ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ● BFB ● KAIHUN :: FOUR
BOYBAND FANBOY BOYFRIEND
- FOUR -
แบคฮยอนขับรถมาไม่นานก็ถึงที่หมาย โรงพยาบาลตั้งอยู่ใกล้ๆกับบริษัทของ xoxo ร่างเล็กดับเครื่องก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมาดูแล้วมือบางก็พิมพ์ข้อความพร้อมกับขมวดคิ้วไปด้วย
“มีอะไรวะ” เซฮุนถามขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนสนิททำหน้าเครียด
“มีอะไรวะ” เซฮุนถามขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนสนิททำหน้าเครียด
“ชานยอลอยู่ไอซียู”
อะไรนะ!! แค่กินเค้กผมเข้าไปถึงกับต้องเข้าไอซียูเลยหรอ? แล้วไอ้คนที่อยู่ห้องไอซียูเนี่ย หมอเค้าอนุญาตให้เล่นมือถือด้วยหรอ? แล้วป่วยหนักขนาดนั้นมีแรงมานั่งพิมพ์ตอบได้ไงกัน...
“ชานยอลกำลังหลอกพวกเราอยู่ป้ะวะ แบบถ่ายรายการอยู่แล้วสร้างสถานการณ์เซอร์ไพรส์แฟนคลับไรงี้ คนป่วยอะไรยังมานั่งพิมพ์ข้อความได้”
ผมบ่นยาวเหยียดออกมาด้วยความสงสัย ยิ่งชานยอลเป็นคนขี้เล่นแบบนี้อยู่ด้วย ใครจะยอมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์กันว่าป่วยหนักจริงๆ
“ถ้ามึงอยากรู้ ก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาไง!”
ไอ้แบคพูดจบมันก็รีบลงจากรถ ปิดประตูเสียงดังโดยไม่รอผม แม่-งเป็นอะไรของมันวะ ตั้งแต่ที่บ้านแล้วนะ ผมเลยได้แต่เดินตามมันไปเงียบๆ สงสัยมันคงจะเป็นห่วงชานยอลมากจริงๆ ก็แน่อยู่แล้ว ว่าที่แฟน?มันหนิ...
ผมเดินมาถึงหน้าห้องไอซียูแล้ว ส่วนเพื่อนรักผมก็เดินไปเกาะประตูห้อง เขย่งปลายเท้ามองผ่านกระจกสี่เหลี่ยมใสเข้าไป พอมันดูเสร็จก็เดินมานั่งเก้าอี้หน้าห้องที่เอาไว้รับรองญาติของผู้ป่วย เมื่อเห็นว่ามันไม่ยอมพูด ผมเลยเดินไปดูบ้าง และสิ่งที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือร่างของชานยอลที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงขาวสะอาดพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ นี่มันเรื่องจริงหรอเนี่ย? เป็นไปได้ยังไง...
“พวกนายมากันนานหรือยัง” เสียงของคริสดังขึ้น เหมือนพี่เขาเพิ่งออกมาจากห้องของหมอนะครับ สงสัยไปฟังผลตรวจของชานยอลมา แต่พี่คริสก็ไม่ได้เดินมาคนเดียว ยังมีพี่ซูโฮ พี่ผู้จัดการ แล้วก็ไคตามมาด้วย...
ผมเบนสายตาไปมองที่มือไค เขาถือไอโฟนไว้สองเครื่อง ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นไอโฟนของชานยอล หรือว่าคนที่แบคฮยอนคุยด้วยคือไค?
“เพิ่งมาถึงเองครับ แล้วนั่น... ไอโฟนชานยอลหนิ” แบคฮยอนพูดขึ้น ท่าทางมันจะสงสัยแบบผมว่าทำไมไอโฟนชานยอลถึงไปอยู่กับไคได้
“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า?” ไคตอบอย่างไม่สนใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวริมสุด
“งั้นเมื่อกี้ที่ผมคุยด้วยก็คือคุณสินะ? แล้วทำไมคุณไม่ส่งข้อความหาเซฮุนล่ะ คุณก็มีคาคาโอของเซฮุนมันไม่ใช่หรอ”
ไอ้แบคถามขึ้นครับ แล้วทำไมต้องโยงเรื่องมาที่ผมด้วยเนี่ย
“ลืมไปว่ามี”
คำตอบของไคทำผมจุกครับ ลืมไปว่ามีคาคาโอผมหรอ แล้วทุกวันที่ผมส่งข้อความไปหา เขาไม่เคยสนใจเลยใช่ไหม?... ได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใคร
น้อยใจ...ความรู้สึกแรกที่ได้ยินคำว่า"ลืม"ออกมาจากปากของไค
ผมกลัวว่าทุกคนจะรู้...
ผมกลัวว่าทุกคนจะสังเกตเห็น...
ผมกลัวว่าจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...
ผมกลัวว่าตัวเองจะล้ำเส้นบางๆ...
...เส้นบางๆ ระหว่างคำว่า แฟนคลับ กับ ศิลปิน... นี่ผมชอบไคแบบไหนกันแน่นะ...
“เรื่องไอโฟนน่ะช่างมันก่อนเหอะ มาคุยเรื่องเค้กก่อน มันน่าเครียดกว่าเยอะ นายน่ะชื่อเซฮุนใช่ไหม เค้กที่นายให้มาทำเองหรือว่าซื้อ?” ผู้จัดการจื่อเทาพูดขึ้น ทำให้ผมต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าให้ดูปกติก่อนที่จะเงยหน้ามาตอบคำถาม
“ผมซื้อมาครับ”
“ซื้อที่ไหน? ร้านที่นายทำงานหรอ?” คราวนี้เป็นเสียงของพี่ซูโฮที่ถามขึ้นมา
“ร้านแถวบ้านครับ วันนี้ร้านที่ผมทำงานปิด” ผมตอบตามความจริง อย่าบอกนะครับว่าสงสัยผมกันน่ะ...
“ตอนซื้อมามีรอยแกะหรือรอยอะไรมั้ย” เหมือนผมเป็นนักโทษที่กำลังโดนตำรวจสอบสวน ซึ่งตำรวจนั้นก็คือ เทา ซูโฮ และคริส
“ไม่มีครับ ผมดูแลเค้กที่ซื้อมาเป็นอย่างดี” ผมตอบเสียงชัดเจนมั่นใจ
“หมอบอกว่ามียาพิษชนิดร้ายแรงอยู่ในร่างกายชานยอล และมันก็ร้ายแรงพอที่จะทำให้คนที่กินเข้าไปตายได้ แล้ววันนี้ชานยอลยังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากเค้กของนาย”
ผมฟังแล้วก็อึ้งครับ ยาพิษแบบนี้มันมีอยู่ในโลกด้วยหรอ แล้วผมจะทำแบบนั้นไปทำไมกันล่ะ...
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อผมเป็นแฟนคลับพวกคุณนะครับ”
“นายอาจจะเป็นแอนตี้แฟนปลอมตัวมาก็ได้ หึ ใครจะไปรู้” ผู้จัดการจื่อเทาพูดขึ้น ซึ่งคำพูดนี้ทำเอาผมไม่พอใจมากครับ คุณผู้จัดการคุณดูหนังมากไปหรือเปล่า?
“ไร้สาระ” คราวนี้เป็นเสียงไคที่เงียบมานานดังขึ้น ทำเอาเทาหันไปมองทันที
“นายว่าใคร?” เทาถามขึ้นด้วยความไม่พอใจนิดๆ
“ผมไม่ได้ว่าใครทั้งนั้นแหละ เค้กที่ชานยอลกินไม่มียาพิษหรอก ถ้ามันมียาพิษนะป่านนี้ผมก็คง...” ไคที่อธิบายกลับหยุดพูดขึ้นมาซะงั้น อะไรของเขาเนี่ย!?
