คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 [ WonKyu]
Chapter 10 [WonKyu]
ร่างโปร่งออกก้าวเดินไปตามริมถนนทางด่วนที่มีรถวิ่งสวนมาประปราย หลังจากที่ยืนโบกรถอยู่นานแต่ก็ไม่มีคันไหนจอดรับ หนำซ้ำบางคันยังบีบแตรใส่เขาอีกต่างหาก โชคดี? ที่ตอนนี้มันล่วงเข้าเวลาของวันใหม่มาหลายชั่วโมงแล้ว ทำให้จำนวนรถดูบางตาลง หากเป็นช่วงหัวค่ำถ้ามาเดินอยู่แบบนี้มีหวังคงได้ถูกเฉี่ยวหรือไม่ก็ลอยติดหน้ารถใครไปแน่นอน
คยูฮยอนเลือกที่จะเดินย้อนกลับสวนกับรถที่วิ่งมา ด้วยคำนวณแล้วว่าจุดที่ตนเองยืนอยู่น่าจะยังไม่ถึงกึ่งกลางระหว่างด่านเก็บเงินทั้งสองฝั่ง ดังนั้นถ้าเดินย้อนกลับอาจจะใกล้กว่า ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาวแต่อากาศในเวลาตีสามกว่าๆก็เย็นยะเยือกบาดผิวใช่เล่น เสื้อเชิ๊ตแขนยาวเนื้อบางที่ใส่ติดตัวอยู่นั้นแทบไม่ได้ช่วยให้ความอบอุ่นใดๆเลย ถ้ารู้ว่าจะต้องมาเดินตากน้ำค้างแบบนี้เขาน่าจะหยิบเสื้อสูทที่ถอดไว้ในรถทงเฮติดตัวมาด้วย ไม่สิ ถ้ารู้ว่าจะต้องมาเดินแบบนี้เขาควรจะไม่ติดรถมากับไอ้บ้าซีวอนนั่นมากกว่า หรือจริงๆแล้วเขาก็ไม่ควรที่จะตามทงเฮมาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ
“บ้าจริงๆเลย..................โอ๊ย !!!! ”
เมื่อนึกถึงหน้าไอ้เพื่อนรักก็อดจะโมโหขึ้นมาไม่ได้ ในขณะที่อีกคนไปเสวยสุข (มั้ง ?) แต่เขากลับต้องมาเดินเป็นคนเร่ร่อนอยู่กลางทางด่วน เงื้อเท้าตั้งใจจะเตะกระป๋องน้ำอัดลมที่มีคนมักง่ายโยนทิ้งไว้บนข้างทางด่วน แต่เจ้ากรรมก็ดันเตะพลาดไปโดนเอาขอบทางด่วนที่เป็นผนังซีเมนต์แทน เจ็บจนชักเท้ากลับมาดูแทบไม่ทัน ยังดีที่เป็นรองเท้าหนังไม่งั้นคงเลือดซิบแน่ๆ
“จะซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรขนาดนี้ อย่าให้เจอหน้านะไอ้ทงเฮ”
“ขอโทษนะครับ ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ย”
เอ่ยปากถามกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เมื่อเดินมาเกือบชั่วโมงก็ถึงด่านเก็บเงินซะที แต่เหมือนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวที่นั่งอยู่ในช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ จะงงกับการมาของเขา
“คุณว่าอะไรนะครับ”
“ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยครับ คือว่า........” จะบอกออกไปยังไงดีล่ะไอ้คยู
“ว่า.........” อีกคนหนึ่งเลิกคิ้วถาม รอฟังคำอธิบาย
“คือผมทะเลาะกับเพื่อน ก็เลยลงจากรถมากลางทาง แล้ว....แล้วโทรศัพท์ก็ติดอยู่บนรถเพื่อน คือ....ตอนนี้อยากจะโทรหาเพื่อนให้มันมารับน่ะครับ” พูดออกไปก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าถ้าโทรไปจริงๆแล้วซีวอนจะกลับมารับหรือเปล่า แต่ยังไงไอ้หมอนั่นก็ต้องเอาโทรศัพท์มาคืนเขาอยู่ดี
แวบหนึ่งที่เขาเห็นแววตาขบขันในสายตาของเจ้าหน้าที่เก็บเงิน แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เจ้าหน้าที่หนุ่มหันไปกดวิทยุสื่อสารแล้วเรียกปลายทางอยู่สักพักก็มีคนตอบรับสัญญาณกลับมา
