ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] ● BOYBAND FANBOY BOYFRIEND ●

    ลำดับตอนที่ #3 : ● BFB ● KAIHUN :: TWO

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 56




     BOYBAND FANBOY BOYFRIEND‏
     
    - TWO -


     
     
     
          ปัง ปัง ปัง ปัง !
     
     
          เสียงเคาะประตูหน้าห้องนอนดังสนั่นราวกับเกิดแผ่นดินไหว ร่างบางที่ยังคงนอนหลับไหลอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นทันที 

     
          อะไรกันแต่เช้าวะเนี่ย ถ้าเดาไม่ผิด มารที่กำลังขัดขวางเวลาการพักผ่อนของผมคงเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่ชายสุดโหด

     
          ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !

     
          คราวนี้เสียงเคาะประตูดังขึ้นกว่าเดิม อะไรของพี่อี้ชิงวะ วันนี้มันวันหยุดไม่ใช่หรือไง จะมาปลุกทำไมแต่เช้า คนกำลังหลับสบาย แล้วถ้าจะทุบประตูดังขนาดนั้น ทำไมพี่ไม่ถีบประตูเข้ามาเลยละคร้าบบบบบ!!

     
     
          ปัง! ผลัวะ!!
     
     
     
          พี่อี้ชิงพังประตูห้องนอนผมเข้ามาจริงๆครับ...
     
     
     
          ทันทีที่พี่ชายย่างกายเข้ามาในห้องก็เดินตรงดิ่งมาที่เตียงของผมทันที ส่วนผมที่ยังไม่ตื่นเต็มตา สติยังไม่ครบก็ได้แต่ทำหน้าเหวอตอนพี่เขาพังประตูห้องเข้ามาแล้ว แถมยังมาแหกปากโวยวายเสียงดังลั่นบ้านอีก....
     
     
          "เซฮุน!! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!! ลุกขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง!!"

     
          "โอ้ยย พี่จะเอะอะเสียงดังโวยวายทำไมแต่เช้าเนี่ย คนจะหลับจะนอน" 

     
          จากที่ยังไม่ตื่นเต็มตา สติยังไม่ครบ พอได้ยินประโยคถัดมาของพี่อี้ชิง ผมแทบจะกระโดดลงจากเตียงเลยครับ
     
     
          “ไอ้ฮุน! เมื่อวานแกเอาลูกรักฉันไปตกระกำลำบากที่ไหนมาห๊ะ! ทำไมสภาพมันถึงได้เป็นแบบนี้!!” 
     


     
          ชิบหาย... ลืมไปเลย ซวยแล้วโอเซฮุน...


     
     
          “พี่อี้ชิงฟังผมอธิบายก่อนนะ อย่าเพิ่งโวยวาย นี่มันยังเช้าอยู่เลยพี่ไม่เกรงใจคนข้างบ้านหรือไงเล่า”

     
          เซฮุนแกล้งทำเป็นบ่นเบี่ยงเบนประเด็นให้พี่ชายรู้สึกผิดนิดๆที่เข้ามาโวยวายเสียงดังแต่เช้า อย่างน้อยถ้าพี่อี้ชิงเสียงเบาลงหน่อยก็ช่วยผ่อนคลายความกลัวลงมานิดนึง ซึ่งตอนนี้ผมฉี่จะแตกอยู่แล้ว
     
     
          “มีอะไรต้องแก้ตัวอีก หลักฐานชัดเจนขนาดนี้!” พี่อี้ชิงเบาเสียงลงตามที่ผมบอกแต่มือก็ยังชูลูกรักอันดับสองขึ้นมาให้ผมกลัวเล่นอีกครั้ง

     
          “จริงๆผมไม่ได้ตั้งใจจะทำกล้องพี่แตกนะ มันเป็นอุบัติเหตุ...”  ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าที่แสนจะสำนึกผิด ทำหน้าหมาหงอยแถมยังส่งสายตาอ้อนวอนไปหาพี่ชาย แบบว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆนะ ;___; 

     
          “อุบัติเหตุอะไรของแก”


     
          นั่นไงเหมือนการแสดงละครของผมจะได้ผลพี่อี้ชิงยอมฟังคำอธิบายจากนักโทษคนนี้แล้ว...

     
     
          "ก็ผมไปดูคอนเสิร์ตวง xoxo มา แล้วพวกสื่อมันบังอะ ผมเลยต้องยืนบนเก้าอี้กับแบคฮยอนมัน คนมันเยอะแล้วก็เบียดกันมากๆผมทรงตัวไม่อยู่เลยตกลงมาจากเก้าอี้ เนี่ย พี่ดูดิแขนยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย" ร่างบางไม่พูดเปล่าเดินไปกอดพี่ชายแล้วยกแขนข้างนึงให้ดู

     
          เจอลูกอ้อนของน้องชายเข้าให้อย่างน้อยก็น่าจะบรรเทาความโกรธเคืองน้องลงบ้างแหละ พี่อี้ชิงหน่ะรักผมจะตายไป...

     
          "ทำไมแกไม่เอาตัวลงแล้วรับกล้องให้ทันวะ ไม่ก็ช่วยให้มันหล่นใส่ตัวแกไม่ใช่พื้นแบบนี้!! ลูกฉันราคาเกือบครึ่งแสนเลยนะเว่ย!"

