คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 3 : ลักลอบหนีตาม {1}
หัวใจของนัทชาเต้นรัวเป็นจังหวะอัดกระแทรกในทรวงอก
ใบหน้าชาวาบและเกือบสูญเสียการทรงตัว
เมื่อบังเอิญได้ยินสิ่งที่บิดาคุยกับกานดาและเอกพลในห้องรับแขก
ถึงเรื่องการแต่งงานที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
แม้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาหญิงสาวจะทำตัวว่าง่าย แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนพวกนั้นยอมเชื่อใจเลย
เมื่อการสนทนาจบลง เธอรีบพาตัวเองเดินออกห่างจากประตู
รีบกลับขึ้นไปอยู่บนห้องนอนของตัวเองที่เปรียบเสมือนที่คุ้มภัย
เธอทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง หน้าซีดตัวสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินชัดเต็มสองหู
คุณพี่อย่าได้คิดวางใจไปเชียวนะคะ
ยัยน่านน่ะแสบใช่ย่อย’
‘ผมรู้น่าคุณ
ยัยน่านไม่ใช่คนพูดง่ายอะไรขนาดนั้น ถึงจะพยายามทำตัวอยู่ในโอวาท
แต่ผมรู้จักลูกสาวตัวเองดี ผมว่าลูกจะต้องมีแผนอะไรในใจแน่’
‘ผมก็คิดเหมือนกันนะครับคุณพ่อ
น้องน่านอาจจะคิดหนีการแต่งงานก็ได้ พรุ่งนี้เราไม่ควรประมาท’
‘พ่อคิดไว้แล้วแหละตาเอก
พ่อสั่งให้ลูกน้องมาช่วยเป็นหูเป็นตาอยู่ในงานหลายสิบคน ถ้ายัยน่านคิดหนี
รับรองว่าไม่มีทางทำสำเร็จแน่’
นัทชาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
แผนการที่ลำดับขั้นเอาไว้อย่างดีในวันพรุ่งนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้อีก
นับว่าสวรรค์ยังไม่ใจร้ายนักที่ดลใจให้เธอแอบฟังทุกคนคุยกัน
รู้อย่างนี้แล้วจะได้เตรียมทางหนีทีไล่ได้ทัน ในเมื่อวันพรุ่งนี้เธอไม่มีวันหาทางหนีให้พ้นจากชะตากรรมอันเลวร้ายได้
เธอก็ต้องเปลี่ยนใจทำมันให้เกิดขึ้นในคืนนี้เสียเลย เพราะมันเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายสำหรับเธอแล้ว
นัทชาหลับตาลง พยายามควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ใช้สมองคิดทบทวนว่าควรทำอย่างไรดีเพื่อให้คืนนี้เป็นไปตามแผน ในที่สุดก็นึกออก ใบหน้างามมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่ ขณะออกจากห้องเพื่อลงไปหาบิดาข้างล่าง ทุกคนกำลังเดินออกมาจากห้องรับแขก และมองมายังร่างบางที่รัวฝีเท้าลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้ม
“จะไปไหนเหรอยัยน่าน?” ภานุเดชถามอย่างต้องการจับพิรุธ
“ก็ลงมาหาคุณพ่อนี่แหละค่ะ” นัทชายิ้มหวาน “คือ...พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแต่งงานของน่านแล้ว น่านอยากจะ...”