“เรียวอุคนายช่วยออกมาแทนฉันแปบนึงสิ พอดีเจอคนโดนทิ้งบนทางด่วนเค้ามาขอความช่วยเหลือ”
“นี่คนนะ ไม่ใช่ลูกหมา พูดมาได้โดนทิ้งบนทางด่วน” แต่เขาก็โดนทิ้งจริงๆนั่นแหละ คยูฮยอนทำได้แค่คิดในใจ เขายังต้องการความช่วยเหลืออยู่ขืนพูดอะไรไม่เข้าหูออกไป มีหวังได้เดินไปถึงอีกด่านหนึ่งแน่
“เดี๋ยวรอคนมาแทนแปบนึง” เจ้าหน้าที่หันมาบอกพร้อมกับยิ้มใจดีส่งมาให้
รอสักพักก็มีผู้ชายตัวเล็กๆแต่หน้าตาน่ารักเดินออกมาเปลี่ยนแทนให้ เจ้าหน้าที่หนุ่มจึงส่งโทรศัพท์ส่วนตัวให้และก้าวนำไปยังส่วนของออฟฟิตซึ่งอยู่ด้านข้างริมทางด่วน
“เรามีกฏห้ามพนักงานใช้โทรศัพท์ ณ จุดปฏิบัติงานน่ะ เลยต้องให้มาโทรในนี้ แล้วอีกอย่างนายจะได้มานั่งรอเพื่อนนายในนี้ด้วย อากาศข้างนอกเย็นจะตาย” เจ้าหน้าที่หนุ่มพูดพร้อมกับมองไปที่เสื้อเชิ๊ตสีขาวของคยูฮยอนที่เขาเดาว่าเจ้าของร่างคงจะหนาวอยู่เหมือนกัน เพราะตลอดเวลาที่ยืนอยู่ข้างนอกชายหนุ่มก็ยืนกอดอกห่อตัวอยู่ตลอด
เจ้าหน้าที่หนุ่มพาคยูฮยอนมายังมุมหนึ่งของออฟฟิต ซึ่งมีโซฟารับแขกตั้งอยู่ ก่อนจะเดินหายไปด้านหลังของออฟฟิต ทิ้งคยูฮยอนไว้กับโทรศัพท์
“เอ้า ดื่มซะ จะได้ดีขึ้น ไม่มีคนรับเหรอ หรือว่าโทรไม่ติด” คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าเจ้าหน้าที่ทางด่วนคนเดิมกลับมาพร้อมกับแก้วโกโก้ร้อนตรงหน้าเขา
“ขอบคุณครับ ไม่มีคนรับน่ะ” มือเรียววางโทรศัพท์ไว้ข้างแก้ว ก่อนจะหยิบโกโก้ร้อนขึ้นมากุมไว้เพื่อหวังให้ไออุ่นจากเครื่องดื่มเบาบางความหนาวลงบ้าง
“คุณพอจะมีเบอร์โทรเรียกแท็กซี่บ้างมั้ยครับ” เอ่ยถามออกไป หลังจากที่ลองโทรเข้าเบอร์ตัวเองอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีคนรับสาย บางทีหมอนั่นอาจจะทิ้งโทรศัพท์เขาไว้ในรถ แล้วเขาเองก็จำเบอร์คนอื่นไม่ได้เสียด้วยสิ
“เบอร์แท็กซี่เหรอ ไม่มีหรอก เรามีแต่เบอร์ฉุกเฉินพวกรถตำรวจ รถโรงพยาบาลอะไรพวกนี้ แต่คิดว่าคุณคงไม่ต้องการหรอกมั้ง” เจ้าหน้าที่หนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“เอ่อ.... คงไม่ต้องขนาดนั้นมั้ง” แล้วนี่เขาจะลงไปจากทางด่วนได้ยังไงล่ะ หรือว่าจะรอให้ถึงเช้าแล้วค่อยขอติดรถคันที่ผ่านด่านเก็บเงินนี้ลงไปดี
“เอางี้มั้ยล่ะ อีกชั่วโมงกว่าๆผมก็เลิกงานแล้ว คุณรออยู่ในนี้ก่อน เดี๋ยวผมเลิกงานแล้วติดรถผมลงไป”
“เอ่อ...มันจะเป็นการรบกวนคุณเจ้าหน้าที่เกินไปหรือเปล่าครับ”
“ไอ้คยู มันใช่เวลามาเป็นคนดีขี้เกรงใจมั้ย ง่วงจนจะหลับคาออฟฟิตทางด่วนอยู่แล้ว” แต่ทำไงได้ ที่บ้านสอนมาให้เป็นคนมีมารยาทนี่นา
“ไม่รบกวนหรอกครับ คุณรออยู่ในนี้ก่อนก็แล้วกัน อ่อ...แล้วก็เรียกผมว่าชางมินก็ได้ครับ ผมชิม ชางมิน เรียกคุณเจ้าหน้าที่มันดูแปลกๆ”
“อ่า...ครับ ผมโจว คยูฮยอน ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” คยูฮยอนก้มศรีษะลงเพื่อขอบคุณอีกคน
ชางมินกลับออกไปทำงานอีกครั้ง แต่สักพักก็กลับเข้ามาในออฟฟิตใหม่ แล้วก็เป็นไปตามคาดคยูฮยอนตอนนี้ขดตัวหลับอยู่บนโซฟาตัวยาวไปเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยิ้มขันกับภาพที่เห็นก่อนจะถอดเสื้อโค้ชของตนเองออกแล้วค่อยๆนำไปคลุมร่างโปร่งที่อยู่บนโซฟาอย่างเบามือ