“ป่านนี้นายทำไม?” คริสถามด้วยความสงสัยเหมือนกับคนอื่นๆที่ทำหน้าสงสัยอยากรู้เหมือนกัน
“ช่างเหอะ แต่คงไม่ใช่สองคนนี้หรอก” ไคตัดบทแบบดื้อๆ
“ชานยอลจะออกจากห้องไอซียูตอนไหน ผมขออยู่เฝ้าเขาได้ไหมครับ?” แบคฮยอนที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมา ขออนุญาตผู้จัดการและเพื่อนร่วมวงของชานยอล
“นายอยากเฝ้าชานยอลมันหรอ” เป็นคริสที่ถามย้ำขึ้นมา
“ครับ”
“งั้นก็ตามใจนายแล้วกัน เดี๋ยวอีกสักพักพยาบาลก็จะพาชานยอลออกจากห้องไอซียูไปพักห้องพิเศษ เพราะหมอล้างพิษออกจากร่างกายมันแล้ว ก็ดีเหมือนกันมีนายเฝ้า ฉัน ซูโฮ ก็ติดงานสัมภาษณ์ด้วย เทาก็ต้องไปกับพวกเราสองคน ส่วนเซฮุนถ้าไม่อยู่เฝ้าก็ให้ไคมันไปส่งที่บ้านแล้วกัน ตกลงตามนี้นะ”
“ทำไมพี่ต้องให้ผมไปส่งล่ะ” ไคถามขึ้นทันทีที่คริสพูดจบ
“ก็นายว่างหนิ หรือจะให้เซฮุนกลับคนเดียว?”
“เออๆ ผมไปส่งก็ได้”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว คริส ซูโฮและเทาก็กลับไปก่อน ส่วนผมก็รอเป็นเพื่อนไอ้แบคมันจนชานยอลย้ายออกมาอยู่ห้องพิเศษ วันนี้มันเงียบมากครับ เงียบเกินไป ปกติมันจะเป็นคนพูดไม่หยุดปาก แต่นี่ถามคำตอบคำ มันห่วงชานยอลขนาดนั้นเลยหรอ?
“มึงกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวกูอยู่เฝ้าเอง นี่ก็ดึกแล้วด้วย เดี๋ยวสักพักคนขับรถที่บ้านกูจะเอาเสื้อผ้ามาให้ มึงไม่ต้องเป็นห่วง”
นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดมั้งครับตั้งแต่ที่มันเงียบมา ถึงอย่างนั้นก็ตามตอนมันพูดมันก็ยังไม่หันมามองหน้าผมเลย หรือมันจะโกรธอะไรผม แล้วโกรธเรื่องอะไรล่ะ?
“เออ งั้นกูไปก่อนนะ ฝากดูแลชานยอลด้วย แล้วมึงก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ แล้วกูจะมาเยี่ยมใหม่”
ผมพูดจบก็เดินออกมาจากห้องโดยมีไคเดินตามออกมา...ลืมไปเลยว่าไคต้องไปส่งผมที่บ้าน งั้นก็ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองน่ะสิ ผมควรดีใจดีมั้ย แต่ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้เขาเลยล่ะ
“จะไปไหน” เสียงของไคดังขึ้นทำให้สติผมกลับมา
“เอ่อ...ก็กำลังจะไปที่รถคุณไง”
“รู้หรอว่ารถฉันจอดอยู่ไหน”
เออนั่นน่ะสิ ผมไม่รู้ว่ารถไคจอดอยู่ที่ไหน ผมก็เลยได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไคเห็นเช่นนั้นไม่พูดอะไรแต่กลับดึงมือผมให้เดินตามเค้าไป...
เรากำลังจับมือกันครับ...
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ให้ตายสิ ถ้าเสียงหัวใจผมจะดังขนาดนี้ หวังว่าคนที่อยู่ข้างๆผมจะไม่ได้ยินมันนะ พอมาถึงรถไคก็ปล่อยมือผมแล้วเขาก็เดินไปเปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่ง ตลอดระยะทางที่กลับบ้านไคเอาแต่เงียบและผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร ไคพูดกับผมแค่ประโยคเดียวคือบ้านผมอยู่ไหน พอผมตอบไปเขาก็แค่พยักหน้าไม่พูดอะไรอีกเลย อึดอัดยังไงก็ไม่รู้แหะ...
ไคขับรถมาได้สักพักก็ใกล้จะถึงบ้านผมแล้ว แค่เลี้ยวซ้ายตรงซอยข้างหน้า บ้านหลังที่สามก็คือบ้านผมแล้วล่ะ
เพล้ง!!!
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด!!
ทันทีที่รถจะเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านของผม จังหวะเดียวกันนั้นก็มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าปามาจากทิศทางใดพุ่งมาที่รถของไค แต่เหมือนไคจะเห็นก่อนเลยหักพวงมาลัยเข้าหลบข้างทางอย่างกระทันหัน กระจกของตู้โทรศัพท์ที่แตกกระจายอยู่รอบๆนั้น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าการเบี่ยงหลบก้อนหินในครั้งนี้รถได้ชนเข้ากับตู้โทรศัพท์สาธารณะอย่างจัง
“เซฮุน!! นายเป็นไรหรือเปล่า!!” ไคปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วโน้มตัวมาดู พร้อมจับที่ไหล่ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจว่าผมมีส่วนไหนบาดเจ็บบ้าง สีหน้าเขาดูตกใจมากๆ
“มะ...ไม่ ไม่เป็นอะไรครับ แค่ตกใจเฉยๆ” พระเจ้าช่วยผมด้วย... เหมือนไคจะเริ่มตั้งสติได้ เขารีบปล่อยมือจากไหล่ผมทันที สีหน้าเขากลับไปเย็นชาเหมือนเดิม...
“บ้านนายอีกไกลหรือเปล่า สงสัยเราคงต้องลงเดินกัน รถก็ปล่อยมันไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวโทรให้คนมาเอา” พูดเสร็จไคก็ลงจากรถก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์โทรออกไป ให้คนมาเอารถกลับทันที
หลังจากที่ไคคุยโทรศัพท์เรียบร้อย ผมก็พาไคเดินมาที่บ้านซึ่งมันก็ไม่ไกลมากนัก ผมหยิบกุญแจไขรั้วหน้าบ้านและไขกุญแจประตูบ้านอีกรอบ บ้านเงียบจัง สงสัยพี่อี้ชิงจะไม่อยู่อีกแล้ว
“อยู่บ้านคนเดียวหรอ” เสียงไคถามขึ้น ผมถึงกับสะดุ้ง วันนี้เขาพูดเยอะไปนะผมว่า...
“อยู่กับพี่ชายน่ะ แต่สงสัยวันนี้จะไม่อยู่ คงออกไปทำข่าวมั้ง”
“พี่เป็นนักข่าว?”
“อื้อ แต่คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าผมจะเอาเรื่องชานยอลไปบอกพี่น่ะ ผมรู้ว่าพวกคุณไม่อยากให้เป็นข่าวเท่าไหร่ แล้วก็อีกอย่างพี่ผมไม่เขียนข่าวที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรอก วางใจได้” สงสัยเขาคงกลัวผมเอาข่าวเรื่องที่ชานยอลโดนวางยาพิษไปบอกพี่อี้ชิงสินะ
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรหนิ แล้วอยู่คนเดียวไม่กลัวหรือไง?” ผมว่าวันนี้ไคพูดเยอะผิดปกติจริงๆนั่นแหละ ตอนอยู่บนเวทีหรืออยู่กับเพื่อนๆในวงเขาพูดแทบจะนับประโยคได้
“กลัวทำไม ผมเป็นผู้ชาย ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย" เมื่อผมตอบเสร็จไคก็เงียบไปสักพักเหมือนคิดอะไรอยู่ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“เรื่องโดนก้อนหินปาใส่รถน่ะ คนทำอาจเป็นคนเดียวกับที่วางยาชานยอลมัน”
!!!
วางยาชานยอลแล้วยังจะมาทำร้ายคนอื่นต่ออีกหรอ? ใครกันที่ทำแบบนี้ หรือว่าจะเป็นพวกแอนตี้แฟน?
