คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 2 : หันหลังให้ปัญหา {4}
ลุยซ์ใช้เวลาตลอดสามวันเคลียร์งานที่คั่งค้าง
รวมทั้งสั่งกัมปนาทให้ช่วยดูแลฟาร์มแทนในระหว่างที่เขาไม่อยู่ เขาไม่ได้บอกให้บิดารู้เรื่องที่ตัดสินใจยอมเดินทางไปตามหามารดาที่ประเทศสเปน
แต่อาทิตย์รู้เรื่องนี้จากแพรสุดาที่รีบร้อนมาบอกในเช้าวันหนึ่ง
เขาดีใจจนยิ้มไม่หุบที่สุดท้ายลูกชายก็ยอมเห็นแก่ความต้องการของคนเป็นพ่อ
ความจริงอยากพบหน้าลุยซ์เพื่อเอ่ยปากขอบคุณ แต่ชายหนุ่มไม่ยอมมาพบ ไม่แม้แต่จะมาบอกลาด้วยซ้ำ
เมื่อกัมปนาทจองตั๋วเครื่องบินให้ เขาก็หิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กมุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิทันที
มีเพียงนมถวิลเท่านั้นที่ลุยซ์กราบลา และให้สัญญาว่าจะพยายามตามหามารดาให้พบ
ไม่ลืมย้ำอีกรอบว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อต่อลมหายใจให้พ่อ ไม่ใช่ออกตามหาแม่เพราะความโหยหาแต่อย่างใด
การเดินทางสู่ประเทศสเปนเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อตอนอายุแปดขวบและอีกช่วงในตอนย่างเข้าวัยยี่สิบปี
เขากับครอบครัวเคยเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนกันที่บ้านของมารดาที่เลกาเนส
ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน
แต่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร เท่าที่จำได้บ้านของอานิก้าไม่ได้จัดอยู่ในประเภทร่ำรวย
เธอมีสถานะความเป็นอยู่แบบกลางๆ พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปพร้อมกันจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก
จึงมีเพียงโดโรธีที่เป็นลูกสาวของป้าเท่านั้นที่อาศัยอยู่ด้วยกัน
เมื่อเธอทิ้งบ้านที่เลกาเนสไปมีครอบครัวที่เมืองไทย
โดโรธีก็แต่งงานและพาสามีของเธอเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้
ลุยซ์พักที่โรงแรมระดับห้าดาวในเลกาเนส แม้การเดินทางจะทำให้เหนื่อยล้า
แต่เขาไม่ได้สนใจ ทันทีที่เช็กอินเข้าที่พักและนำสัมภาระไปไว้ในห้องแล้ว
เขาก็ใช้ภาษาสเปนที่ค่อนข้างดีเยี่ยม จากการเรียนภาษาในทุกๆ วันหยุดสุดสัปดาห์
บอกกับแท็กซี่ว่าต้องการมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในตรอกแคบๆ
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านที่คุ้นเคยดี
มือใหญ่ชะงักค้างกลางอากาศ ไม่ยอมเลื่อนไปกดกริ่ง เขาถอยหลังห่างจากประตูมาสองสามก้าว
ยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วเดินวนไปวนมาอย่างที่ทำประจำเวลามีเรื่องให้ตัดสินใจ
ดูเหมือนเขาจะไม่มีเวลาได้ไตร่ตรองอีก เมื่อจู่ๆ ประตูบ้านก็เปิดออก
คนที่กำลังจะก้าวออกมาชะงักและยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
