ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Legender

    ลำดับตอนที่ #3 : Unforgetable Past

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 57


    ซ่าา!!

                    เสียงฝนตกดังขึ้นเรื่อย พอๆ กันกับอารมณ์ความโกรธ ความโมโห และความเศร้าโศกเสียใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว หลุดปากพูดพลางน้ำตาไหลออกไป

    จะไปไหนก็ไปเลยไป ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ฉันเกลียดนายที่สุด

                    หลังจากที่พูดคำนั้นไปนานพอสมควร ฝนก็เริ่มอ่อนกำลังลง เด็กผู้หญิงคนนั้นจึงเริ่มได้สติ ว่าตัวเองได้พูดแรงเกินไปอย่างไร้เหตุผลเนื่องมาจากความไม่มีสติจากการควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้

                    เด็กผู้หญิงคนนั้นคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะไปขอโทษเด็กผู้ชายคนนั้นที่พูดแรงเกินไป แต่ก็ดูท่าว่าจะสายเกินไปซะแล้ว เด็กผู้ชายซึ่งเป็นนักเดินทางพเนจรได้ออกจากหมู่บ้านไปตั้งแต่เมื่อคืน ไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับคำว่าขอโทษ หรือแม้แต่คำให้อภัย

    อยากจะขอโทษเค้า อยากจะให้เค้าเข้าใจและให้อภัยเรา อยากมาตลอด ตลอด

    จิ๊บๆๆ

    เสียงนกร้อง เป็นการปลุกให้ตื่น ให้รู้ว่าตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นไปนานแค่ไหนแล้ว

                    ฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางแปลงดอกไม้หลากสีสัน ช่างเป็นช่วงเวลาตอนเช้าที่น่าอภิรมย์ อากาศแจ่มใส สามารถสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าได้จนเต็มปอด กลิ่นหอมจากน้ำหวานของดอกไม้ช่างน่าคุ้นเคย เหมือนอยู่ในหมู่บ้านเลย

                    ฉันเอาผ้าห่มออกจากตัว พับเก็บอย่างมีระเบียบ หยิบหนังสือไดอารี่ที่วางไว้ข้างลำตัว และรีบวิ่งไปหาคนอื่น เผื่อจะได้ไปปลุกพวกผู้ชายขี้เซา แต่ว่าที่นี่ ที่ไหนแล้วนะ เหมือนจะไม่เห็นโขดหินแล้ว เราเดินทางออกมาจากบริเวณนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

    กะ...ก็หลับอยู่นี่นาช่างเถอะ รีบไปหาคนอื่นดีกว่า

                    ฉันรีบวิ่งไปหาคนอื่นๆ และหัวเราะไปพลางๆ เมื่อวิ่งไปซักพักก็เห็นเต็นท์กางอยู่เต็มไปหมดตลอดทางตามแนวยาวของแม่น้ำ

    บรรยากาศดีมั้ยล่ะ??”

    เสียงแรกของยามเช้าเป็นเสียงของผู้ชายผมเงินที่คุ้นเคย

    จะแจ๊ค คนอื่นล่ะ??”

                    “เห็นหัวฉันอยู่ตรงนี้แต่กลับถามถึงคนอื่นเนี่ยนะ ไม่เจอหน้ากันมาตั้ง 30 ปี หัดถามว่า สบายดีมั้ย อะไรแบบคนทั่วไปไม่เป็นรึไงกัน

                    ฮึ่มมม ไม่น่าเลย ไม่น่ามาเจอกับหมอนี่ตั้งแต่เช้าเลยจริงๆ หมดกันบรรยากาศอันแสนสวยงามของฉัน ออกซิเจนแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อเจอหน้าหมอนี่

                    “…แล้ว สะสบายดีมั้ยล่ะ?”