     
          เพล้ง... ขอถอนคำพูดที่บอกว่าพี่อี้ชิงรักผม สงสัยน้องชายคนนี้คงจะแพงสู้ลูกสุดที่รักของพี่อี้ชิงไม่ได้สินะ ?.?

     
          "โถ่ พี่อี้ชิงไม่ห่วงผมบ้างหรอ" ผมเขย่าแขนพี่ชายตัวเองไปมาพร้อมกระทืบเท้าพอเป็นพิธี ทำตัวอ้อนเป็นเด็กขี้น้อยใจก็ไม่เชิง
     
     
          "แกแพงเท่าลูกฉันหรือเปล่าล่ะ" เห็นกล้องดีกว่าน้องได้ไง...
     
     
          "กล้องพังก็ซื้อใหม่ได้ แต่น้องพังน่ะหาใหม่ไม่ได้นะครับพี่ชาย ฮ่าๆ" ผมพูดพร้อมหัวเราะออกไป...ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครน่ะสำคัญกว่ากัน!! 
     
     
          "ถึงแกจะเลือกซื้อใหม่ได้ ยังไงฉันก็ไม่เลือกแกว่ะ ต่อให้เป็นอย่างสุดท้ายก็ตาม!! อ่อ! แล้วบทลงโทษของแกคือ ฉันจะตัดเงินค่าขนมแกสามเดือน!!"



     
          ประกาศบทลงโทษผมเสร็จพี่อี้ชิงก็สะบัดตัวเดินหนีออกจากห้องผมทันที...

     
     
          ปัง!

     
     
          "พี่อี้ชิงใจร้าย!" ผมตะโกนไล่หลังทันทีที่ประตูปิดลง
     
     
     
          เฮ้อออ เอาไงดีวะเนี่ย โดนตัดเงินเหมือนโดนตัดชีวิต แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อบัตรเข้างานปาร์ตี้วันเกิดไคละ!! เงินเก็บก่อนหน้านี้ก็ไม่พอ แถมโดนตัดเงินค่าขนมน้อยลงอีก โทรไปขอพ่อกับแม่ที่จีนดีไหม แต่ถ้าโทรไปต้องโดนด่าแน่ๆ พี่อี้ชิงต้องฟ้องเรื่องกล้องชัวร์
     
     
          ผมจะไม่เครียดเลยครับ ถ้าตอนนี้พ่อกับแม่อยู่เกาหลี ถ้าท่านอยู่บ้านนะผมอ้อนขอเงินได้สบายเลย แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่นะสิ ไปดูบริษัทเปิดใหม่ที่จีน นานๆจะกลับมาทีเพราะบริษัทยังสร้างไม่เสร็จก็ต้องเทียวไปเทียวมา ท่านเลยตัดสินใจอยู่ที่จีนจนกว่าบริษัทจะพร้อมเปิดแล้วให้เลขาคนสนิทคอยดูแลธุรกิจที่นี้ ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านท่านจะส่งมาให้พี่อี้ชิงบริหารจัดการทั้งหมด ค่าน้ำ ค่าไฟ บลาๆๆ รวมทั้งค่าขนมผมด้วย 

     
          อยากมีงานทำบ้างเวลาใช้ตังค์จะได้ไม่โดนด่าว่าฟุ่มเฟือย...  หืม?
     
     

     
          ทำงานหรอ.....!?
     

     
     
          ใช่!! ทำไมเราไม่ลองหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียนล่ะ!!
     
     
     

     


          ..........................................
     
     
     
     
     
     
     
          "อะไรนะ!? มึงจะหางานพิเศษทำ!?"  

     
     
          ผมมาหาแบคฮยอนที่บ้านแล้วก็เล่าเรื่องที่ผมจะทำงานพิเศษเพราะโดนพี่อี้ชิงตัดเงินค่าขนมให้ฟัง พอผมบอกมันว่าจะทำงานเท่านั้นล่ะครับ แหกปากซะเสียงดัง ปากติดเครื่องขยายเสียงหรือไงวะ...

     
     
          "มึงจะแหกปากทำไมเนี่ย"
     
          
          "เหอะๆ ไม่รู้เหมือนกันวะ มันชิน"
     
     
          แบคฮยอนเกาหัวตัวเองไปมา ทำท่าทางน่ารักเชียวนะมึง แต่ก็งั้นๆแหละยังไงกูก็หล่อและน่ารักกว่าอยู่ดี... คึคึ
     
     
          "แล้วนี่มึงเป็นอะไร ยิ้มกับไอโฟนอยู่ได้" 
     
     
          ผมสังเกตมาสักพักละครับ มันเอาแต่จ้องไอโฟนแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับคนบ้า มีอะไรให้น่าสนใจขนาดนั้นวะ
     
     
          "กูเขิน กูอารมณ์ดี" ผมว่าสติมันไม่ค่อยดีแล้วล่ะ หรือว่าเมื่อวานเจอชานยอลระยะประชิดเข้าไปถึงกับสติกลับ?
     
     
          "เขินอะไรวะ ไหนให้กูดูบ้างดิ" พูดจบผมก็แย่งไอโฟนจากมือมันมา แต่ไอ้แบคกลับไวกว่าผม มันดึงไอโฟนคืนแล้ววิ่งไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง โห่... เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนกับฝูง
     
     
          "เชี่ยฮุน มึงจะขโมยไอโฟนกูหรอ!!"
     