“อยากจะขอออกไปหาเพื่อนๆ
เพื่อฉลองสละโสดอะไรประมาณนี้สินะ” กานดาสวนขึ้นอย่างไร้มารยาท
“ถ้าอยากจัดปาร์ตี้สละโสดก็ไปกับพี่เลยสิคะน้องน่าน
คืนนี้พี่ก็นัดเพื่อนเอาไว้แล้ว
น้องน่านบอกให้เพื่อนของน้องน่านตามไปสมทบกันได้เลย พี่เลี้ยงเต็มที่เลยค่ะ”
เอกพลอาสา ไม่ต้องการให้นัทชาคลาดสายตา เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้เป็นเจ้าของดอกไม้แรกแย้มแสนเย้ายวนดอกนี้
“น่านไม่ได้จะออกไปไหนหรอกค่ะ”
หญิงสาวตอบเสียงดังชัดเจน “น่านแค่จะมาบอกคุณพ่อว่าน่านตื่นเต้นมากสำหรับงานวันพรุ่งนี้
ตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก คิดว่าคืนนี้น่านคงนอนไม่หลับแน่
เลยอยากจะขอยานอนหลับจากคุณพ่อสักสองเม็ดน่ะค่ะ เพราะถ้านอนไม่พอ
ตื่นมาขอบตาเขียวช้ำเป็นหมีแพนด้า แล้วจะแต่งหน้าสวยได้ยังไงละคะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้ากระเง้ากระงอด แต่นั่นทำให้ทุกคนเบาใจอย่างประหลาด
“ได้สิ
พ่อมียานอนหลับเหลืออยู่ แต่เม็ดเดียวก็คงพอ
ถ้าขืนกินสองเม็ดเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหวเอา” ภานุเดชเต็มใจอย่างมากที่จะทำตามคำขอของลูกสาว
เมื่อครั้งที่ตัวเขาเองต้องเข้าพิธีแต่งงานกับแม่ของนัทชา
ความตื่นเต้นพวกนี้ก็ทำให้นอนไม่หลับไปทั้งคืนเลยเหมือนกัน
พอถึงเวลาต้องต้อนรับแขกก็ทั้งเหนื่อยทั้งง่วงแทบแย่
“ขอบคุณค่ะ ถ้างั้นคุณพ่อช่วยไปหยิบให้น่านเลยได้ไหมคะ
นี่ก็จวนจะทุ่มแล้ว น่านว่าจะกินยาแล้วอาบน้ำเข้านอนเลยค่ะ”
“แล้วนี่ไม่คิดจะไม่ทานข้าวเย็นเลยเหรอ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ
พรุ่งนี้จะได้สวมชุดสวยๆ โดยไม่มีหน้าท้องเป็นส่วนเกินค่ะ” หญิงสาวให้เหตุผล
“ถ้างั้นก็ตามใจ
เดี๋ยวพ่อจะขึ้นไปหยิบยาให้ ไปด้วยกันสิ พ่อมีอะไรจะให้น่านด้วย” ภานุเดชมองลูกสาวและยิ้มน้อยๆ ด้วยความพอใจ กานดากับเอกพลหันมองสบตากัน ยิ้มร้ายกาจขณะมองตามสองพ่อลูกเดินเคียงข้างกันขึ้นไปชั้นบน
“ผมว่าบางทีเราอาจจะคิดมากไป
น้องน่านคงยอมรับเรื่องแต่งงานได้แล้วจริงๆ” เอกพลคิดในแง่ดี
“นั่นสิ
ยัยน่านก็ดูตื่นเต้นออกนะที่จะได้เป็นเจ้าสาว
เห่อเสียจนไม่ยอมกินข้าวกินปลาด้วยซ้ำ” กานดาคล้อยตามไปอีกคน
“อย่าไปสนใจเลยลูก ไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆ เถอะ
คืนนี้ลูกแม่จะได้ออกไปปาร์ตี้สละโสดกับเพื่อนให้เต็มที่ไปเลย
เรื่องงบไม่ต้องกังวลนะ แม่มีให้ไม่อั้นจ้ะ” ก่อนจะพะเน้าพะนอลูกชาย
แล้วรุนหลังให้รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
ภานุเดชเดินนำเข้าไปในห้องนอน
นับตั้งแต่บิดาแต่งงานใหม่กับกานดา นัทชาก็ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในนี้อีกเลย ตอนนี้ก็เช่นกัน
ร่างบอบบางยืนนิ่งอยู่ตรงกรอบประตู ไม่ยอมขยับเยื้อน
จนผู้เป็นพ่อหันกลับมามองแล้วพยักหน้าบอกให้เข้าไปข้างใน
เธอจึงทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