“แล้วคุณรู้ได้ยังไง”
“เพราะช่วงนี้วงเรากำลังโดนแอนตี้แฟนเล่นงานน่ะสิ แต่ทางบริษัทปิดไว้ แต่ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป... ขนาดตามมาทำร้ายกันถึงหน้าบ้านนาย”
ทำไมผมถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ นี่ข่าวมันเงียบถึงขนาดไม่หลุดออกมาเลยหรอ? หรือผมเป็นแฟนคลับที่แย่ถึงกับไม่รู้ว่าวงที่ตัวเองชอบโดนแอนตี้แฟนเล่นงานอยู่ตอนนี้
“แล้วก่อนหน้านี้แอนตี้แฟนทำอะไรบ้าง คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ย เอ่อ คือ... ผมอยากรู้” ผมลุ้นเหมือนกันว่าเค้าจะไว้ใจผมมากพอที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังหรือเปล่า
ไคทำหน้าคิดอยู่นานก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งโซฟาที่ไว้สำหรับรับแขกแล้วก็พูดขึ้นมาว่า
“ถ้าอยากฟังก็จะเล่าแล้วกัน”
“จริงหรอ!! จริงนะ!!"
ผมดีใจมากครับถึงกับร้องออกมาเสียงดังแถมยังรีบวิ่งไปนั่งที่โซฟาข้างๆเขาอย่างลืมตัว
“นั่งตรงนี้บัตรราคาเท่าไหร่ล่ะ” ไคพูดออกมา ทำเอาผมแทบขยับออกห่างจากตัวเขาไม่ทัน ผมทำท่าว่าจะลุกไปนั่งโซฟาอีกตัวแต่ทว่าไคกลับดึงมือผมให้นั่งลงที่เดิม
“คุณอึดอัดไม่ใช่หรอ ผมจะไปนั่งโซฟาอีกตัวไง”
“นั่งตรงนี้แหละ ขี้เกียจพูดเสียงดัง”
อะไรของเขาเนี่ย ผมทำตัวไม่ถูกแล้วนะครับ เมื่อไคเห็นว่าผมเงียบและไม่โวยวายอะไรเขาก็เริ่มเล่าเรื่องแอนตี้แฟนให้ผมฟัง
“ฉันควรเริ่มยังไงก่อนดีล่ะ… นายเคยได้ยินคำพูดนึงมั้ยที่เขาบอกว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด และฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงที่สุดเพราะได้เจอมากับตัว ตั้งแต่ที่วงเดบิวต์ได้ไม่นานก็เริ่มมีแอนตี้แฟนแล้ว แต่เมื่อก่อนน่ะก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนนี้หรอก อย่างมากก็แค่สงข้อความมาด่า พอเปลี่ยนเบอร์ก็ยังรู้อีกนะ ยิ่งกว่าพวกซาแซงอีก”
ไอ้พวกแอนตี้แฟนไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับถึงได้มีเบอร์ของวง xoxo ผมเป็นแฟนคลับตัวยงยังไม่เคยจะมีสักเบอร์เลย...
“แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ไม่สนใจ ยังคงทำงานหนักกันต่อไปเพราะเราคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นก็เพื่อแฟนๆของเรา เพื่อคนที่เรารัก แล้วเราจะไปสนใจพวกคนที่ไม่รักเราทำไมล่ะจริงมั้ย? และนั่นก็ยิ่งทำให้แอนตี้แฟนไม่พอใจมากขึ้นที่เห็นว่าพวกเราไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกันเลย”
“แล้วยังไงต่อหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นไคหยุดพูดเพราะอยากรู้เรื่องต่อแล้ว
“จากที่เคยส่งแค่ข้อความขู่ธรรมดา ก็กลายเป็นว่าพยายามจะเข้าถึงตัวเพื่อมาทำร้ายให้สมาชิกในวงบาดเจ็บเล่น แต่เหมือนวงฉันจะดวงแข็งนะ ทุกครั้งที่แอนตี้แฟนทำร้ายก็จะมีคนมาช่วยได้ทันตลอด พอแอนตี้แฟนเห็นว่าเรายังปกติดีก็ถึงขั้นเริ่มขู่ฆ่า”
“ห๊ะ! ถึงกับขู่ฆ่ากันเลยหรอ” ผมร้องออกไปด้วยความตกใจจนไคเอามืออุดหูแทบไม่ทัน
“นายจะเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็ไม่เล่าต่อซะหรอก”
“เงียบแล้วๆ ไม่เสียงดังแล้วก็ได้ เล่าต่อนะๆ” พูดจบผมก็เอามือมาปิดปากตัวเองทันที
ไคเห็นเช่นนั้นถึงกับส่ายหน้าไปมาเบาๆก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องต่อ แต่ผมว่าผมเห็นเค้าแอบยิ้มมุมปากนะ!
“แล้วคนที่โดนทำร้ายและโดนขู่มากที่สุดก็คือพี่คริส ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมแอนตี้แฟนจ้องจะเล่นงานแต่พี่คริสคนเดียว แต่พี่เขาหมือนจะดวงดีเพราะว่าเวลาเกิดเรื่องทีไรไอ้ชานยอลมันจะเป็นคนรับเคราะห์แทนทุกทีเหมือนเช่นเรื่องเค้กวันนี้ไง แล้วก็เหมือนกลายเป็นว่าไม่ว่าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนก็จะมีเรื่องร้ายตลอด และฉันก็ไม่รู้ว่าแอนตี้แฟนจะทำร้ายคนรอบๆข้างเรารึเปล่า ฉันเลยคิดว่า คืนนี้....ฉันจะนอนที่นี่ เป็นเพื่อนนาย...”
“อ่ออออ ได้สิคุณจะนอนบ้านผมใช่มั้ย? ห๊ะ!! อะไรนะ!! คุณจะนอนที่นี่อย่างนั้นหรอ!!”
อะไร!!!! ไคจะนอนค้างบ้านผม!!! ไคเนี่ยนะจะนอนค้างบ้านผมเพราะหนีแอนตี้แฟน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย พระเจ้าอย่าแกล้งผมเล่นแบบนี้ได้มั้ยครับ แบบนี้มันอันตรายต่อหัวใจผมเกินไป บอกผมซิว่าไคกำลังล้อผมเล่น!!! ㅠㅡㅠ
“ไม่ได้หรอ? งั้นฉันออกไปโบกแท็กซี่กลับคอนโดตอนนี้ก็ได้นะ” เห้ยผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าไม่ให้นอนค้างอ่ะ! ทำไมชอบคิดเองเออเอง
“ยังไม่ได้พูดเลยนะว่าจะไม่ให้ค้าง จะนอนก็นอนสิ รถคุณก็พัง ตอนนี้ก็ดึกแล้วคงไม่มีรถให้กลับหรอก”
ผมแค่ทำตามหน้าที่แฟนคลับที่ดีนะครับจะ ให้ผมใจร้ายกับเขาได้ไง เขาอุตส่าห์มาส่งผมถึงบ้าน หลังจากตกลงกันเรียบร้อยผมก็ให้เขาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยให้ใส่ชุดนอนของผมไปก่อน ถึงแม้ว่าเขาใส่แล้วจะดูคับไปนิดนึงก็เหอะ แต่ก็พอใส่ได้แหละนะ
“คุณนอนห้องผมแล้วกัน เดี๋ยวผมไปนอนห้องพี่อี้ชิงเอง” ผมพาไคเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของตัวเอง ดีนะที่ก่อนหน้านี้ทำความสะอาดห้องไปบ้างแล้ว ไม่งั้นถ้าไคมาเห็นสภาพห้องคงนอนไม่ลง...
