คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ตอนที่ 9 : หว่านเสน่ห์ {3}
พลตำรวจโทภานุเดชรีบเดินลงบันไดมายังชั้นล่างด้วยความร้อนใจ
เมื่อสาวใช้ขึ้นไปตามแล้วบอกว่าสายสืบคนสนิทมาขอพบเพื่อรายงานเรื่องของนัทชาให้รู้
เขารีบเข้าไปในห้องรับแขก ทิ้งตัวลงบนโซฟาแรงๆ และหัวใจเต้นรัวอย่างลุ้นระทึก
หวังว่าคงจะได้ยินข่าวดีเสียที
“สวัสดีครับท่าน”
อีกฝ่ายทำความเคารพ แล้วนั่งลงเมื่อผู้เป็นนายผายมืออนุญาต
“เป็นยังไงบ้าง ได้อะไรคืบหน้าไหม?”
“ได้ครับ เมื่อเช้าคนของผมตรวจสอบให้
พบชื่อคุณหนูปรากฏที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดโคราชครับ”
“ยัยน่านเป็นอะไร! ทำไมถึงต้องไปโรงพยาบาลด้วย”
เขานิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจ ถึงจะใจร้ายแค่ไหน
แต่ก็ยังมีความเป็นพ่อมากพอที่จะรู้สึกห่วงใยลูกสาว
“คุณหนูเธอได้รับบาดเจ็บที่ขา เลยต้องไปทำแผลครับ”
“ถ้างั้นก็หมายความว่ายัยน่านจะต้องกลับไปที่โรงพยาบาลนั่นอีกน่ะสิ”
ดวงตาของภานุเดชเป็นประกาย ริมฝีปากบิดเบี้ยวด้วยความพอใจ
เมื่อนึกถึงตอนที่ตามไปกระชากตัวลูกสาว กลับมาแต่งงานกับคนที่เขาเลือกให้ นัทชาช่างอ่อนหัดนัก
คิดเอาเองทั้งเพจะชีวิตนี้จะสามารถโบยบินหนีหายไปจากอ้อมอกผู้ให้กำเนิดได้ง่ายๆ
“คงอย่างนั้นครับท่าน เพราะว่าต้องทำแผลทุกวัน”
“ดี ถ้างั้นฉันจะไปโคราชเย็นนี้เลย ระหว่างนี้ก็สืบให้ด้วยแล้วกันว่ายัยน่านมีเพื่อนเป็นคนจังหวัดนั้นด้วยหรือเปล่า
ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าลูกสาวฉันหนีไปอยู่ที่ไหนกับใคร” เขากำชับกับคนสนิท
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กานดาและเอกพลตามเข้ามาสมทบในห้องรับแขกเข้าพอดี
“ได้ยินแว่วๆ ว่าคุณพี่จะเดินทางไปโคราชเหรอคะ” เจ้าหล่อนทิ้งตัวนั่งข้างๆ สามี แล้วควงแขนออดอ้อน
“ใช่ พี่จะไปตามตัวยัยน่านกลับมาแต่งงาน”
“นี่คุณพ่อทราบแล้วเหรอครับว่าน้องน่านหนีไปที่ไหน! สุดยอดเลย น้องเพิ่งจะหายไปแค่ไม่นานเอง” เอกพลตื่นเต้นจนควบคุมอาการแทบไม่อยู่
นับตั้งแต่นัทชาหนีไป เขาก็หัวเสียอย่างหนัก
อุตส่าห์จินตนาการถึงคืนเข้าหอเอาไว้มากมาย แต่สุดท้ายดันพังไม่เป็นท่า
เอาไว้แม่ตัวดีกลับมารับบทบาทเจ้าสาวเมื่อไร เขาจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลยทีเดียว
“ยังไม่รู้แน่ชัดหรอกว่ายัยน่านอยู่ที่ไหนกับใคร
แต่มีประวัติการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในโคราช แถวๆ อำเภอปากช่อง
พ่อเลยตั้งใจว่าจะไปที่นั่น
แล้วก็จะประสานงานให้เจ้าหน้าที่แถวนั้นช่วยเป็นหูเป็นตาให้ด้วยอีกทาง
แค่มีอำนาจกับเงิน มันก็บันดาลได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ภานุเดชสรุปอย่างนั้น