ภานุเดชเปิดลิ้นชักตรงโต๊ะข้างเตียงออก
หยิบขวดยานอนหลับที่หมอสั่งจ่ายให้ เนื่องจากพักหลังๆ เขาพักผ่อนไม่เพียงพอจากความเครียดจนเกิดภาวะความดันสูง
หมอจึงให้ยานอนเป็นตัวช่วย เขาเปิดฝาแล้วเทมันลงในฝ่ามือ ก่อนจะส่งมันให้กับลูกสาว
ขณะนั้นก็มองเธออย่างพิจารณา แล้วหยิบบางอย่างออกมาจากลิ้นชัก
ซึ่งเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีแดงสด
“นี่เป็นของแม่”
เขาบอก ดวงตาดูโศกเศร้าเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่รักหมดหัวใจ
“อะไรคะ?” นัทชาถามอย่างสนใจ
“แหวนแต่งงาน” เขามองสบตากับหญิงสาว ก่อนจะเปิดกล่องออกเพื่อให้แหวนเพชรน้ำงามปรากฏต่อสายตา
“พรุ่งนี้ตอนเข้าพิธีแต่งงาน
เอกพลได้เตรียมแหวนไว้ให้ลูกแล้ว แต่แหวนวงนี้มีความหมายกับพ่อและแม่มาก
เพราะฉะนั้นพ่ออยากให้ลูกเก็บมันเอาไว้ แม่เองก็คงเห็นด้วยกับพ่อ” ท้ายประโยคน้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความโหยหา
“พ่อคะ...” นัทชาขยับไปใกล้
อยากบอกความรู้สึกในใจให้บิดารู้ว่าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเอกพล แต่ทบทวนดูอีกทีก็คิดว่ามันคงไม่เกิดประโยชน์
แม้การคิดถึงแม่จะทำให้พ่อดูอ่อนลงมาก
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะมีสิ่งใดมาเปลี่ยนความตั้งใจของพ่อได้
“ว่ายังไง
ทำไมถึงไม่พูดต่อละลูก”
“เอ่อ เปล่าค่ะ
น่านแค่จะบอกว่า...น่านจะดูแลรักษาแหวนวงนี้ให้ดีที่สุด แล้วน่านก็จะสวมมันติดตัวตลอดเวลาเพื่อระลึกถึงพ่อกับแม่”
คิดแล้วก็ใจหายขึ้นมาเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
เธอก็ต้องระเห็จออกไปจากบ้านหลังนี้แล้ว ซึ่งคงไม่ได้พบกับบิดาอีก
อย่างน้อยก็จนกว่าท่านจะล้มเลิกความคิดจับเธอคลุมถุงชนกับผู้ชายแย่ๆ อย่างเอกพล
“พรุ่งนี้เราคงไม่มีเวลาได้พูดคุยกันมากนัก
เพราะลูกต้องยุ่งกับการเป็นเจ้าสาว แต่รู้เอาไว้นะน่าน
ที่พ่อทำทุกอย่างเป็นเพราะพ่ออยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
เอกพลจะทำให้ลูกมีความสุขได้แน่นอน เชื่อพ่อนะ” ภานุเดชรั้งร่างเล็กของลูกสาวเข้ามากอด
ยกมือใหญ่อบอุ่นขึ้นลูบศีรษะเธอเบาๆ
นัทชากอดบิดาตอบอย่างแนบแน่น นานมากเหลือเกินที่สองพ่อลูกไม่เคยได้แสดงความอ่อนโยนต่อกัน สัมผัสของผู้เป็นพ่อ ทำให้น้ำตาคลอรื้นจนขอบตาร้อนผ่าวไปหมด เมื่อภานุเดชกดจูบลงกลางศีรษะ หญิงสาวก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เธอปล่อยตัวเองให้ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดนั้น หลับตาลงซึมซับทุกอย่างให้ลึกลงในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนที่จะต้องหันหลังจากไปด้วยความจำเป็น
การหนีออกจากบ้านของน่านกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
แต่จะทำสำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
กดแอด Fav. ได้ที่แบนเนอร์ข้างล่างนี้เลยค่าาาาาาา รักนะจุ๊บๆ >_<
ความคิดเห็น