“นี่อะห้องผม ส่วนห้องโน้นของพี่ชายผม ผมนอนห้องนั้นถ้าคุณมีอะไรก็มาเคาะเรียกแล้วกัน”
“นายเลิกเรียกฉันว่าคุณสักที จะเรียก ไค หรือแทนว่านายก็ได้ เรียกคุณแล้วเหมือนฉันแก่กว่าเลย ถ้าให้ฉันเดานายก็คงอายุพอๆกับฉันใช่มั้ย”
ผมพยักหน้าเบาๆ วันนี้เค้าใจดีแปลกๆนะ แต่ถ้าผมไม่อยากแทนเขาทั้งคำว่าไคและนายละ แต่เป็นชื่อนี้จะได้ไหมนะ
“แล้วถ้าเรียกว่าจงอินล่ะ ได้หรือเปล่า?” ไม่รู้ผมเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ถามแบบนั้นออกไป เพราะไคเคยให้สัมภาษณ์ว่าชื่อจงอินน่ะให้เฉพาะคนที่สนิท คนสำคัญ และคนในวงเท่านั้นที่เรียกได้
“นายน่าจะเคยอ่านบทสัมภาษณ์ว่าฉันให้เฉพาะคนที่สนิทและคนสำคัญเรียก แล้วนายน่ะสนิทกับฉันมากแค่ไหนกัน?”
"..................."
ได้ยินแบบนั้นผมถึงกับจุกจนพูดไม่ออกเลยครับ หน้ามันชาไปหมด นั้นสินะผมสนิทกับเขามากแค่ไหนกันเชียว ไม่เจียมตัวเลยโอเซฮุน ผมไม่ตอบอะไรเขา หันหลังเดินเข้าห้องนอนพี่อี้ชิงทันทีโดยไม่หันไปมองไคที่ยืนนิ่งอยู่ พระเจ้าครับทำไมผมเจ็บจัง อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร? ผมกำลังหลงรักเขาเข้าให้แล้วใช่มั้ย?
ร่างบางเข้ามาในห้องนอนของพี่ชายก็ล้มตัวลงนอนทันที มือเรียวหยิบไอโฟนขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์ข้อความในคาคาโอ ก่อนที่ร่างบางจะหยุดพิมพ์แล้วลบข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ จากนั้นก็วางไอโฟนไว้บนหัวเตียงเช่นเดิมผมคงไม่ต้องส่งหาคุณหรอก เพราะวันนี้ผมทำให้คุณวุ่นวายมามากพอแล้ว...
เช้าวันรุ่งขึ้น
เซฮุนรีบตื่นนอนอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะมาทำอาหารให้อีกคนกิน แต่เมื่อไปเคาะประตูห้องนอนก็ไม่มีเสียงตอบรับ พอเปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบร่างสูงอยู่ในห้องแล้ว
ไปไม่บอกกันสักคำ เซฮุนได้แต่บ่นในใจ แต่สายตาพลันหันไปเห็นโพสอิทที่แปะอยู่หน้าจอคอม
‘ตื่นแล้วรีบอาบน้ำ เดี๋ยวมารับไปโรงพยาบาล’
ทันทีที่อ่านจบก็มีเสียงแตรรถดังอยู่หน้าบ้าน ร่างบางรีบลงไปชั้นล่าง พอมองออกไปทางประตูก็เห็นว่าไคยืนรออยู่ที่รถแล้ว เซฮุนเห็นเช่นนั้นก็รีบเก็บข้าวของที่จะทำอาหารเข้าตู้เย็นให้หมด ก่อนที่จะล็อคประตูบ้านขึ้นรถไปโรงพยาบาลพร้อมกับอีกคน
…………………………………………………..
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าชานยอลฟื้นนานแล้ว ตอนนี้หมอกำลังตรวจร่างกายโดยที่มีไอ้แบคอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง แปลกมากครับ ตั้งแต่ที่ผมมาถึงห้องไอ้แบคมันยังไม่ทักผมเลยสักคำ ผ่านไปสักพักหมอก็ตรวจอาการชานยอลเสร็จพร้อมกับถือเอกสารเดินออกจากห้องไป หมอบอกว่าถึงแม้ชานยอลอาการจะดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสักระยะเพราะร่างกายชานยอลยังปรับสภาพไม่ได้
“เซฮุนอ่า~ คิดถึงนายจัง”
“คิดถึงผมเนี่ยนะ?” ผมถึงกับเหวอเลยครับ อยู่ๆชานยอลก็มาบอกคิดถึงผม
“อ่า! นายไม่เชื่อฉันหรอ! ฉันคิดถึงนายจริงๆนะ ไม่เชื่อลองถามแบคฮยอนดูสิ” ชานยอลไม่ตอบคำถามผมแต่กลับส่งเสียงดังโวยวายขึ้นมาแทน
“มึงจะเสียงดังทำไม”
นั่นไงครับไคว่าชานยอลเข้าให้ ส่วนเจ้าตัวก็แบะปากนิดๆ ชานยอลนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้
“ถ้ามึงมาแล้ว งั้นกูกลับก่อนก็แล้วกัน” ไอ้แบคที่นั่งอยู่ข้างเตียงชานยอลพูดขึ้น อะไรของมันวะพอกูมามึงก็จะกลับ
“ทำไมมึงรีบกลับล่ะ ไม่อยู่เฝ้าชานยอลต่อหรอวะ” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่ล่ะ กู...เหนื่อย...” พูดแค่นั้นมันก็ลุกเดินออกไปจากห้องไปทันทีเลยครับ ผมว่าแม่-งต้องมีอะไรแน่ๆ มันชอบชานยอลจะตายไ ปผมคิดว่ามันจะอยู่เฝ้าแบบทั้งวันทั้งคืนไม่ไปไหนซะอีก หรือมันจะโกรธผม แต่ว่าเรื่องอะไรล่ะ? ผมใช้ความคิดอยู่นานถึงกับร้องอ๋อ เรื่องชานยอลสินะ นี่มึงหึงกูกับชานยอลหรอ? บ้าไปแล้ว มึงก็น่าจะรู้นะว่าชานยอลเป็นคนขี้เล่น สงสัยต้องมีเคลียร์กับมันหน่อยแล้วครับ
“เซฮุนอ่า ใจร้ายจังนะ” ในระหว่างที่ผมใช้ความคิดอยู่ จู่ๆชานยอลก็มาว่าผมใจร้าย ผมไปทำอะไรให้เนี่ย
“ผมใจร้าย?”
“ก็เพราะเค้กนายฉันถึงเป็นแบบนี้ไง แถมนายยังไม่มาเฝ้าฉันอีก”
เอ่อะ..ยอมรับครับว่าเรื่องเค้กน่ะผมผิด แต่ก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียวซะหน่อย แต่เรื่องที่ผมไม่มาเฝ้านี่ผิดตรงไหน ก็มีไอ้แบคเฝ้าอยู่แล้วหนิ
“ไอ้ชาน วันนั้นมึงแน่ใจนะว่ากินแค่เค้กของเซฮุนอย่างเดียว” ผมกำลังจะตอบชานยอลแต่เสียงไคก็ดังขึ้นซะก่อน สรรพนามที่ทั้งสองคุยกันมันเปลี่ยนไปครับ จริงๆก็คงไม่แปลกถ้าคนในวงจะคุยกันแบบนี้
“เออ กูกินเค้กเสร็จก็ไอเป็นเลือดอย่างที่มึงเห็นนั้นแหละ”
“เป็นไปไม่ได้” ไคเถียงขึ้นทันทีที่ชานยอลตอบ
“ทำไมวะ”
“ก็ถ้าเค้กมียาพิษจริง กูก็ต้องไอเป็นเลือดด้วยสิเพราะกูก็กินเค้กนั่นเหมือนกัน”
!!!
ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมครับ ไคกินเค้กที่ผมซื้อให้เหมือนกัน!! สายตาผมกำลังมองไปที่ไค นี่เขากินจริงๆใช่ไหม ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ผมสังเกตที่ข้อมือของไค เขาใส่สร้อยข้อมือที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดด้วย…
“มึงกินไปตอนไหน” ชานยอลถามขึ้น เขาก็คงสงสัยเหมือนกันกับผม
“กินก่อนหน้าที่มึงจะกินอีก มึงไม่ได้สังเกตเลยหรือไงว่าเค้กมันถูกตัดไปนิดนึง”
“แหะๆ ไม่ว่ะ ตอนนั้นกูหิวมากก็เลยกินแม่-งแบบยัดๆเข้าไป สักพักกูก็สำลักเค้กเพราะรีบกินไปหน่อย กูเลยหยิบน้ำในตู้เย็นมากิน หลังจากนั้นกูก็ไอเป็นเลือดเลย”
ชานยอลอธิบายยาวเหยียด ผมเข้าใจแล้วครับทำไมชานยอลถึงกินเค้กผม เพราะว่าเขาหิวมากนั่นเอง... จะสมน้ำหน้าดีมั้ยนะ -___-"
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงพูดว่าแดกน้ำในตู้เย็นด้วยใช่มั้ย?”
“อือใช่ ทำไมวะ หรือว่า... เชี่ย!! แอนตี้แฟนมันเก่งถึงขนาดใส่ยาน้ำในบริษัทเลยหรอวะ”
“กูก็ไม่รู้ เมื่อวานกูก็โดนปาหินใส่รถเหมือนกัน ดีนะกูหักพวงมาลัยหลบทัน”
ตอนนี้ไคกำลังเล่าเรื่องที่พวกเราโดนปาหินใส่จนรถไปชนเข้ากับตู้โทรศัพท์สาธารณะและดูเหมือนว่าชานยอลก็ตกใจมากเหมือนกันเมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“กูว่าเดี๋ยวนี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ แล้วมึงกับเซฮุนไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ชานยอลถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ กูปลอดภัยดี มึงว่าเมื่อไหร่พวกเราจะจับตัวคนทำผิดได้วะ” ไคถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ”
“หวังว่าในระหว่างที่พวกเราตามหาคนทำผิด แอนตี้แฟนคงไม่ทำร้ายใครเพิ่มนะ"
ไคพูดด้วยความกังวลกลัวว่าแอนตี้แฟนจะไม่หยุดแค่นี้ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเป้าหมายคนต่อไป...
...เส้นบางๆ ระหว่างคำว่า แฟนคลับ กับ ศิลปิน... นี่ผมชอบไคแบบไหนกันแน่นะ...
“เรื่องไอโฟนน่ะช่างมันก่อนเหอะ มาคุยเรื่องเค้กก่อน มันน่าเครียดกว่าเยอะ นายน่ะชื่อเซฮุนใช่ไหม เค้กที่นายให้มาทำเองหรือว่าซื้อ?” ผู้จัดการจื่อเทาพูดขึ้น ทำให้ผมต้องรีบเปลี่ยนสีหน้าให้ดูปกติก่อนที่จะเงยหน้ามาตอบคำถาม
“ผมซื้อมาครับ”
“ซื้อที่ไหน? ร้านที่นายทำงานหรอ?” คราวนี้เป็นเสียงของพี่ซูโฮที่ถามขึ้นมา
“ร้านแถวบ้านครับ วันนี้ร้านที่ผมทำงานปิด” ผมตอบตามความจริง อย่าบอกนะครับว่าสงสัยผมกันน่ะ...
“ตอนซื้อมามีรอยแกะหรือรอยอะไรมั้ย” เหมือนผมเป็นนักโทษที่กำลังโดนตำรวจสอบสวน ซึ่งตำรวจนั้นก็คือ เทา ซูโฮ และคริส
“ไม่มีครับ ผมดูแลเค้กที่ซื้อมาเป็นอย่างดี” ผมตอบเสียงชัดเจนมั่นใจ
“หมอบอกว่ามียาพิษชนิดร้ายแรงอยู่ในร่างกายชานยอล และมันก็ร้ายแรงพอที่จะทำให้คนที่กินเข้าไปตายได้ แล้ววันนี้ชานยอลยังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากเค้กของนาย”
ผมฟังแล้วก็อึ้งครับ ยาพิษแบบนี้มันมีอยู่ในโลกด้วยหรอ แล้วผมจะทำแบบนั้นไปทำไมกันล่ะ...
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อผมเป็นแฟนคลับพวกคุณนะครับ”
“นายอาจจะเป็นแอนตี้แฟนปลอมตัวมาก็ได้ หึ ใครจะไปรู้” ผู้จัดการจื่อเทาพูดขึ้น ซึ่งคำพูดนี้ทำเอาผมไม่พอใจมากครับ คุณผู้จัดการคุณดูหนังมากไปหรือเปล่า?
“ไร้สาระ” คราวนี้เป็นเสียงไคที่เงียบมานานดังขึ้น ทำเอาเทาหันไปมองทันที
“นายว่าใคร?” เทาถามขึ้นด้วยความไม่พอใจนิดๆ
“ผมไม่ได้ว่าใครทั้งนั้นแหละ เค้กที่ชานยอลกินไม่มียาพิษหรอก ถ้ามันมียาพิษนะป่านนี้ผมก็คง...” ไคที่อธิบายกลับหยุดพูดขึ้นมาซะงั้น อะไรของเขาเนี่ย!?
“ป่านนี้นายทำไม?” คริสถามด้วยความสงสัยเหมือนกับคนอื่นๆที่ทำหน้าสงสัยอยากรู้เหมือนกัน
“ช่างเหอะ แต่คงไม่ใช่สองคนนี้หรอก” ไคตัดบทแบบดื้อๆ
“ชานยอลจะออกจากห้องไอซียูตอนไหน ผมขออยู่เฝ้าเขาได้ไหมครับ?” แบคฮยอนที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมา ขออนุญาตผู้จัดการและเพื่อนร่วมวงของชานยอล
“นายอยากเฝ้าชานยอลมันหรอ” เป็นคริสที่ถามย้ำขึ้นมา
“ครับ”
“งั้นก็ตามใจนายแล้วกัน เดี๋ยวอีกสักพักพยาบาลก็จะพาชานยอลออกจากห้องไอซียูไปพักห้องพิเศษ เพราะหมอล้างพิษออกจากร่างกายมันแล้ว ก็ดีเหมือนกันมีนายเฝ้า ฉัน ซูโฮ ก็ติดงานสัมภาษณ์ด้วย เทาก็ต้องไปกับพวกเราสองคน ส่วนเซฮุนถ้าไม่อยู่เฝ้าก็ให้ไคมันไปส่งที่บ้านแล้วกัน ตกลงตามนี้นะ”
“ทำไมพี่ต้องให้ผมไปส่งล่ะ” ไคถามขึ้นทันทีที่คริสพูดจบ
“ก็นายว่างหนิ หรือจะให้เซฮุนกลับคนเดียว?”
“เออๆ ผมไปส่งก็ได้”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว คริส ซูโฮและเทาก็กลับไปก่อน ส่วนผมก็รอเป็นเพื่อนไอ้แบคมันจนชานยอลย้ายออกมาอยู่ห้องพิเศษ วันนี้มันเงียบมากครับ เงียบเกินไป ปกติมันจะเป็นคนพูดไม่หยุดปาก แต่นี่ถามคำตอบคำ มันห่วงชานยอลขนาดนั้นเลยหรอ?
“มึงกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวกูอยู่เฝ้าเอง นี่ก็ดึกแล้วด้วย เดี๋ยวสักพักคนขับรถที่บ้านกูจะเอาเสื้อผ้ามาให้ มึงไม่ต้องเป็นห่วง”
นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดมั้งครับตั้งแต่ที่มันเงียบมา ถึงอย่างนั้นก็ตามตอนมันพูดมันก็ยังไม่หันมามองหน้าผมเลย หรือมันจะโกรธอะไรผม แล้วโกรธเรื่องอะไรล่ะ?
