมก็นึกว่าพี่จะกลับมาเพราะอยากมาช่วยงานลุงซูมาน” ท้ายประโยคแผ่วลงเพราะเกรงว่าทงเฮจะส่งเท้ามาถีบเข้าให้
“นี่อย่าบอกนะว่าพี่ยังไม่ได้ไปทำงานอีก” ก็คิบอมจำได้ว่าทงเฮกลับมาเกาหลีตั้งเกือบเดือนแล้ว
“ไปให้ตาแก่นั่นบ่นน่ะนะ ขอเวลาทำใจก่อน” คิบอมหัวเราะไปส่ายหัวไป ทงเฮนี่ดูเป็นผู้ใหญ่ทุกเรื่องยกเว้นเวลาพูดถึงคุณลุงซูมานผู้เป็นพ่อก็ออกอาการเหมือนเด็กโดนขัดใจแบบนี้ตลอด
“งั้นไปสนามกับผมฆ่าเวลามั้ยล่ะ ผมเจอคู่แข่งถูกใจอยู่คนนึง แต่ว่า...ตั้งแต่แข่งกันคราวนั้นหมอนั่นก็ไม่ลงแข่งรายการไหนอีกเลย เห็นว่าจะลงเฉพาะรายการใหญ่ๆเท่านั้น ผมอยากเจออีกครั้งจังนี่ก็ว่าคืนนี้จะวนไปดูอีก”
“ก็ดีเหมือนกัน แต่รออีกแปบนึงก่อนนะ” ทงเฮหันมองไปที่เวทีที่ยังคงมีเสียงเพลงร็อคดังมาอย่างต่อเนื่อง
คิบอมแค่เพียงพยักหน้าตอบรับไม่ได้ถามต่อว่าทำไมต้องรอ รออะไร แต่เมื่อหันไปมองหน้าแจ็คสันก็เหมือนไอ้นี่จะรู้อะไรดีๆ เพราะมันยิ้มไปจิบเหล้าไป ช่างเถอะเรื่องอื่นเขาไม่ได้สนใจอะไร วันนี้โชคดีมากที่ได้เจอทงเฮ เขาแค่อยากจะชวนทงเฮไปที่สนามแข่งด้วยกันก็พอ
---------M-y--B-a-d--B-o-y---------
สายตาของทงเฮและคิบอมจับจ้องไปยังรถ Nissan GTR สีเงินที่ขับวนอยู่ในสนามแข่งเพียงคันเดียว จากความเร็วที่ใช้และเทคนิคต่างๆที่เห็นในการเข้าโค้งคนที่อยู่ข้างในนี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
“น่าสนว่ะ”
“เห็นมั้ยล่ะผมบอกพี่แล้ว พี่โคตรโชคดีนะที่เจอคืนนี้ ปกติผมมาบ่อยแต่ไม่เคยเจอ”
ทงเฮชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปหาเจ้าของรถสีเงินที่มาหยุดรถตรงหน้าสแตนซ้ายมือ เขากับคิบอมขับรถเข้ามาแล้วก็จอดดูอยู่ตรงสแตนชั้นล่างของอีกข้างโดยไม่ได้หันกลับไปมองบนสแตนเลยว่ามีใครนั่งอยู่หรือเปล่าด้วยความที่ไม่คิดว่าน่าจะมีใครเพราะบนแสตนก็ไม่ได้เปิดไฟ
“หยุดทำไม ไปดิพี่ เดี๋ยวเค้าก็กลับกันพอดี” คิบอมหันมาทักเมื่อเห็นว่าทงเฮชะลอความเร็วของฝีเท้าลงจนเกือบจะเป็นหยุดอยู่กับที่
“คิบะ....”