    ฉันฝืนถามพร้อมๆ กับฝืนยิ้ม

    ความจริงใจน่ะ มีมั้ย ฮึ? จะว่าไป เธอไว้ผมทรงใหม่นี่ ก็น่ารักดีนะ แถมความประหลาดยังเพิ่มพูนขึ้นอีกด้วย

    แจ๊คหลี่ตาเล็กน้อย ยิ้มในเชิงเยาะเย้ย พร้อมกับหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาพาดไว้ที่ไหล่

    ตาบ้า ไม่คุยด้วยแล้ว ชอบทำให้โมโหอยู่เรื่อย

                    ฉันรีบหยิบหูฟังขึ้นมาปิดหู เพราะเดี๋ยวจะได้ยินอะไรที่กระตุ้นต่อมโทสะไปมากกว่านี้ และรีบวิ่งไปดูว่าคนอื่นทำอะไรกันอยู่บ้าง

    เฮ้ ทำเป็นเมินกันเรอะ หัดสนใจฉันแบบที่สนใจคนอื่นมั่งสิ

                    แจ๊ควิ่งมาจับแขนขวาของฉันและดึงตัวฉันเข้ามาใกล้ ฉันยกหนังสือขึ้นฟาดไปเต็มหน้าของแจ๊คทันที เมื่อมือที่จับแขนฉันไว้คลายออก ฉันก็รีบวิ่งไปหาคนอื่นทันที

                    “อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้ฉากแบบเมื่อกี้มันอะไรกัน ติดละครทีวีมารึไง แล้วทำไมฉันต้องสนใจนายด้วย น่าขยะแขยง

                    ฉันหันหลังตะโกนกลับไป พร้อมกับแลบลิ้นใส่ แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็สะดุดกับอะไรซักอย่างแข็งๆ น้ำแข็ง?? ฝีมือแจ๊คสินะ

                    “ฮึ่ยย คิดว่าฉันใช้เวทย์มนต์ไม่เป็นหรือไง ฉันเป็นบรรณารักษ์เชียวนะ หนังสือทั้งหมดของหอสมุดก็อ่านจนครบทุกเล่ม คาถามีให้ฉันใช้เป็นร้อยๆ อัลติเมซุส ทรันกาซัส

                    หญ้าที่อยู่ใต้เท้าเลื้อยขึ้นมาพันรัดรอบขาของแจ๊ค แจ๊คควงกิ่งไม้ และกระแทกลงบนพื้นดิน วงเวทย์น้ำแข็งแผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง หญ้าและพื้นดินทั้งหมดในบริเวณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว

                    “ฉันสะบัดไม้เท้าทีเดียว หญ้าพวกนี้ก็แตกหมดแล้ว เธอจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน ฉันประสบการณ์มากกว่าเธอเยอะ ก็ไม่ได้หมกตัวอยู่แต่กับห้องสมุดท่องตำรับตำราแบบเธอซะเมื่อไหร่

    เพล้งงง

                    ไม้เท้าที่ถูกสะบัดเบาๆ ทำให้น้ำแข็งแตกกระจายออกเป็นประกายสะท้อนกับแสงอาทิตย์เกิดเป็นแสงสีต่างๆ เจ็ดสีสวยงาม

    ชิ มะมะ ไม่เห็นสวยตรงไหนเลย

                    “แล้วใครอยากให้มันสวยล่ะ หึหึ ชอบอะดิ๊

    แจ๊คหัวเราะยิ้มเยาะเย้ยอย่างมีความสุข

                    “ชะฉัน ไม่รู้แล้ว ไม่สนใจนายแล้ว ไปให้พ้นเลยไป ฮึ่มม

    ฉันรีบหันหลังวิ่งกลับไปที่เต็นท์ต่างๆ เพื่อไปดูว่ามีใครอยู่บ้าง และกำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง

                    อ้าว ตื่นแล้วหรอ ฟีโอน่า นึกว่าเหนื่อยแล้วจะหลับยาวเลยซะอีก

                    “..ฉันก็ไม่ได้ขี้เกียจขนาดนั้นหรอกนะคะ เหะๆ

    ฉันยิ้มเล็กน้อยให้กับคุณคิวปิด

    จะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าจะขอใช้พื้นที่ในเต็นท์นี่หน่อย จะเขียนไดอารี่น่ะค่ะ

    ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่ว่าทำไม ไม่ไปใช้เต็นท์ของแจ๊คล่ะ เป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่รึ

                    คำถามของคิวปิดทำให้ฉันเงียบไปซักพัก เพื่อที่จะคิดเหตุผล นั่นสินะ ทำไมเราไม่ใช้เต็นท์ของแจ๊คล่ะเนอะ อ๊ะ นั่นก็เพราะว่าหมอนั่นชอบมากวนประสาทอยู่เรื่อยน่ะสิ คิดแล้วก็โมโห

                    “เป็นไรไป ฟีโอน่า?? ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า

    คิวปิดพูดพลางส่ายมือตรงหน้าของฉัน

                    “อ๊ะ ไม่มีอะไรค่ะ คิดอะไรนิดหน่อย งั้นไปล่ะนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

    ฉันเดินออกจากเต็นท์ของคิวปิด ก็ไม่เห็นแจ๊คอยู่ที่ริมแม่น้ำแล้ว เลยตรงไปที่เต็นท์ของแจ๊คทันที

                    “แจ๊ค ขอฉันใช้พื้นที่นิดนึงนะ

                    พื้นที่ภายในเต็นท์มีของกระจัดกระจายรกรุงรังอยู่เต็มไปหมด พัดลมและวิทยุก็ยังคงเปิดค้างไว้ มีเพียงเสียงของลมและเสียงวิทยุที่ตอบกลับคำพูดของฉัน แต่ไม่มีใครอยู่เลยซักคน

    ไปไหนของเค้ากันนะ ช่างเถอะ เขียนไดอารี่ดีกว่า

                    ฉันหยิบปากกาและสมุดไดอารี่เล่มเล็กสีชมพูออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก และบรรจงเขียนด้วยความตั้งใจอย่างเป็นระเบียบ

                    เวลาผ่านไปไม่นานนัก ฝนก็เริ่มตก เป็นสายฝนที่เม็ดใหญ่ไม่ใช่เล่น เสียงของฝนกระทบกับพื้นดิน เหมือนกับเสียงของผู้คนที่ย่ำเท้าอยู่กับที่ เสียงฝนกระทบกับเต็นท์ดัง ตุบๆ เหมือนมีคนมาเคาะอยู่ด้านบน

                    “แบบนี้จะไหวมั้ยเนี่ย เต็นท์ก็ไม่ได้แข็งแรงอะไร แล้วแจ๊คยังไม่กลับอีกหรอเนี่ย ไปทำอะไรของเค้านะ ไปดูซักหน่อยดีกว่ามั้ยนะ ไม่ไปดีกว่า หมอนั่นคงยืนหลบฝนอยู่ที่ไหนซักที่แหละ

                    ฉันชะเง้อหน้าออกไปนอกเต็นท์เพื่อดูสถานการณ์ ในตอนนั้นท้องฟ้าก็มืดแล้ว แสดงว่าเราเขียนไดอารี่ไปนานมากจนเริ่มค่ำแล้ว

                    ฉันเขียนไดอารี่เสร็จไปนานพอสมควร และกำลังทำอะไรเล่นๆ รอให้ฝนหยุดตก ในที่สุดฝนก็เริ่มที่จะอ่อนซาลง แต่แจ๊คก็ยังไม่กลับมาที่เต็นท์ ทันทีที่คิดอย่างนั้น ความทรงจำเก่าๆ ที่แทบจะลืมไปแล้วก็ปรากฏขึ้นมา

                    ภาพของเด็กผู้หญิงที่ด่าไล่เด็กผู้ชายให้ไปให้พ้นด้วยอารมณ์โกรธ เสียงของฝนตกในค่ำคืนนั้น การหายตัวไปของเด็กชายปริศนา อ๊ะ เหมือนกับเมื่อตอนเช้าที่เราคุยกับแจ๊คเลยนี่ หรือว่า