“เรียวอุคยืมเสื้อคลุมหน่อยนะ” โดยไม่รอให้เจ้าของอนุญาติ เจ้าตัวก็คว้าหยิบเอาเสื้อแขนยาวที่มีตราสัญลักษณ์การทางพิเศษไปสวมแทนเสื้อโค้ชยาวตัวเดิมและเดินออกไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ ทิ้งให้เจ้าของเสื้อนั่งมองการกระทำนั้นอย่างงุนงง
----------------- M-y--B-a-d--B-o-y--------------
คยูฮยอนตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่ หลังจากเพิ่งหลับไปได้เพียง 4 ชั่วโมง เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนผนังเรือนใหญ่ด้านข้างก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทางด่วนชางมินอาสามาส่งเขาถึงหน้าคอนโดเห็นบอกว่าเป็นทางผ่านพอดี ช่างเป็นคนที่มีน้ำใจมากจริงๆ
ร่างโปร่งอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมไปทำงานในช่วงบ่าย ทั้งที่จริงก็ยังคงเพลียๆอยู่แต่ติดที่ว่าวันนี้ต้องเข้าประชุมร่วมกับผู้บริหารอีกหลายท่าน
“ผมขอใช้โทรศัพท์หน่อยได้มั้ยครับ” ชายหนุ่มถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้านล่างคอนโดอย่างสุภาพ
“อ้าว คุณคยูฮยอน สักครู่นะคะ” หญิงสาวที่คุ้นหน้าคยูฮยอนเป็นอย่างดี หันไปหยิบโทรศัพท์ส่งให้
“...................” หลังจากสัญญาณดังอยู่พักใหญ่ในที่สุดปลายสายก็กดรับเสียที แต่ก็ไม่ได้มีเสียงสนทนาใดๆส่งผ่านมา
“นั่นนายใช่มั้ย ซีวอน”
“ใช่”
“ฉันคยูฮยอนนะ คือฉันอยากได้โทรศัพท์กับไอแพดของฉันคืน”
“อยากได้ก็มาเอาไปสิ ดังอยู่ได้หนวกหูชะมัด”
“เอ่อ.........”
“อะไร อย่าคิดว่าฉันจะใจดีหอบเอาไปให้ โง่ลืมไว้ก็มาเอาไปเอง”
“งั้นจะให้ฉันไปเอาที่ไหน”
“คอนโด ^$@#^(#@*#(#)% ห้อง 1013”
“งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปเอา” คยูฮยอนถามถึงเส้นทางอีกนิดหน่อยก็กะจะวางสาย แต่ปลายสายก็เรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยว !!!”
“อะไรอีก”
“ตอนนี้ฉันไม่ว่าง ไว้เข้ามาเอาตอนมืดๆแล้วกัน”
พูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไปทันที ทิ้งให้คยูฮยอนยืนงงอยู่สักพักก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาว
----------------- M-y--B-a-d--B-o-y--------------
เวลาทั้งช่วงบ่ายหมดไปกับการประชุมผู้บริหาร ดังนั้นกว่าคยูฮยอนจะได้มีเวลาเคลียร์งานจริงๆก็เกือบค่ำ พอเงยหน้ามองนาฬิกาอีกทีตอนที่แฟ้มงานบนโต๊ะเริ่มร่อยหรอลงไปก็พบว่ามันเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว จึงตัดสินใจพักงานไว้เท่านั้นก่อน เพราะมีนัดต้องไปเอาโทรศัพท์คืนจากซีวอน
Hyundai Elantra สีน้ำเงินค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของบริษัทซอฟท์แวร์ด้านการขนส่งชั้นนำ กรุงโซลในยามค่ำคืนสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ทั้งจากตามอาคารห้างร้านต่างๆและจากรถที่วิ่งสวนกันไปมาตามท้องถนน รวมไปถึงแสงไฟส่องสว่างริมสองฝั่งทางด้วย