“คุณพี่จะไปดักรอด้วยตัวเองเลยเหรอคะ?” คนข้างกายถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เปล่าหรอก พี่จะให้คนของพี่ดักรอ
พอเจอตัวแล้วค่อยโทร.บอก”
“ถ้างั้นให้กานกับตาเอกไปด้วยนะคะคุณพี่ เผื่อกานจะช่วยพูดอะไรได้บ้าง
เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน กานเองก็รักหนูน่านเหมือนลูกแท้ๆ
กานไม่อยากให้คุณพี่ทำอะไรรุนแรงกับลูกนัก...นะคะคุณพี่ ให้กานกับตาเอกไปด้วยนะคะ”
กานดาเขย่าแขนสามี อ้อนวอนเสียงหวานเมื่อเห็นสีหน้าคล้ายลังเลใจ
“ตามใจ อยากไปก็ไป แต่เตรียมเสื้อผ้าไปด้วยนะ
เพราะเราคงต้องค้างที่โคราชกันด้วย” เมื่อถูกรบเร้าหนักขึ้น
เขาก็ยอมตอบตกลงไปตามคาด กานดาแสยะยิ้มมีเลศนัย ขณะหันไปมองสบตากับลูกชาย
เอาไว้เจอตัวนัทชาเสียก่อนเถอะ
เธอจะช่วยพูดเป่าหูให้สองพ่อลูกห้ำหั่นกันให้สนุกไปเลย
หลังจากคนที่มารายงานความคืบหน้าขอตัวกลับไปแล้ว
กานดาก็ขึ้นไปข้างบนเพื่อจัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและสามี
ภานุเดชยืนยันว่าจะเป็นคนขับรถไปจังหวัดนครราชสีมาด้วยตัวเอง
เพราะอยากให้คนขับรถที่บ้านอยู่ดูแลบ้านในระหว่างที่เจ้านายไม่อยู่ เอกพลเห็นอย่างนั้นก็รีบเอาใจด้วยการอาสาขอทำหน้าที่สารถีให้เอง
แน่นอนว่าภานุเดชไม่มีเหตุผลต้องขัดข้องในความปรารถนาดีนั้น
การเดินทางสู่อำเภอปากช่องจบสิ้นลงในระยะเวลาประมาณเกือบสามชั่วโมง
ภานุเดชพาภรรยาและลูกเลี้ยงหนุ่มเข้าพักที่โรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งอยู่ในตัวเมืองและไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่นัทชาต้องไปทำแผลนัก
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่ได้จองห้องพักไว้
เอกพลก็แยกย้ายไปยังห้องของตัวเองที่อยู่ติดกัน
กานดาลงมือจัดการเรื่องกระเป๋าเสื้อผ้า
ส่วนภานุเดชกำลังโทรศัพท์หาเส้นสายที่กว้างขวางของตัวเองในพื้นที่นี้ เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องการตามหาตัวลูกสาวแบบเงียบๆ
ไม่ต้องการให้กลายเป็นข่าวใหญ่โต
แน่นอนว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามคาด...
“เป็นยังไงบ้างคะคุณพี่” กานดาถาม
เมื่อเห็นสามียุติการสนทนาลงแล้ว
“เรียบร้อยดี
พรุ่งนี้จะมีตำรวจนอกเครื่องแบบไปซุ่มอยู่ในโรงพยาบาล ทันทีที่เจอตัวยัยน่าน
พวกนั้นจะโทร.บอกพี่ แล้วพี่จะได้จัดการลูกสาวตัวดีด้วยตัวเอง” พูดแล้วเขาก็กำมือแน่นด้วยความโกรธเคือง
คิดไม่ถึงเลยว่านัทชาจะกล้าทำเรื่องใหญ่ด้วยการหนีออกจากบ้านไปแบบนี้
“กานเชื่อค่ะว่าเราต้องได้ตัวลูกแน่ๆ
คุณพี่อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิคะ ดูสิ...หมดหล่อเลย” กานดาเดินเข้ามาใกล้
ขยับตัวไปแนบชิดแล้ววาดแขนขึ้นโอบรอบต้นคอสามี
ใช้มือลูบไล้ใบหน้าที่ถึงแม้จะมีริ้วรอยแห่งไวประปราย