ก่อนจะเพ่งพิจารณาใบหน้าคมคร้ามมีเสน่ห์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง แม้ชายหนุ่มจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
โดโรธีก็ยังจำดวงตาสีเทาคู่นั้นได้เป็นอย่างดี
“นั่น...ลุยซ์ใช่ไหม?” เสียงนั้นฟังดูแหบแห้ง
ดวงหน้ามีร่องรอยแห่งวัยปรากฏอยู่มาก ผมสีเคยมีสีน้ำตาลอ่อน ตอนนี้มีกลายเป็นสีดอกเลาแซมอยู่ประปราย
“ครับ ผมเอง” เขาตอบพร้อมพยักหน้า
“พระเจ้า...ฉันไม่คิดว่าเราจะได้พบกันอีก นี่มันค่อนข้างมีความหมายทีเดียว” หญิงวัยหกสิบสามปี ซึ่งแก่กว่าแม่ของเขาราวๆ สามปี ขยับเข้ามาแตะที่ข้างต้นแขน แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “เข้าไปในบ้านก่อนเถอะ อากาศร้อนแบบนี้เธอควรดื่มอะไรเย็นๆ สักแก้ว เอาเป็นน้ำมะนาวแล้วกัน” โดโรธีสรุปแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน ลุยซ์ไม่มีทางเลือกมากนักจึงจำเป็นต้องเดินตามเข้าไป
ภายในบ้านไม่แตกต่างไปจากเมื่อหลายปีก่อน นอกจากสภาพข้าวของเครื่องใช้ที่ดูทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาบุนวมสีน้ำตาลไหม้ที่มีรอยขาดเล็กๆ สองมือประสานกันอยู่ตรงระหว่างขา รอคอยไม่นานโดโรธีก็กลับออกมาจากครัวพร้อมแก้วน้ำมะนาวเย็นเฉียบ นางไม่ได้วางมันลงบนโต๊ะ แต่เดินไปยื่นให้จนถึงมือ นั่นทำให้ลุยซ์จำเป็นต้องดื่มมันอึกหนึ่งเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ และช่วยไม่ได้ที่มันอร่อยจนทำให้เขาดื่มต่อไปอีกนิด
“คิดยังไงถึงมาที่นี่ คงไม่ใช่เพราะความคิดถึงแน่ๆ”
ผู้สูงวัยกว่าถามและคาดเดาไปพร้อมๆ กัน
นางรู้เรื่องระหว่างอานิก้ากับสามีชาวไทยเป็นอย่างดี
และยังรู้อีกด้วยว่าลุยซ์โกรธเกลียดแม่ตัวเองมากแค่ไหน
“ผมมาที่นี่เพื่อตามหา...อานิก้าครับ” เขายังทำใจให้เรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่ไม่ได้จริงๆ “พ่อกำลังป่วยและต้องเข้ารับการผ่าตัด
แต่เขาจะไม่ยอมทำแบบนั้นจนกว่าจะได้เจอผู้หญิงที่เขายังรักอีกครั้ง
ผมมาที่นี่เพื่อทำตามคำขอของพ่อ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น” ลุยซ์ให้คำตอบที่ชัดเจน
คิ้วหนาได้รูปที่พาดเฉียงอยู่เหนือดวงตาคม ย่นเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
เมื่อเห็นโดโรธีส่ายหน้าและผงะห่างออกไปราวกับตกใจบางอย่าง
“นิก้า...เธอ...เธอไม่อยู่แล้ว” เสียงที่เอ่ยฟังดูสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้
“ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่แล้ว
รบกวนคุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน ผมอยากตามหาเธอแล้วถามตรงๆ
ว่าเธอเต็มใจจะกลับไปพบพ่อกับผมหรือเปล่า ผมไม่อยากเสียเวลา” ลุยซ์เป็นคนทำอะไรรวดเร็วและไม่ชอบการรอคอย เขาจึงเร่งรัดหาคำตอบ โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นหยาดน้ำตาที่เปียกชุ่มอยู่บนแพขนตาของอีกฝ่าย
