ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] ● BOYBAND FANBOY BOYFRIEND ●

    ลำดับตอนที่ #4 : ● BFB ● KAIHUN :: THREE

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 56



    BOYBAND FANBOY BOYFRIEND‏
     
    - THREE-


     
     
          หลังจากที่ไคกับคยองซูกลับไปแล้ว พี่ซึงอาก็เรียกผมให้ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดพนักงานเสิร์ฟ เวลาตอนนี้คนเข้าร้านเยอะมากพนักงานบนบาร์แทบจะทำออเดอร์ไม่ทัน พนักงานเสิร์ฟเดินกันให้วุ่นจนหัวจะชนกันอยู่แล้ว ส่วนผมที่เป็นพนักงานใหม่ก็ยังไม่ค่อยคล่อง เสิร์ฟเค้กผิดโต๊ะบ้างล่ะ รับออเดอร์ผิดบ้างล่ะ ตอนแรกผมกลัวว่าพี่ซึงอากับพี่พนักงานคนอื่นจะดุ แต่มันกลับตรงกันข้าม ไม่มีใครดุผมสักคนแถมยังมาช่วยแก้ปัญหา ขอโทษลูกค้าแทนผมด้วย คอยแนะนำเพิ่มเติมทำให้ผมคลายความกังวลใจไปได้เยอะเลย พวกพี่เค้าใจดีมากๆ

     
     
          เวลาผ่านไปสักพักผมก็เริ่มชิน จำเมนูของทางร้านและหมายเลขโต๊ะลูกค้าได้หมด ผมเก่งใช่มั้ยล่ะ วันเดียวก็จำได้แล้ว คิคิ
     
     
     
          ร่างบางเริ่มรู้สึกสนุกกับงานที่ทำจนไม่ได้สนใจดูเวลา กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ล่วงเข้าสามทุ่มกว่าใกล้เวลาปิดร้านแล้ว ตอนนี้ลูกค้าที่จะซื้อเค้กต้องสั่งแบบ Take away กลับบ้านเท่านั้น เพราะตอนนี้พนักงานในร้านเริ่มที่จะทำความสะอาดเก็บกวาดร้าน โต๊ะเก้าอี้เรียบร้อย เหลือแค่รอเวลาถึงสี่ทุ่มก็กลับบ้านได้
     
     
     
     
          "อ่าๆ เด็กๆพอได้แล้วมาทานเค้กกัน พี่เก็บไว้ให้พวกเราน่ะ" พี่ซึงอาเดินมาพร้อมกับเค้กที่น่าตาน่าทานหลายแบบ ผมและพวกพี่ๆพนักงานเดินมานั่งรวมตัวกันที่โต๊ะกลางร้าน ต่างพากันจ้องเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ เห็นแล้วน้ำลายจะไหล...
     
     
     
     
          "เอ้า มัวแต่จ้องกันอยู่ได้ตักไปทานกันสิ" เสียงพี่ซึงอาเจ้าของร้านพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีใครตักเค้กใส่จานตัวเองซักที ใครจะเป็นหน่วยกล้าตายคนแรกล่ะครับ เดี๋ยวก็โดนมองว่าเป็นพวกตะกละพอดี  แต่ถ้าตักทีหลังก็ไม่ได้เลือกเค้กที่อยากกินน่ะสิ รู้อย่างนี้ยังจะอายอยู่อีกทำไมล่ะ ผมมองเค้กอยู่นานก่อนจะไปสะดุดกับเครปเค้กหน้าสตรอว์เบอร์รี่ที่มีลูกสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตวางอยู่หน้าเค้ก เห็นแล้วนึกถึงชุดที่ผมใส่เมื่อตอนเย็นเลย  
     
     
     
          มือเรียวใช้ช้อนตักชิ้นเครปเค้กสตรอว์เบอร์รี่มาวางไว้ที่จานตัวเองเป็นคนแรกแล้วราดน้ำสตรอว์เบอร์รี่ตามลงไป เมื่อพนักงานคนอื่นเห็นอย่างนั้นก็เริ่มตักใส่จานตัวเองบ้าง เอ่อะ... ถ้าผมไม่ด้านตักเป็นคนแรกทุกคนก็คงจะไม่กล้ากันใช่มั้ย? แล้วเมื่อไหร่จะได้กินล่ะครับ
     
     
     
     
     
          กริ๊ง กริ๊ง~
     
     
     
     
     
          เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาภายในร้าน
     
     
     
          จะปิดร้านอยู่แล้วยังจะมาซื้อกันอีกหรือไง ผมที่นั่งหันหลังให้ประตูแอบบ่นอยู่คนเดียว ตอนแรกผมทำท่าจะลุกไปรับออเดอร์แต่เหมือนจะช้ากว่าพี่เจ้าของร้านซึ่งเดินไปหาลูกค้าแล้ว...
     
     
     
     
          "ลูกค้าจะรับอะไรดีคะ? แต่ตอนนี้ร้านเราใกล้จะปิดแล้ว ลูกค้าต้องซื้อนำกลับไปทานที่บ้านเท่านั้นนะคะ" เสียงพี่ซึงอาพูดต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง
     
     
          "เอ่อ... คือผมมาหาเพื่อน… เซฮุนน่ะครับ"
     
     
          เมื่อผมได้ยินสิ่งที่ลูกค้าพูดก็ต้องวางช้อนที่กำลังตักเค้กเข้าปากแล้วเงยหน้ามองลูกค้าทันที
     
     
          "ชะ…แบคฮยอน มาจริงๆหรอวะเนี่ย" เกือบแล้วครับ เกือบปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมาเพ่นพ่านในร้านแล้วไหมล่ะโอเซฮุน
     
      
          "อ้าว เพื่อนเซฮุนหรอกหรอ ถึงว่าหน้าคุ้นๆ ใช่คนที่พาเซฮุนมาสมัครงานหรือเปล่าจ๊ะ?" พี่ซึงอาถามแบคฮยอนออกไปด้วยความไม่แน่ใจ
     
     
          "ใช่ครับ ผมขอนั่งรอเซฮุนในร้านได้หรือเปล่าครับ" ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าไอ้แบคก็มีมารยาทกับเค้าด้วยเหมือนกัน
     
     
          "ได้สิ ไปนั่งกับเซฮุนก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเอาเค้กมาให้เราด้วย" โห่เชี่ยแบค ลาบปากเลยมึง ไม่ทำงานแต่ได้กินฟรีๆเลย พี่ซึงอาเนี่ย น่ารักแล้วแถมยังใจดีมากๆด้วย!
     
     
          "ครับ ขอบคุณมากๆครับ" แบคฮยอนพยักหน้าก่อนที่จะเดินตรงมาทางเพื่อนรัก ย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเซฮุน
     
     
          "มึง มาจริงๆหรอวะเนี่ย" ผมถามขึ้นอย่างสงสัย นี่มึงว่างมากหรอวะ ดึกแล้วทำไมไม่กลับบ้านไปนอน
     
     
          "แหม~ มาให้มึงเห็นขนาดนี้แล้วกูล้อเล่นมั้งครับ" เออกูผิดเองครับที่ถามมึง
     
     
     
     
          กริ๊ง กริ๊ง ~
     
     

     
          เสียงกระดิ่งประตูร้านดังขึ้นอีกครั้ง ใครมาอีกวะดูเวลาไม่เป็นหรอ อีกสิบนาทีร้านก็จะปิดแล้ว!! ร้านเปิดตั้งแต่เช้าทั้งวันไม่ยอมมากิน!!
     