“เฮ้ !!!! คุณ”
ทงเฮจะอ้าปากเรียกคิบอมไว้เพราะเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าคนบนสแตนที่กำลังเดินลงมาหาเจ้าของรถคือใคร แต่ก็ไม่ทันเมื่อคิบอมตะโกนเรียกเจ้าของรถไปเสียแล้วและก็ไม่ใช่แค่เพียงเจ้าของรถที่หันมาตามเสียงเรียกอีกคนที่อยู่บนสแตนก็หันมาทางเขาเช่นกัน
“พี่ทงเฮ นี่พี่เดินหรือคลานเนี่ย เร็วๆดิ” ยังไม่พอ ไอ้น้องเวรยังเสือ กเรียกชื่อเขาซะดังลั่นอีกต่างหาก
คนบนสแตนหันมาเห็นเขาแล้วและถึงจะยังอยู่ในที่ไกลขนาดนี้ แต่ชื่อที่คิบอมตะโกนดังลั่นนั่นเขามั่นใจว่าไม่มีทางที่ฮยอกแจจะไม่ได้ยิน จากที่จะหยุดตั้งหลักก็เลยเปลี่ยนใจเป็นเดินเร็วๆเข้าไปหาเจ้าของรถแทน ไหนๆก็ไหนๆแล้วเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าฮยอกแจเป็นอะไรกับนักแข่งนี่ ทำไมร่างบางถึงมานั่งอยู่ที่นี่ได้ทั้งที่เวลานี้ก็น่าจะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว
“สวัสดีครับคุณซีวอน ผมคิม คิบอมครับ เราเคยเจอกันครั้งนึงในเรซไนท์เมื่อตอนต้นเดือน ผมไม่รู้ว่าคุณจำผมได้มั้ย แต่ผมติดใจฝีมือของคุณมากถ้าไม่รังเกียจผมอยากลงสนามร่วมกับคุณอีกครั้ง”
คิบอมแนะนำตัวยาวเหยียดอย่างเป็นทางการพร้อมกับบอกจุดประสงค์ในการมาเสร็จสรรพ ซีวอนที่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจในทีแรกก็ค่อยคลายความสงสัยลง ร่างสูงส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่เดินจากสแตนลงมาถึงจุดที่พวกเขายืนคุยกันอยู่
“คุณนั่นเองยินดีที่ได้รู้จักครับ แต่ว่าช่วงนี้ยังไม่มีรายการแข่งที่น่าสนใจเท่าไหร่” ซีวอนตอบอย่างจริงใจเพราะช่วงนี้ที่แข่งกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกมือใหม่มาท้าแข่งกันเสียมากกว่าซึ่งฝีมือเทียบชั้นกับเขาไม่ได้เลยสักนิด
“ก็ไม่ต้องรอรายการสิครับ” เป็นทงเฮที่แทรกประโยคสนทนาขึ้นมาแทนคิบอม
“เอ่อ นี่อี ทงเฮครับเป็นรุ่นพี่ของผม พอดีว่าผมไปคุยเรื่องคุณให้ฟังก็เลยอยากจะพาเขามาดูด้วยตาน่ะ” ซีวอนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ซึ่งนั่นเรียกความไม่พอใจให้กับทงเฮมากขึ้นไปอีก ดูจากลักษณะหมอนี่ก็น่าจะอายุน้อยกว่าเขาแต่อีกคนกลับไม่สนใจที่จะกล่าวแนะนำตัวหรือว่าโค้งคำนับเขาตามมารยาทแต่อย่างใด
“ฝีมือก็พอได้นะ” ปากมักไปไวกว่าสมองเสมอ ด้วยความหมั่นไส้ในท่าทีเย่อหยิ่งนั่นบวกกับรอยยิ้มที่ฮยอกแจส่งให้หมอนี่ยามที่ก้าวเข้ามาหยุดยืนเคียงข้างกัน ทำให้ทงเฮพลั้งปากพูดในสิ่งที่ใจไม่ได้คิดออกไป