“เออ งั้นกูไปก่อนนะ ฝากดูแลชานยอลด้วย แล้วมึงก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ แล้วกูจะมาเยี่ยมใหม่”
ผมพูดจบก็เดินออกมาจากห้องโดยมีไคเดินตามออกมา...ลืมไปเลยว่าไคต้องไปส่งผมที่บ้าน งั้นก็ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองน่ะสิ ผมควรดีใจดีมั้ย แต่ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้เขาเลยล่ะ
“จะไปไหน” เสียงของไคดังขึ้นทำให้สติผมกลับมา
“เอ่อ...ก็กำลังจะไปที่รถคุณไง”
“รู้หรอว่ารถฉันจอดอยู่ไหน”
เออนั่นน่ะสิ ผมไม่รู้ว่ารถไคจอดอยู่ที่ไหน ผมก็เลยได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไคเห็นเช่นนั้นไม่พูดอะไรแต่กลับดึงมือผมให้เดินตามเค้าไป...
เรากำลังจับมือกันครับ...
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ให้ตายสิ ถ้าเสียงหัวใจผมจะดังขนาดนี้ หวังว่าคนที่อยู่ข้างๆผมจะไม่ได้ยินมันนะ พอมาถึงรถไคก็ปล่อยมือผมแล้วเขาก็เดินไปเปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่ง ตลอดระยะทางที่กลับบ้านไคเอาแต่เงียบและผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร ไคพูดกับผมแค่ประโยคเดียวคือบ้านผมอยู่ไหน พอผมตอบไปเขาก็แค่พยักหน้าไม่พูดอะไรอีกเลย อึดอัดยังไงก็ไม่รู้แหะ...
ไคขับรถมาได้สักพักก็ใกล้จะถึงบ้านผมแล้ว แค่เลี้ยวซ้ายตรงซอยข้างหน้า บ้านหลังที่สามก็คือบ้านผมแล้วล่ะ
เพล้ง!!!
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด!!
ทันทีที่รถจะเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านของผม จังหวะเดียวกันนั้นก็มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าปามาจากทิศทางใดพุ่งมาที่รถของไค แต่เหมือนไคจะเห็นก่อนเลยหักพวงมาลัยเข้าหลบข้างทางอย่างกระทันหัน กระจกของตู้โทรศัพท์ที่แตกกระจายอยู่รอบๆนั้น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าการเบี่ยงหลบก้อนหินในครั้งนี้รถได้ชนเข้ากับตู้โทรศัพท์สาธารณะอย่างจัง
“เซฮุน!! นายเป็นไรหรือเปล่า!!” ไคปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วโน้มตัวมาดู พร้อมจับที่ไหล่ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจว่าผมมีส่วนไหนบาดเจ็บบ้าง สีหน้าเขาดูตกใจมากๆ
“มะ...ไม่ ไม่เป็นอะไรครับ แค่ตกใจเฉยๆ” พระเจ้าช่วยผมด้วย... เหมือนไคจะเริ่มตั้งสติได้ เขารีบปล่อยมือจากไหล่ผมทันที สีหน้าเขากลับไปเย็นชาเหมือนเดิม...
“บ้านนายอีกไกลหรือเปล่า สงสัยเราคงต้องลงเดินกัน รถก็ปล่อยมันไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวโทรให้คนมาเอา” พูดเสร็จไคก็ลงจากรถก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์โทรออกไป ให้คนมาเอารถกลับทันที
หลังจากที่ไคคุยโทรศัพท์เรียบร้อย ผมก็พาไคเดินมาที่บ้านซึ่งมันก็ไม่ไกลมากนัก ผมหยิบกุญแจไขรั้วหน้าบ้านและไขกุญแจประตูบ้านอีกรอบ บ้านเงียบจัง สงสัยพี่อี้ชิงจะไม่อยู่อีกแล้ว
“อยู่บ้านคนเดียวหรอ” เสียงไคถามขึ้น ผมถึงกับสะดุ้ง วันนี้เขาพูดเยอะไปนะผมว่า...
“อยู่กับพี่ชายน่ะ แต่สงสัยวันนี้จะไม่อยู่ คงออกไปทำข่าวมั้ง”
“พี่เป็นนักข่าว?”
“อื้อ แต่คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าผมจะเอาเรื่องชานยอลไปบอกพี่น่ะ ผมรู้ว่าพวกคุณไม่อยากให้เป็นข่าวเท่าไหร่ แล้วก็อีกอย่างพี่ผมไม่เขียนข่าวที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรอก วางใจได้” สงสัยเขาคงกลัวผมเอาข่าวเรื่องที่ชานยอลโดนวางยาพิษไปบอกพี่อี้ชิงสินะ
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรหนิ แล้วอยู่คนเดียวไม่กลัวหรือไง?” ผมว่าวันนี้ไคพูดเยอะผิดปกติจริงๆนั่นแหละ ตอนอยู่บนเวทีหรืออยู่กับเพื่อนๆในวงเขาพูดแทบจะนับประโยคได้
“กลัวทำไม ผมเป็นผู้ชาย ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย" เมื่อผมตอบเสร็จไคก็เงียบไปสักพักเหมือนคิดอะไรอยู่ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“เรื่องโดนก้อนหินปาใส่รถน่ะ คนทำอาจเป็นคนเดียวกับที่วางยาชานยอลมัน”
!!!
วางยาชานยอลแล้วยังจะมาทำร้ายคนอื่นต่ออีกหรอ? ใครกันที่ทำแบบนี้ หรือว่าจะเป็นพวกแอนตี้แฟน?
“แล้วคุณรู้ได้ยังไง”
“เพราะช่วงนี้วงเรากำลังโดนแอนตี้แฟนเล่นงานน่ะสิ แต่ทางบริษัทปิดไว้ แต่ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป... ขนาดตามมาทำร้ายกันถึงหน้าบ้านนาย”
ทำไมผมถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ นี่ข่าวมันเงียบถึงขนาดไม่หลุดออกมาเลยหรอ? หรือผมเป็นแฟนคลับที่แย่ถึงกับไม่รู้ว่าวงที่ตัวเองชอบโดนแอนตี้แฟนเล่นงานอยู่ตอนนี้
“แล้วก่อนหน้านี้แอนตี้แฟนทำอะไรบ้าง คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ย เอ่อ คือ... ผมอยากรู้” ผมลุ้นเหมือนกันว่าเค้าจะไว้ใจผมมากพอที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังหรือเปล่า
ไคทำหน้าคิดอยู่นานก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งโซฟาที่ไว้สำหรับรับแขกแล้วก็พูดขึ้นมาว่า
“ถ้าอยากฟังก็จะเล่าแล้วกัน”
“จริงหรอ!! จริงนะ!!"
ผมดีใจมากครับถึงกับร้องออกมาเสียงดังแถมยังรีบวิ่งไปนั่งที่โซฟาข้างๆเขาอย่างลืมตัว
“นั่งตรงนี้บัตรราคาเท่าไหร่ล่ะ” ไคพูดออกมา ทำเอาผมแทบขยับออกห่างจากตัวเขาไม่ทัน ผมทำท่าว่าจะลุกไปนั่งโซฟาอีกตัวแต่ทว่าไคกลับดึงมือผมให้นั่งลงที่เดิม
“คุณอึดอัดไม่ใช่หรอ ผมจะไปนั่งโซฟาอีกตัวไง”
“นั่งตรงนี้แหละ ขี้เกียจพูดเสียงดัง”
อะไรของเขาเนี่ย ผมทำตัวไม่ถูกแล้วนะครับ เมื่อไคเห็นว่าผมเงียบและไม่โวยวายอะไรเขาก็เริ่มเล่าเรื่องแอนตี้แฟนให้ผมฟัง
“ฉันควรเริ่มยังไงก่อนดีล่ะ… นายเคยได้ยินคำพูดนึงมั้ยที่เขาบอกว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด และฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงที่สุดเพราะได้เจอมากับตัว ตั้งแต่ที่วงเดบิวต์ได้ไม่นานก็เริ่มมีแอนตี้แฟนแล้ว แต่เมื่อก่อนน่ะก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนนี้หรอก อย่างมากก็แค่สงข้อความมาด่า พอเปลี่ยนเบอร์ก็ยังรู้อีกนะ ยิ่งกว่าพวกซาแซงอีก”
ไอ้พวกแอนตี้แฟนไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับถึงได้มีเบอร์ของวง xoxo ผมเป็นแฟนคลับตัวยงยังไม่เคยจะมีสักเบอร์เลย...
“แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ไม่สนใจ ยังคงทำงานหนักกันต่อไปเพราะเราคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นก็เพื่อแฟนๆของเรา เพื่อคนที่เรารัก แล้วเราจะไปสนใจพวกคนที่ไม่รักเราทำไมล่ะจริงมั้ย? และนั่นก็ยิ่งทำให้แอนตี้แฟนไม่พอใจมากขึ้นที่เห็นว่าพวกเราไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกันเลย”
“แล้วยังไงต่อหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นไคหยุดพูดเพราะอยากรู้เรื่องต่อแล้ว
“จากที่เคยส่งแค่ข้อความขู่ธรรมดา ก็กลายเป็นว่าพยายามจะเข้าถึงตัวเพื่อมาทำร้ายให้สมาชิกในวงบาดเจ็บเล่น แต่เหมือนวงฉันจะดวงแข็งนะ ทุกครั้งที่แอนตี้แฟนทำร้ายก็จะมีคนมาช่วยได้ทันตลอด พอแอนตี้แฟนเห็นว่าเรายังปกติดีก็ถึงขั้นเริ่มขู่ฆ่า”
“ห๊ะ! ถึงกับขู่ฆ่ากันเลยหรอ” ผมร้องออกไปด้วยความตกใจจนไคเอามืออุดหูแทบไม่ทัน
“นายจะเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็ไม่เล่าต่อซะหรอก”
“เงียบแล้วๆ ไม่เสียงดังแล้วก็ได้ เล่าต่อนะๆ” พูดจบผมก็เอามือมาปิดปากตัวเองทันที
ไคเห็นเช่นนั้นถึงกับส่ายหน้าไปมาเบาๆก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องต่อ แต่ผมว่าผมเห็นเค้าแอบยิ้มมุมปากนะ!
“แล้วคนที่โดนทำร้ายและโดนขู่มากที่สุดก็คือพี่คริส ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมแอนตี้แฟนจ้องจะเล่นงานแต่พี่คริสคนเดียว แต่พี่เขาหมือนจะดวงดีเพราะว่าเวลาเกิดเรื่องทีไรไอ้ชานยอลมันจะเป็นคนรับเคราะห์แทนทุกทีเหมือนเช่นเรื่องเค้กวันนี้ไง แล้วก็เหมือนกลายเป็นว่าไม่ว่าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนก็จะมีเรื่องร้ายตลอด และฉันก็ไม่รู้ว่าแอนตี้แฟนจะทำร้ายคนรอบๆข้างเรารึเปล่า ฉันเลยคิดว่า คืนนี้....ฉันจะนอนที่นี่ เป็นเพื่อนนาย...”
“อ่ออออ ได้สิคุณจะนอนบ้านผมใช่มั้ย? ห๊ะ!! อะไรนะ!! คุณจะนอนที่นี่อย่างนั้นหรอ!!”
อะไร!!!! ไคจะนอนค้างบ้านผม!!! ไคเนี่ยนะจะนอนค้างบ้านผมเพราะหนีแอนตี้แฟน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย พระเจ้าอย่าแกล้งผมเล่นแบบนี้ได้มั้ยครับ แบบนี้มันอันตรายต่อหัวใจผมเกินไป บอกผมซิว่าไคกำลังล้อผมเล่น!!! ㅠㅡㅠ
“ไม่ได้หรอ? งั้นฉันออกไปโบกแท็กซี่กลับคอนโดตอนนี้ก็ได้นะ” เห้ยผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าไม่ให้นอนค้างอ่ะ! ทำไมชอบคิดเองเออเอง
“ยังไม่ได้พูดเลยนะว่าจะไม่ให้ค้าง จะนอนก็นอนสิ รถคุณก็พัง ตอนนี้ก็ดึกแล้วคงไม่มีรถให้กลับหรอก”
ผมแค่ทำตามหน้าที่แฟนคลับที่ดีนะครับจะ ให้ผมใจร้ายกับเขาได้ไง เขาอุตส่าห์มาส่งผมถึงบ้าน หลังจากตกลงกันเรียบร้อยผมก็ให้เขาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยให้ใส่ชุดนอนของผมไปก่อน ถึงแม้ว่าเขาใส่แล้วจะดูคับไปนิดนึงก็เหอะ แต่ก็พอใส่ได้แหละนะ
“คุณนอนห้องผมแล้วกัน เดี๋ยวผมไปนอนห้องพี่อี้ชิงเอง” ผมพาไคเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของตัวเอง ดีนะที่ก่อนหน้านี้ทำความสะอาดห้องไปบ้างแล้ว ไม่งั้นถ้าไคมาเห็นสภาพห้องคงนอนไม่ลง...
“นี่อะห้องผม ส่วนห้องโน้นของพี่ชายผม ผมนอนห้องนั้นถ้าคุณมีอะไรก็มาเคาะเรียกแล้วกัน”
“นายเลิกเรียกฉันว่าคุณสักที จะเรียก ไค หรือแทนว่านายก็ได้ เรียกคุณแล้วเหมือนฉันแก่กว่าเลย ถ้าให้ฉันเดานายก็คงอายุพอๆกับฉันใช่มั้ย”
ผมพยักหน้าเบาๆ วันนี้เค้าใจดีแปลกๆนะ แต่ถ้าผมไม่อยากแทนเขาทั้งคำว่าไคและนายละ แต่เป็นชื่อนี้จะได้ไหมนะ
“แล้วถ้าเรียกว่าจงอินล่ะ ได้หรือเปล่า?” ไม่รู้ผมเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ถามแบบนั้นออกไป เพราะไคเคยให้สัมภาษณ์ว่าชื่อจงอินน่ะให้เฉพาะคนที่สนิท คนสำคัญ และคนในวงเท่านั้นที่เรียกได้
“นายน่าจะเคยอ่านบทสัมภาษณ์ว่าฉันให้เฉพาะคนที่สนิทและคนสำคัญเรียก แล้วนายน่ะสนิทกับฉันมากแค่ไหนกัน?”
"..................."
ได้ยินแบบนั้นผมถึงกับจุกจนพูดไม่ออกเลยครับ หน้ามันชาไปหมด นั้นสินะผมสนิทกับเขามากแค่ไหนกันเชียว ไม่เจียมตัวเลยโอเซฮุน ผมไม่ตอบอะไรเขา หันหลังเดินเข้าห้องนอนพี่อี้ชิงทันทีโดยไม่หันไปมองไคที่ยืนนิ่งอยู่ พระเจ้าครับทำไมผมเจ็บจัง อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร? ผมกำลังหลงรักเขาเข้าให้แล้วใช่มั้ย?
ร่างบางเข้ามาในห้องนอนของพี่ชายก็ล้มตัวลงนอนทันที มือเรียวหยิบไอโฟนขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์ข้อความในคาคาโอ ก่อนที่ร่างบางจะหยุดพิมพ์แล้วลบข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ จากนั้นก็วางไอโฟนไว้บนหัวเตียงเช่นเดิมผมคงไม่ต้องส่งหาคุณหรอก เพราะวันนี้ผมทำให้คุณวุ่นวายมามากพอแล้ว...
เช้าวันรุ่งขึ้น
เซฮุนรีบตื่นนอนอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะมาทำอาหารให้อีกคนกิน แต่เมื่อไปเคาะประตูห้องนอนก็ไม่มีเสียงตอบรับ พอเปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบร่างสูงอยู่ในห้องแล้ว
ไปไม่บอกกันสักคำ เซฮุนได้แต่บ่นในใจ แต่สายตาพลันหันไปเห็นโพสอิทที่แปะอยู่หน้าจอคอม
‘ตื่นแล้วรีบอาบน้ำ เดี๋ยวมารับไปโรงพยาบาล’
ทันทีที่อ่านจบก็มีเสียงแตรรถดังอยู่หน้าบ้าน ร่างบางรีบลงไปชั้นล่าง พอมองออกไปทางประตูก็เห็นว่าไคยืนรออยู่ที่รถแล้ว เซฮุนเห็นเช่นนั้นก็รีบเก็บข้าวของที่จะทำอาหารเข้าตู้เย็นให้หมด ก่อนที่จะล็อคประตูบ้านขึ้นรถไปโรงพยาบาลพร้อมกับอีกคน
…………………………………………………..