     
     
     
     
          "คุณเค้ก!!" เสียงเล็กดังขึ้น ร่างบางถึงกับสะดุ้งรีบหันหน้าไปมองทางประตูหน้าร้านทันที
     
     
          "เฮ้ย!" คยองซูมาได้ไงวะเนี่ย
     
     
          "คุณเค้กมีเวทย์มนต์ด้วยหรอ ทำไมแปลงร่างเป็นคนแล้วล่ะ สอนคยองซูบ้างซิ คยองซูอยากแปลงร่างบ้างอ่า~" เด็กน้อยวิ่งมาหาผมพร้อมกับพูดเสียงเจื้อยแจ้ว ทำตาโตเมื่อเห็นผมอยู่ในชุดพนักงานที่ไม่ใช่คุณเค้ก...  ผมแปลงร่างได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...

     
          "มาได้ยังไงครับเนี่ยคยองซู?" 


     
          ร่างบางถามขึ้นพร้อมกับจัดการอุ้มเจ้าตัวเล็กมานั่งบนตัก เหมือนคยองซูจะเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายเพราะเจ้าตัวไม่ขัดขืนอะไร ยอมให้อุ้มแต่โดยดี 
     

     
          "อ๋อ~ คยองซูมากับ.." เด็กน้อยคยองซูกำลังจะตอบคำถามของเซฮุน แต่กลับมีเสียงของเพื่อนสนิทแทรกขึ้นมาก่อน

     
          "เด็กที่ไหนเนี่ย!! น่ารักจังเลย~ แล้วนี่มากับใครล่ะครับ?" แบคฮยอนถามคยองซูอีกครั้งพร้อมกับดึงแก้มคยองซูเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว...นั่นสิคยองซูมากับใครหว่า....
     
     
          "คยองซูมากับ พี่ไค พี่ชานชาน พี่คริส พี่จุนนี่ แล้วก็พี่แพนด้าฮับ!"  
     
     
          คยองซูตอบเสียงดังชัดเจนครับ.... พระเจ้ากำลังเล่นตลกกับผมอยู่หรือเปล่า ทำไมวันนี้บังเอิญเจอเขาถึงสองครั้งเลยล่ ะ!
     
     
          "ห๊ะ!! มากับใครนะ!!" แบคฮยอนตกใจจนตามันจะหลุดออกมาจากเบ้าแล้วครับ เมื่อได้ยินชื่อคนที่คยองซูมาด้วย
     
     
    "เอ่อ คนที่ชื่อไค ชานชาน พี่คริส พี่จุนนี่ พี่พอรู้ครับ พี่จุนนี่ก็คงจะเป็นพี่ซูโฮ แต่พี่แพนด้านี่ใครหรอครับคยองซู?" เซฮุนถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ นี้มากันครบทั้งวงเลยหรอวะเนี่ย?
     
     

     
          กริ๊ง กริ๊ง~
     
     

     
          เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้นติดกันเป็นรอบที่สาม
     
     
     
          “นั่นไงมากันแล้ว! นี้ไงฮับคนที่มากับผม คนนั้นพี่ไค คนสูงๆหูกางๆชื่อพี่ชานชาน พี่คนหล่อๆชื่อพี่คริส คนนี้สวยที่สุดเลยชื่อพี่จุนนี่ พี่คนนี้พี่แพนด้าฮับ!!” คยองซูชี้แนะนำแต่ละคนที่เดินเรียงกันเข้ามาในร้านให้พวกเรารู้จัก คนสุดท้ายนี้เป็นพี่ผู้จัดการวงครับชื่อจื่อเทา เออ... ผมก็เพิ่งสังเกตนะว่าหน้าพี่เค้าเหมือนหมีแพนด้า ยิ่งตาคล้ำๆนั่นยิ่งเหมือน ก็ว่าทำไมคยองซูถึงเรียกพี่แพนด้า ฮ่าๆ
     

     
          ทันทีที่ทุกคนเดินเข้ามาในร้านจนครบ เด็กน้อยก็กระโดดลงจากตักผมวิ่งไปหาพวกไคทันที... แย่แล้วครับ มัวแต่ถามคยองซูว่าใครเป็นใคร ลืมนึกไปเลยว่ามากันครบวงพ่วงมาด้วยผู้จัดการวงครบเซ็ต ความบังเอิญแบบนี้จะหาที่ไหนได้ครับ... ตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่ เมื่อตอนกลางวันบังเอิญเจอกับไคไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไอ้แบคนี่สิครับ ...

     
     
          “โห้ มาครบวงไม่เว้นแม้แต่ผู้จัดการเลยหรอวะ วันแรกกูมาก็บังเอิญเจอแล้ว โชคดีของกูใช่มั้ยเนี่ย”  ไอ้แบคมันพูดออกมาอย่างเบาที่สุดให้ได้ยินกันแค่สองคน ท่าทางมันก็คงอึ้งมากครับ แน่ล่ะเจอแบบระยะประชิดยิ่งกว่ามีทแบบเอ็กคลูซีฟซะอีก!! แถมยังไม่ต้องเสียตังค์ค่าบัตรด้วย!!!

     
          “ทำไมคยองซูวิ่งเร็วจังครับเนี่ย พวกพี่ตามกันไม่ทันเลยนะ” เสียงคริสดังขึ้นพร้อมอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา
     
     
          “ก็คยองซูอยากมาหาคุณเค้กนี่หน่า” เสียงเล็กพูดพร้อมทำแก้มป่อง คริสอดไม่ได้ที่จะขโมยหอมแก้มไปหนึ่งที
     

     
          ฟอดดดดดด
     

     
          “พี่คริส!! มาหอมแก้มคยองซูทำไมอะ ปล่อยคยองซูลงเลยนะ คยองซูจะไปหาคุณเค้ก!!”  เด็กน้อยโวยวายใหญ่เมื่อถูกขโมยหอมแก้ม
     
     
          “ไหนล่ะครับคุณเค้กของน้องคยองซู” คราวนี้เป็นเสียงซูโฮดังขึ้นพร้อมกับขยี้ผมคยองซูจนฟูไปหมด โห่ ดูไปดูมาเหมือนพ่อแม่ลูกเลยละแฮะ
     
     
          “คุณเค้กนั่งอยู่นั่นไง พี่คริสปล่อยคยองซูนะ คยองซูจะไปเล่นกับคุณเค้ก~”  เด็กน้อยพูดขึ้นพร้อมชี้มาทางผม  ทำให้ตอนนี้สายตาทุกคนหันมามองที่ผมกันหมด.... โอ๊ยอยากจะบ้าตาย ผมอยากหายตัวไปตอนนี้เลยจริงๆครับ

     
          “แบคฮยอน!! นายก็อยู่นี่หรอ!?” เสียงชานยอลตะโกนขึ้น เห้ย!! นี่ชานยอลจำหน้าไอ้แบคมันได้ด้วยหรอวะ เจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะเว่ย... 
     
     
          “ก็ผมบอกคุณไปแล้วหนิว่าจะมาหาเพื่อนที่ทำงาน” คำตอบของแบคฮยอนทำผมอึ้งมากๆครับ นี่เอาเวลาที่ไหนไปคุยกัน ถึงได้เหมือนสนิทกันแบบนี้? รายงานตัวกันตลอดเวลาไปไหนมาไหนนี่รู้กันหมดเลยหรอ?
     