ปลายเท้าค่อยๆกดเหยียบคันเร่งขับเคลื่อนพาหนะคู่ใจไปอย่างไม่เร่งรีบ คยูฮยอนไม่ชอบขับรถเร็ว นั่นคือเหตุผลที่ Hyundai Elantra สีน้ำเงินวิ่งอยู่บนถนนด้วยความเร็ว 90 Km/Hr ณ ขณะนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะอยากไปให้ถึงจุดหมายเร็วๆก็ตาม
“เข้ามาก่อนสิ”
หลังจากกดกริ่งบนวีดีโอดอร์โฟนสักพัก เจ้าของห้องก็ออกมาเปิดประตูต้อนรับเขาด้วยสภาพ..... จะว่าอย่างไรดีล่ะ ก็ไหนเจ้าตัวบอกเขาว่ามีธุระไม่ใช่หรือไง แล้วจากสภาพของเจ้าตัวและสภาพห้องที่เขาเห็นมันไม่เหมือนคนเพิ่งไปทำธุระกลับมาเท่าไหร่
คยูฮยอนหันรีหันขวางไม่รู้ว่าควรจะหย่อนตัวนั่งไปบนโซฟาดีเปล่า ทั้งห้องคลุ้งไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ บริเวณโต๊ะรับแขกหน้าโซฟาเกลื่อนไปด้วยกระป๋องเบียร์ทั้งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะและที่ร่วงอยู่ข้างล่าง ดวงตากลมมองตามไปยังร่างสูงที่อยู่ในชุดกางเกงยีนสีซีดเข้ารูปกับเสื้อกล้ามพอดีตัวสีขาวซึ่งกำลังเดินไปหยิบอะไรบางอย่างในตู้เย็น
“ดื่มด้วยกันมั้ย” ซีวอนกระแทกกระป๋องเบียร์ที่ถูกเปิดออกเรียบร้อยแล้วลงตรงหน้าคยูฮยอนจนน้ำสีเหลืองที่อยู่ภายในกระเซ็นออกมาด้านนอก คยูฮยอนมองด้วยความอึ้งปนตกใจ
“เอ่อ....ไม่ละ...นายดื่มเถอะ ไหนโทรศัพท์กับไอแพดฉันล่ะ” เขาไม่ค่อยอยากจะสนทนากับหมอนี่เท่าไหร่นัก ภาพวันที่โดนไล่ลงจากรถยังคงติดอยู่ในหัว หมอนี่เหมือนคนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางทีก็ดูเงียบขรึมจนน่าค้นหาแต่บางทีก็ดูบ้าจนน่ากลัว
“โทรศัพท์มันไม่หายไปไหนหรอกน่า ดื่มเป็นเพื่อนฉันแค่แปบเดียวจะเป็นอะไรไป หรือว่ากลัว”
“ใช่ ฉันกลัว กลัวนายนั่นแหละ” ถ้านั่งดื่มเป็นเพื่อนแล้วอยู่ๆจะไล่ตะเพิดเขาออกจากห้องหรือเปล่า
“ดื่มก็ได้ แต่แค่กระป๋องนี้นะ นี่มันก็ดึกแล้วฉันต้องรีบกลับ” คยูฮยอนตอบรับออกไปตรงกันข้ามกับที่ใจคิด
“เพื่อนนายเป็นยังไงบ้าง” ด้วยความที่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบจนน่าอึดอัดมากเกินไปหลังจากดื่มไปได้ไม่นานคยูฮยอนจึงเปิดประโยคสนทนาขึ้น แต่เหมือนว่าเขาจะเลือกคำถามผิดไป เพราะทันทีที่เอ่ยจบใบหน้าคมก็หันมามองเขาตาขวางอย่างเอาเรื่อง
“ถามทำไม ไม่ไปถามเพื่อนนายดูล่ะ”
“ก็ไม่ได้...........ฉันขอโทษ” มันคงง่ายกว่าถ้าจะเอ่ยขอโทษแล้วเงียบไป เพราะต่อให้อธิบายอะไรอีกคนก็ไม่น่าจะฟังเขาอยู่ดี
“หึ” เสียงแค่นหัวเราะที่ดังกลับมา ทำให้คยูฮยอนรู้สึกอึดอัดและวางตัวไม่ถูกหนักเข้าไปอีก
“ฉันว่าฉันกลับเลยดีกว่า เหมือนนายจะอยากอยู่เงียบๆ โทรศัพท์ฉันอยู่ไหนเหรอ” คยูฮยอนตัดสินใจพูดไปอีกครั้ง หวังว่าคราวนี้หมอนี่จะไม่โวยวายอะไรขึ้นมาอีก
“อยู่ในห้อง เดี๋ยวไปเอามาให้” น่าแปลกที่คราวนี้ซีวอนกลับยอมลุกขึ้นเดินเข้าไปเอาโทรศัทพ์ในห้องแต่โดยดี คยูฮยอนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีเมื่ออีกคนเดินลับหลังไป