“เฮ้ยพี่ !!” คิบอมใช้เท้าสะกิดทงเฮที่อยู่ดีๆก็พูดอะไรแบบนั้นก็ออกมา ฝีมือพอได้อะไรกัน ก็เมื่อกี้ตอนนั่งดูอยู่ข้างสนามยังนั่งชมฝีมือของซีวอนด้วยกันอยู่เลย แล้วรุ่นพี่เขาเป็นบ้าอะไรอยู่ดีๆมาพูดจากวนประสาทเพื่อนใหม่ของเขาแบบนี้
“จะลองดูมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าพอได้น่ะมันประมาณไหน” ซีวอนตอกกลับไปบ้าง เขาเองก็ไม่พอใจตั้งแต่ประโยคแรกที่คนคนนี้เอ่ยขึ้นมาแล้ว ไอ้ท่าทางยืนเอามือล้วงกระเป๋ากับสายตาท้าทายที่มองมานั่นอีก แต่เขาก็ใจเย็นพอที่จะไม่เดือดใส่ ร่างสูงเพียงแค่เอนหลังพิงรถสองมือล้วงกระเป๋าแล้วหันมาคุยกับคิบอมและทงเฮด้วยท่าทีสบายๆ
ซึ่งในสายตาทงเฮแล้วท่าทางแบบนั้นมัน “กวนตี น”กันชัดๆ ผิดกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆรายนั้นตวัดสายตามองเขาอย่างไม่พอใจจนเขาต้องส่งยิ้มกลับไปให้ ก่อนจะเบนความสนใจกลับมาที่ซีวอนอีกครั้ง
“ยังไม่กลับหรือไงซีวอน แล้วนี่....นายชื่ออะไรนะ เจ้าของรถ Lexus สีส้มวันนั้นนี่นาใช่มั้ย”
“ผมคิม คิ.......”
“ไอ้คังอิน”
“อ้าว.....มึง...ไอ้ทงเฮ มาโผล่ที่นี่ได้ไงวะ”
กลายเป็นคิบอมที่เหวอไปเพราะกำลังจะแนะนำตัวกับคังอิน คนที่เขาจำได้ว่าเป็นลูกชายหุ้นส่วนใหญ่ของเจ้าของสนาม และเป็นคนเปิดสนามให้มีการแข่งขันในเวลากลางคืนแต่เหมือนว่ารุ่นพี่ของเขากับคังอินจะรู้จักกันมาก่อน
“ตามคิบอมมาดูสนามน่ะ ไม่คิดว่าจะเจอมึงที่นี่”
“ก็พี่คังอินนี่แหละพี่ ทายาทคิมกรุ๊ป หุ้นส่วนใหญ่ของสนามนี้” ทงเฮพยักหน้ารับรู้เมื่อได้ฟังคำขยายความจากคิบอม นี่เขาไปอยู่อเมริกาเสียนานจนไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของเพื่อนร่วมสถาบันสมัยไฮสคูลเอาเสียเลย
“ผมคิม คิบอมครับ เป็นรุ่นน้องที่มหา' ลัยของพี่ทงเฮ” คิบอมหันไปแนะนำตัวกับคังอินอีกครั้ง
“ฮ่าๆ มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วนี่รู้จักกับซีวอนกันด้วยเหรอ” คังอินถามทงเฮกับคิบอมและหันไปมองอีกสองคนที่ยืนเงียบอยู่ตั้งแต่เขาเดินเข้ามา
“ก็ไม่เชิง / ไม่รู้จัก” คำตอบแรกเป็นของทงเฮ ส่วนคำตอบที่สองเป็นของซีวอน ซึ่งมันทำให้ฮยอกแจถึงกับหลุดหัวเราะด้วยความสะใจที่ซีวอนตอบหักหน้าอีกคนแบบนั้น
“ตกลงยังไงกันแน่วะ รู้จักหรือไม่รู้จัก” คิ้วของคังอินย่นเข้าหากันเมื่อได้ยินคำตอบที่ไปคนละทางจากสองฝ่าย
“ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก แต่เห็นเค้าว่าฝีมือดีนักหนาก็เลยอยากลองด้วยซักตั้ง” ทงเฮว่าอย่างดูถูก