     
          “อ้าว! พวกนายนั่นเอง มากันซะจนร้านจะปิดอยู่แล้ว คิดว่าเป็นแขกพิเศษแล้วจะมาตอนไหนก็ได้หรอ ถ้าซื้อไม่ถึงหมื่นวอนพี่ไม่ขายนะ ฮ่าๆ” เสียงพี่ซึงอาที่เดินออกมาจากหลังร้านพูดขึ้น นี่สนิทกันหรอเนี่ย... คงมาบ่อยสินะ ถึงว่าพนักงานที่นี่ไม่มีท่าทีว่าตกใจหรือตื่นเต้นกันเลย พนักงานก็มีแต่ผู้ชาย มีพี่ซึงอาเจ้าของร้านคนเดียวที่เป็นผู้หญิง คงไม่มีผู้ชายที่ไหนปลื้มนักร้อง(มาก)เหมือนผมสองคนสินะ
     
     
          “ตอนแรกวันนี้ว่าจะไม่มาหรอก แต่คยองซูนี่สิ บอกว่าจะมาหาคุณเค้กให้ได้เลย” คราวนี้เป็นเสียงของผู้จัดการอย่างจื่อเทาที่เงียบมานานเป็นคนพูดขึ้นมาบ้าง
     
     
          “หืม? คุณเค้ก? คุณเค้กอะไรหรอจ๊ะคยองซู?”
     
     
          “นี่ไงฮับคุณเค้ก!!” คยองซูพูดจบก็ดิ้นจะลงจากการอุ้มของคริส จนคริสต้องปล่อยให้คยองซูลงมา จากนั้นขาเล็กทั้งสองข้างก็วิ่งตรงดิ่งมาทางผมแล้วขึ้นมานั่งบนตักผมอีกรอบ ซนเหมือนกันนะเนี่ยคยองซู
     
     
          “อ๋อ หมายถึงเซฮุนน่ะหรอ พี่ก็คิดว่าใคร แล้ววันนี้จะกินอะไรดี? มานั่งกันก่อนสิจะยืนทำไม  แต่ให้นั่งแค่ห้านาทีนะ พี่จะปิดร้านแล้ว ไม่ได้ไล่เลยนะเนี่ย” เจ้าของร้านแกล้งพูดติดตลก
     
     
          “ของพวกผมเอาเหมือนเดิมแล้วกันครับ ไคล่ะ นายอยากกินบ้างมั้ย?” ซูโฮพูดขึ้นพร้อมหันหน้าไปถามไค
     
     
          “ไม่ล่ะครับ พี่ก็รู้หนิว่าผมไม่ชอบกินพวกของหวาน” ไคตอบเสียงเรียบก่อนที่จะหันหน้าออกนอกหน้าต่างทันที
     
     
          “ทำไมพี่ไคไม่ชอบกินเค้กอ่ะ ขนมหวานๆอร่อยจะตายเนอะคุณเค้ก อ๊ะ! คยองซูพูดผิด ต้องเป็นพี่ฮุนนี่ต่างหาก~” คยองซูไม่พูดเปล่าหากแต่ยกจานเค้กของผมขึ้นมาด้วย
     
     
          “เนี่ยๆ พี่ไคดูสิ~ พี่ฮุนนี่ยังชอบกินเลยเค้กสตรอว์เบอร์รี่เลย พี่ไคอยากกินมั้ยฮับ เดี๋ยวให้พี่ฮุนนี่ป้อนพี่ไคนะ!!” ผมถึงกับตาโตและหันไปหาคยองซูทันที พูดอะไรออกมาน่ะ... อย่าหาเรื่องให้พี่สิครับ ?_? 
     
     
          “แล้วทำไมต้องให้พี่คนนั้นป้อนด้วยล่ะ” เสียงไคถามเด็กน้อยพร้อมมองมาทางผม พี่คนนั้นหรอ? ผมชื่อเซฮุนครับ เรียกชื่อผมหน่อยก็ไม่ได้นะ!! คยองซูมาวันเดียวยังจำได้เลยเหอะ!!
     
     
          “ก็พี่ฮุนนี่มีเวทย์มนต์แปลงร่างได้ งั้นก็ต้องมีเวทย์มนต์ทำให้พี่ไคทานเค้กอร่อยๆได้ พี่ฮุนนี่มานี่เร็วๆสิฮับ มาป้อนเค้กพี่ไคกันๆ” คยองซูพูดจบก็กระโดดลงจากตักผม มือเล็กข้างนึงถือจานเค้กส่วนอีกข้างนึงก็ดึงแขนผมไปที่โต๊ะไคนั่งอยู่ แถมยังดึงผมให้ย่อนกายลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามไคอีก 
     
     
     
          ...พระเจ้าหรือคยองซูกันแน่ครับที่เล่นตลกกับผม ทำแบบนี้ผมอาจตายได้นะ...
     

     
          ตื่นเต้นครับ จะได้ป้อนเค้กศิลปินในดวงใจ... ผมหันไปมองหน้าแบคฮยอน แล่วส่งสายตาไปหามัน... ไอ้แบคถ้ากูเป็นลมแบกกูกลับด้วยนะ ??

     
     
          “พี่ไคอ้าปากนะ อ้าปากๆๆๆๆๆ” คยองซูร้องขึ้นอย่างเอาแต่ใจ

     
          “......................” ไคไม่อ้าปากตามที่คยองซูสั่งแถมยังเงียบใส่อีก

     
          “พี่ไคจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้!! รู้จักคยองซูน้อยไปแล้ว พี่ฮุนนี่ตักเค้กไว้นะฮับ” ผมทำหน้างงเมื่อคยองซูสั่งผมให้ตักเค้กไว้ จะทำอะไรของเค้าเนี่ย เมื่อเห็นผมไม่ทำตามมือเล็กก็จัดการตักเค้กแล้วยัดช้อนใส่มือผมทันที เด็กอะไรแสบชะมัด

     
          “จะทำอะไรของเราน่ะ” ไคถามขึ้นแต่คยองซูไม่ตอบแต่กลับดึงแขนไคขึ้นมา .....แล้วก็.... กัดเข้าไปที่แขนไคอย่างจัง

     
          “โอ๊ยยยยยยยยยยยยย!! คยองซูพี่เจ็บนะ!! เล่นอะไรเนี่ย!!” ไคแหกปากร้องเสียงดัง
     
     
          “พี่ฮุนนี่เอาเค้กป้อนพี่ไคเร็วๆๆๆๆๆ” ผมที่ยังคงตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่มือเจ้ากรรมดันทำตามที่คยองซูสั่ง
     
     
     
          ผมป้อนเค้กเข้าปากไคไปแล้ว จะเรียกว่าป้อนก็ไม่ถูกซะทีเดียว เรียกว่ายัดเข้าไปดีกว่าครับ... ไคจ้องผมเขม็งเลย เค้าจะโกรธผมมั้ย คยองซูนะคยองซู ??
     

     
          “พี่ไคเค้กอร่อยมั้ยฮับ *0*” คยองซูถามเสียงใส นี่ไม่กลัวความผิดของตัวเองหรือไง แล้วแทนที่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะห้ามปรามคยองซูพวกเขากลับเลือกที่จะระเบิดหัวเราะออกมาแทน... 
     
     
          "กร๊ากกกกกกกกกก จงอินจอมเย็นชาโดนเด็กแกล้งแหกปากร้องซะเสียงดังเลยเว้ย” ชานยอลที่ละจากจอไอโฟนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาคนแรก...

     
     
          ผมอยากถามชานยอลว่ารู้ด้วยหรอเค้าทำอะไรกัน ก็ตั้งแต่เข้าร้านมาผมเห็นชานยอลนั่งจิ้มไอโฟนไม่หยุด ไม่ต่างจากแบคฮยอนเลย...