“นิก้าไม่ได้อยู่ที่ไหนทั้งนั้นบนโลกใบนี้” โดโรธีมองสบตากับชายหนุ่ม “แม่ของเธอ...จากโลกนี้ไปนานเกือบเจ็ดปีแล้วลุยซ์
จากไปพร้อมกับความเลวร้ายที่ทำให้ฉันต้องตายทั้งเป็น”
ท้ายประโยคเสียงของนางสั่นและเต็มไปด้วยความเสียใจ แววตาไม่ปรากฏความเกลียดชัง
แต่มันว่างเปล่าจนน่าใจหาย
“หมายความว่า...” นั่นทำให้ลุยซ์ชาวาบไปทั่วใบหน้า
ตัวแข็งทื่อ มื้อไม้เย็นเฉียบไปหมด
“นิก้าป่วยตายจากโรค...เอ่อ
โรคติดต่อร้ายแรงที่พวกผู้หญิงส่ำส่อนเป็นกัน” โดโรธีสูดลมหายใจเรียกความเข้มแข็ง
เมื่อต้องเอ่ยถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง “หลังจากกลับมาที่สเปนเมื่อสิบปีก่อน
นิก้าก็มาอาศัยอยู่ที่นี่กับครอบครัวของฉัน
และ...และเธอตอบแทนความรักความหวังดีของฉัน ด้วยการ...แอบหลับนอนกับสามีของฉัน”
“อะไรนะครับ!” ชายหนุ่มอ้าปากค้าง
ขนลุกไปทั้งตัวเมื่อได้ยินพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของผู้ให้กำเนิด
“นิก้าเป็นผู้หญิงที่ร้อนแรงและยังสวยมาก
แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม” นางเล่าต่อทั้งน้ำตา “เธอลักลอบเป็นชู้กับสามีของฉันอยู่นานเป็นปี ในขณะเดียวกันก็ควงผู้ชายอีกมากหน้าหลายตา
จนกระทั่งวันหนึ่งฉันบังเอิญได้ยินเธอกับสามีของฉันคุยกัน
ทะเลาะกันเรื่องความส่ำส่อนของเธอที่นำโรคร้ายมาติดให้กับเขา
โชคดีมากที่เขาไม่เคยหลับนอนกับฉันหลังจากมีอะไรกับนิก้า ฉันก็เลยไม่ติดโรคนั่น”
ถึงตอนนี้โดโรธีก็ปิดหน้าร้องไห้โฮ
ไม่อาจสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป
“พระเจ้า ผมไม่อยากจะเชื่อเลย” ลุยซ์ทิ้งตัวพิงโซฟาแรงๆ
ยกมือขึ้นลูบหน้า รู้สึกได้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว
“สามีฉันยิงตัวตายหลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นโรคนั้น ส่วนนิก้า...หายตัวออกไปจากบ้านหลังนี้ราวๆ
สองปี จากนั้นฉันก็ได้ยินว่าเธอตายอย่างโดดเดี่ยวอยู่ข้างถนน ฉันไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านั้นเธอมีชีวิตอย่างไร
แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่เคยยอมให้อภัยเธอ เธอทำลายครอบครัวของฉัน
เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องตายทั้งเป็น”
“ผมเข้าใจครับ คุณมีสิทธิ์ที่จะโกรธ” ชายหนุ่มรวบรวมสติ กลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบาก
ขณะเคลื่อนตัวเข้าไปหาโดโรธี คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ดึงมือบางที่สั่นเทานั้นมากุมไว้
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันอยู่เหนือการควบคุมของผม และผมคงบรรเทาความทุกข์ในใจของคุณให้เบาบางลงไม่ได้
แต่อย่างน้อย...ขอให้ผมได้มั่นใจว่าคุณจะมีความเป็นอยู่ที่ดีเถอะนะครับ
ได้โปรดยินยอมรับความหวังดีจากผม” เขาจ้องมองเธอ
