คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6
“เคียวยะ สรุปแล้วเมื่อตอนเช้าแกหายไปไหนมากันแน่นะ”
โกคุเดระถามขึ้นมาอย่างคาใจ เมื่อเช้าที่บอกจะไปเข้าห้องน้ำแต่ก็หายไปเกือบชั่วโมง แถมพอกลับมาก็ทำหน้ายักษ์ตลอดเวลาจนพวกเขาไม่มีอันจะทำอะไรเลย แผนที่วางไว้จะแกล้งอาจารย์อเลาดิก็เป็นอันต้องยกเลิกทั้งหมด เป็นเพราะมันนั่งทำหน้าตูมอยู่นี่แหละ
“บอกว่าอย่ามาถามอีกไง”
“ถ้าไม่อยากให้ถามอีกก็ตอบมาสิ”
มุคุโร่ร่วมกันเค้นคอด้วยกับโกคุเดระ ทั้งคู่เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้แล้วจ้องอย่างกดดัน แต่คิดว่าแค่นั้นจะทำให้ฮิบาริ เคียวยะสะเทือนได้หรือไง นอกจะจะไม่สะเทือนแล้วยังจ้องกลับมาให้อีกสองคนหนาวสันหลังกันวาบ ๆ
“มันไม่ตอบก็ไม่ต้องบังคับหรอก ไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่าก็ได้”
สึนะที่นั่งอยู่วงนอกพูดขึ้นมาเรียบ ๆ แต่สายตาก็ยังคงจ้องคนร่างบางอยู่อย่างกดดัน ไม่ใช่อยากจะรู้อะไรขนาดนั้น แต่ก็ปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน เวลาที่อารมณ์ระเบิดแต่ละทีไม่ใช่เล็ก ๆ นี่หน่า แต่ถ้ายังไม่ถึงที่สุดเขาก็ยังไม่คิดจะง้างปากหรอก อยากเล่าก็เล่าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า
“วันนี้โดดกัน ฉันไม่มีอารมณ์จะเรียนแล้ววะ”
“เออ”
อีกสามตอบกลับมาอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะขึ้นไปเอากระเป๋ากันที่ห้องเรียนแล้วเดินออกกันอย่างองอาจโดยที่แม้แต่ยามหน้าโรงเรียนก็ยังไม่กล้าห้าม(เด็กดีอย่าลอกเลียนแบบนะคะ)
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากร่างบางผมสีฟางที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟของห้างใกล้โรงเรียน ดวงตาสีฟ้ากวาดมองบรรดาผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ เพราะร้านนี้เป็นร้านกระจกแบบเปิดให้เห็นวิวข้างนอก แล้วเขาก็เลือกมานั่งอยู่ริมกระจกด้วย
‘จะเปล่าได้ไง เมื่อวานเพิ่งโดนพ่อทำโทษ มาวันนี้จะอารมณ์ดีได้ยังไง’
คิ้วเรียวบนใบหน้าสวยขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจเมื่อนึกไปถึงบทสนทนาของเด็กกลุ่มนั้น ถึงแม้จะฟังดูสนุกแล้วก็ไม่ซีเรียสอะไร แต่เขารู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ยิ่งตอนที่ไปเยี่ยมบ้านคราวนั้นด้วย ที่ทำท่าดีใจตอนที่รู้ว่าพ่อไม่อยู่บ้านนั้นก็อีก...ทำไมเรื่องของเจ้าเด็กนั้นมันถึงได้เข้าใจยากขนาดนี้กันนะ
“เฮ้อ...”
“ถอนหายใจทำไมกันครับ”
ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองคนที่เข้ามาทักอย่างงง ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อจำได้ว่าหมอนี่เป็นพี่ชายของดีโน่ คนที่ชนกันเมื่อวันนั้น
“คุณ”
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“...เชิญ”
“ขอบคุณครับ”
ดันเต้เอ่ยขอบคุณพร้อมทั้งยังขำออกมาเบา ๆ ตอนที่อีกฝ่ายจะบอกเชิญนะ เขาเห็นหยุดคิดด้วยนะ สงสัยคงจะอยากนั่งคนเดียวมากกว่า แต่เขาอยากนั่งด้วยนี่นะ เพราะงั้นจะมองข้ามเหตุการณ์เมื่อกี้ไปแล้วกัน
“ผมมีเรื่องจะถาม”
“หืม?”