     
          อื้อหือ คิดมาได้ ปัญญาอ่อนสัส ดูความคิดมันสิครับ...ถ้ากูจะทำแบบนั้นกูไม่ขโมยให้มึงเห็นหรอก ฟาย ของกูก็มีป้ะ!!...
     
     
          "ขโมยพ่อง กูแค่อยากรู้มึงเขินอะไรนักหนา"
     
     
          ผมได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้มัน ถ้าไม่บอกมึงกับกูจบกันแน่! เอ่อะ.. หมายถึงความเป็นเพื่อนน่ะครับ
     
     
          "กะ... กู..."
     
     
          เสือ-กติดอ่างอีก
     
     
          "มึงทำไม"
     
     
          "กู... เขิน" เออกูรู้แล้วครับว่ามึงเขิน แต่มึงเขินอะไรละครับ
     
     
          "เขินไรมึงก็รีบพูดดิ่" ไอ้แบคอย่ามาลีลา ต่อมเผือกกูกระตุกโคตรๆแล้วเนี่ย
     
     
          "ชานยอล"
     
     
          "ชานยอล? ชานยอลทำไม?" ผมทวนชื่ออีกรอบ ชานยอลไปทำอะไรให้มันเขิน ปกติมันก็เพ้อก็เขินชานยอลตามประสาของมันอยู่แล้วไม่ใช่หรอวะ วันนี้แปลก เขินไรของมันนักหนา....


     
     
          "เออ! ชานยอลตอบคาคาโอกู เลิกถามได้ยัง กูเขินจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย!!"
     

     
     
          !!!
     

     
     
          ชานยอลตอบคาคาโอมัน!! อะไรวะ!! เป็นไปได้ไง!!! 
     

     
          ชานยอลแม่-งเฟรนลี่ไปหรือเปล่า ปกติเค้าคุยกับแฟนคลับผ่านคาคาโอกันแล้วหรอ ?.? แล้วทำไมไคไม่เห็นตอบคาคาโอผมบ้างเลย สองมาตรฐานชัดๆ!!
     
     
          "โคตรอิจฉาเลยวะ" พูดออกไปตามความรู้สึกจริงๆครับ ก็ผมอิจฉามันจริงๆนิ หรือเป็นคุณ คุณจะไม่อิจฉาหรอ?
     
     
          "อ้าว แล้วไคมึงอะไม่ได้คุยกันหรือไง?"
     


     
          "....................."


     
     
     
          ใครใช้ให้มึงมาถามกูกลับครับ....
     
     
          "คุย แต่เค้าไม่ตอบกู ช่างแม่-งเหอะ แต่อย่างน้อยเค้าก็ใช้รูปที่กูส่งให้ขึ้นดิสทวิตนะเว่ย!" ถึงจะไม่ตอบ แต่กูก็ฟินเรื่องรูปวะ!! ฮ่าๆ
     
     
          "เหยดดดด จริงอ่ะ กูยังไม่ได้เข้าไปดูเลย ไคแม่-งหยิ่งว่ะ อ่านแล้วแต่ไม่ตอบเนี่ย"
     
     
          "สัส อย่ามาว่าไคกูนะเว่ย เค้าอาจจะมีเหตุผลที่จะไม่ตอบกูก็ได้" เชี่ยแบคทำไมชอบแซะเมนกูจัง
     
     
          "เออๆ ช่างไคมึงเหอะ แล้วนี่มึงคิดยังว่าจะไปหางานพิเศษอะไร ที่ไหนทำ?"
     
     
          เออวะ มัวแต่จับผิดแบคฮยอนผมลืมจุดประสงค์ที่มาหามันวันนี้ไปสนิทเลย
     
     
          "กูยังไม่รู้เลย" นั่นสิจะทำงานไรดีที่ไม่ต้องเหนื่อยมาก แต่ได้เงินดี... 
     
     
          "เอ้อ!! กูเห็นร้านเบเกอรี่ร้านนึงเปิดรับสมัครพนักงานอยู่ ชื่อร้าน Teddy Bakery อะไรนี่แหละ  มึงลองไปดูดิเห็นบอกร้านนี้เงินดี แล้วอีกอย่างอยู่ใกล้บริษัทพวก xoxo ด้วยนะเว่ย"
     

     
          แค่ได้ยินว่าร้านนี้อยู่ใกล้บริษัทของ xoxo ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วล่ะครับ ผมจัดการลากแบคฮยอนออกจากบ้านเพื่อให้มันพาผมไปสมัครงานทันที

     
          "กรอกประวัติตรงนี้นะ ไปนั่งเขียนใบสมัครมุมโน้นก็ได้ เสร็จแล้วก็เอามาให้พี่" พี่เจ้าของร้านยื่นใบสมัครพร้อมส่งยิ้มมาให้ผมอย่างเป็นมิตร โห่ เจอเจ้าของร้านใจดีแบบนี้มันเยี่ยมสุดๆไปเลยครับ อยากทำงานขึ้นมาเยอะ!
     