                    ฉันรีบวิ่งออกไปจากเต็นท์ทันทีเมื่อคิดได้โดยลืมนำร่มติดตัวไปด้วย วิ่งผ่านสายฝนที่กำลังจะหยุดตก ตรงดิ่งไปตามเสียงที่ได้ยินจากป่าไม้ซึ่งกำลังนำทางฉันอยู่

                    ฉันรีบวิ่งเข้าไปในป่าบนภูเขาข้างๆ แม่น้ำทันทีโดยไม่ได้คิดอะไร วิ่งโดยไม่คิดชีวิตเหมือนกับว่าควบคุมร่างกายไม่ได้ และทันทีที่กำลังจะตะโกนร้องเรียกเขาคนนั้นอยู่ ก็เหมือนจะได้ยินอะไรซักอย่าง จากหลังต้นไม้ทางฝั่งขวามือ

                    “แจ๊ค ฝนหยุดแล้วล่ะ กลับไปหาคนอื่นได้แล้วนะ

                    เสียงของผู้หญิง?? ฉันรีบหลบอยู่หลังต้นไม้เพื่อแอบดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันเห็นร่างของผู้หญิงปริศนา เป็นผู้หญิงขนาดตัวพอๆ กับฉัน ผูกผมยาวสีน้ำตาลไว้ด้านหลัง ใส่หมวกทรงคล้ายๆ กับที่นักบวชหญิงใส่ ที่คล้ายๆ กับเอาผ้ามาคลุมส่วนหัวแต่เปิดส่วนหน้า ผู้หญิงคนนั้นมีปีกสีฟ้า แสดงว่าเป็นภูตหรือไม่ก็นางฟ้าอะไรทำนองนั้น

                    “อื้ม ไปล่ะนะ แดฟโฟดิล

                    “อื้ม ไว้จะมาหาบ่อยนะ เหะๆ

                    เอ๊ะ ชื่อ แดฟโฟดิล หรอ ชื่อน่ารักจัง แต่ความหมายช่างลึกซึ้งจริงๆ ดอกแดฟโฟดิล สื่อถึง เกียรติยศ หรืออาจจะหมายถึงความหมายเศร้าๆ เกี่ยวกับ ความรักที่ไม่สมหวังก็ได้ หรือถ้ายื่นให้กับคนรักก็หมายถึง รักเธอคนเดียว เป็นดอกไม้ที่สวยงามและมีความหมายดีจริงๆ

                    ขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องเล่นๆ อยู่นั้น แจ๊คก็วิ่งตรงดิ่งลงจากภูเขา เข้าเต็นท์ของตัวเองไป อ๊ะ ฉันลืมไดอารี่เอาไว้นี่ หมอนั่นต้องแอบอ่านแน่เลย ไม่นะ ไม่นะ ไม่ยอมให้อ่านหรอก คิดได้แบบนั้นก็รีบวิ่งตรงดิ่งเข้าเต็นท์ด้วยความเร็วที่ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำได้

                    “แจ๊คคคค อย่าอ่านน๊าา

    ไปวิ่งเล่นที่ไหนมา หอบหนักมาเชียว แล้วเมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ จะให้ฉันอ่านอะไร

    เอ๊ะ ผิดคาดเฮะ แจ๊คกำลังจัดของให้เข้าที่อยู่ ฉันรีบเข้าไปหยิบสมุดไดอารี่ออกมา

                    “ป่าว ไม่มีอะไร นายฟังผิดล่ะม๊าาง แล้วนี่นายทำอะไรอยู่ อย่างนายคงไม่มาจัดข้าวของแบบนี้หรอก เป็นไข้หรือติดโรคติดเชื้ออะไรมาป่ะ

                    “อ้าว นี่เธอไม่รู้หรอว่า คืนนี้เธอต้องนอนเต็นท์เดียวกับฉัน คนอื่นไม่ได้บอกมารึไง จัดของให้ยังมาปากเสียใส่อีก ถามจริงตอนเด็กเธอไปกินหมาที่ไหนมา ตอนโตปากถึงได้เป็นแบบนี้

