คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
เงียบ….
ขณะนี้ห้องเรียนของชั้นปี 3 ห้อง 1 กำลังเกิดความเงียบเข้าครอบคลุม หลังจากที่เจี้ยวจ้าวกันอยู่พักหนึ่ง อยู่ ๆ ก็มีอาจารย์คนใหม่เข้ามาในห้องสองคน ทุกคนในห้องถึงได้หันไปมอง แล้วห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั้งอาจารย์คนหนึ่งพูดขึ้นมาเป็นการแนะนำตัว
“ครูชื่อดีโน่นะทุกคน นับจากวันนี้ไปครูจะมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องนี้นะ”
“ฉันอเลาดิ”
ร่างบางผมดำนั่งท้าวคางมองอาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่อย่างเบื่อ ๆ ตั้งแต่เปิดเรียนมาไม่ถึงเดือน ห้องของพวกเขาก็เปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษามา 3 ชุดแล้ว ที่อยู่ได้นานที่สุดก็สองสัปดาห์ แล้วนี่จะอยู่ได้สักกี่วันกันนะ ก่อนดวงตาสีนิลสวยจะเหลือบไปมองคนผมทองที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง แล้วเลยไปที่คนผมสีฟางที่จ้องมายังเขาพอดี นัยต์ตาสองสีสบกับอยู่อย่างนั้น เนินนาน...
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
พลันบางอย่างในอกกับเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ดวงตาสีนิลเสออกไปมองอีกทาง มือเรียวยกขึ้นกุมหน้าอกตัวเองที่มีบางอย่างยังคงเต้นไม่หยุด สมองกำลังประมวลผลอยู่ว่าความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นนี่มันมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ ทำไม...ทำไมถึงใจเต้นแบบนี้กันนะ แค่สบกับดวงตาสีฟ้าใสนั้นก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก นายเป็นใครกัน ‘อเลาดิ’ มาทำให้ใจฉันเต้นแบบนี้ ต้องรับผิดชอบกันด้วยนะ
ดีโน่เหลือบมองร่างเด็กผมดำที่นั่งกำเสื้อตรงช่วงอกข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างติดใจ เด็กคนนี้มีบางอย่างที่แตกต่างจากคนอื่น เส้นผมสีดำสนิทซอยสั้นระต้นคอ ดวงตาสีรัตติกาลเรียวคม ใบหน้าสวยที่แสดงอาการหยิ่งผยองออกมาให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง ยิ่งเมื่อกี้ที่เหลือบมองมาทางเขาด้วยใบหน้าทะนงตัวเหมือนเด็กชอบเอาแต่ใจอย่างนั้นแล้วด้วย ก็ยิ่งมีเสน่ห์เหมือนจะฉุดให้เขาเข้าไปใกล้ ซึ่งมันแปลกมาก ที่เขาจะมีอาการแบบนี้กับ...เด็กผู้ชาย
“งั้นเอาเป็นว่า ใครชื่ออะไรบ้าง แนะนำตัวกันหน่อยสิ”
ฮิบาริเหลือบมองคนพูด ดวงตาสีอำพันคู่นั้นกำลังจ้องมาที่เขา คิ้วเรียวบนใบหน้าสวยขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ ไม่ค่อยถูกชะตากับเจ้าหัวทองนี่เลยแหะ เจ้าตัวคิดในใจก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดใส่แล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น แต่กลับไม่รู้เลยว่า กิริยาที่แสดงออกไปนั้น คนที่เห็นจะยิ่งเพิ่มความเอ็นดูให้เจ้าตัวเข้าไปอีก
“เริ่มจากเธอ”
อเลาดิบอกก่อนจะชี้ไปทางคนผมดำที่เพิ่งจะสะบัดหน้าหนีดีโน่มา เจ้าตัวทำหน้างง ๆ แต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนบอกชื่อตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เขานั่งอยู่หลังห้อง นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวสุดท้ายริมหน้าต่าง แล้วทำไมถึงได้เรียกเขาก่อนกันนะ มันจะต้องเริ่มจากคนหน้าห้องไม่ใช่หรอ แต่สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดตอนนี้ก็คือ แล้วทำไมเขาต้องยอมลุกตามที่คนผมสีฟางบอกด้วยเล่า แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก เจ้าตัวจึงได้ปล่อยเลยตามเลยไปในที่สุด