ดวงตาสีเทาราวกับมีพลัง มันสะกดโดโรธีให้นั่งนิ่ง
ไม่สามารถหาคำพูดใดออกมาต่อต้านได้
ลุยซ์พยายามจะยิ้มให้กำลังใจ
แต่เขาทำไม่ได้และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการยิ้มอย่างจริงใจนั้นต้องทำอย่างไร
ชายหนุ่มมีเงินติดตัวมาค่อนข้างมาก
เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาในการตามหามารดานานเพียงใด แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่จำเป็นแล้ว
เขาจึงดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเสื้อแจ๊คเกต นำเงินสองหมื่นยูโรหรือราวเจ็ดแสนบาทไทย
ยื่นส่งให้กับอีกฝ่ายจนถึงมือ
“ฉันไม่...” หญิงสูงวัยขยับจะค้าน
เมื่อพบว่าเงินจำนวนนั้นมากเกินไป ลุยซ์ไม่มีความผิด
แล้วก็ไม่สมควรต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบในเรื่องนี้
“รับไว้เถอะครับ คุณอายุมากแล้ว
อยู่ที่บ้านหลังนี้ตามลำพังอีกต่างหาก ขอให้ผมได้ช่วยเหลืออะไรบ้างเถอะนะครับ”
เขายืนยันเจตนารมณ์นั้น เมื่อโดโรธีไม่ปฏิเสธอีก เขาก็ยื่นนามบัตรส่งให้
“นี่คือนามบัตรของผม ถ้าคุณเดือดร้อนเรื่องเงิน
หรือมีปัญหาอะไรที่ผมอาจจะช่วยได้ ขอให้ติดต่อผมโดยไม่ต้องลังเลนะครับ”
“ขอบใจมากลุยซ์ เธอช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ขอให้พระเจ้าคุ้มครองนะหลานชาย”
นางยิ้มทั้งน้ำตา วางมือบนไหล่กำยำและตบเบาๆ
ลุยซ์วางมือใหญ่ลงบนมืออีกฝ่าย บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
ก่อนจะขอตัวกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น ใบหน้าคมคร้ามดูราบเรียบ
ไม่ปรากฏความรู้สึกใดๆ ซึ่งขัดกับหยาดน้ำตาไหลที่รินลงมาข้างแก้ม
เขาสบถแล้วปาดน้ำตาออกไปเร็วๆ สะบัดหน้าและปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เปิดประตูรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่
แล้วแทรกร่างกำยำบึกบึนเข้าไปข้างในรถ ตลอดทางที่มุ่งหน้าไปยังโรงแรม เขาสูดลมหายใจลึกและพยายามนึกถึงคำสอนของนมถวิล
‘แม่...ยังไงก็คือแม่
ถึงเธอจะทำความผิดหรือไม่เคยดูแลเอาใจใส่ แต่ในฐานะลูก
คุณลุยซ์ก็ไม่ควรโกรธเกลียดเธอ ความรู้สึกพวกนั้นมันทำให้จิตใจคนเรายิ่งแต่แข็งกระด้าง
ลองปล่อยวาง ทำใจละทิ้งความเกลียด เปลี่ยนให้กลายเป็นความว่างเปล่าดูสิคะ
แล้วเธอจะไม่มีอิทธิพลต่อคุณลุยซ์อีก’
ลุยซ์ขบกรามแน่น เมื่อพบว่าเขาไม่อาจละทิ้งความเกลียดที่มีต่อมารดาได้จริงๆ!
โถๆๆๆ พี่ลุยซ์ของน้องงงงงง ต้องมาเจอกับเรื่องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก
มามะ... เดี๋ยวกอดแน่นๆๆๆ เลยยยยย 5555+
ฝากพี่ลุยซ์ที่น่าสงสารไว้ในอ้อมใจรีดเดอร์ทั้งหลายด้วยนะคะ
เนื้อเรื่องจะเริ่มมันส์ขึ้นทุกทีแล้ว ถ้าไม่อยากพลาด
กดแอด Fav. ได้ที่แบนเนอร์ข้างล่างนี้เลยค่าาาาาาา รักนะจุ๊บๆ >_<
ความคิดเห็น