                    “หะ ..หา? อะ อะไรน๊า ไม่จริงๆๆๆ ฉันขอตายถ้าจะต้องนอนกับนาย

    ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับโบกมือด้วยความลนลาน

                    “งั้นเธอก็ออกไปนอนข้างนอกล่ะกัน เอ้า นี่ของของเธอ

    แจ๊คโยนกระเป๋าของฉันออกมาข้างนอกเต็นท์

                    “ตะ ตาบ้า นี่นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า หัดเสียสละให้สุภาพสตรีอย่างฉันบ้างไม่เป็นรึไง นายต่างหากที่ต้องมานอนข้างนอกนี่

                    ฉันหยิบกระเป๋าของฉันเข้ามาในเต็นท์ และหยิบกระเป๋าของแจ๊คออกไปวางไว้ข้างนอก

    เอ้า นี่ เสื่อกับผ้าห่ม ขอบคุณฉันเดี๋ยวนี้เลยนะที่ยังปราณีนายอยู่

                    “เป็นอะไรของเธอเนี่ย ผีเข้ารึไง ได้ทีก็ข่มเอาๆ เลยนะ แล้วอีกอย่าง อย่างเธอเนี่ยนะ สุภาพสตรี ฉันว่าหมายังสุภาพกว่าเธอเลย ยัยหนอนหนังสือ

                    “ตะ ตาบ้า บ้า บ้า บ้า ออกไปเลยไป

    ฉันเขวี้ยงปาสิ่งของที่อยู่รอบตัวใส่แจ๊คอย่างไม่ลืมหูลืมตา

                    “โอ๊ย โอ๊ย มันเจ็บนะ ยัยหนอนหนังสือ อย่าให้ฉันโกรธนะ

    โกรธแล้วจะทำไม นายจะทำอะไรฉัน

                    ฉันหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งกำลังจะขว้างใส่แจ๊ค แต่ก็เห็นอักษรภาษาอังกฤษเขียนคำว่า diary ไว้ที่หน้าปกเสียก่อน จึงรีบเก็บใส่กระเป๋า

                    “ว่าแต่ เธอไปทำอะไรมา วิ่งตากฝนมารึไง ตัวเปียกเชียว

                    เอ๊ะ ฉันรีบมองดูที่ตัวของตัวเอง เสื้อผ้าสีขาวที่เปียกจนแนบเนื้อบางส่วน ถึงจะยังโชคดีที่ไม่เห็นส่วนที่สำคัญ แต่ก็ทำให้ฉันอับอายอย่างมาก

                    “ระ ระ โรคจิต ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม ไอ้ลามก ออกไปเลยนะ ไอ้ไอ้ฮึ่ยย

    เอ้อๆ รู้แล้วล่ะน่า ถ้าจะต้องดูหุ่นอย่างเธอ ฉันดูจอขาวยังจะดีซะกว่าเลย

                    ทันทีที่แจ๊คออกจากเต็นท์ ม่านเต็นท์ก็ถูกรูดลงทันที

    ราตรีสวัสดิ์ ไอ้บ้ากาม

    เฮ้ย การที่เสื้อเธอเปียกนี่ฉันผิดเรอะ เธอไปวิ่งเล่นตากฝนทำไมล่ะ

                    ไม่มีเสียงตอบกลับจากฟีโอน่า มีเพียงเสียงจักจั่นร้องยามค่ำคืน กับเสียงลมพัดผ่านทุ่งหญ้าและทุ่งดอกไม้ แสงจากพระจันทร์ดวงกลมโตสาดส่องลงมาที่ทุ่งหญ้า ทำให้มองเห็นสีของดอกไม้ต่างๆ ชัดเจนขึ้น

    เฮ้อ จริงๆ เล้ย ยัยหนอนหนังสือ ยังนิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