“ฮิบาริ เคียวยะ”
“คนต่อไป”
“โรคุโด มุคุโร่.....โกคุเดระ ฮายาโตะ.....ซาวาดะ สึนะโยชิ.....ฯลฯ”
อเลาดิมองเล่านักเรียนที่แนะนำตัวไปเรื่อย ๆ อย่างสนใจ แต่ละคนท่าทางร้ายกันน่าดู ยิ่งเจ้าคนที่เขาให้แนะนำชื่อเป็นคนแรก เด็กคนนั้น ฮิบาริ เคียวยะ แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับบอกเขาว่า เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันกับเขา เหมือนกัน ไม่เข้าใจเหมือนกันนะที่มีความรู้สึกแบบนี้กับเด็กที่เพิ่งเห็นหน้าครั้งแรก ตอนที่ได้รับแจ้งจากผู้อำนวยการว่าให้มาดูแลห้องนี้เขาก็เริ่มสนใจขึ้นมาเมื่อได้รับข้อมูลมาว่า ห้องนี้ทั้งที่เพิ่งเปิดเรียนได้ไม่ถึงเดือน แต่กับเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษามา 3 ชุดแล้ว แล้วทุกชุดล้วนแต่ขอออกกันเองทั้งหมด ซึ่งก็พอจะเดาได้แหละว่าเด็กห้องนี้คงจะร้ายกันน่าดู ถึงแม้จะเป็นห้องเด็กที่เรียนดีที่สุดในสายชั้น แต่อย่างว่าเด็กฉลาดก็มักจะซ่อนความร้ายกาจไว้เยอะ และวันนี้ พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองเขาก็เข้าใจละ ว่าที่ว่าร้ายนะ ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“นี่อเลาดิ”
“อะไร”
ดวงหน้าสวยหันไปมองคนเรียกก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นว่าเจ้าหัวทองที่มาเป็นที่ปรึกษาห้องนี้เหมือนกันยืนมองหน้าเขาอยู่
“จะชวนไปกินข้าวนะ พักเที่ยงแล้ว”
“นายไปก่อนเลย ฉันยังไม่หิว”
ดีโน่มองคนที่นั่งตรวจการบ้านนักเรียนอยู่ก่อนจะยิ้มออกมานิด ตอนที่อยู่ในช่วงคาบโฮมรูมเขาก็พอจะรู้ละว่าคน ๆ นี้เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด เป็นจริงเป็นจังกับทุก ๆ เรื่อง แต่ก็เป็นคนที่น่าสนใจดี ไม่แพ้เด็กผมดำคนนั้นเลย ฮิบาริ เคียวยะ นั้นแหละ หมอนั้นดูท่าทางแล้วก็คงร้ายน่าดูเหมือนกัน เด็กแต่ละคนในห้องนั้นก็ดูท่าจะไม่น้อยหน้ากันเท่าไหร่ด้วย ร้ายเงียบ เป็นคำที่เหมาะกับเด็กพวกนี้ที่สุด ถึงแม้จะโหวกเหวก โวยวาย แต่ก็ไม่ทำอะไรให้คนจับได้ ซ่อนความผิดของตัวเองได้มิดชิดเชียวละ
“พักก่อนเถอะน่า กองสมุดนั้นนะ ไม่หายไปไหนหรอก”
อเลาดิตวัดตามองคนที่ยืนยิ้มอยู่อย่างไม่รู้สึกรู้สาตรงหน้าโต๊ะ จ้องกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเดินตามอีกฝ่ายไปในที่สุด
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“เดี๋ยวฉันมานะ ขอไปคุยธุระแป๊บนึง”
“อืม”
ร่างบางตอบรับก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อ โดยไม่สนใจอีกคนที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์ ตอนนี้พวกเขามากินข้าวกันที่นอกโรงเรียน อยู่ ๆ ไอ้หมอนี่ก็บอกว่าเบื่อกับข้าวในนี้แล้ว ไปกินข้างนอกกันเถอะ เขาเลยต้องติดรถของไอ้หมอนี่มาด้วยนะสิ
“ไอ้หมอนั้น ไปนานจริงแหะ”
อเลาดิบ่นกับตัวเองก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อมองไปทางที่อีกฝ่ายลุกไปก็ยังไม่เห็นกับมาสักที เจ้าตัวเลยตั้งใจจะลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนระหว่างรอ แต่ขณะที่ลุกขึ้นยืน ร่างบางไม่ได้หันไปมองข้างหลังว่ามีใครเดินมาหรือเปล่าจึง...