ร่างโปร่งนั่งรอเจ้าของคอนโดออกมาจากห้องอย่างใจจดใจจ่อ ซีวอนหายเข้าไปในห้องนั่นสักพักหนึ่งแล้ว เขาเหลียวหน้าเหลียวหลังมองอยู่ตั้งนานก็ไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะกลับออกมาเสียที
“หรือจะหลับไปแล้ววะ”
คยูฮยอนตัดสินใจว่าจะเดินตามเข้าไปดูในห้องเผื่อว่าอีกคนจะเมาหลับไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องรอเก้อจนถึงเช้า แล้วตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายมันผิดปกติแปลกๆยังไงไม่รู้ ทั้งที่ตอนเข้ามาอากาศภายในห้องก็ปกติดีแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันเริ่มร้อน แถมใจก็สั่นแปลกๆ จะว่าเขาเมาเพราะกินเบียร์ตอนท้องว่างก็ไม่น่าใช่ เบียร์ยังไม่ถึงกระป๋องเลยด้วยซ้ำที่เขากินไป ปกติเขากินเยอะกว่านี้อีก
สองขายาวค่อยก้าวไปที่ประตูห้องที่ซีวอนหายเข้าไปเมื่อครู่ โชคดีที่ประตูห้องไม่ได้ล็อคไว้และเมื่อชะโงกหน้าเข้าไปดูก็เป็นไปตามคาด ร่างสูงของซีวอนนอนหลับเหยียดยาวอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
“บอกให้รอแล้วหนีมาหลับเนี่ยนะ” คยูฮยอนบ่นเบาๆ เกรงว่าคนบนเตียงจะตื่นขึ้นมา ร่างโปร่งเดินไปรอบๆห้องสอดส่ายสายตามองหาโทรศัพท์กับไอแพดของตน แต่มองจนทั่วแล้วก็หาไม่เจอ
ยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เตียงเพื่อจะปลุกเจ้าของห้องขึ้นมาถาม ไหนๆมาแล้วก็ไม่อยากจะกลับไปเสียเที่ยว แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็อยากรีบกลับแล้วด้วยก่อนที่อาการที่เป็นอยู่จะหนักไปกว่านี้
“ซีวอน.........ซีวอน......นาย....ตื่นก่อน...โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน”
ร่างโปร่งปลุกอีกคนอย่างยากลำบากจากที่เรียกชื่อเฉยๆก็เปลี่ยนมาใช้มือสะกิดและตามด้วยเขย่าแขนเบาๆ แต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา จนเขาต้องนั่งลงข้างเตียงเพื่อจะเขย่าตัวปลุกอีกคนได้ถนัด
“อื้อ....หนาว....กอดหน่อย” อยู่ๆคนที่นอนหันหลังให้ก็หันกลับมาตวัดแขนกอดรอบเอว แล้วเอาหน้าซุกแถวๆหน้าท้อง จนคยูฮยอนผวา ความรู้สึกวูบวาบแปลกๆแล่นพ่านไปตามร่างกายยามที่อีกคนสัมผัสโดนตัว
“ซะ...ซี..วอน..” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรมากไปกว่าเรียกชื่อ แขนแกร่งก็ตวัดรั้งจนร่างโปร่งล้มหงายลง แผ่นหลังสัมผัสกับที่ที่นอนนุ่ม
“นายจะทำอะ....อึก” เสียงที่พูดขาดหาย เมื่ออีกคนตามลงมาทาบทับบนตัวทันที พร้อมกับแรงสัมผัสที่ส่วนกลางของร่างกายจนคยูฮยอนสะดุ้งเฮือก
ร่างสูงกดจมูกซุกไซร้ไปตามลำคอ ส่งลิ้นร้อนออกมาลากเลียผิวเนื้อสีขาวสะอาดตาจนคนด้านล่างผวาไปตามสัมผัส มือกร้านข้างหนึ่งบีบเค้นไปตามสะโพก ส่วนอีกข้างหนึ่งก็สาละวนกับการลงน้ำหนักมือบนส่วนที่ไวต่อสัมผัส คยูฮยอนรู้สึกร้อนไปหมดทั้งร่าง เลือดในกายวิ่งพล่านไปทั่ว หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนจะหลุดออกมานอกอก ไม่ว่าอีกคนจะแตะต้องตรงไหนเขาก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด อยากจะผลักไสสัมผัสหยาบกระด้างที่ได้รับแต่ร่างกายกลับทำตรงกันข้ามกับสมอง หรือว่า..............