แต่ก็ยังคงหล่อเหลาและเร้าใจไม่เคยเปลี่ยน
“พี่เหนื่อย ขอไปอาบน้ำก่อนนะกาน” ภานุเดชถอนหายใจ
“ให้กานอาบให้นะคะ รับรองว่าคุณพี่หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่”
เจ้าหล่อนยิ้มยั่ว เขย่งปลายเท้าส่งตัวเองให้สูงขึ้นเพื่อจุมพิตเบาๆ
ที่ริมฝีปากของสามี นั่นทำให้เขาหัวเราะน้อยๆ ด้วยความพอใจ แล้วโอบแขนไปรอบเอวเธอ
“ถ้าให้กานอาบให้
พี่ว่าพี่คงเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่าแน่” เสียงทุ้มลึกกระซิบบอก
“แล้วไม่ชอบเหรอคะ?” คนช่างยั่วแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างมีความหมาย
“ชอบสิ” ภานุเดชตอบทันควัน
แล้วปล่อยให้ภรรยาคนสวยทำหน้าที่ดูแลเขาด้วยความเร้าใจ
นอกจากรักในรูปร่างหน้าตาภายนอกแล้ว
อีกอย่างที่เขาชอบมากที่สุดคือความกล้าในเรื่องบนเตียงของเธอ เธอมักพูดให้ฟังเสมอว่าเวลาร่วมรักกัน
เธอยินดีทำตัวเหมือนโสเภณีเพื่อให้เขาประทับใจ
กานดาอายุไม่น้อยแล้ว
ผ่านการมีลูกมาแล้วอีกต่างหาก แต่เธอก็ยังดูแลเรือนร่างให้งดงามได้พอๆ
กับสาวแรกรุ่น มีทีเด็ดมากมายเวลาที่ปรนเปรอเขาอยู่บนเตียง ความเชี่ยวชาญพวกนั้น
ทำเอาภานุเดชล้มเลิกความคิดที่จะมีอีหนูให้เกิดปัญหา เพราะไม่ว่าผู้หญิงคนไหน
ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้เหมือนอย่างที่กานดาทำแน่ จากที่เคยคิดว่ามันเป็นแค่เพียงการหลงใหลได้ปลื้มชั่วคราว
กลับกลายเป็นความรัก รักมากจนถึงขั้นตัดสินใจแต่งงานใหม่อีกครั้ง
แต่ภานุเดชไม่เคยได้ล่วงรู้เลยว่ากานดาไม่เคยรักเขา
เธอแค่หวังในทรัพย์สมบัติของเขาก็เท่านั้น...
เฌอมาวีร์กดปิดโทรทัศน์ แล้ววางรีโมตลงข้างตัวอย่างเบื่อหน่าย นับตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษ บิดาก็บอกว่าเธอควรอยู่ติดบ้านให้สมกับที่จากไปตั้งแต่อายุสิบขวบบ้าง ตอนแรกเมื่อเห็นเธอบ่นว่าอยากกลับไปอยู่กับคุณป้าเหมือนเดิม เสี่ยหนานก็ร้อนใจ จนต้องยอมให้เธอออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกตามอำเภอใจ แต่พอลูกสาวคนสวยกลับมาพร้อมสภาพรถที่มีรอยปะทะเกิดขึ้น เขาก็กำชับหนักแน่นว่าถ้าอยากออกไปไหน ต้องให้นายเมธัส คนสนิทของเขาเป็นคนขับรถให้เท่านั้น
“เป็นอะไรไปเฌอ ไม่ดูต่อเหรอลูก”
อิงอรผู้เป็นมารดาหันมาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เฌอเบื่อค่ะคุณแม่ ตั้งแต่กลับมา คุณพ่อก็ให้เฌออยู่แต่ในบ้าน” หญิงสาวตอบเสียงขุ่น
“อย่าไปงอนคุณพ่อเลยลูก คุณพ่อเห็นว่าลูกยังไม่ชินกับถนนหนทางในเมืองไทยก็เลยเป็นห่วง
แล้วดูสิ สุดท้ายลูกก็เอารถคันงามที่เพิ่งถอยมาใหม่ๆ ไปจูบกับรถคันอื่นเข้าจริงๆ
ดีนะเนี่ยที่ฝ่ายนั้นเขาพูดง่าย” อิงอรเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
ไม่ได้คิดจะตำหนิใดๆ เพราะรักและตามใจลูกสาวมาก