     
          ผมกับแบคฮยอนเดินมานั่งตรงมุมที่ไม่ค่อยมีลูกค้า บรรยากาศดีมากครับ ในร้านตกแต่งสไตล์เรียบๆสีขาวสลับน้ำตาล เฟอร์นิเจอร์ในร้านทั้งหมดเป็นโซฟาสีน้ำตาลตัดกับผนังสีขาว ดูแล้วผ่อนคลายมากๆ มีตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ตกแต่งทั่วร้าน ชั้นวางหนังสือมีนิตยาสารให้อ่านเล่น บนผนังยังมีกรอบรูปหลายขนาดที่ข้างในเป็นรูปเค้กและขนมหลายชนิด...

     
          ส่วนมากลูกค้าที่เข้ามาในร้านก็จะเป็นรุ่นเดียวกับผม แต่ดูแล้วท่าทางจะเป็นพวกคุณหนูไฮโซซะมากกว่า....
     
     
          ผมละความสนใจจากบรรยากาศภายในร้านแล้วมาเขียนใบสมัครต่อ
     
     
     
          "ป๊ากูไม่ให้ทำงานว่ะ" ไอ้แบคพูดขึ้นหลังจากที่เดินออกไปคุยกับป๊ามัน สงสัยจะบอกเรื่องทำงานพิเศษนี้แหละ
     
     
          "ทำไมวะ?"

     
          "ไม่รู้เหมือนกัน เค้าบอกว่าเป็นห่วงกู นี่กูก็โตแล้วนะเว่ยไม่ใช่เด็กๆ เซ็งเลยว่ะ" ท่าทางมันอยากจะทำงานจริงๆครับ ดูมันพูดซะเสียงหงอยเชียว ก็แหงแหละร้านใกล้กับบริษัทว่าที่แฟนมันนิ
     
     
          "เอาหน่า ป๊ามึงคงรักมึงมาก เค้าเป็นห่วงมึง เค้าหวังดีกับมึงนะเว่ย แล้วอีกอย่างบ้านมึงรวยอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องมาทำงานให้เหนื่อยเลย"
     
     
          ผมพูดปลอบใจมัน ก็ดูมันทำหน้าสิครับเหมือนหมาโดนยาเบื่อก็ไม่ปาน 
     
     
          "แหมไอ้ฮุน บ้านมึงก็รวยมึงยังทำได้เลย"


     
          เกี่ยวอะไรกับกูวะเนี่ย
     
     
          "บ้านกูรวยแต่งกทั้งบ้านน่ะสิ!! มึงเข้าใจฟีลพ่อเป็นคนจีนใช่มะ? ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เอาเงินมาใช้เรื่องไร้สาระแบบนี้ไม่ได้หรอกครับมึง"
     
     
          ใช่ครับบ้านผมก็ไม่ได้ยากจนอะไรแต่การที่มีคนจีนอยู่ในบ้านทำให้ถูกปลูกฝังนิสัยประหยัดมัธยัสถ์ตั้งแต่เด็กๆ อยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง แต่ก็ใช่ว่าพ่อกับแม่ผมจะไม่ซื้ออะไรให้เลยนะ ถ้าทำตัวดีอ้อนนิดๆหน่อยๆก็ได้แล้ว

     
          "ช่างแม่-ง มึงทำหลังเลิกเรียนใช่ป้ะ เดี๋ยวกูมานั่งเล่นรอที่ร้านมึงก็ได้"
     
     
          "แน่ใจหรือว่ามารอกูอะ" ผมไม่เชื่อมันหรอกครับว่าเลือดรักเพื่อนของมันจะสูงขนาดยอมเสียเวลามานั่งรอผมทำงาน....
     
     
          "แฮ่~ ก็รอมึงด้วย แล้วก็รอชานยอลด้วย เผื่อเค้าจะแวะเข้ามาหรือเดินผ่านแถวนี้ ฮ่าๆ"
     
     
          ว่าละ... หน้าอย่างมันจะมานั่งรอผมทำงาน ผมใช้เท้าถีบมันไปทีหนึ่งอย่างนึกหมั่นไส้ ก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตากรอกใบสมัคร 
     
     
     
          เขียนใบสมัครเสร็จผมก็เดินไปหาพี่เจ้าของร้านพร้อมยื่นใบสมัครให้

     
          "เสร็จแล้วครับ" สรุปแล้วผมต้องทำงานคนเดียวสินะ

     
          "อ่า เรียบร้อยแล้วใช่ไหม สะดวกเริ่มทำงานวันไหนล่ะเรา"
     
     
          "จริงๆตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมก็ว่างทุกวันครับ จะให้ผมเริ่มพรุ่งนี้เลยก็ยังได้" อยากทำงานเร็วๆครับอยากได้เงินนนน
     
     
          "งั้นดีเลย เพราะพนักงานร้านพี่เพิ่งลาออกไปสองคน งั้นพรุ่งนี้เราเริ่มงานเลยนะ เป็นพวกเซอร์วิสคอยบริการเสิร์ฟอยู่ข้างล่างก่อนละกัน แล้วถ้าวันไหนว่างๆพี่จะสอนทำขนมชงกาแฟ เผื่อเราจะได้มาอยู่บนบาร์แทนพี่ตอนที่พี่ไม่อยู่ อ่อเราชื่อเซฮุนใช่มั้ย"
     
     
          "ครับ"
     
     
          "พี่ชื่อซึงอานะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันจ๊ะ"
     
     
          "ครับ ขอบคุณพี่ซึงอามากครับ ผมฝากตัวด้วยนะครับ"

     
          พี่เค้าใจดีจัง จะสอนผมทำขนมกับชงกาแฟด้วย ตื่นเต้นนะเนี่ย ผมพูดคุยทำความรู้จักกับพี่เจ้าของร้านอีกนิดหน่อย พี่เค้าก็บอกรายละเอียดในร้านบ้างเล็กๆน้อยๆ สักพักผมก็ขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะป๊าแบคฮยอนโทรตามแล้ว....
     