     
     
          “พี่ไค~ เค้กที่พี่ฮุนนี่ป้อนให้อร่อยมั้ยฮับ?” เด็กน้อยไม่สนใจชานยอลแต่ยังคงถามย้ำเอาคำตอบจากไคเหมือนเดิม

     
          “ก็เหมือนเค้กทั่วไปที่เคยกินนั่นแหละ” คำตอบของไคทำเอาใจผมหล่นวูบเลยครับ... ก็รู้ว่าไม่ชอบกินขนมหวานแต่ช่วยรักษาน้ำใจกันบ้างไม่ได้หรือไงนะ
     
     
          “โห่ ไคพูดอย่างนี้พี่ก็เสียใจน่ะสิ พี่เป็นคนคิดสูตรเองเลยนะ อะนี่ซูโฮขนมปังอบได้แล้ว ทั้งหมดสองหมื่นวอนจ้ะ ” พี่ซึงอาพูดขึ้นพร้อมกับยื่นถุงขนมให้ซูโฮ
     
     
          “ครับ นี่เงินครับ ขอบคุณนะครับ” ซูโฮพูดพร้อมยื่นเงินให้กับพี่เจ้าของร้าน

     
          “ได้ของแล้วก็กลับกันเถอะ" เป็นเสียงไคที่ดังขึ้น มือหนาจัดการอุ้มเจ้าตัวเล็กไว้โดยไม่ฟังเสียงโวยวายของคยองซูแถมยังเดินออกจากร้านไปไม่รอใครเลย...
     
     
     
          พวกสมาชิกที่เหลือก็เดินตามออกมาแบบงงๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะลาเจ้าของร้านกับพวกผมและพนักงานในร้าน


     
          “ไว้เจอกันใหม่นะแบคฮยอนแล้วก็...เซฮุนด้วย บ๊ายบาย~” ชานยอลพูดบอกลาก่อนที่จะเดินออกไปเป็นคนสุดท้าย
     
     


     
     
          ครืด ครืด ครืด~
     

     
     
          มือเรียวควานหาไอโฟนในกระเป๋า หน้าจอปรากฎชื่อพี่ชายที่เป็นคนโทรเข้ามา
     
     
     
          “ฮัลโหล พี่อี้ชิง ว่าไงครับ”  
     
     
          ‘นี่เลิกงานหรือยัง’ ถามแบบนี้เป็นห่วงผมอะดิ

     
          “เลิกแล้ว กำลังจะกลับ เป็นห่วงผมหรอ?” ผมแกล้งถามพี่อี้ชิงเล่นๆ 

     
          ‘ป่าว!! ง่วงนอนขี้เกียจตื่นขึ้นมาเปิดประตูบ้านให้เพราะว่าแกลืมกุญแจบ้านไว้!!’  ลืมกุญแจบ้านหรอ?

     
          “ผมจะลืมกุญแจบ้านได้ไงในเมื่อวันนี้ผมเป็นคนล็อคบ้าน ถ้าลืมผมจะล็อคได้หรอ เป็นห่วงก็บอกอย่ามาฟอร์มพี่ชาย”

     
          ‘ทำไมแกไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเอากุญแจไป ฉันจะได้ไม่ต้องรอ ห๊ะ!!’

     
          “ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด”  พี่อี้ชิงตัดสายทิ้งไปแล้วครับ  พูดคำว่าเป็นห่วงมันน่าอายตรงไหนเนี่ย
     
     
          “ที่บ้านโทรตามแล้วล่ะสิ กลับกันได้แล้ว คนอื่นก็ด้วย พี่ไม่มีงานอะไรจะให้พวกเราทำล่ะ เดี๋ยวพี่ปิดร้านเอง ขอบคุณทุกคนมากนะสำหรับวันนี้ เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ” ซึงอาพูดขึ้น พนักงานทุกคนก็โค้งลาก่อนจะเดินออกจากร้าน เหลือแต่... ไอ้เชี่ยแบคที่ยังนั่งอยู่กับที่ ถ้ามึงจะติดไอโฟนขนาดนี้...
     
     

     
          ผัวะ!
     

     
     
          “โอ๊ยไอ้ฮุน!! มาตบหัวกูทำไมเนี่ย” ไอ้แบคโวยวายเสียงดังเลยครับ
     
     
          “มึงช่วยแหกตาดูหน่อยว่าเค้ากลับกันหมดแล้ว มัวแต่นั่งจิ้มอยู่ได้” 
     
     
          “มึงก็บอกกูดีๆก็ได้หนิ เดี๋ยวกูก็ให้กลับเองเลย อุตส่าห์เอารถมารอรับมึงนะ”
     

     
          แค่นี้ก็ทวงบุญคุณหรอไอ้นี่หนิ....

     
     
          “กูขอให้มึงมาหรอครับ?”

     
          “ถ้ากูไม่มาแล้ววันนี้กูจะได้เจอว่าที่แฟนกูหรือไง!!”




     
          ผมกับแบคฮยอนยืนเถียงกันอยู่นานก่อนที่เราสองคนตกลงสงบศึกกันเพราะผมกับมันง่วงนอนและอยากลับถึงบ้านไวๆ แบคฮยอนขับรถมาได้ไม่นานก็ถึงบ้านผมครับ ก่อนจะลงจากรถผมก็กวนประสาทด่าทอตามประสาเพื่อนเล็กน้อย เหมือนมันด่าผมไม่ทันหรอกครับ ผมเลยวิ่งหนีเข้าบ้านก่อนปล่อยมันด่ากับอากาศให้เจ็บใจเล่น ฮ่าๆ

     
     
          ผมไขประตูบ้านเข้าไปก็พบว่าบ้านมืดสนิทสงสัยพี่อี้ชิงจะหลับแล้ว ผมเดินตรงไปที่ครัวสายตาไปสะดุดกับประตูตู้เย็นที่มีโพสอิทเขียนแปะไว้ ‘ข้าวหรือนมเลือกเอา!’ อ่านเสร็จมือเรียวก็เปิดตู้เย็นพบว่ามีกล่องข้าวกับนมอยู่ ผมเลือกหยิบนมมาดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นก็นำแก้วไปล้างวางไว้บนชั้น ผมเช็ดมือให้แห้งแล้วก็เอื้อมมือหยิบปากกาที่อยู่บนหลังตู้เย็นเขียนข้อความลงบนโพสอิทต่อจากข้อความที่พี่อี้ชิงเขียนแปะไว้


     
          ‘ขอบคุณนะพี่ชาย’ ผมวางปากกาไว้บนหลังตู้เย็นเหมือนเดิมก่อนที่จะเดินขึ้นห้องไป
     
     
     
          เมื่อถึงห้องผมถลาล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่มทันที วันนี้ขอไม่อาบน้ำสักวันนะผมเหนื่อยมาก แต่ถึงผมจะเหนื่อยและขี้เกียจอาบน้ำแค่ไหนก็ไม่ลืมที่จะหยิบไอโฟนก่อนที่จะเปิดคาคาโอ กดพิมพ์ข้อความส่งไปหาใครอีกคน

     
          ‘(วันนี้ทำงานเหนื่อยมากเลย แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้เจอไคด้วย แอบหายเหนื่อยเลยล่ะ ฮ่าๆ อีกอย่างเรื่องที่ป้อนเค้กต้องขอโทษด้วยนะ ตอนนั้นมันตกใจ คืนนี้ฝันดีครับ)’

     
          ครั้งนี้เซฮุนไม่นั่งจ้องรอข้อความของอีกคนเพราะคิดว่ายังไงไคก็คงไม่ตอบเหมือนทุกครั้งอยู่แล้ว นิ้วเรียวกดปิดคาคาโอแล้วเปิดเช็คทวิตเตอร์เหมือนทุกวัน วันนี้ไม่เห็นมีข่าวอะไรเลยแหะ... แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นไคอัพทวิต





     
    Although it has something I do not like
    but if someone like it ... I would probably prefer.