“โธ่ คุณแม่คะ ผิดเป็นคุณครู คำนี้เฌอยังจำได้ดีนะคะที่คุณแม่เคยสอนไว้ตอนเด็กๆ”
“ผิดเป็นครูจ้ะ ไม่ใช่ผิดเป็นคุณครู” เธอแย้งแล้วโยกศีรษะลูกสาวอย่างเอ็นดู
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ” เฌอมาวีร์ยิ้มหวาน
แล้วสวมกอดมารดาแน่น “คุณแม่ขา
คุณแม่บอกคุณพ่อให้หน่อยสิคะว่าอย่ากักขังเฌอนักเลย เพื่อนที่เมืองไทยก็ไม่มี อย่างน้อยก็น่าจะให้เฌอออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
เสียงหวานออดอ้อน แน่นอนว่าคนฟังนั้นใจอ่อนไปตามระเบียบ
“แม่ว่าคุณพ่อคงไม่ห้ามหรอกนะลูก แต่ถ้าอยากออกไปไหน
ลูกต้องให้เมธัสขับรถให้เท่านั้น”
“คุณพ่อไว้ใจนายเมธัสอะไรนั่นมากเลยเหรอคะ” หญิงสาวย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ไว้ใจมากสิลูก เมธัสเป็นคนสนิทของคุณพ่อ คอยตามประกบไม่เคยห่าง”
“เหมือนบอดีการ์ดน่ะเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ”
“ถ้างั้นนายเมธัสอะไรนี่ก็คงอายุมากแล้วแน่ๆ คุณพ่อคิดอะไรอยู่นะ
ถึงให้คนแก่มาขับรถให้เฌอ” เฌอมาวีร์สรุปเอาเอง
ยังไม่ทันที่อิงอรจะได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เสี่ยหนานก็เดินเข้ามาสมทบในห้องโถงเสียก่อน
ด้านหลังเขามีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและรูปร่างกำยำล่ำสันตามเข้ามาด้วย
“คุยอะไรกันอยู่เหรอสองแม่ลูก”
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะคุณพ่อ เฌอแค่เบื่อที่โดนห้ามไม่ให้ออกไปเปิดหูเปิดตา
เฌอเลยปรึกษากับคุณแม่ว่าจะกลับไปอยู่อังกฤษกับคุณป้าดีหรือเปล่า” เฌอมาวีร์ใช้ไม้ตายกับบิดาอีกครั้ง
“เอาอีกแล้วนะเฌอ ลูกอย่าพูดแบบนี้ให้มันบ่อยนักสิ พ่อเสียใจนะรู้ไหม”
เสี่ยหนานทำหน้ามุ่ย
ถอนหายใจแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอีกด้านเคียงข้างลูกสาว “พ่อพาคนสนิทของพ่อมาให้รู้จัก
วันนี้พ่อจะให้เขาพาลูกออกไปเที่ยวทุกที่ที่ลูกอยากไปเลย
จากนี้ไปพ่อจะไม่ห้ามอะไรอีกแล้ว ขออย่างเดียว...ระวังตัวให้มาก
แล้วถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ให้บอกพ่อเป็นคนแรกเสมอ เข้าใจไหมคนสวยของพ่อ”
“คุณพ่อพูดจริงเหรอคะ!” เฌอมาวีร์ดีใจจนเนื้อเต้น
รีบขยับไปกอดบิดา ซบใบหน้าลงตรงไหล่อย่างออดอ้อน
“จริงสิ ต่อไปนี้ถ้าอยากไปไหน บอกเมธัสได้เลยนะลูก” เสี่ยหนานพยักพเยิดไปยังคนที่ยืนอยู่ห่างๆ
เฌอมาวีร์มองตามไปก็พบชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำยืนอยู่ตรงนั้น
สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนจากความใคร่รู้ กลายเป็นชอบใจขึ้นมาทันที เพราะเมธัสไม่ได้มีดีแค่รูปร่างเท่ที่บาดใจ
แต่เขาหล่อเหลาเอาการอย่างมากทีเดียว
ถึงจะเทียบกับหนุ่มลูกครึ่งที่เธอได้พบโดยบังเอิญไม่ได้ก็ตาม...