                    ค่ำคืนของวันอันแสนวุ่นวายได้ผ่านพ้นไป มาสู่วันของการฝึกฝนที่แท้จริง เสียงของนกร้องยามเช้าก็ยังคงปลุกฟีโอน่าให้ตื่นขึ้นเหมือนเช่นทุกวัน

                    “วันนี้เราจะมาฝึกหนักกันล่ะนะ

    หญิงผมสีชมพูคาดริบบิ้นสีเหลืองตะโกนด้วยเสียงที่ดังพอที่จะปลุกทุกคนที่อยู่ในแต่ละเต็นท์ได้

                    “ทะ ทัซนาเบลเรอะ ฝึกแต่เช้าเลยเนี่ยนะ

    เสียงแรกยังคงเป็นเสียงของคนที่ตื่นเร็วที่สุดเหมือนเดิม นั่นก็คือ แจ๊ค

    อย่าขี้เกียจให้มันมากนักสิ ไอ้บ้ากาม

                    “ยังไม่หายโกรธอีกเรอะ เสื้อก็แห้งแล้วนี่ ยังจะมาบ่นอีก อีกอย่าง ฉันตื่นก่อนเธอ แล้วไหงมาว่าฉันขี้เกียจ สำเนียกตัวเองบ้างนะ

    แจ๊คหยิบไม้เท้าขึ้นมาพาดไว้ที่บ่าเตรียมพร้อมรับการฝึกสุดโหดที่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน

                    “วันนี้เราจะฝึกด้วยพลังเวทย์นะ ว่าพวกเราสามารถควบคุมความรุนแรงและความแม่นยำของพลังเวทย์ได้มากขนาดไหน

                    ทัซนาเบลเปิดหนังสือของเธอ และท่องคาถาอะไรซักอย่าง เกิดเป็นแสงสีฟ้าเจิดจ้า เมื่อแสงดับไปก็ปรากฏเป็นร่างของกระต่ายตัวใหญ่สีฟ้า มีลายรูปไข่อยู่ตรงกลางหน้าอก

                    “ลองยิงพลังเวทย์ให้โดนกระต่ายของฉันสิ

    ทันทีที่คำพูดจบลง แสงสีแดงก็พุ่งผ่านหน้าของฉัน เลี้ยวโค้งเบี่ยงเบนไปที่ตัวกระต่ายที่กำลังวิ่งเล่นอยู่

    บรึมมม

                    แรงระเบิดกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง ต้นหญ้าโน้มลงไปนอนกับพื้น พื้นดินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีคราม แสงสีแดงเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ

                    เมื่อแสงจางหาย ก็ยังคงเห็นกระต่ายตัวสีฟ้ายังคงวิ่งเล่นอยู่

    หึ ความแม่นยำก็ดีนะ แต่ยังแรงไม่พอ กระต่ายของฉันยังยืนอยู่ได้สบายๆ นะ นอสตราดามุส

                    “คิดว่าหมดแล้วรึไง พลังเวทย์ของฉันไม่กระจอกขนาดนั้นหรอกนะ

                    นอสตราดามุสชูมือขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มีก้อนดินและหินกระจายตัวอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน และสะบัดมือลงพร้อมกับท่องคาถา

    อาร์มาเก็ดดอน

                    สิ้นสุดคาถาที่แสนสั้น แสงสีแดงจากฟากฟ้า จำนวนนับไม่ถ้วนนั้นก็พุ่งดิ่งลงมาสู่พื้นดิน แสงสว่างจ้าจนทำให้ทิวทัศน์รอบข้างกลายเป็นสีขาว มองไม่เห็นว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น ได้ยินเพียงเสียงพสุธากัมปนาทกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ

                    เมื่อกี้มันไรกัน น่ากลัวมาก ไม่คิดว่าจะมีใครใช้พลังเวทย์ได้รุนแรงขนาดนั้น ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั้นตัวเล็กเกินไป เล็กเกินกว่าที่จะอยู่กับคนพวกนี้ได้

                    “อย่าตกใจไป ไม่ยากหรอก ถ้าตั้งใจฝึกฝน

    ขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นั้น นอสตราดามุสก็เดินมาจับมือของฉันยกขึ้น