     






     
          ข้อความที่ไคทวิตพร้อมรูป..... มันเป็นรูปเค้กที่คุ้นมากๆ จะไม่ให้คุ้นได้ไง ก็รูปเค้กที่ไคทวิตเป็นเครปเค้กหน้าสตรอว์เบอร์รี่ที่ผมกินที่ร้านนะสิ... ไม่เข้าใจ ไหนบอกว่าไม่ชอบไงล่ะ...
     

     
     
    [TRANS] RT @KIMKAI94: ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบนัก แต่ถ้าใครคนนั้นชอบ... ผมก็จะชอบมันด้วย... 
     

     
     
          ผมแปลทรานส์ไคลงทวิตเตอร์... แอบคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม... ไคอาจจะเริ่มชอบเค้กแบบผมขึ้นมาบ้างแล้วก็ได้
     
     
          คืนนี้ไคทำผมนอนไม่หลับเลยล่ะ นี่มันความรู้สึกอะไรกันครับ... สับสนไปหมดแล้ว.. ใครก็ได้ช่วยบอกผมที
     
     
     
     
     
     
          ..........................................................
     
     
     
     
     
     
          ว่ากันว่าวันเวลาไม่เคยคอยใครเดินไวอย่างกับเรื่องโกหก สงสัยว่ามันคงจะเป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้ผมได้มาทำงานร้านเบเกอรี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว
     
     
          อาทิตย์หน้าก็จะมีแฟนมีท xoxo พร้อมกับฉลองวันเกิดไคด้วย บัตรที่เปิดจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อเช้าไอ้แบคโทรมาบอกว่าเกือบจองบัตรไม่ทัน ผมให้มันออกค่าบัตรก่อนค่อยมาเอาเงินจากผมที่ร้าน เพราะเย็นนี้ผมก็จะได้ค่าแรงแล้ว
     
     
          พอคิดว่าจะได้เงินก้อนแรกด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองก็รู้สึกภูมิใจมากๆครับ รู้ซึ้งเลยล่ะว่าเงินน่ะมันหายากแค่ไหน ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเวลาผมจะซื้ออะไรต้องคิดแล้วคิดอีก... แล้วก็... คิดถึงหน้าไคด้วย... 
     
     
          จะไม่ให้ผมไม่คิดถึงได้ไง ในเมื่อที่ผ่านมาไคมาที่ร้านเบเกอรี่พร้อมกับชานยอลและคยองซูก่อนร้านปิดทุกวัน พอวันไหนเขาไม่มาผมก็รู้สึกแปลกๆขี้เกียจทำงานขึ้นมาซะงั้น แต่ไม่ใช่แค่พวกไคที่มานะครับ บางวันผมก็เห็นพี่คริส ที่ชอบมาพร้อมกับซูโฮและผู้จัดการอย่างจื่อเทา ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนผม แบคฮยอน มันก็มานั่งเฝ้าผมแทบทุกวันครับ จริงๆมันไม่ได้จะเฝ้าผมหรอก พอมันรู้ว่าชานยอลมาบ่อยมันก็ต้องเสนอหน้ามาบ้างไงล่ะครับ
     
     
     
     
     
     
          ..........................................................
     
     
     
          ‘1st Fan Meeting with XOXO & Birthday Party with KimKAI’
     
     
     
          ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับ ตื่นเต้นมากครับกับงานแฟนมีทครั้งแรก แถมในงานยังมีการจัดฉลองวันเกิดไคด้วย แต่ที่จริงแล้วไคไม่ได้เกิดวันนี้หรอกครับเขาเกิดวันพรุ่งนี้ แต่ทางบริษัทเห็นว่าไหนๆก็จะจัดแฟนมีทแล้วก็ฉลองรวมกันไปเลย ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะ ไม่เปลืองเงินแฟนคลับด้วย ฮ่าๆ


     
          เมื่อวานก่อนนอนผมส่งคาคาโอไปหาไคเหมือนทุกวัน ‘พรุ่งนี้เจอกันนะ’ ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมต้องคอยรายงานทุกอย่างให้เขาได้รู้ ก็เผื่อว่า... เค้าจะสนใจผม...และตอบคาคาโอผมบ้างก็เท่านั้นเอง
     
     
     
          “เห้ยไอ้ฮุน กูไปห่อมาให้ละ อะเอาไป” ไอ้แบคที่เพิ่งมาถึง มันก็โยนกล่องของขวัญที่ผมให้มันไปห่อมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เชี่ย...เกือบรับไม่ทันถ้าของแตกนะมึง...
     
     
          “สัส! ระวังหน่อย เดี๋ยวกล้องก็แตกอีกตัวหรอก” ผมด่ามันเข้าให้ ใช่ครับในกล่องของขวัญนี่มันมีกล้อง ผมไม่ได้จะให้ไคนะ ผมจะแอบเอากล้องเข้าไปถ่ายรูปต่างหาก...
     
     
          “มึงว่าพวกสต๊าฟจะจับได้ป่าววะ?” แบคฮยอนถามขึ้น

     
          “กูก็ไม่รู้เว้ย ถ้าอยากรู้มึงกับกูก็เข้างานกันได้แล้ว!”  

     
     
          ผมผลักหัวมันให้เดินนำหน้าไป มันเดินผ่านเข้าสบายเลยครับเพราะตัวมันมีแค่ผ้าเชียร์กับแท่งไฟ เอ่อะ...แล้วมึงเอากล้องวิดีโอไว้ไหน อย่าบอกนะว่ามึงใส่มาในกล่องเดียวกับกูเนี่ย ก็ถึงว่าทำไมกล้องตัวเดียวแม่-งหนักจังวะ แบบนี้เรียกว่าโยนขี้มาให้กูชัดๆ 
     
     
     
          “นี่กล่องอะไร?”
     
     
          สต๊าฟหยิบกล่องของขวัญจากถุงขึ้นแล้วเขย่าไปมา เชี่ย...เบาๆหน่อยสิวะถึงแม้ว่ากล้องนี้จะไม่ใช่ของพี่อี้ชิงแต่กล้องตัวนี้ผมไปเช่ามาพร้อมเลนส์ครับ ถ้าแม่-งบุบสลายสักนิดคงเสียค่าปรับบานแน่นอน 
     
     
          “กล่องของขวัญไง”

     
          “หรอ? แกะดูได้มั้ย?” เชี่ยอย่ามาสงสัยอะไรมากได้ป่ะ
     
     
          “ผมคิดว่าสต๊าฟบริษัทนี้จะมีมารยาทพอนะครับ” ผมพูดขึ้นเสียงเรียบทำเอาสต๊าฟอึ้งไปเลยครับ
     
     
          “อ่าๆเข้าไป”    
     
     
          แหมะ กว่าจะปล่อยกูได้เนี่ยลีลาจังนะ ผมเดินเข้างานมาคนเยอะอีกละ คิดผิดมั้ยเนี่ยที่เลือกบัตรหลุม ร่างบางพยายามสอดส่องหาเพื่อน ไม่นานก็เห็นแบคฮยอนยื่นโบกมืออยู่มุมนึง เซฮุนเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินไปหาเพื่อนรักทันที
     
     
     
          “ช้าจังวะ”    