โครมมมมมม
ชนเข้าเต็ม ๆ กับใครก็ไม่รู้ ร่างบางยกมือขึ้นกุมสะโพกเพราะตอนชนเขากระเด็นกลับมาที่โต๊ะ เลยไปชนกับตรงเหลี่ยมเข้า แสดงว่าหมอนั้นคงตัวใหญ่หน้าดู ซึ่งพอเงยหน้ามองก็ปรากฏว่า มันตัวใหญ่จริง ๆ ด้วยแหละ ดวงตาสีส้มแดงทอดมองมาทางเขาอย่างตกใจปนเป็นห่วง เรือนผมสีดำสนิทขยับไหวยามเมื่อเจ้าตัวกุลีกุจอเข้ามาช่วยพยุงเขาขึ้น ใบหน้าคมก้มลงให้อย่างจะขอโทษ
“ขอโทษทีนะ ผมไม่รู้ว่าอยู่ ๆ คุณจะลุกขึ้น”
“อืม ไม่เป็นไร ผมก็ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ จะมีใครเดินมา”
“ยังไงก็ขอ...”
‘นี่ นี่ ดันเต้ เกิดอะไรขึ้นนะ พี่ ได้ยินที่ฉันเรียกหรือเปล่า’
ดันเต้ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหันไปมองทางโทรศัพท์ของตัวเองที่ตกพื้นอยู่ เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่า เมื่อครู่ที่มันตก มันไม่ได้ดับนี่หน่า
“อือ ๆ ฟังอยู่ เมื่อกี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยนะ”
‘แล้วเป็นไรมากไหมเนี่ย
“เปล่า ไม่เป็นไร”
‘ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้างั้นก็แค่นี้แหละ’
“เออ...แค่นี้”
“งั้นผมขอตัวนะ”
อเลาดิพูดขึ้นก่อนจะปลีกตัวออกมา แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ข้อมือบางกลับถูกจับไว้โดยคนที่เพิ่งจะชนกันเมื่อกี้ ดวงตาเรียวสวยสีฟ้าตวัดมองคนที่ถือวิสาสะมาจับมือเขาไว้ ดวงตาสีส้มแดงเองก็สบมองกับมาโดยไม่หลบเช่นกัน...
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจสองดวงส่งเสียงออกมาในจังหวะเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่รีบสะลัดตัวออกจากกันทันที ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมานี้คืออะไร ถ้าหากมันเกิดกับผู้หญิงคนใดคนหนึ่งพวกเขาก็คงจะบอกได้ทันทีว่ามันคือรักแรกพบ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นกับผู้ชาย แล้วพวกเขาควรจะทำความเข้าใจยังไงดี
“อ้าว...”
ยังไม่ทันทีทั้งคู่จะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงเรียกแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ ทั้งคู่หันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะเรียกชื่อคนขัดจังหวะออกมาพร้อมกัน
“ดีโน่”
ดีโน่ลอบยิ้มเมื่อคนสองคนที่เรียกชื่อเขาหันไปมองหน้ากันเอง ก่อนจะรู้สึกถึงความผิดปกติเมื่ออีกสองคนที่มองมายังเขาเหลือบมองกลับไปที่ด้านหลังด้วยดวงตาต่างความรู้สึก
“ฮิบาริ เคียวยะ”
ฮิบาริสะดุ้งอย่างรู้สึกตัวเมื่อโดนเรียกชื่อ ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองคนด้านหลังดีโน่ ดวงตาสีนิลสบกับดวงตาสีส้มแดงที่ฉายแววตกใจอย่างปิดไม่มิด ซึ่งเขาในตอนแรกก็เป็นแบบนั้น
“เคียวยะ...”