     




     
     
          ร่างบางแยกกับแบคฮยอนที่หน้าบ้านหลังจากที่อาสาจะมาส่งที่บ้าน... 
     
     
          ผมกลับเข้าบ้านมาก็นึกสงสัยทำไมบ้านถึงเงียบผิดปกติ ไฟในบ้านก็ไม่เปิด พี่อี้ชิงไม่อยู่หรอ? แต่ปกติเวลาไปทำข่าวที่ไหนพี่เขาก็จะบอกผมก่อนเสมอนะ แต่ทำไมวันนี้ไม่โทรบอก แปลกแหะ...
     
     
          ผมเดินหาสวิตซ์ไฟตามแนวกำแพงบ้าน อะ! นี่ไงเจอแล้ว แสงจากหลอดไฟค่อยๆสว่างทั่วบ้าน หลังจากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบๆเพื่อดูให้แน่ชัดว่าพี่ชายไม่อยู่บ้านจริงๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับโพสอิทสองอันแปะอยู่หน้าทีวี ดูลายมือแว่บเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของใคร จะใครที่ไหนละถ้าไม่ใช่พี่อี้ชิง…
     
     
          'เซฮุนทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไปวะ ติดต่อไม่ได้เว้ย! มีข่าวให้ทำด่วนเลยไม่ได้บอกแกก่อน วันนี้กลับดึกไม่ต้องรอ โอเคนะ'
     
     
          เซฮุนยืนยิ้มกับข้อความที่เขียนไว้ของพี่ชายตัวเอง แต่ก็ต้องยิ้มกว้างกว่าครั้งแรกเมื่ออ่านโพสอิทอันที่สองที่อี้ชิงแปะไว้

     
          อ่อ เมื่อกี้ลืมเขียนล็อคบ้านดีๆนะเว้ยเดี๋ยวฉันไขเข้าบ้านเอง แล้วก็กับข้าวฉันกินเหลืออยู่ในตู้เย็น เวฟกินซะ!! เสียดายของ!!!'
     
     
          พี่อี้ชิงนะ จะทำซึ้งกับน้องหน่อยก็ไม่ได้ ทำมาเป็นบอกว่ากินข้าวเหลือ แหม จริงๆทำไว้ให้ก็บอกมาเหอะ แค่พูดว่าเป็นห่วงน้องอ่ะมันยากตรงไหน!

     
     
          ผมเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบข้าวที่พี่ชายทำไว้ให้เวฟกิน พร้อมกับมือข้างนึงที่ถือไอโฟน เลื่อนดูไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ หืมม? วันนี้ xoxo มีงานหรอ มัวแต่ยุ่งกับการสมัครงานเลยไม่มีเวลาตามข่าวเลย แถมยังลืมไอโฟนไว้ที่บ้านอีก มิน่าละพี่อี้ชิงถึงติดต่อผมไม่ได้ พรุ่งนี้ค่อยมาอัพข่าวให้แล้วกัน...

     
          ใช้เวลาไม่นานเซฮุนก็ทานข้าวเสร็จ ร่างบางเอาจานไปล้างก่อนที่จะขึ้นห้องก็ไม่ลืมที่จะล็อคประตูบ้านชั้นล่างให้เรียบร้อยตามที่อี้ชิงฝากข้อความไว้
     
     
     
          เซฮุนเดินขึ้นมาชั้นบน วางกระเป๋าจัดการกับตัวเองชำระร่างกายอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย ทาแป้งเด็กที่มีกลิ่นหอมอย่างที่ตัวเองชอบทำเป็นประจำ... ปิดไฟในห้องให้เหลือเพียงแค่แสงสว่างจากโคมไฟบนหัวเตียง ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม มือเรียวหยิบไอโฟนกดพิมพ์ข้อความอยู่นาน พิมพ์ๆลบๆอยู่อย่างนั้น พอพิมพ์เสร็จก็ไม่กล้าส่ง แต่สุดท้ายก็สู้เสียงเรียกร้องในใจไม่ไหวอีกครั้ง... 
     
     
          ‘(วันนี้ไปสมัครงานมาด้วยล่ะ ร้านเบเกอรี่ใกล้ๆบริษัทไคเลย จะตั้งใจทำงานเพื่อจะได้เจอไคในปาร์ตี้วันเกิดนะ คืนนี้ฝันดีครับ)’
     
     
          ข้อความที่พิมพ์ไว้ได้ส่งไปแล้วผ่านทางแอพพลิเคชั่นแชทยอดนิยม... ไคจะตอบผมไหมนะ...
     