     
          “อยากให้มึงมาลองเป็นกูมึงจะไม่พูดแบบนี้ ตอนแรกสต๊าฟสงสัย จะแกะดูด้วย” อยากถีบนักไม่ช่วยอะไรแต่เสือ-กบ่นอีก  

     
          "แต่มึงก็รอดมาได้แล้วนี้หว่า เอาหน่าอย่าบ่นเลย"

     
          ผมกับแบคฮยอนช่วยกันแกะของขวัญเอากล้องออกมา ไอ้แบคหยิบกล้องสำหรับถ่ายวิดีโอไป มันใช้ผ้าเชียร์ห่อไว้ก่อนที่จะเปิดกล้องกดถ่ายทันที มึงรีบหรอครับ...งานยังไม่เริ่มเลย
     
     
     
          “มึงจะรีบถ่ายทำไมเนี่ยกลัวว่าจะไม่โดนจับได้หรือไง” ผมกระซิบว่ามันเบาๆ

     
          “แค่ลองเฉยๆเว้ย ตรงนี้มุมไม่ดีวะกูจะไปหามุมถ่ายที่อื่นนะ แต่มึงสูงอะอยู่ถ่ายตรงนี้ดีแล้ว คนเยอะเค้าจะได้บังมึงไว้”
     

     
          ไอ้แบคอธิบายเสร็จมันก็เดินไปที่อื่น ทิ้งผมไว้ตรงนี้คนเดียว พูดเองเออเองตลอดเลยนะมึง อยู่ดีๆไฟในฮอลล์ก็ดับลง สงสัยงานจะเริ่มแล้ว อ่า ตื่นเต้นจัง...

     
     
          หลังจากไฟดับ ตอนนี้ภายในฮอลล์ก็กลายเป็นสีม่วงไปโดยปริยายเพราะแสงจากแท่งไฟที่แฟนคลับพากันโบกไปมา ไม่นานเสียงอินโทรดนตรีก็ดังขึ้น เริ่มด้วยเสียงตีกลองสลับกับเสียงกีตาร์และเบส จากนั้นไม่นานไฟบนเวทีก็สว่างขึ้น ซูโฮที่เป็นร้องนำยืนเด่นสง่าอยู่กลางเวที เสียงเอฟเฟ็กดังขึ้นผู้คนในฮอล์ลพากันส่งเสียงกรี๊ดออกมาไม่ขาดสาย
     
     
     
          เพอร์เฟคมากครับทุกอย่างดูลงตัวและดูดีไปหมด ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมทำให้คนที่อยู่บนเวทีดูหล่อสุดๆไปเลย หากแต่สายตาผมกลับจ้องอยู่กับร่างสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเบสอย่างไม่สนใจใคร ตอนไคเล่นเบสดูเป็นธรรมชาติมากครับผมแอบเห็นนะว่าบางทีเขาก็จะแอบยิ้มออกมาตอนที่เล่นเบสอยู่ แต่ก็นานๆทีนะครับ นี่อาจเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของไคที่ทำให้ผมหลงก็ได้
     
     
     
          เพราะเป็นคนที่ยิ้มยาก... ก็เลยอยากให้ยิ้มบ่อยๆ... ยิ้มให้กับผมคนเดียว...
     
     
     
          ผมสลัดความคิดที่แสนจะเพ้อเจ้อออกจากหัว หยิบกล้องที่มีผ้าเชียร์พันไว้อยู่กดชัตเตอร์รัวถ่ายรูปคนที่แสดงอยู่บนเวที...ไคหลุดยิ้มตอนเล่นเบสอีกแล้ว...และผมก็ถ่ายไว้ทัน จะบอกว่าผมลำเอียงก็ได้นะครับตอนนี้ผมถ่ายแต่รูปไคคนเดียวเลย
     
     
     
          ...ก็มันหยุดไม่ได้หนิ เจอไคทีไรเป็นแบบนี้ทุกที...ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เลย...
     
     
     
     
          หลังจากที่แสดงไปได้สองสามเพลง สี่หนุ่มก็เริ่มแนะนำตัวทีละคน สต๊าฟเดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อเก็บกลองกีตาร์และเบสลงจากเวที จากนั้นสต๊าฟอีกชุดก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาแทน
     
     
     
          “ขอบคุณทุกคนที่มางานแฟนมีทในวันนี้นะครับ”  คริสพูดขึ้นพร้อมกับโบกมือให้แฟนๆ

     
          “ทุกคนอยากใกล้ชิดกับเรามากขึ้นไหมครับ”  เสียงชานยอลพูดเสริมขึ้น
     

     
          อยากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~  แฟนคลับพร้อมใจตะโกนเสียงออกมาทันที
     
     
     
          “วันนี้พวกเราจะจับฉลากชื่อผู้โชคดีมาเล่นเกมด้วยกันบนเวทีนะครับ โดยการจับฉลากจากหางบัตรของทุกคนที่มาร่วมงานนะครับ” ซูโฮอธิบายจบ แฟนๆก็พากันส่งเสียงกรี๊ด ตื่นเต้นว่าตัวเองจะได้ขึ้นไปเล่นเกมด้วยหรือเปล่า
     
     
          “และเล่นเกมจบเราจะมาอวยพรวันเกิดให้กับไคบนเวทีด้วยกันนะครับ” คริสพูดอย่างนี้ผมอยากวิ่งขึ้นไปบนเวทีเดี๋ยวนี้เลย ไม่เอาได้ไหมอะครับจับฉลากน่ะ ผมไม่มีดวง แต่ถ้าให้วิ่งแข่งนะรับรองผมถึงก่อนคนแรกชัวร์!
     
     
     
     
          มือเรียวเตรียมยกกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปอีกครั้ง แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงสต๊าฟดังขึ้น มันดังมากพอที่คนบนเวทีและคนรอบๆตัวผมได้ยิน เพราะก่อนหน้านี้คริสบอกให้ทุกคนเงียบจะได้ฟังเสียงไคพูดบ้าง แฟนๆก็ทำตามที่คริสบอกมันเลยทำให้ฮอลล์เงียบสุดๆ แล้วอีกอย่างผมยืนหน้าสุดเกือบติดขอบเวทีเลยละครับ
     
     

     
          “คนนั้นน่ะ! เอากล้องเข้ามาได้ยังไง!!” ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมรวมทั้งคนบนเวทีด้วย
     
     
          ส่วนตัวผมได้แต่ยืนค้าง ซวยแล้วกู... สต๊าฟที่อยู่รอบบริเวณนั้นต่างเดินตรงมาทางผมทันที โหเล่นล้อมกันไว้แบบนี้จะให้หนีทางไหนได้ล่ะครับ
     
     
          “ส่งกล้องมา”
     
     
          สต๊าฟพูดขึ้นแต่ยังไม่ทันที่ผมจะส่งกล้องให้เขากลับแย่งมันไปจากมือผมเลย แถมยังถอดเมมโมรี่การ์ดออกแล้วก็.......
     
     


     
          หักมันทิ้งต่อหน้าผม...
     
     
     
          “กรุณาเชิญออกจากงานด้วยครับเพราะว่าคุณได้ทำผิดกฎการเข้าชมงาน”
     
     
          พูดเสร็จก็ส่งกล้องคืนผม จากนั้นสต๊าฟอีกคนก็มาดึงมือผมไป ร่างบางไม่ได้ขัดขืนอะไรเดินตามมาแต่โดยดี ไม่ใช่ว่าเขายอมหากแต่ตอนนี้จิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
     
     
          เซฮุนเดินออกมาพ้นประตูก็หย่อนกายนั่งลงตรงบันไดทางขึ้นทันที มือเรียวหยิบกล้องขึ้นมาเปิดดู ไม่มีแล้วครับ... รูปหายไปหมด ไม่เหลือแม้แต่เมมโมรี่การ์ดที่จะกู้คืน...
     