เมื่อวานหลังจากที่กลับมาจากคอนโดของฮยอกแจ ซีวอนก็ตรงกลับมาที่คอนโดตนเองเลยแต่ตอนที่กำลังจะออกจากรถสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์กับไอแพดของคยูฮยอนเข้า ที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ตอนจะออกจากคอนโดแล้วแต่ไม่ได้สนใจจะดู เพราะอยากจะไปหาฮยอกแจเร็วๆมากกว่า
มิสคอลจากเบอร์ที่ไม่ขึ้นชื่อจำนวนมากทำให้เขารู้ว่าเจ้าตัวคงจะโทรมาเพื่อขอโทรศัพท์คืน แต่ในตอนที่เปิดดูข้อมูลเบอร์ที่ไม่ได้รับสายนั้นสายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับข้อมูลการโทรออก ที่ขึ้นชื่อปลายทางคือ “ทงเฮ” เวลาโทรออก 00.57 น. ซึ่งเวลานี้มันเป็นเวลาที่พวกเขาใกล้จะเริ่มออกสตาร์ทตอนแข่งรถ ด้วยความแปลกใจจึงกดเข้าไปดูข้อมูลการโทรแล้วก็พบว่า ระยะเวลาที่ทั้งคู่ใช้สายสนทนานั้นกินเวลาเกินกว่า 1 ชั่วโมง
แสดงว่าตลอดเวลาที่แข่งขันทงเฮกับคยูฮยอนคุยโทรศัพท์กันตลอด ไวเท่าความคิดอีกมือหนึ่งก็คว้าไอแพดขึ้นมาไล่ดูแอพพลิเคชั่นต่างๆที่เจ้าของเครื่องเปิดค้างไว้ และก็พบเข้ากับแอพพลิชั่นเกี่ยวกับการใช้เส้นทาง ที่มีการแสดงรายละเอียดของเส้นทางรอบแม่น้ำฮันอย่างชัดเจน และมีข้อมูลจากสภาพแวดล้อมอื่นๆวิ่งเข้าทางด้านล่าง
มือหยาบกำโทรศัทพ์แน่นด้วยความแค้นใจ “มิน่าล่ะ เขาถึงได้แพ้” จริงอยู่ที่กติกาไม่ได้กำหนดอะไรชัดเจน แต่ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างจากการโกงกัน
~ ~ ~ ~ โอนึล พาโบชอรอม คือ ชารีเอ ซอ อิดนึน คอยา
พีกา แนรีมยอน ฮึมปอก ชอจือมยอ โอจี อันนึน นอรึล คีดารยอ ~ ~ ~ ~
อยู่ๆโทรศัพท์ในมือก็ส่งเสียงร้องออกมา เมื่อก้มลงดูก็พบว่าเป็นเบอร์ที่เจ้าของเครื่องไม่ได้บันทึกไว้ ซีวอนชั่งใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะกดรับโทรศัพท์
แววตาแข็งกล้าเหลือบมองใบหน้าของคนที่อยู่ใต้ร่างด้วยความแค้นใจแกมเยาะเย้ย ก่อนจะก้มหน้ากลับลงไปซุกไซร้ฝากรอยไว้เป็นที่ระลึกบริเวณลำคอขาว สัมผัสจาบจ้วงและรุนแรงถูกส่งมอบไปให้อีกคนโดยไร้ซึ่งความอบอุ่น อ่อนโยนใดๆทั้งสิ้น
“ในเมื่อแกทำลายหัวใจของฉัน ฉันก็จะทำลายคนใกล้ตัวแก”
----------------- M-y--B-a-d--B-o-y --------------
คยูฮยอนงัวเงียขึ้นมาในตอนสายของวันใหม่เพราะรู้สึกถึงแรงตบเบาๆที่ข้างแก้ม ใบหน้าขาวหันหนีสิ่งที่มารบกวนการนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงศรีษะ แต่ก็ต้องลืมตาในเวลาต่อมาเมื่ออยู่ๆผ้าห่มก็ถูกดึงออก พร้อมกับใครบางคนที่ท้าวเอวมองอยู่ข้างเตียง
“ตื่นขึ้นมาซะที จะนอนตายไปถึงเย็นเลยรึไง” เมื่อพูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง
น้ำเสียงกระด้างที่ผ่านโสตประสาททำให้คนที่เพิ่งรู้สึกตัวตื่นเต็มตาทันที ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความเร็วจนไม่ทันระวัง
“โอ๊ย !!!!” เจ็บจนน้ำตาซึม เมื่อเผลอลงน้ำหนักสะโพกไปบนที่นอนตอนลุกขึ้นนั่ง
“ตื่นแล้วก็เชิญกลับไปได้แล้ว โดนไปแค่นั้นคงไม่ได้เจ็บขนาดเดินไม่ได้มั้ง” วาจาดูถูกของคนที่อยู่หน้ากระจกส่งผ่านมาถึงคนที่อยู่บนเตียงโดยตรง ทั้งที่อีกคนไม่ได้หันกลับมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ คยูฮยอนรู้สึกเหมือนถูกตบจนหน้าชา
“นายทำแบบนี้ทำไม เพราะแค้นที่แพ้ทงเฮเลยมาลงกับฉันเนี่ยนะ” คยูฮยอนจ้องมองอีกคนตาเขม็งผ่านกระจกเงาบานใหญ่
“ฉันไม่ได้แพ้มัน พวกแกต่างหากที่โกงฉัน” ใบหน้าคมหันมาตวาดทันทีที่ได้ยินคำว่า “แพ้”
“ไม่ เขาไม่ได้แพ้ พวกมันต่างหากที่โกงเขา”