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าชานยอลฟื้นนานแล้ว ตอนนี้หมอกำลังตรวจร่างกายโดยที่มีไอ้แบคอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง แปลกมากครับ ตั้งแต่ที่ผมมาถึงห้องไอ้แบคมันยังไม่ทักผมเลยสักคำ ผ่านไปสักพักหมอก็ตรวจอาการชานยอลเสร็จพร้อมกับถือเอกสารเดินออกจากห้องไป หมอบอกว่าถึงแม้ชานยอลอาการจะดีขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสักระยะเพราะร่างกายชานยอลยังปรับสภาพไม่ได้
“เซฮุนอ่า~ คิดถึงนายจัง”
“คิดถึงผมเนี่ยนะ?” ผมถึงกับเหวอเลยครับ อยู่ๆชานยอลก็มาบอกคิดถึงผม
“อ่า! นายไม่เชื่อฉันหรอ! ฉันคิดถึงนายจริงๆนะ ไม่เชื่อลองถามแบคฮยอนดูสิ” ชานยอลไม่ตอบคำถามผมแต่กลับส่งเสียงดังโวยวายขึ้นมาแทน
“มึงจะเสียงดังทำไม”
นั่นไงครับไคว่าชานยอลเข้าให้ ส่วนเจ้าตัวก็แบะปากนิดๆ ชานยอลนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้
“ถ้ามึงมาแล้ว งั้นกูกลับก่อนก็แล้วกัน” ไอ้แบคที่นั่งอยู่ข้างเตียงชานยอลพูดขึ้น อะไรของมันวะพอกูมามึงก็จะกลับ
“ทำไมมึงรีบกลับล่ะ ไม่อยู่เฝ้าชานยอลต่อหรอวะ” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่ล่ะ กู...เหนื่อย...” พูดแค่นั้นมันก็ลุกเดินออกไปจากห้องไปทันทีเลยครับ ผมว่าแม่-งต้องมีอะไรแน่ๆ มันชอบชานยอลจะตายไ ปผมคิดว่ามันจะอยู่เฝ้าแบบทั้งวันทั้งคืนไม่ไปไหนซะอีก หรือมันจะโกรธผม แต่ว่าเรื่องอะไรล่ะ? ผมใช้ความคิดอยู่นานถึงกับร้องอ๋อ เรื่องชานยอลสินะ นี่มึงหึงกูกับชานยอลหรอ? บ้าไปแล้ว มึงก็น่าจะรู้นะว่าชานยอลเป็นคนขี้เล่น สงสัยต้องมีเคลียร์กับมันหน่อยแล้วครับ
“เซฮุนอ่า ใจร้ายจังนะ” ในระหว่างที่ผมใช้ความคิดอยู่ จู่ๆชานยอลก็มาว่าผมใจร้าย ผมไปทำอะไรให้เนี่ย
“ผมใจร้าย?”
“ก็เพราะเค้กนายฉันถึงเป็นแบบนี้ไง แถมนายยังไม่มาเฝ้าฉันอีก”
เอ่อะ..ยอมรับครับว่าเรื่องเค้กน่ะผมผิด แต่ก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียวซะหน่อย แต่เรื่องที่ผมไม่มาเฝ้านี่ผิดตรงไหน ก็มีไอ้แบคเฝ้าอยู่แล้วหนิ
“ไอ้ชาน วันนั้นมึงแน่ใจนะว่ากินแค่เค้กของเซฮุนอย่างเดียว” ผมกำลังจะตอบชานยอลแต่เสียงไคก็ดังขึ้นซะก่อน สรรพนามที่ทั้งสองคุยกันมันเปลี่ยนไปครับ จริงๆก็คงไม่แปลกถ้าคนในวงจะคุยกันแบบนี้
“เออ กูกินเค้กเสร็จก็ไอเป็นเลือดอย่างที่มึงเห็นนั้นแหละ”
“เป็นไปไม่ได้” ไคเถียงขึ้นทันทีที่ชานยอลตอบ
“ทำไมวะ”
“ก็ถ้าเค้กมียาพิษจริง กูก็ต้องไอเป็นเลือดด้วยสิเพราะกูก็กินเค้กนั่นเหมือนกัน”
!!!
ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมครับ ไคกินเค้กที่ผมซื้อให้เหมือนกัน!! สายตาผมกำลังมองไปที่ไค นี่เขากินจริงๆใช่ไหม ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ผมสังเกตที่ข้อมือของไค เขาใส่สร้อยข้อมือที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดด้วย…
“มึงกินไปตอนไหน” ชานยอลถามขึ้น เขาก็คงสงสัยเหมือนกันกับผม
“กินก่อนหน้าที่มึงจะกินอีก มึงไม่ได้สังเกตเลยหรือไงว่าเค้กมันถูกตัดไปนิดนึง”
“แหะๆ ไม่ว่ะ ตอนนั้นกูหิวมากก็เลยกินแม่-งแบบยัดๆเข้าไป สักพักกูก็สำลักเค้กเพราะรีบกินไปหน่อย กูเลยหยิบน้ำในตู้เย็นมากิน หลังจากนั้นกูก็ไอเป็นเลือดเลย”
ชานยอลอธิบายยาวเหยียด ผมเข้าใจแล้วครับทำไมชานยอลถึงกินเค้กผม เพราะว่าเขาหิวมากนั่นเอง... จะสมน้ำหน้าดีมั้ยนะ -___-"
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงพูดว่าแดกน้ำในตู้เย็นด้วยใช่มั้ย?”
“อือใช่ ทำไมวะ หรือว่า... เชี่ย!! แอนตี้แฟนมันเก่งถึงขนาดใส่ยาน้ำในบริษัทเลยหรอวะ”
“กูก็ไม่รู้ เมื่อวานกูก็โดนปาหินใส่รถเหมือนกัน ดีนะกูหักพวงมาลัยหลบทัน”
ตอนนี้ไคกำลังเล่าเรื่องที่พวกเราโดนปาหินใส่จนรถไปชนเข้ากับตู้โทรศัพท์สาธารณะและดูเหมือนว่าชานยอลก็ตกใจมากเหมือนกันเมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“กูว่าเดี๋ยวนี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ แล้วมึงกับเซฮุนไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ชานยอลถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ กูปลอดภัยดี มึงว่าเมื่อไหร่พวกเราจะจับตัวคนทำผิดได้วะ” ไคถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ”
“หวังว่าในระหว่างที่พวกเราตามหาคนทำผิด แอนตี้แฟนคงไม่ทำร้ายใครเพิ่มนะ"
ไคพูดด้วยความกังวลกลัวว่าแอนตี้แฟนจะไม่หยุดแค่นี้ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเป้าหมายคนต่อไป...
★ ★ ★ ★ ★
ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ แต่คงไม่นานเกินรอใช่มั้ย? ㅠ.ㅠ
ไรเตอร์กะไว้ว่าจะลงทุกวันพุทธกับวันเสาร์ อาจจะเลทไปบ้าง เพราะไรเตอร์แต่งไม่ทัน ฮ่าๆ
ขอโทษนะคะถ้าทำให้รีดเดอร์คนไหนรอนาน ฮึก
ที่เห็นว่าหน้าฟิคอัพเดทบ่อยเพราะไรเตอร์เข้ามาแก้คำผิดค่ะ ;_____;
ใครอยากบ่นอยากวิจารณ์ก็ใช่แท็กนี้น้าาา เปลี่ยนแล้ววว #bbfbbf
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ♥
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ♥
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น