ดันเต้เรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาราวกับละเมอ สร้างความสงสัยให้กับอีกสองคนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรอยู่ไม่น้อย ดวงตาสีฟ้าและสีอำพันสบกันเองอย่างงง ๆ ก่อนจะหันมองหน้าทางนั้นทีทางนี้ทีเหมือนเป็นการบอกให้สองคนที่จ้องตากันอยู่รู้กลาย ๆ ว่าตอนนี้พวกเขากำลังต้องการคำตอบนะ
“เธฮเป็นยังไงบ้าง”
ฮิบาริสะบัดหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายถามจบ ก่อนจะถามสวนขึ้นมาไม่ยอมตอบคำถามของอีกฝ่าย
“ทำไมถึงยังไม่ตาย ๆ ไปอีก”
“ฮิบาริ”
ดีโน่เรียกอีกฝ่ายเสียงเย็น ถึงจะรู้สึกดีด้วยยังไงแต่ถ้ามาพูดกับพี่ชายเขาแบบนี้มันก็เกินไปหน่อยนะ ไม่ว่าจะเป็นลูกคุณหนูเอาแต่ใจ หรือใหญ่มาจากไหน ในเมื่อเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้วก็คงต้องสอนกันหน่อยแหละ
“ไม่เป็นไร ดีโน่ ปล่อยไปเถอะ”
ดันเต้ว่าก่อนจะหันไปมองคนผมสีฟางที่ยังมองฮิบาริอยู่ด้วยสายตางง ๆ เจ้าตัวถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยคำขอโทษที่คนได้รับไม่คิดที่จะฟัง
“ขอโทษนะ เคียวยะ”
“เอากองไว้ตรงนั้นแหละ”
ดีโน่ทำท่าจะเข้าไปหาแต่กับถูกอเลาดิมองมาเป็นเชิงว่า ‘ปล่อยให้เขาเคลียร์กันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง’ ดีโน่เลยได้แต่ยืนมองต่อไป
“ฉันเพิ่งกลับมาจากอิตาลีไม่นานนี้เอง จริง ๆ ก็มีของฝากมาให้เคียวยะด้วยแหละ แต่ไม่คิดว่าจะเจอกันวันนี้ เลยไม่ได้หยิบมาด้วย”
“ของจากคุณนะ ผมไม่ต้องการ”
“แต่ฉันตั้งใจซื้อมาให้เลยนะ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องการ”
ฮิบาริบอกเสียงเขียวก่อนจะตวัดสายตาใส่ ดวงตาสีนิลเคลือบไปด้วยความโกรธแค้น แต่เศษเสี้ยวของความร้าวที่ปนออกมาก็ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของคนทั้งสาม แต่ก่อนจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างบางผมดำก็ถูกเพื่อนขี้โวยวายเรียกตัวไปซะก่อน
“เคียวยะ แกจะไปได้ยังเนี่ย”
“คึหึหึ ช้าจริงนะ”
“เคียวยะ ช้าจัง”
“เออ กำลังไปเนี่ย สึนะแกไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นใส่ฉันด้วย”
ฮิบาริว่าก่อนจะเดินตามกลุ่มเพื่อนของตัวเองไป แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปทะเลาะกับโกคุเดระต่อ
“แกกล้าว่าสึนะหรอ นั้นมันดาร์ลิ้งค์ของฉันนะเว้ย”
“ฮายะ ถ้าแกยังไม่เลิกหาเรื่องฉัน ฉันก็จะฆ่ามันด้วย”
“หนอย แก”
“แกคิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรือไง เคียวยะ”
“คึหึหึ หยุดทะเลาะกันเถอะน่า”
“มุคุโร่ แกเลิกหัวเราะแบบนั้นทีเถอะ ฉันรำคาญ”
ฮิบาริบอกก่อนจะได้รับการพยักหน้าสนับสนุนจากทุกคน โดยภาพทั้งหมดถูกอีกสามคนที่ยืนอยู่ที่เดิมจับตามองอยู่ตลอดเวลา
“เฮ้อ...ดันเต้ พี่ต้องกลับไปเล่าให้ฉันฟังแล้วละว่านี่มันเรื่องอะไร”
“อืม”
ดันเต้มองหน้าน้องชายก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ โดยมีสายตาสงสัยของอเลาดิจ้องอยู่ตลอดเวลา คนตาฟ้าเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนจะเดินตามดีโน่ไปขึ้นรถ
............................................................................
Writer talk : สวัสดีคะ เอาตอนที่ 1 มาลงแล้วนะ เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย เปิดมาพี่ม้าก็ถูกชะตากับเคียว ๆ แล้วละ แต่ว่าเคียว ๆ ดันติดใจอาจารย์คนใหม่ที่ไม่ใช่พี่ม้าซะนี่ แล้วอเลาดีก็เกิดไปปิ๊งปั๊งกับปู่ม้าอีก แต่ว่า ๆ แล้วปู่ม้ากับเคียว ๆ เคยเป็นอะไรกันมาก่อนละ ทำไมถึงได้พูดจากันแบบนั้น ถ้าอยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อก็ติดตามตอนต่อไปกันนะคะ^^
ความคิดเห็น