“ผมมีเรื่องจะถามคุณ”
“ถ้าผมตอบได้น่ะนะ”
อเลาดิมองหน้าอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาท เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่จะยังไงเขาก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเด็กคนนั้น
“ฮิบาริ เคียวยะ คุณเป็นอะไรกับเขา”
คำถามนั้นทำเอาดันเต้นิ่งไปเลย ดวงตาสีส้มแดงไหวไปนิดก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เจ้าตัวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบไปตามความจริง
“อดีตคนรักครับ”
“อดีตคนรัก?”
อเลาดิทวนคำอย่างงง ๆ สองคนนี้เคยคบกันมาก่อนอย่างนั้นหรอ ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ แล้ว...
“แปลกหรือไง”
“ก็ไม่เชิง แต่คนใกล้ตัวของผมไม่มีใครเป็น”
“หึ ๆ”
ดันเต้ขำออกมาเมื่อเจอคำตอบตรง ๆ จากคนตรงหน้า เขาหันไปมองหน้าพนักงานรับออเดอร์ที่ยืนมองเขาอยู่แล้วก็ยิ้มให้ ก่อนจะสั่งเมนูที่กินบ่อย ๆ มา
“แล้วจบยังไง ดีหรือไม่ดี”
“.....”
“เรื่องของคุณกับเด็กคนนั้น...จบกันยังไง”
“...ไม่ดีครับ”
อเลาดิมองคนที่พูดด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ แต่เขารู้ว่าส่วนลึกนั้นก็คงจะรวดร้าวไม่น้อย เพราะน้ำเสียงที่ใช่ออกมามันเหมือนกับยังโหยหาคนที่ถูกกล่าวถึงอยู่
“ขอบคุณที่ตอบ”
“ทำไมคุณถึงอยากรู้”
“เด็กคนนั้นเป็นนักเรียกในปกครองของผม...ผมต้องการรู้ประวัติของเขา”
“ถึงผมจะเพิ่งรู้จักคุณ แต่ว่า...คุณดูห่วงเขาจังนะครับ”
“งั้นหรอ”
อเลาดิถามก่อนจะก้มหน้าลงใช้หลอดคนกาแฟในแก้วที่ตอนนี้น้ำแข็งละลายจนจะหมดอยู่แล้ว...เขา ดูเป็นห่วงเด็กคนนั้นขนาดนั้นเลยหรอ อาการมันแสดงออกมาขนาดที่คนเพิ่งรู้จักกันก็ยังดูออกงั้นหรอ
“ผมชื่อดันเต้นะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“อเลาดิ ยินดีเช่นกัน”
“ไม่มีสอนแล้วหรอครับ”
“เข้าอีกทีก็บ่ายสอง เลยมานั่งเล่น”
“งั้นหรอกหรอ”
ดันเต้เอ่ยรับเสียงยาน ก่อนจะขำออกมาเมื่อเจอนัยน์ตาดุ ๆ สีฟ้าจ้องมองอยู่ ไม่ได้คิดจะล้อเลียนอะไรสักหน่อย เป็นคนจริงจังกับชีวิตเกินไปหรือเปล่านั้น
“คุณ...ไม่กลับหรือไง”
“จะไล่กันแล้วหรอ ดูสิ กาแฟที่ผมสั่งยังไม่ทันมาเสริฟเลยนะ”
“อะ...”
