ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องเล่า...ผี-ผี สุดเฮี้ยน

    ลำดับตอนที่ #13 : เพื่อนใหม่ในป่าช้าเก่า

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 52


    "ทัศนีย์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวัดป่าหนองหิน มหาสารคาม

    ดิฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ เท่าไหร่นัก สามีก็เช่นกัน อาจจะเป็นเพราะเรามีอาชีพครูบาอาจารย์ก็ได้ค่ะ สอนวิชาคำนวณและวิทยาศาสตร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นวิชาที่ว่าด้วยเหตุผลทั้งนั้น ถ้าจะมาหลงเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ก็กระไรอยู่ จริงหรือไม่คะ?

    ตาต้น-ลูกชายวัย 5 ขวบของเราที่เป็นลูกโทน ดิฉันก็พยายามปลูกฝังให้เชื่อสิ่งที่มีเหตุมีผล มองเห็นและจับต้องได้ ข้อสำคัญก็คืออย่าเชื่อเรื่องผี หรือกลัวผีเหมือนเด็กอื่นๆ หลายคนอีกต่างหาก


    จนกระทั่งเมื่อตอนต้นปีนี้เอง ดิฉันได้ประสบกับเหตุการณ์น่าแปลกประหลาดนึกหาคำอธิบายที่ชัดแจ้งไม่ได้ ข้อสำคัญก็คือทำให้ขนลุกทุกครั้งที่นึกถึงเลยค่ะ!

    เราไปมหาสารคามเพื่อเยี่ยมญาติทางสามีที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลมีอาการหลอดเลือดตีบ จะต้องรักษาด้วยการทำบอลลูน...เขามีกำลังใจดีค่ะ บอกว่าไม่ต้องบายพาสก็นับว่าบุญแล้ว

    วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ ญาติอีกคนก็ชวนไปกราบพระที่วัดป่าหนองหิน ห่างจากตัวจังหวัดราว 15-16 กิโลเมตรเห็นจะได้

    ญาติเล่าว่าเจ้าอาวาสชื่อพระครูชัชวาลย์ อดีตเคยเป็นอาจารย์ราชภัฏ ได้ลาออกมาบวชเรียน แสวงหาความวิเวกแบบพระป่าได้ 10 กว่าปีแล้ว ในที่สุดก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองหิน เป็นพระรูปเดียวที่อาศัยอยู่ในวัดนั้น

    แม้ว่าในอดีตเคยเป็นป่าช้า ที่ปัจจุบันยังมีศพฝังอยู่อีกมากมายก็ตาม!

    ชาวบ้านร้านตลาดนับถือท่านมาก เพราะพระครูรูปนี้มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัด เช้าขึ้นก็ครองผ้าออกบิณฑบาต แม้ว่าหมู่บ้านจะอยู่ห่างไกลก็ไม่ย่อท้อ เมื่อกลับวัดจะฉันสำรวมแบบพระวัดป่า และฉันอาหารเพียงวันละมื้อเดียวเท่านั้น

    ที่ชาวบ้านนับถือก็เพราะท่านไม่ใช่พระประเภท "พ่นน้ำหมาก-ขากน้ำมนต์" หรือใบ้หวย ให้เลขเด็ดเป็นการมอมเมาประชาชนให้มาเลื่อมใส แต่ท่านเทศนาสั่งสอนด้วยพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น...อีกทั้งทำการพัฒนาวัดให้สะอาด สว่างและสงบเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    ป่าช้าเก่าที่ฝังศพก็อยู่ตามโคนต้นไม้ก่อนจะถึงวัดนั่นเอง!

    เป็นอันว่าญาติผู้นั้นขับรถปิกอัพนำเราไปที่วัดป่าหนองหิน ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง...จนกระทั่งเข้าเขตวัดที่แวดล้อมด้วยป่าโปร่ง ด้านหน้ามีศาลาโล่งกว้างตลอดสามด้าน ยกเว้นแต่ด้านซ้ายมือที่ประดิษฐานพระพุทธรูป เบื้องหลังท่านสมภารวัย 60 เศษ หน้าตาอิ่มเอิบผ่องใส มองเห็นแล้วใจคอพลอยสงบเยือกเย็นไปด้วย

    ดิฉันกับสามีกราบไหว้ท่านสมภารอย่างสนิทใจ บอกให้ตาต้นกราบแกก็ทำตามอย่างว่าง่าย...เราถามถึงการพัฒนาวัดท่านก็บอกว่าเพื่อต้อนรับญาติโยมที่จะมาทำบุญและปฏิบัติธรรม บางทีก็มีมาบวชชีกัน 2-3 คน มีกุฏิแยกต่างหาก ส่วนท่านจำวัดคนเดียว

    ระยะหลังๆ ท่านก็อยู่เพียงรูปเดียวเท่านั้น แต่ไม่มีปัญหาอะไร

    ลูกชายเราลุกออกไปกับญาติเพื่อเข้าห้องน้ำ สามีถามท่านถึงตอนกลางค่ำกลางคืน พระครูชัชวาลย์ตอบว่าสงบเงียบดี ไม่มีอะไรน่ากลัว เมื่อถามถึงป่าช้าเก่าท่านก็บอกว่ามีญาตินำขึ้นมาเผาในสมัยก่อน แต่บางครั้งท่านก็ร่วมมือในการขุดศพมาเผา บำเพ็ญส่วนกุศลไปให้ผู้ตายตามประเพณี

    "ยังมีอีกหลายศพ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย คนแก่และเด็ก กลางคืนไม่เหงาหรอกโยม มีเด็กๆ ออกมาวิ่งกันครึกครื้นแทบทุกคืน"

    แม้จะไม่กลัวผี แต่ดิฉันกับสามีก็สบตากันแล้วกลืนน้ำลาย...

    เวลาผ่านไปพอสมควร เมฆหนาทึบเคลื่อนเข้าบดบังแสงแดดพอดี...เราก็ถวายปัจจัยท่านสมภารแล้วลากลับ หันไปหาญาติก็เห็นกำลังเรียกตาต้นที่วิ่งเล่น พลางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่หน้าศาลาเหมือนเล่นกับเพื่อนๆ จนแกผละมาหาดิฉันก็หลุดปากถามอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า...เล่นกับใครน่ะหรือว่าเล่นคนเดียว?

    "เปล่าฮะแม่ ต้นเล่นกับเพื่อน..." แกชี้มือไปที่ความว่างเปล่า "นั่นไง! ไอ้จุกยืนมองอยู่นั่นไงฮะ"

    ดิฉันขนลุกซ่า รีบชวนญาติขึ้นรถ...ขณะที่กำลังตีวงจะไปสู่ทางออก ตาต้นก็หันไปมองข้างหลังแล้วโบกมือหย็อยๆ เหมือนจะเป็นการล่ำลาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอะเจอกัน...เพื่อนจากปรโลกน่ะซีคะ...เดี๋ยวนี้ดิฉันเชื่อแล้วค่ะว่าผีมีจริง! บรื๋ออออ...








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×