                    “ถ้าเธอคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ก็ผิดถนัดแล้วล่ะ ถ้ายังไม่พยายาม ก็ไม่มีทางรับรู้ถึงความสำเร็จได้หรอก ลองทำดูด้วยตัวเองดูสิ ฉันจะมอบพลังส่วนหนึ่งให้เธอเอง

                    แสงสีเหลืองไหลมาตามแขนของคุณนอสตราดามุสและถ่ายทอดมาสู่แขนของฉัน มันทำให้ฉันรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของร่างกายตัวเอง เหมือนกับว่ามีพลังงานไหลเวียนอยู่จำนวนมหาศาล

                    “ผู้ถูกเลือกน่ะ ย่อมต้องมีพรสวรรค์ในด้านที่เหมาะสมกับตนเอง ฉันเป็นผู้มอบดวงแล้วเธอล่ะ คิดว่าตัวเองเป็นใคร

                    “ในตอนนี้ ฉันยังไม่รู้หรอกค่ะ ว่าตัวเองคือใคร แต่ฉันจะหาคำตอบให้พบค่ะ เพราะงั้น เพราะอย่างนั้น ช่วยมาฝึกกับฉันด้วยเถอะนะคะ

                    “มุ่งมั่นดีนี่ งั้นเธอ ฟีโอน่า มาฝึกกับฉันและคิวปิด คิวปิดน่ะ เรื่องความแม่นยำ เค้าขั้นเทพ

    สอบถามฉันแล้วรึยัง พูดเองตอบเองแบบนี้ หนุ่มหล่ออย่างฉันลำบากใจน๊า

    คิวปิดยืนกอดอก พร้อมกับยกมือข้างหนึ่งมาลูบคางตัวเอง

                    “หลงตัวเอง หล่ออย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องเก่งด้วย มาฝึกให้ฟีโอน่าเลย ถ้าพูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง ฉันคงต้องใช้ไม้แข็งในการบังคับให้นายมาสอนซะแล้ว

    ทัซนาเบลเปิดหนังสือขึ้นเกิดเป็นแสงสีเหลือง

                    “ยะ ยอมแล้วจ้า พาไปฝึกก็พอใช่ป่ะ ไปกันเถอะ ฟีโอน่า ว่าแต่ เธอถนัดด้านไหนล่ะ ปกติเวลาว่างๆ เธอจะทำอะไรประมาณนี้ ไม่งั้นฉันคงฝึกเธอได้ไม่ตรงจุด

    ก็คง อ่านหนังสือล่ะมั้งค่ะ หรือไม่ก็ช่วยเหลือสัตว์ป่า หรือปลูกดอกไม้ เอ อะไรอีกน๊า

                    “ตายล่ะ เกษตรกรดีๆ เลยนี่หว่า ฉันจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี

    คิวปิดเริ่มคิดหนัก เมื่อได้รู้ถึงกิจวัตรปะจำวันของฟีโอน่า

                    “เรา ไปฝึกที่ป่ากันดีมั้ยค่ะ ฉันชอบฝึกในที่เงียบๆ สงบๆ น่ะค่ะ

    ฉันเริ่มตั้งประเด็นสถานที่การฝึกขึ้น

                    “ได้ล่ะ สมกับเป็นเธอดีนี่ ไปฝึกที่ป่ากัน บินไปนะ

                    คิวปิดสะบัดมือข้างหนึ่ง เกิดเป็นแรงลมอยู่ที่ใต้เท้าของฉัน พัดฉันขึ้นสู่อากาศ แต่เนื่องจากฉันใส่กระโปรงจึงต้องรีบเอามือปิด

                    “Let’s go!! ไปกันเถอะ

                    คิวปิดจับมือฉันและโบยบินขึ้นสู่ท้องนภาอันกว้างใหญ่ ฉันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางคิดเล่นๆ ว่า ก้อนเมฆวันนี้เป็นรูปอะไรกันน๊า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×