“เฮ้ย...พี่...ไม่ใช่แบบนั้น คือจะ...แบบ ...อยากแข่งกระชับมิตรไรงี้” คิบอมรีบพูดแก้ต่างตะกุกตะกัก
“แต่ดูแล้วรุ่นพี่ของนายคงไม่ได้อยากกระชับมิตรเท่าไหร่นะ” ฮยอกแจที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าประโยคแบบนั้นมันทำให้ทงเฮนึกหมั่นไส้ซีวอนมากเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว “ออกตัวแรงจริงๆนะคนสวย ปกป้องกันซะขนาดนี้”
“ผมก็ไม่ได้อยากจะกระชับอะไรกับใครหรอก ถ้าเป็นกับคุณก็ว่าไปอย่าง” ประโยคกำกวมสื่อความหมายที่เอ่ยออกมาท่ามกลางวงสนทนานั้นเรียกให้ซีวอนกำหมัดแน่นด้วยความโมโห
ร่างสูงก้าวมายืนกันฮยอกแจออกจากวงสนทนาทันที ซึ่งฮยอกแจก็ยอมที่จะเดินไปยืนพิงรถรออยู่ข้างหลังซีวอนเพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับทงเฮ แล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องแสดงท่าทีว่ารู้จักกับทงเฮด้วย
“ใจเย็นๆน่าคนกันเองทั้งนั้น” คังอินที่เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีก็เริ่มไกล่เกลี่ย
“นายว่าไงล่ะ แข่งมั้ย มีเรา พี่ทงเฮแล้วก็นาย” คิบอมที่กลัวทงเฮจะหลุดอะไรออกมาให้เสียเรื่องอีกรีบชิงพูดขึ้นก่อน
“แข่งก็ได้ จริงๆฝีมือนายก็ไม่เลวนะ” ซีวอนตอบตกลงกับคิบอมโดยไม่คิดจะสนใจทงเฮ เพราะเขาเองก็ชอบฝีมือการขับของคิบอมอยู่เหมือนกัน
“ว๊าว งานนี้สงสัยเงินจะสะพัด” คังอินดีดนิ้วเปาะอย่างชอบใจ เมื่อสองนักแข่งฝีมือดีจะประลองสนามกัน ถ้าเปิดโต๊ะพนันละก็ไม่ต้องคิดเลยว่าจะมีคนเล่นมากมายขนาดไหน
“กติกาล่ะ” ทงเฮถามเพราะอยากรู้กติกาและเดิมพันในการแข่ง
“ก็เหมือนเดิม 30 รอบ ชั่วโมงเดียวรู้ผล” ซีวอนว่าง่ายๆ แต่ก็ยกยิ้มอย่างมั่นใจ
“แข่งในนี้ไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยหรือไง เจนสนามอย่างนายหลับตาขับยังได้เลยมั้ง” ทงเฮว่าขึ้นลอยๆ
แต่มันทำให้คิบอมแทบอยากจะทึ้งหัวตัวเองด้วยความลำบากใจ เห็นทีว่าไอ้การแข่งกระชับมิตรที่เขาตั้งใจจะให้เกิด นอกจากไม่ได้มิตรแล้วยังจะได้ศัตรูด้วยละมั้งงานนี้
“แล้วจะเอายังไง”
“นอกสนาม”
“ข้างนอกมันต้องปิดถนน ยุ่งยาก หรือพี่คังอินว่าไง” ซีวอนหันไปถามคังอิน หวังจะให้คังอินช่วยขัด
แต่คังอินก็ทำเพียงยืนนิ่งๆ รอดูทั้งสองคนที่มีทีท่าเหมือนอยากจะเปิดศึกกันว่าจะตกลงกันยังไง สำหรับซีวอนเขารู้จักนิสัยใจคอพอสมควรเพราะเจอกันที่นี่บ่อย แต่สำหรับทงเฮที่ไม่ได้พบกันมานานนั้นเขาแทบจะลืมไปแล้วว่าหมอนี่เป็นคนชอบความท้าทายอยู่แล้วตั้งแต่สมัยเรียน แต่ที่ไม่รู้ก็คือทงเฮสนใจเรื่องแข่งรถตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นทีงานนี้คงจะสนุกไม่น้อย