“พวกฉันไม่ได้โกง แต่กติกาไม่ได้ระบุไว้.....” คยูฮยอนกำลังจะพูดต่อถ้าไม่ติดที่ว่าแววตาและสีหน้าของอีกคนจะแสดงออกชัดเจนว่าถ้าขืนเขาพูดแก้ต่างอะไรไปมากกว่านี้มันคงจะเป็นการไม่ดี จากสภาพเขาตอนนี้ยังไงเสียก็ป้องกันอะไรตัวเองไม่ได้อยู่แล้วถ้าอีกคนเกิดโมโหบ้าดีเดือดขึ้นมา
“โอเค ยังไงนายก็เอาคืนทงเฮไปแล้ว ทงเฮพาฮยอกแจไป ส่วนนายก็ได้ตัวฉันไปแล้ว มันก็........” ยังพูดไม่ทันจบอีกคนก็สวนขึ้นมาเสียก่อน
“อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับฮยอกแจ นายไม่ได้มีค่าขนาดนั้น”
คยูฮยอนพยายามหายใจเข้าลึกๆ นับ 1 ถึง 10 ในใจเพื่อไม่ให้โมโหจนสติแตกไปเสียก่อน “นายเป็นผู้บริหาร นายมีกระบวนความคิดที่เป็นระบบ เย็นไว้คยูฮยอน ปัญหาใหญ่กว่านี้นายก็เคยผ่านมันมาแล้ว เรื่องแค่นี้นายรับมือได้”
“แล้วนายจะเอายังไง” เอ่ยถามออกไปหลังจากนั่งสงบสติอยู่ชั่วครู่
“ไม่ใช่เรื่องของนาย ออกจากห้องฉันไปได้แล้ว ฉันมีธุระต้องไปทำ” เจ้าของห้องพูดจบก็เดินไปแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า
ทั้งคู่ไม่ได้สนทนาใดๆต่อกันอีกต่างคนต่างแต่งตัวและจมอยู่กับความคิดของตนเอง จนกระทั่งเมื่อคยูฮยอนแต่งกายเสร็จและเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างโปร่งก็ถามถึงโทรศัพท์ของตนเองอีกครั้ง
“ไม่รู้สิ อยู่ในรถมั้ง” และนั่นคือคำตอบของคนที่เมื่อคืนบอกกับคยูฮยอนว่าให้ขึ้นมาเอาโทรศัพท์บนห้อง
“อะไรนะ !!!!” ซีวอนปลายตามองด้วยแววตาติดจะรำคาญ เขาคิดว่าเขาพูดเสียงดังพอและอีกคนก็ได้ยินมันชัดเจนทุกถ้อยคำแล้วจะถามขึ้นมาอีกทำไม
“เหอะ” คยูฮยอนพูดได้แค่นี้จริงๆ ขายาวๆก็รีบก้าวตามเจ้าของห้องออกไป
ไม่มีอะไรต้องแปลกใจอีก ซีวอนคงจะวางแผนมาตั้งแต่ตอนที่บอกให้เขามาเอาโทรศัพท์ตอนค่ำ หมอนี่ไม่ได้กะจะคืนให้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่บอกให้เขามาเพื่อจะใช้เขาเป็นเครื่องมือเอาคืนทงเฮต่างหาก
เมื่อถึงส่วนของลานจอดรถด้านซ้ายที่มี Nissan GTR สีเงินจอดเด่นอยู่ท่ามกลางยานพาหนะหรูอีกหลายคัน ร่างสูงก็ปลดล็อคและเปิดเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ คยูฮยอนที่เดินมาห่างๆจึงกัดฟันเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแม้จะรู้สึกเจ็บระบมช่วงสะโพกอยู่มากก็ตาม
ร่างโปร่งเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับรีบก้มลงไปหยิบโทรศัทพ์กับไอแพดที่ยังนอนนิ่งอยู่ที่เดิมมาไว้ในมือ กำลังจะปิดประตูรถเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว แต่บางอย่างที่ยังค้างอยู่ในหัวทำให้มือเรียวที่กำลังจะปิดประตู ง้างมันเปิดออกอีกครั้งและก้มลงไปพูดกับอีกคนที่สตาร์ทรถรอเตรียมพร้อมจะใส่เกียร์เหยียบคันเร่งทันทีที่เขาปิดประตู
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกับฮยอกแจมีความสัมพันธ์กันแบบไหน แต่นั่นเป็นข้อตกลงของพวกนาย ซึ่งฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ถ้านายคิดว่ามันไม่แฟร์หรือรู้สึกว่านายโดนโกง ฉันก็คิดว่าฉันได้ชดใช้ให้กับนายไปแล้วเมื่อคืนทั้งที่จริงๆแล้วฉันไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ นายโกรธที่ฮยอกแจต้องไปกับทงเฮ ถ้าทงเฮรู้ว่านายทำอะไรกับฉันหมอนั่นก็คงโกรธไม่แพ้กัน พวกนายจะเอาคืนกันไปเรื่อยๆแบบนี้เหรอ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่คิดแก้แค้นหรือเอาคืนใครให้เสียเวลา แต่ฉันจะเอาเวลาไปดูแลคนที่ฉันรักแทน”
เมื่อพูดจบก็จ้องหน้าอีกคนคล้ายจะรอคอยสัญญาณตอบรับในสิ่งที่เขาสื่อออกไป แต่..........