     
          ร่างบางนอนจ้องไอโฟนไม่วางตา ตอนนี้ข้อความขึ้นว่าอีกคนได้อ่านแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะตอบกลับมาเลย ดวงตาที่หนักอึ้งตอนนี้พยายามที่จะลืมแค่ไหนก็ไม่เป็นผลสำเร็จ...ในที่สุดก็เลยต้องยอมปล่อยให้ความง่วงพาเขาเข้าสู่นิทรา...
     


     
     
     
          ..........................................





     
     
          แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านทางผ้าม่านเข้ามาทำให้ร่างบางที่หลับอยู่ค่อยๆปรือตาลืมขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำเช่นทุกวันคือการลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว...แต่วันนี้กลับไม่ใช่ มือเรียวหยิบไอโฟนบนหัวเตียงมาดูเผื่อว่าจะมีข้อความจากไคตอบกลับมาบ้าง ผลก็คือ.....
     
     
     
          .......ไม่มี.......
     
     
     
          แค่เค้าอ่านข้อความก็ดีเท่าไหร่แล้ว ใครจะมาว่างตอบแฟนคลับทั้งวันล่ะ ช่างเถอะอาบน้ำไปมหาลัยดีกว่า มัวแต่มาคิดอะไรไร้สาระอยู่ได้...
     
          เซฮุนสะบัดหัวไปมาไล่ความฟุ้งซ่านออกไป ก่อนที่จะลุกจากเตียงนอนเพื่อไปอาบน้ำให้เรียบร้อย  

     
          ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเซฮุนก็ออกจากห้องนอนเดินลงมาชั้นล่าง

     
          “พี่อี้ชิง วันนี้ทำอาหารเช้าอะไรให้ผมกินอะ” ร่างบางตะโกนถามออกมาทั้งที่ตัวเองยังเดินไม่ถึงห้องครัวเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อมาถึงกลับไม่พบพี่ชายตัวเอง ตู้กับข้าวก็ไม่มีอาหารเช้าอย่างเช่นทุกวัน

     
          เมื่อคืนพี่อี้ชิงไม่กลับบ้านหรอ?
     
     
          เมื่อเรียวหยิบไอโฟนกดโทรออกหาพี่ชายทันทีที่คิดได้ 
     
     
          ‘ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
     

     
          อ้าว...ทำไมปิดเครื่องล่ะ
     
     
          ‘วันนี้ผมกลับดึกนะ ทำงานพิเศษที่ร้านเบเกอรี่’ เซฮุนกดส่งข้อความไป ในใจก็นึกเป็นห่วงพี่ชายอยู่ไม่น้อย... ผมสองคนพี่น้องแสดงความรักให้กันไม่ค่อยเก่งหรอกครับ จะให้พิมพ์ข้อความซึ้งๆแบบเป็นห่วงมันก็เขินๆน่ะ อย่างน้อยถ้าพี่เค้าปลอดภัยหรือสบายดีเปิดเครื่องมาเจอข้อความผมเดี๋ยวเค้าก็โทรหาผมเองแหละเนอะ
     
     
     
     
     
          ..........................................
     
     
     
     
     
     
          “เฮ้ยไอ้ฮุน วันนี้ไปที่ร้านคนเดียวได้ป้ะวะ กูต้องไปทำธุระกับป๊าอะ เดี๋ยวใกล้ปิดร้านแล้วกูจะไปรอมึงนะ” ไอ้แบคพูดขึ้นระหว่างที่ผมกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปทำงาน
     
     
          “ใกล้ปิดร้านมึงจะมาทำไมวะ ไม่ต้องมารอก็ได้กูกลับคนเดียวได้” ผมพูดห้ามมันที่จะมารอผมตอนปิดร้าน มึงจะมาทำไมให้เสียเวลาวะครับ
     
     
          “ไม่เอาอะ เผื่อกูฟลุ๊คได้เจอ xoxo มากินขนมร้านที่มึงทำงาน ฮ่าๆ”

     
          นี่คือจุดประสงค์มึงสินะ แรดจริงๆเพื่อนกู
     
     
          “เออๆ แล้วแต่มึงละกัน งั้นแยกกันตรงนี้แล้วกันนะ เจอกันเว้ย” พูดจบผมก็แยกกับแบคฮยอนหน้ามหาลัยเพื่อมุ่งหน้าไปร้านเบเกอรี่ทันที
     
     
     
     
     
    ..........................................
     
     
     
     
     
     
          “เอ่อ... สวัสดีครับ ผมมาทำงานแล้วครับ” ผมเดินไปหาพี่ซึงอาเจ้าของร้านที่วุ่นอยู่กับการแต่งหน้าเค้ก... โห น่ากินจัง...
     