“หึ ๆ”
อเลาดิหันหน้าหนีอย่างไม่ค่อยพอใจ เขาไม่ค่อยชอบคนยิ้มพร่ำเพรื่อ ทำเหมือนชีวิตไม่เคยมีเรื่องเดือดร้อนอะไร ชอบทำตัวเหมือนพวกชีวิตสุขสบายไม่สนใจอะไรรอบข้าง และหมอนี่ก็มีนิสัยที่เขาไม่ชอบอยู่ครบถ้วนเลย พอ ๆ กับเจ้าดีโน่ พอ ๆ กับหมอนั้นเลย
“คุณดูหงุดหงิดง่ายนะ”
“ไม่รู้หรือไงว่าการวิจารณ์คนที่เพิ่งรู้จักกันมันเสียมารยาทนะ”
พูดไปแล้วก็ชะงักก่อนจะเบือนหน้าหนีอีกรอบ อเลาดิใช้มือเท้าคางแล้วเหลือบตามองคนที่ยังขำไม่เลิกก่อนจะกับไปสนใจผู้คนข้างนอกต่อ เมื่อกี้ลืมไป ไปว่าเขาเสียมารยาททั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เสียมารยาทไปแล้ว หมอนั้นไม่ย้อนคืนมาก็ดีเท่าไหร่แล้วนะ
“คุณพักอยู่ที่ไหนหรอ...หึ ๆ ขอโทษทีนะ ฟังดูละลาบละล้วงไปหน่อย แต่ผมอยากรู้จักกับคุณ”
ดันเต้ถามก่อนจะยกมือขึ้นสองข้างเป็นการแสดงออกว่าบริสุทธิ์ใจไม่ได้ต้องการอะไรทั้งสิ้นนะ เมื่อเจอเข้ากับสายตาคู่คมสีฟ้าน้ำทะเลตวัดมองมาอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนเจ้าตัวจะขมวดคิ้วแล้วถามกลับมา
“คุณจะอยากรู้จักผมไปทำไม”
“เพราะว่าผมสนใจคุณ”
“หือ?”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจกับคำตอบที่ได้รับ สนใจ สนใจเขานะหรอ แล้วสนใจอะไรละ เจ้าตัวคิดอย่างงง ๆ ซึ่งอาการนั้นก็แสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด ทำเอาดันเต้ต้องพยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ คนอะไรกัน ขนาดขมวดคิ้วยังน่ารักเลย
“ผมพูดจริง ๆ นะ รู้สึกถูกชะตากับคุณตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งที่แล้ว แต่เสียดายที่วันนั้นไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกันมากเพราะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาก่อน”
ดันเต้แสดงสีหน้าสีดายออกมาตรง ๆ ให้คนตรงข้ามเห็น ซึ่งฝ่ายนั้นคลายปมบนคิ้วที่ขมวดลงนิดแต่ก็ยังคงมองมาอย่างไม่ไว้ใจอยู่ดี
“แล้วถ้าผมไม่บอก”
“ไม่สะดวกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่จะยังไงก็อยากขอโอกาสให้ผมได้ทำความรู้จักกับคุณมากกว่านี้ได้ไหม”
“.....”
“นะครับ”
อเลาดิมองคนตรงหน้าอย่างชั่งใจ ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึก เพราะตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาก็รู้สึกแปลก ๆ แล้วก็ถูกชะตากับคน ๆ นี้มาก ยิ่งตอนที่ได้สบกับดวงตาสีส้มแดงนั้นด้วยแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่ แต่จะให้ยอมบอกเรื่องส่วนตัวกับคนที่เพิ่งรู้จักกันง่าย ๆ มันก็กระไรอยู่ เพราะถึงจะถูกชะตาแค่ไหนเขาก็ยังไม่รู้นิสัยของอีกคนอยู่ดี
“ผม...”
“.....”
“ยังไม่ขอบอกแล้วกัน”
“ว้า...งั้นไม่เป็นไรครับ.......แต่อย่างน้อยขอแค่เบอร์โทรศัพท์จะได้ไหม?”
“คุณ...”
ดันเต้ส่งสีหน้าอ้อนวอนแบบสุด ๆ ไปให้คนที่เหมือนกำลังจะพูดอะไรแต่ชะงักไป ก่อนเจ้าตัวจะหยิบกระดาษกับปากกาที่ใช้จดออร์เดอร์บนโต๊ะขึ้นมาเขียนอะไรลงไปแล้วยื่นมาให้เขา
“อ่ะ”
อเลาดิจดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงกระดาษก่อนจะยื่นให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งพอฝ่ายนั้นกวาดสายตามองก็ยิ้มกว้างออกมาเหมือนคนเจอแจ็กพ๊อตซะอย่างนั้น เห็นแล้วหมันไส้ชะมัด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ แต่พอเห็นสีหน้าอ้อนวอนแบบนั้นแล้วมันก็อดใจอ่อนไม่ได้
“ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริง ๆ”
“.....”