“ถ้ามันยุ่งยากก็ไม่ต้องปิด” แต่คนตอบดันกลายทงเฮแทนเหมือนเดิม
“นายจะบ้ารึไง แข่งแบบไม่ปิดถนน ไหนจะคน ไหนจะรถ ตำรวจได้ตามซิวเอาแน่” เหอะ อี ทงเฮนี่มันคนประเภทไหนกันนะ ไอ้การแข่งแบบนั้นมันมีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ ชีวิตจริงใครจะกล้ามาไล่ล่ากันกลางถนนที่มีรถวิ่งไปมาแบบนั้น ถ้าไม่ชนใครเข้าก็คงโดนตำรวจไล่ตามแน่ๆ
“นายกลัว ?” ทงเฮเลิกคิ้วถาม
บอกทีเถอะว่าทงเฮไม่ได้ตั้งใจกวนประสาทเขา ถึงจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่อีกคนมีท่าทีแบบนั้น แต่ไอ้คำถามดูถูกกันแบบนี้มันคือการประกาศศึกชัดๆ
“ถ้าอยากจะลองก็ไม่ขัด” ตอบกลับออกไปอย่างท้าท้ายไม่แพ้กัน
“ไม่เป็นไรหรอก” แรงบีบเบาๆที่มือ เพื่อเป็นการปรามไม่ให้เต้นไปตามอีกฝ่าย ทำให้ซีวอนต้องหันกลับไปพูดกับคนข้างๆที่แสดงออกถึงความห่วงใยในตัวเขา
แต่ภาพนั้นมันยิ่งทำให้คนมองหมั่นไส้มากขึ้นไปอีก ไหนบอกกับเขาว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ไอ้ที่เห็นนี่ไม่น่าจะใช่แค่เพื่อนหรือคนรู้จัก
“คืนวันอาทิตย์ตีหนึ่ง ส่วนสถานที่ให้พี่คังอินกำหนดมาแล้วกัน” ซีวอนหันมาพูดต่อเพื่อจะได้จบๆเรื่องสักที เขาอยากกลับแล้ว ฮยอกแจควรจะได้กลับไปพักผ่อนเสียที
“ได้ คืนวันอาทิตย์ …... แล้วเจอกัน” ทงเฮตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล
“แล้วเดิมพันล่ะ”
คังอินถามอย่างนึกสนุก นานๆจะมีอะไรแบบนี้สักทีคงจะน่าตื่นเต้นดีไม่น้อย การแข่งขันนอกสนามที่ไม่มีการปิดถนน กติกาง่ายๆเพียงแค่ขับเคลื่อนตัวรถจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งให้ถึงก่อนคู่แข่ง
แต่............ทั้งถนนไม่ได้มีรถวิ่งอยู่แค่สามคันนี่สิ มันน่าสนุกตรงนี้แหละ
ทุกคนหันไปมองหน้าทงเฮเพื่อรอคำตอบว่าฝ่ายที่ท้าจะวางเดิมพันด้วยเงินจำนวนเท่าไหร่ และคนที่ลุ้นที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นคิบอมเพราะรู้จักทงเฮดีว่ารายนี้ใจถึงขนาดไหน งานนี้แววเสียเงินมาเห็นๆ คิบอมไม่ทีทางชนะทงเฮข้อนี้เขารู้ดี ถ้าทงเฮชนะยังพอจะหน้าด้านไปขอเดิมพันคืนได้ แต่ถ้าอีกคนชนะละก็......
“มึงเอ้ยยย ไอ้คิบอม งานเสียเงินมาเห็นๆ กูคิดถูกหรือเปล่าวะเนี่ยที่พาพี่ทงเฮมา”
------------------------ TBC ------------------------
ถ้าอ่าน Chapter นี้ครึ่งแรกไปแล้วบอกพี่ทงเฮกวนนี่คิดผิดนะ เพราะว่า ทงเฮมันกวนกว่าที่คิด
ความคิดเห็น