     
          “อ้าวเซฮุนมาแล้วหรอ มีงานให้ทำพอดีเลย วันนี้พี่เพิ่งคิดสูตรคัพเค้กใหม่น่ะ อยากให้เซฮุนช่วยโปรโมทหน่อย”
     
     
          นั่นไงงานเข้าเลยครับวันแรก...ให้โปรโมทยังไงละเนี่ย 
     
     
          “โปรโมทยังไงหรอครับ” พี่เจ้าของร้านไม่ตอบคำถามผมแต่กลับเดินไปหลังร้านหยิบชุดตุ๊กตาคัพเค้กคล้ายๆกับตุ๊กตามาสคอตที่ให้คนใส่เอาไว้โชวงานต่างๆ หรือง่ายๆเคยไปสวนสนุกกันมั้ยครับ มันจะมีคนใส่ชุดตุ๊กตาพวกการ์ตูนดิสนี่มาเล่นกับเด็ก แล้วอันนี้มันก็ไม่ต่างกันเท่าไรแต่ตัวที่พี่ซึงอาหยิบมาให้ผมมันเป็นชุดคัพเค้ก ท่อนล่างเป็นคัพเค้กครับส่วนตรงหัวด้านบนเป็นหัวสตรอว์เบอร์รี่ 

     
          เอ่อะ...จะให้ผมแต่งเป็นคัพเค้กหน้าสตรอว์เบอร์รี่หรอ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น...
     
     
          “เซฮุนก็แค่ใส่ชุดนี้นะ แล้วถือคัพเค้กที่พี่ทำไปแจกหน้าร้าน ง่ายนิดเดียวเองทำได้มั้ยจ๊ะ?”
     
     
          โห พี่ก็ถามมาได้ผมมีทางเลือกมั้ยละคร้าบบบบ

     
          ผมจัดการยัดตัวลงในชุดคัพเค้กนี้ โอ๊ยถ้ามันจะใหญ่แล้วเดินลำบากขนาดนี้นะ ถือถาดคัพเค้กด้วยแบบนี้ มีหวังสะดุดหกหมดกันพอดี ผมจะรอดมั้ยเนี่ย...นี่ขนาดยังไม่ได้ใส่หัวสตรอว์เบอร์รี่ด้านบนนะ โชคดีหน่อยที่หัวสตรอว์เบอร์รี่เป็นแบบใส่คลุมทั้งหัวจะได้ไม่มีใครจำได้ แต่จะมองทางลำบากหน่อยก็เท่านั้นเอง เพราะช่องที่มองทางมันเล็กเกินไปนี่สิ...
     
     
          ผมถือถาดคัพเค้กออกมานอกร้าน... จะแจกให้ชิมยังไง เริ่มแจกใครก่อนดีวะ...
     
     
     
          “คุณเค้กตัวโต!! คยองซูอยากกินอันนี้อ่ะ ที่คุณเค้กถืออยู่ คยองซูกินได้ไหมฮับ” เสียงเล็กดังขึ้นพร้อมกับดึงชุดผมยิกๆ เด็กที่ไหนเนี่ย!! ทำไมน่ารักจัง!! แก้มป่องๆ ตากลมโต ยิ้มแล้วปากยังเป็นรูปหัวใจอีก!!

     
          ผมย่อตัวลงยื่นถาดคัพเค้กให้เด็กน้อยที่ชื่อคยองซู มือเล็กหยิบขนมแล้วยิ้มกว้างทันที ... น่ารักมากครับ แก้มแดงๆยุ้ยๆนั่นน่าหยิกจัง!!
     
     
          “คุณเค้กใจดีจัง คยองซูแบ่งให้นะ เดี๋ยวคยองซูป้อน”  พูดเสร็จก็ทำท่าจะป้อนเค้กเข้าปากผม...

     
          ‘พี่กินไม่ได้’ แต่เอ่อะ...ชุดนี้เค้าไม่ได้เจาะตรงส่วนปากนะครับ เค้ามีรูให้เห็นแค่ตาเท่านั้น มันก็เลยทำให้ผมคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าให้กับเด็กน้อยเพื่อบอกว่าผมกินไม่ได้

     
          “คุณเค้กมีปากแต่พูดไม่ได้หรอฮับ!! หว่า~ น่าสงสารจัง แล้วจะเรียกให้คนอื่นมากินขนมยังไงละ... เอ้? อ๋อ! คยองซูนึกออกแล้วให้คยองซูช่วยมั้ยฮับ!! นะ ให้คยองซูช่วยคุณเค้กนะฮับ!”
     
     
          โอ๊ย เด็กน้อย ผมอยากจะกระโดดหอมแก้มสักทีสองที ผมรีบพยักหน้ารัวๆ เหมือนคยองซูจะเข้าใจ เสียงเล็กๆนั่นเริ่มตะโกนเรียกให้คนมาชิมคัพเค้ก ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาทักทายเด็กน้อยน่ารักคนนี้...
     
     
          “พี่สาวฮับ กินขนมของคุณเค้กมั้ยฮับอร่อยมากๆเลยน้า คยองซูลองชิมแล้ว คุณน้าก็ด้วย มาช่วยกินขนมนะฮับ คุณเค้กใจดีมากๆเลย”
     
     
          เสียงเล็กเอ่ยเจื่อยแจ่วทำหน้าที่ผู้ช่วยได้อย่างดีและดูเหมือนเขาจะสนุกกับงานครั้งนี้ไม่น้อย ทำเอาผมเพลินไปด้วยเลย ถึงกับลืมว่าชุดเค้กนี้ร้อนแค่ไหน
     
     
          เมื่อเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงคัพเค้กยี่สิบถาดก็ถูกแจกไปจนหมด ผมจะตอบแทนเด็กน้อยคนนี้ยังไงดีล่ะเนี่ย
     
     
          “คุณเค้กตัวโตร้อนไหมฮับ” เสียงเล็กถามขึ้น ผมส่ายหน้าไปมา เด็กอะไรเนี่ยช่วยทำงานแล้วยังจะรู้จักเป็นห่วงคนอื่นอีก พ่อแม่เป็นใครอยากเห็นหน้าที่สุด!!
     