     
     
     
     
          แหมะ
     
     


     
          น้ำใสๆหยดลงบนกล้อง ดวงตาคู่สวยสั่นระริกและไม่อาจห้ามน้ำตาได้ ร่างบางเลยต้องยอมปล่อยให้มันไหลออกมาระบายความเสียใจ
     
     
          พังหมดทุกอย่าง...ความพยายามในการทำงานเก็บเงินซื้อบัตรเพื่อมาฉลองวันเกิดอีกคนร่วมกับคนอื่นๆ ไม่เอาก็ได้นะรูป ขอแค่ได้เห็นหน้าอีกคนกำลังเป่าเค้กอย่างมีความสุข ซึ่งภาพนี้คงหาไม่ได้ง่ายๆแน่
     
     
          ถ้าย้อนเวลากลับไม่ได้เขายอมที่จะไม่เอากล้องเข้าไป ถึงแม้ว่าจะอยากได้รูปสวยๆแค่ไหนก็ตาม ภาพที่ถูกบันทึกด้วยเมมโมรี่การ์ด คงไม่สวยงามเท่ากับภาพที่ผ่านเข้าสู่ม่านสายตา ไปยังสมอง...และซึมซับลงในหัวใจ...
     
     
          ร่างบางก้มหน้าซบกับเข่าที่ชันขึ้นมาเพื่อรองรับน้ำตา เสียงสะอื้นดังเล็ดลอดออกมาไม่ขาดสาย หากแต่เหมือนมีมือคู่นึงมาช่วยเขาไว้
     
     
     
          “น้องชายฉันนึกยังไงมานั่งร้องไห้ตรงนี้นะ”  เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆอีกคน มือขาวลูบผมน้องชายเพื่อปลอบประโลม
     
     
          “พี่อี้ชิงมาได้ไง” ร่างบางทำใจอยู่นานกว่าจะเงยหน้ามาคุยกับพี่ชายตัวเอง

     
          “มาทำข่าว”

     
          “แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ งานเลิกแล้วหรอ” เซฮุนถามขึ้นด้วยความสงสัย

     
          “งานยังไม่เลิกแต่ขี้เกียจทำละ แกมีปัญหาหรอ” คำตอบของอี้ชิงทำเอาซะเซฮุนไม่อยากถามต่อเลย

     
          “....................”

     
          “เงียบทำไม กลับบ้านเถอะ หิวว่ะ”
     
     
     
          ไม่พูดเปล่า อี้ชิงดึงแขนน้องชายตัวเองขึ้นลากร่างบางมายังลานจอดรถ เปิดประตูข้างคนขับดันตัวเซฮุนเข้าไป ตลอดทางกลับบ้านเซฮุนนั่งเงียบไม่พูดอะไร มือบางหยิบไอโฟนขึ้นมาพิมพ์ข้อความก่อนกดส่งคาคาโอไปหาอีกคน
     
     
     
          ‘(ขอโทษที่วันนี้อยู่ในงานไม่ได้จนจบ... สุขสันต์วันเกิดนะครับ คืนนี้ฝันดีนะ)’
     
     
     
          เมื่อส่งเสร็จมือเรียวก็เก็บไอโฟนยัดลงกระเป๋า สักพักดวงตาที่เหนื่อยล้าจากการร้องไห้ก็ปิดสนิทลงทันที
     
     
     
     
     
     


     
     
     
          “เซฮุน ไอ้ฮุนเว้ย ตื่นดิ ถึงบ้านแล้ว” อี้ชิงปลุกเซฮุนอยู่นาน แทบจะถีบน้องชายตกจากรถอยู่แล้ว

     
     
          เซฮุนลืมตาขึ้นเดินลงจากรถโดยที่ไม่พูดอะไร ปล่อยให้พี่ชายโวยวายอยู่คนเดียว ร่างบางเดินตรงเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจ ขาเรียวก้าวขึ้นบันไดบ้านอย่างหมดแรง
     
     
     
          วันนี้มันเหมือนกับฝันร้ายของเขา...ฝันร้ายที่อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขและถ้าหากทำได้มันก็คงดีไม่น้อย แต่เค้าว่ากันว่าสามสิ่งที่ไม่อาจเรียกคืนได้ คือ คำพูด เวลา และความรู้สึก...ใช่เขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันได้ แต่สิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ได้คือคำพูดและความรู้สึกไม่ใช่หรอ?
     
     
     
          ร่างบางล้มตัวลงนอนบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าพยายามข่มตานอนหลับจนเป็นผลสำเร็จ ในใจคิดอยู่เสมอว่า พรุ่งนี้มันต้องดีกว่าวันนี้สิ...ใครมันจะโชคร้ายไปตลอดล่ะ จริงมั้ย?
     
     
     
     
     
          ..........................................................
     

     
     
     
          ครืด ครืด ครืด~
     
     
     
          เสียงไอโฟนที่สั่นขึ้น สร้างความรำคาญให้กับร่างบางที่กำลังหลับสบาย มือเรียวควานหาโทรศัพท์เครื่องหรูทั้งที่ตายังคงปิดสนิทอยู่
     
     
     
          “ฮัล..โหล” ร่างบางกรอกเสียงหวานส่งไปยังปลายสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

     
          ‘เห้ยไอ้ฮุน เมื่อวานกูเห็นมึงโดนลากออกจากงานแต่ตามมึงออกมาไม่ทัน แถมไอโฟนกูแบตหมดด้วย...มึงโอเคมั้ยวะ?’
     
     
          เสียงแบคฮยอนดังขึ้นแถมพูดประโยคที่แสนจะยาวเหยียด มึงพักหายใจบ้างก็ได้ครับ
     
     
          “ใจเย็นดิ กูโอเค แล้วมึงอะเป็นไงบ้าง”
     
     
          ‘เมื่อวานกูได้ขึ้นมีทวะ’
     
     
          “เห้ย! จริงดิ!” ผมตาสว่างเด้งตัวลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติเลยครับ

     
          ‘มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูโกหกมั้ง อย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่นดิ คือวันนี้กูจะชวนมึงไปรอหน้าบริษัทอ่ะ มึงจะไปกับกูมั้ยหรือว่ามึงทำงาน’
     
     
     
          ไปหน้าบริษัทหรอ? เป็นความคิดที่ดีเลยจะได้เอาเค้กกับของขวัญไปให้ แก้ตัวเรื่องเมื่อวานไง !!
     