เฌอมาวีร์ส่งยิ้มหวานหยดให้อย่างเป็นมิตร
ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่หลงคิดไปว่าคนสนิทของบิดาคงเป็นแค่คนอายุที่มีหน้าตาธรรมดาทั่วไป
ถ้ารู้ว่าคนที่จะพาเธอออกไปไหนต่อไหน หล่อเหลาน่าสนใจขนาดนี้ เธอคงไม่เรื่องมากตั้งแต่แรก
หญิงสาวละสายตาจากเมธัส หันมาส่งยิ้มหวานให้บิดา สลับกับมารดาอย่างเอาใจ
“ถ้างั้นวันนี้เฌอขอออกไปเที่ยวหน่อยนะคะ มีบอดีการ์ดร่างใหญ่คอยดูแล
คุณพ่อคงไม่ต้องห่วงแล้ว”
“ได้สิ แล้วลูกคิดไว้หรือยังละว่าจะไปเที่ยวที่ไหน” เสี่ยหนานถามลูกสาว
“อืม เฌออยากไปห้างสรรพสินค้าค่ะ อยากช้อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ๆ
แล้วก็คิดว่าจะไปนั่งผ่อนคลายที่ผับ ดื่มอะไรเบาๆ ฟังเพลงเพราะๆ สักชั่วโมง
แล้วค่อยกลับบ้านค่ะ” หญิงสาววางแผนเสร็จสรรพ
ผู้เป็นบิดามีสีหน้าลำบากใจ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวอยากไปเที่ยวในสถานที่อโคจร
ทั้งที่ตัวเองก็ชอบดื่มและเที่ยวไม่ต่างกัน แต่พอได้ยินว่าเฌอมาวีร์ต้องการทำบ้าง
เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย แม้จะรู้ดีว่าในตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ
เฌอมาวีร์เป็นสาวสังคมที่เที่ยวและดื่มเก่งยิ่งกว่าผู้ชายบางคนก็ตาม
“ได้สิลูก พ่อเชื่อว่าลูกดูแลตัวเองได้” ในที่สุดเสี่ยหนานก็ตัดสินใจพูดตรงข้ามกับความคิด
ด้วยรู้ดีว่านั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เฌอมาวีร์ปรารถนาจะได้ยินมากที่สุด
หญิงสาวอายุยี่สิบห้าปีแล้ว ไม่ได้เด็กน้อยวัยสามขวบเหมือนในอดีต
การทำเหมือนยึดอิสรภาพของเธอ จะทำให้เธอไม่อยากอยู่ที่เมืองไทยอีกต่อไปเอาได้
“ใช่ค่ะ เฌอจัดการตัวเองได้แน่นอน ขนาดขับรถไปเฉี่ยวชนคนอื่น
แค่พูดนิดหน่อยเขายังไม่เอาเรื่องเลยค่ะคุณพ่อ” จู่ๆ
เธอก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก นั่นทำให้เสี่ยหนานสนใจอยากรู้รายละเอียดมากขึ้น
เพราะเมื่อวานมัวแต่เป็นห่วงลูกสาวว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
จึงไม่ได้ถามละเอียดนักว่าคู่กรณีเป็นใคร
“จริงสิ พ่อลืมถามไปเลยว่าคนที่ลูกขับรถไปชนเข้าน่ะ เขาเป็นใคร
อยู่ในละแวกนี้หรือเปล่า?”