     
          “คยองซู! หนีพี่มาร้านขนมอีกแล้วนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาเด็กน้อยคยองซูต้องมายืนหลบอยู่หลังผมทันที สงสัยจะหนีพี่ชายมาเที่ยวสินะ 
     
     
          แต่เสียงพี่ชายนี่คุ้นๆนะ ผมว่าผมเคยได้ยินที่ไหน ผมอยากลืมตาดูเหลือเกินหากแต่เหงื่อทีผุดขึ้นเต็มใบหน้าดันไหลเข้าตาผม อ่า แสบชะมัดเลย
     
     
          “คยองซูป่าวนะ คยองซูมาช่วยคุณเค้กขายขนมต่างหาก” เด็กน้อยยังคงเถียงอยู่ด้านหลังผม
     
     
          “เถียงพี่หรอ กลับบ้านไปเดี๋ยวให้มะหมาของพี่กัดทำโทษคยองซูเลยนะ” เอิ่ม..คุณครับไปพูดแบบนั้นกับเด็ก เด็กก็กลัวแย่นะสิ
     
     
          “ไม่เอา คยองซูไม่ชอบมะหมา มะหมาตัวดำน่ากลัว!!”
     
     
          “ถ้ากลัวก็มาหาพี่สิครับ ถ้าดื้อโดนแน่ๆ” เหมือนพี่ชายคยองซูยังคงขู่ต่อไป คยองซูก็เหมือนจะเริ่มร้องไห้แล้วด้วย นี่มันแกล้งเด็กนี่หว่า โอ๊ยแสบตาโว้ย!! ผมทนไม่ไหวแล้วครับจัดการถอดหัวของชุดนี้ออก  
     

     
          เฮ้อออ ค่อยยังชั่ว...

     
     
          “คุณเค้กแปลงร่าง!! คุณเค้กถอดหัวได้ด้วย!!” คยองซูตะโกนออกมา ทำให้ผมหันหลังกลับไปอุ้มเค้าขึ้นมาก่อนที่จะหันหน้ามาทางพี่ชายของเค้า
     


     
     
          “เฮ้ย!”  
     
     



     
     
          ช็อคครับ...................
     


     
     
     
          บอกทีนี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย
     


     
     
          “คุณเค้กตกใจอะไรฮับ กลัวพี่ไคหรอ จริงๆพี่ไคใจดีน้า คุณเค้กกลัวโดนพี่ไคตีหรอกฮับ”
     
     
          “.............................”  ใบ้รับประทานครับ ผมก็ว่าทำไมเสียงพี่ชายคยองซูมันคุ้นหูมากๆ ก็มันเป็นเสียงของไค...
     
     
          “พูดมากนะเรากลับบ้านกันเดี๋ยวพี่ไปส่ง ห้ามดื้อด้วย เข้าใจมั้ย?” คยองซูพยักรับแล้วอ้าแขนออกจะให้ไคอุ้ม 
     
     
          ไคเดินเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับโน้มหน้ามาจ้องเด็กน้อยที่ผมอุ้มอยู่...
     
     
          ช่วยผมด้วยครับหัวใจจะวายตายแล้ว
     
     
          “ไปก็ได้ฮับ ไปก่อนนะคุณเค้ก จุ๊บ!” คยองซูพูดอย่างว่าง่ายก่อนที่จะขโมยจุ๊บแก้มผม ถ้าบอกว่าเขินเด็กนะแปลกมั้ยครับ -//////- 
     
     
          “ขอ”  หืม? อะไรของไคอยู่ดีๆก็พูดมาคำเดียวว่า ขอ ผมเลยได้แต่ทำหน้างงใส่ เหมือนเค้าจะเข้าใจ ไคเลยมองไปที่คยองซูซึ่งตอนนี้ผมอุ้มอยู่ เอ่อ...เข้าใจละครับขอคยองซู แต่จะพูดให้มันเป็นประโยคและเข้าใจง่ายกว่านี้หน่อยไม่ได้ไงเล่า ทีกับคยองซูนะพูดเอาๆ!! 

     
          ผมส่งคยองซูไปให้เค้า ไคเอื้อมมือมารับเจ้าตัวเล็กพร้อมกับอุ้มคยองซูให้นั่งที่คอของเขาแล้วหันหลังกลับเดินออกไปทันที  
     
     
          "บ๊ายบายฮับคุณเค้ก แล้วเจอกันใหม่น้า~"
     
     



     
     
          ถ้าจะบอกว่าอิจฉาเด็กนี่ผิดมั้ยครับ............


     
     

     



     
    ★ ★ ★ ★ 

     

    ตอนที่สองมาแล้วววว >.<
    เป็นไงบ้างคะ น้องคยองซูของเราน่ารักมั้ย? 
    ฮ่าๆ
    ตอนแรกมีบางคนคิดว่าเป็นดราม่าไคฮุนโด้
    ไม่ใช่น้าาาา น้องคยองจะมาเป็นกามเทพตัวน้อย 
    o(^ヮ^)o 


     

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×