     
     
          “ไปๆ วันนี้ร้านปิด เดี๋ยวกูอาบน้ำแปปนึง อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน มึงขับรถมาใช่ป้ะ ดีเลย มารับกูที่บ้านด้วยนะ”

     
          ‘เออๆ เดี๋ยวกูขับไป รีบๆเลย’
     

     
          ทันทีที่วางสายจากเพื่อนรัก ร่างบางก็รีบอาบน้ำแต่งตัวมานั่งรอเพื่อนสนิทหน้าบ้าน ไม่ถึงสิบนาทีแบคฮยอนก็ขับมาถึง
     
     
          “ไอ้ฮุนขึ้นรถ” แบคฮยอนเลื่อนกระจกรถลงและตะโกนออกมา

     
          “กว่าจะมาได้นะมึง” เซฮุนบ่นแบคฮยอนก่อนที่จะขึ้นรถไป
     
     
     
     
     
     
          ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็มาอยู่หน้าบริษัทซึ่งตอนนี้มองไปทางไหนก็มีแต่แฟนคลับรออยู่ด้านนอก ทุกคนต่างพากันถือของขวัญไว้เพื่อที่จะได้ให้กับมือตัวเอง

     
     
          ร่างเล็กทั้งสองคนเดินหาที่ว่างพอสำหรับเขาและสามารถยื่นมือไปให้ของขวัญได้ โชคดีหน่อยที่ตอนนี้คนไม่ค่อยเยอะเลยยังพอมีที่เหลืออยู่บ้าง
     
     
     
          “มึงให้อะไรไควะ”    

     
          “เค้ก กับสร้อยข้อมือน่ะ”

     
          เซฮุนตอบพร้อมมองของขวัญตัวเองที่อยู่ในมือ
     
     
          “ไคไม่ชอบแดกเค้กไม่ใช่หรอวะ” แบคฮยอนยังคงถามต่ออีก มึงจะสงสัยอะไรหนักหนาวะ

     
          “ไม่รู้เว้ย ก็ตอนนั้นกูเห็นไคอัพทวิตรูปเค้ก เผื่อว่านึกอยากจะกินขึ้นมาแล้ว”
     
      
     
          ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะถามต่อเสียงกรี๊ดจากปลายแถวก็ดังขึ้น พวกเขามาถึงแล้ว...
     
     
     
          คริสเดินลงจากรถมาคนแรก ตามด้วยซูโฮ ชานยอล เทาและไคเป็นคนสุดท้าย ตลอดทางเดินที่จะเข้าบริษัทมีแฟนคลับมากมายพยายามส่งของให้แต่จื่อเทาก็รับของทุกคนไว้แทน จริงๆผมสังเกตได้นะว่าพวกเขาก็อยากรับของขวัญจากแฟนๆ แต่เทาคงอยากรักษาความปลอดภัยและความระเบียบเรียบร้อยไว้ เลยเป็นคนรับของขวัญเอง
     
     
     
          ทั้งห้าคนกำลังเดินผ่านหน้าผมครับ ผมยื่นมือไปข้างหน้านิดนึงเพื่อให้เทาหยิบของขวัญผมไป แต่ทว่ากลับมีมือหนามาคว้าไปซะก่อน...
     
     
          ไค....


          เขาเดินแซงหน้าจื่อเทาตอนไหนผมก็ไม่รู้ แต่ตอนที่เขาคว้าของขวัญผมไปมือเราสัมผัสกันนิดนึงด้วย พระเจ้า วันนี้ผมจะไม่ล้างมือออกเลย...
     
     
     
     
          “เชี่ย ยืนนิ่งเหมือนโดนสาปเลยนะมึง" ไอ้แบคผลักหัวผมเพื่อเรียกสติครับ

     
          “ไอ้แบค มึงมาผลักหัวกูทำไม? วันนี้กูให้อภัยมึงก็ได้"

     
          “โหวววว กูต้องขอบคุณไคใช่ป่าววะ ฮ่าๆ” ใช่ มึงต้องขอบคุณเค้าที่ทำให้อารมณ์กูดีแบบนี้
     
     




          ..........................................................





     
          ผมยืนต่อล้อต่อเถียงกับมันอยู่นาน ก่อนที่เราสองคนจะตกลงกันว่าจะมานั่งเล่นที่บ้านผม วันนี้พี่อี้ชิงไม่อยู่อีกแล้ว พักหลังนี้พี่อี้ชิงออกจากบ้านบ่อยกว่าเมื่อก่อน บางทีก็ไม่กลับบ้าน สงสัยงานจะเยอะ
     
     
     
          ทันทีที่ถึงบ้านผม ไอ้แบคก็ถือวิสาสะเปิดโน้นหยิบนี้มาเล่นทำอย่างกับว่ามันเป็นเจ้าของบ้าน ส่วนผมนั้นก็ได้แต่นอนเพ้อถึงไค วันนี้ดมมือตัวเองไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ ผมว่าอาการผมเริ่มหนักแล้วนะ...
     

     
          แบคฮยอนละความสนใจจากของในบ้านผม มันหยิบไอโฟนขึ้นมาก่อนที่คิ้วมันจะขมวดเข้าหากัน                      
     
     
          มีอะไรน่าซีเรียสวะ?
     
     
     
     
          “ไอ้ฮุน” มันเรียกชื่อผมแล้วทำหน้าจริงจังซึ่งปกติผมไม่ค่อยเห็นมันโหมดนี้เท่าไหร่นัก

     
          “เรียกกูทำไม?”

     
          “.............”
     
     
          อ้าวใบ้แดกใส่กูอีก แล้วกูจะรู้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น
     
     
     


     
     
          “ชานยอลเข้าโรงพยาบาล”
     
     
     
     
     
          !!!!
     
     

     
     
     
     
          “เฮ้ย! เป็นอะไรทำไมต้องเข้าโรงพยาบาลวะ” จะเป็นไปได้ไงในเมื่อเมื่อกี้ยังเจอกันหน้าบริษัทอยู่เลย
     
     
          “มันอ้วกออกมาเป็นเลือด......... หลังจากที่แดกเค้กมึง”
     
     
          อึ้งครับจะบอกว่าอึ้งมาก เค้กผม? กินเค้กผมแล้วอ้วกเป็นเลือดบ้าไปแล้วมันจะเป็นไปได้ไง
     
     
          “มึงอย่าล้อเล่นดิ” ผมถามออกไปเผื่อไอ้แบคมันอาจจะอำผมเล่น
     
          
          “กูไม่ได้ล้อเล่น ชานยอลส่งข้อความมาหากู”
     
     
          “โอ๊ยเรื่องจริงหรอวะเนี่ย แต่เค้กกูซื้อจากร้านมานะเว้ย ยังไม่ได้แกะกล่องเลย”

     
          “.............................” ผมพูดอย่างร้อนรนแต่ไอ้แบคกลับเงียบ

     
          “เงียบทำไมวะ”
     
     
          “ทำไมชานยอลต้องแดกเค้กมึงวะเซฮุน...”    
     
     
          เออนั่นดิ กูซื้อให้ไคนะเว่ย นี่บังอาจแย่งไคกินหรอวะ แต่ฟังเสียงไอ้แบคแล้วน้ำเสียงมันไม่ได้ดูเป็นห่วงเลยนะ หน้ามันเหมือนน้อยใจอะไรบางอย่าง
     
     
          “ช่างเหอะ มันจะแดกอะไรของใครก็เรื่องของมัน ตอนนี้กูกับมึงต้องไปโรงพยาบาล มันส่งข้อความมาอีกว่า ผู้จัดการจื่อเทาน่ะอยากพบมึงกับกูเป็นการส่วนตัว”
     
     
     
          ไอ้แบคพูดจบก็เดินออกจากบ้านไปสตาร์ทรถทันที จนตัวผมนี้ล็อคประตูบ้านวิ่งตามขึ้นรถแทบไม่ทัน เป็นอะไรของมันนะ...






     
    ★ ★ ★ ★ 
     



    ตอนนี้ยาวไปมั้ย ? ไม่ยาวหรอกเนอะ ฮ่าาา
    เดี๋ยวมาแก้คำผิดอีกรอบนะคะ
    บางทีไรเตอร์ก็เบลอๆ ตาลาย @_@
    ใครจะวิจารณ์เรื่องนี้ในทวิตเตอร์ก็
    ติดแท็ก #bbfbbf ได้น้าา

    ขอให้สนุกกับการอ่านค่า :D


     
    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×