ดันเต้มองคนที่หันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยแววตาขำ ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อสังเกตว่าหน้าขาว ๆ นั้นขึ้นสีเรื่ออย่างน่ารัก แต่แล้วก็ต้องยกสองมือยอมแพ้พร้อมทั้งกลั้นขำเมื่อเจอเข้ากับสายตาดุ ๆ ของคนนั่งตรงข้ามกัน
“ครับ ๆ ไม่ขำแล้วครับ”
“หมดแก้วเมื่อไหร่ก็ลุกได้แล้วนะคุณนะ”
“ได้ครับ”
อเลาดิมองคนที่ยังคงยิ้มไม่หยุดอย่างหงุดหงิด ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นตัวเองที่อนุญาตให้นั่งโต๊ะเดียวกัน แถมยังให้เบอร์โทรไปแล้วอีก
ดันเต้นั่งดื่มกาแฟไปยิ้มไปไม่หยุด ถึงแม้จะเจอสายตาดุ ๆ ที่มองมาตลอดแต่ก็ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ยิ่งได้คุยก็ยิ่งชอบ ยิ่งได้คุยก็ยิ่งรู้สึกดี ความรู้สึกแบบนี้เหมือนตอนเพิ่งเจอเคียวยะใหม่ ๆ เลย หมอนั้นก็นิสัยคล้าย ๆ แบบนี้เหมือนกัน พอคิดได้แค่นั้นสายตาก็ดันเหลือบไปเห็นคนคุ้นหน้าที่เพิ่งคิดถึงเมื่อกี้เดินเข้ามาในร้านนี้พอดี
“เคียวยะ”
เสียงเรียกชื่อที่ไม่เบานักเรียกให้คนหน้าสวยหันไปมองอย่างแปลกใจ ก่อนที่ดวงตาเรียวสวยสีดำสนิทจะเบิกกว้างขึ้น แล้วตามมาด้วยอารมณ์โมโหที่แล่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ไปกันเถอะ”
เจ้าตัวหันไปบอกเพื่อนแล้วรีบเดินออกไปทันที แต่ยังเดินออกมาได้ไม่ถึงไหนก็ถูกอีกฝ่ายวิ่งตามมาคว้าข้อมือไว้ก่อน ร่างบางหันไปตวัดตามองอย่างไม่มีความเป็นมิตรหลงเหลืออยู่เลย แววตาที่ฉายออกมามีแค่ความกราดเกรี้ยวแต่ก็แฝงไว้ซึ่งความรวดร้าว และเหมือนดันเต้จะสังเกตเห็น ใบหน้าคมคายจึงสลดลงและเปลี่ยนจากจับข้อมือมาเป็นกุมมือเรียวไว้แทน
“เคียวยะ ขอโทษนะ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้”
คนหน้าสวยสะบัดมืออย่างแรงจนหลุดแล้วออกเดิน แต่ดันเต้ทำท่าจะเข้ามาอีก ทั้งสามคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงได้พาตัวเองเข้ามาขวาง
“เคียวยะก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้”
สึนะพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แต่แววตาที่ฉายออกมาแสดงให้เห็นว่าถ้าอีกฝ่ายยังคิดจะก้าวเข้ามาอีกได้มีเรื่องกันแน่ ๆ อเลาดิที่สังเกตการณ์อยู่ถึงได้เข้ามาห้ามเพราะคนเริ่มมุงดูกันแล้ว
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนเถอะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ผมจะพานักเรียนของผมกลับ”
ดันเต้มองหน้าอเลาดิที่พูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ แต่ก่อนจะไปก็หันไปทิ้งคำพูดให้ร่างบางผมดำที่ไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน
“ฉันอยากคุยกับเคียวยะมากนะ อยากขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา หวังว่าคราวหน้าที่เจอกัน เราจะได้คุยกันดี ๆ นะ”
ฮิบาริเหลือบหางตามองตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าออกไปไกลแล้ว ก่อนเจ้าตัวจะหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่โดยหันมาทางที่เกิดเรื่อง แล้วก็เจอเข้าเต็ม ๆ กับสายตาคาดคั้นสี่คู่ที่มองมาทางเขาเป็นตาเดียว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วพวกเธอออกมาแบบนี้ได้ยังไง จะได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะ”
“วันนี้พวกผมโดด ไม่เข้าแล้ว”
“ไม่เข้าไม่ได้”
“ก็จะไม่เข้าแล้วจะทำไม”
“ฉันบอกว่าต้องเข้าเรียน”
“อย่ามาขวางผมนะ”
ดวงตาสองสีสบกัน หนึ่งสีฟ้าที่มีแววกรุ่นเพราะอีกฝ่ายไม่เชื่อฟัง และอีกหนึ่งสีดำที่ก็กรุ่นไม่แพ้กันเพราะโดนบังคับ จนบรรยายกาศรอบ ๆ ตัวทั้งสองคนชักจะมาคุขึ้นเรื่อย ๆ โกคุเดระถึงต้องแทรกขึ้นมา
“พอกันซะทีเถอะน่า ฉันกดดันจะตายอยู่แล้ว”
ทั้งสองคนหันขวับไปจ้องคนขวางกันตาเขียว ก่อนจะสะบัดหน้าไปยืนกอดอกคนละทางอย่างอารมณ์ค้างยังไงพิกล แล้วก็เป็นอเลาดิที่พูดขึ้นมา
“พวกเธอจะไปไหนกัน”
“ไม่จำเป็นต้องบอกอาจารย์นี่”
“จำเป็นสิ เพราะฉันจะไปด้วย”
“จะไปทำไม”
“จะถามทำไม”
“อะ...ชิ”
ฮิบาริที่เจอสายตาจริงจังสีฟ้าคู่นั้นจ้องมาถึงกับต้องหันไปสบถอีกทาง อาจารย์อเลาดิเป็นพวกเอาแต่ใจนิสัยไม่ดีจริง ๆ(ว่าเขาไม่ดูตัวเลยนะคะ)
“สรุปจะไปไหนกัน”
“อาจารย์จะรู้ไปทำไม”
สึนะถามขึ้นมาบ้าง และจากนั้นก็ได้รับสายตาคม ๆ จากคนผมสีฟางส่งแถมให้ก่อนจะตอบคำถาม
“ก็บอกว่าฉันจะไปด้วย”
“แล้วไม่มีสอนหรือไง”
“ฉันจะโทรไปลา”
“อาจารย์นิสัยไม่ดี”
“ก็ได้รับหน้าที่มาคุมเด็กนิสัยไม่ดีอย่างพวกเธอฉันก็ต้องปรับตัวตาม”
อเลาดิตอบนิ่ง ๆ ใส่เด็กสี่คนที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนที่ฮิบาริจะยอมแพ้แล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะบอกสถานที่ ๆ พวกเขาจะไปต่อจากนี้ให้อีกคนพยักหน้ารับ
“ไปบ้านผมเอง”
................................................................................
Writer talk : สวัสดีคะ...วันนี้ไรท์เตอร์มาแบบมึน ๆ นะคะ นอนอยู่ดี ๆ แล้วโดนปลุกอะ ปกติก็ตื่นเวลานี้แหละแต่ว่าวันนี้ตั้งใจจะตื่นสายเพราะหยุดใช่ไหม ดันโดนน้องชายแกล้งซะได้ อารมณ์เสียสุด ๆ เลยคะ(เอาเรื่องที่บ้านมาฟ้องอีก) โอ้ย ง่วง เพราะงั้นตื่นมาไม่มีอะไรทำเลยมานั่งอัพนิยายให้ทุกคนดีกว่า จะบอกว่าไรท์เตอร์เองก็อัพแบบมึน ๆ พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกต้องไหนก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะคะ เดี๋ยววันไหนว่าง ๆ จะมาแก้ ถ้าเจอก็บอกไว้ในคอมเม้นท์เลยก็ได้คะ...ไปนอนต่อก่อนนะ
ความคิดเห็น