“พล่ามจบรึยัง ถ้าจบแล้วก็ปิดประตูรถ”
เอาเถอะ ถึงตอนนี้หมอนั่นจะยังไม่รับฟังอะไรแต่คยูฮยอนก็หวังว่าสิ่งที่เขาพูดไปทั้งหมดยืดยาวนั้นคงจะมีบางประโยคถูกซึบซับเข้าไปบ้าง หวังว่าจะพอทำให้ซีวอนคิดอะไรได้บ้างน่ะนะ........ก็แค่หวัง
แต่ตอนนี้เขาควรจะโทรไปเตือนทงเฮให้ระวังตัวเอาไว้ก่อนดีกว่า ไม่รู้ว่าซีวอนคิดจะทำอะไรขึ้นมาอีก
“ฮัลโหล ทงเฮ”
“เงียบหายไปไหนมาวะ โทรหาก็ไม่รับ”
“เหรอ....เอ่อ....เมื่อวานฉันลืมโทรศัพท์ไว้ที่คอนโดน่ะ ว่าแต่เรื่องคืนนั้นเรียบร้อยดีใช่มั้ย”
“ก็คงงั้น......ว่าแต่นายเถอะ โทรมามีอะไรหรือเปล่า” ออกจะแปลกใจเล็กน้อยที่ปลายสายดูไม่กระดี๊กระด๊าเท่าที่ควร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก
“ฉันอยากให้นายระวังตัวไว้บ้างน่ะ ไอ้ซีวอนอะไรนั่นดูไม่น่าใช่คนดีเท่าไหร่”
“ขอบใจ แต่คงไม่มีอะไรแล้วละ”
“หมายความว่าไง ไม่มีอะไรแล้ว ก็ที่นายไปท้าแข่งรถก็เพราะฮยอกแจไม่ใช่หรือไง แล้วดูท่าซีวอนมันก็หวงคนของมันน่าดู”
“พูดอย่างกับนายรู้จักมันดี”
“ระ...รู้จักดีอะไรกัน ก็แค่มองท่าทางมันจากคืนที่แข่งรถเฉยๆหรอก เอ้อ....วันนี้คุณลุงมีนัดตรวจสุขภาพประจำปี แต่ฉันไปเป็นเพื่อนไม่ได้ นายไปแทนฉันทีสิ” คยูฮยอนรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะหลุดอะไรออกไป
“เขาก็มีคนไปด้วยแล้วนี่”
“คุณแตฮีเขาเป็นผู้หญิง ถ้าฉุกเฉินอะไรขึ้นมามันก็ลำบาก แล้วอีกอย่างนายคิดว่าคนเป็นพ่อจะรู้สึกยังไงถ้ามีลูกชายที่ท่านรักไปให้กำลังใจ”
“เออๆ จะลองคิดดูอีกที”
ปลายสายวางไปแล้ว คยูฮยอนมองหน้าตัวเองผ่านกระจกเงาที่เป็นกระจกส่องด้านหลังติดกับหลังคารถ ใบหน้าขาวตอนนี้ซีดเซียวไปทั้งหน้า มีเพียงส่วนของขอบตาเท่านั้นที่ดำคล้ำขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียและปวดไปหมดเหมือนจะไม่สบาย แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกเหนื่อยใจกับสิ่งที่ต้องเผชิญ
ใบหน้าขาวฟุบลงกับพวงมาลัย ถึงจะรู้สึกแย่แค่ไหนแต่คยูฮยอนก็ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด เรื่องแค่นี้ทำไมคนอย่างจะเขาจะผ่านมันไปไม่ได้ มันก็แค่วันหนึ่ง พอถึงพรุ่งนี้เรื่องของวันนี้ก็จะกลายเป็นแค่เมื่อวานและอีกไม่นานมันก็จะกลายเป็นอดีตที่ลางเลือน
----------------- TBC -----------------
มาเจอซีวอนโหมดดาร์คกันบ้าง เฮ้อ....อิพี่ทงมันจะรู้บ้างมั้ยว่ามันทำให้เพื่อนต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้เนี่ย
สำหรับวอนคยูเสียงส่วนใหญ่คือแทรกไปเลยเนอะ ก็ตามนั้นค่ะ ตอนหน้าไม่ดราม่าละจ้า สัญญาเลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน๊า
ปล.มีคนสัมผัสได้ถึงชางคยูด้วยละ น่ารักจัง
ความคิดเห็น