“เขาบอกว่าเป็นเจ้าของฟาร์มที่อยู่ไม่ไกลกับฟาร์มแกะของคุณพ่อค่ะ
แต่เฌอจำชื่อฟาร์มของเขาไม่ได้แล้ว จำได้แค่ชื่อ แล้วก็หน้าหล่อๆ กับดวงตาสีเทาสวยๆ
ของเขาเท่านั้น” เธอทำหน้าตาเพ้อฝัน
ดวงตาเป็นประกายเมื่อเอ่ยถึงหนุ่มหล่อเจ้าของดวงตาสีเทามีเสน่ห์
“หมอนั่นชื่ออะไร” เพียงแต่ได้ยินคำว่าดวงตาสีเทา
เสี่ยหนานก็ชักร้อนวาบไปทั่วทั้งใบหน้า
“ชื่อลุยซ์ค่ะคุณพ่อ เขาเป็นลูกครึ่งที่ดูเหมือนชาวต่างชาติแบบเต็มร้อยเลย”
“มันรู้ไหมว่าเฌอเป็นลูกพ่อ แล้วนี่มันทำอะไรเฌอหรือเปล่า!” ชายสูงวัยหันมาจ้องหน้าลูกสาว
ยกมือทั้งสองขึ้นบีบแน่นที่ต้นแขนกลมกลึงอย่างลืมตัว
ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาเกาะกินหัวใจ อิงอรเองก็หน้าชาไปทั้งแถบ เมื่อได้รู้ว่าคู่กรณีของบุตรสาว
เป็นคนที่สามีของเธอเคยสร้างความร้าวฉานไว้ในอดีต
“รู้ค่ะ เฌอแนะนำตัวเองไป
แล้วคุณลุยซ์ก็รู้ทันทีว่าเฌอเป็นลูกสาวของคุณพ่อ อีกอย่างเขาสุภาพกับเฌอมากนะคะ
ไม่ได้มีท่าทางหยาบคายเลย ทำไมคุณพ่อถึงถามแบบนั้นละ หรือว่าคุณพ่อเคยมีเรื่องกับคุณลุยซ์มาก่อน
ถึงได้คิดว่าเขาจะทำอะไรเฌอ” หญิงสาวทำหน้าตาไม่พอใจกึ่งสงสัย
“เอ่อ ปะ...เปล่าหรอก พ่อแค่ถามไปอย่างนั้นเอง
พ่อเห็นว่าลูกไปขับรถชนลุยซ์เข้า พ่อเลยกลัวว่าหมอนั่นมันจะโกรธเอา ใครๆ
ก็รู้ว่าไอ้ลุยซ์เป็นคนจริงจังกับทุกอย่างมากแค่ไหน ลูกเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน
คงยังไม่เคยได้ยินเรื่องนิสัยแย่ๆ ของไอ้หมอนั่นหรอก” เสี่ยหนานตอบปัดไป
ความจริงแล้วเขาแค่ไม่อยากให้เฌอมาวีร์ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกวราทิตย์ภราดร
เพราะกลัวว่าเรื่องเลวร้ายที่เคยก่อขึ้นในอดีตจะถูกเปิดเผย
เขาเคยทำให้อิงอรเสียใจหนักจนเกือบคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว
เขาจะไม่มีวันยอมให้ลูกสาวเกิดความรู้สึกผิดหวังในตัวเขาได้อย่างเด็ดขาด
“คุณพ่อรู้จักคุณลุยซ์ดีเลยเหรอคะ!” เฌอมาวีร์ทำตาโตอย่างสนใจ
“รู้สิ รู้ดีด้วย เอาเป็นว่าต่อไปนี้ถ้าลูกเจอมัน
ห้ามไปพูดคุยทักทายอะไรกับมันทั้งนั้นเลยนะ ไอ้ลุยซ์มันเป็นคนนิสัยไม่ดี
ควงผู้หญิงเป็นว่าเล่น แต่ก็ไม่เคยคิดจะลงหลักปักฐานกับใคร ลูกสาวคนสวยของพ่อ
สมควรได้รู้จักกับคนดีๆ มากกว่า
สัญญากับพ่อนะเฌอ...สัญญานะว่าลูกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกเด็ดขาด”
ดวงตาของผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยความกังวล
สีหน้าดูอมทุกข์เสียจนเฌอมาวีร์จำเป็นต้องพยักหน้ารับปากส่งๆ ไปก่อน
เธอไม่แคร์หรอกว่าลุยซ์จะเป็นคนเจ้าชู้แค่ไหน เพราะตัวเธอเองก็ผ่านผู้ชายมามาก
แต่ยังไม่เคยคิดจะลงเอยกับใครเหมือนกัน บางทีทั้งเธอและลุยซ์อาจจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันก็ได้
เฌอมาวีร์ตัวแสบคิดจะวุ่นวายกับพี่ลุยซ์ของน่านแบบกัดไม่ปล่อยแน่ๆ
งานนี้จะหมู่จะจ่า จะหมาหรือแมว ต้องรอลุ้นนะคะ
แต่ใบ้ให้เลยว่าตาลุยซ์เค้าแสบของแท้ ไอ้เรื่องพลาดท่าเสียทีนี่ยากค่ะ
เพราะคนเขียนจะให้พลาดท่าเสียทีกับยัยกวางน้อยเท่านั้น 555555+
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ค่าาาา
ท่านใดเพิ่งเข้ามาอ่าน เพื่อความต่อเนื่องกดแอด Fav. ที่แบนเนอร์เลยจ้า
ความคิดเห็น