ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elysium : The Lost Sky

    ลำดับตอนที่ #2 : Protologue : blå kometens whispering - the whisper of a blue comet

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.06K
      8
      18 พ.ย. 60

    Protologue

    ดาวหางสีน้ำเงิน

     




    ....กาลเวลานำพาหัวใจของเธอมาหาฉัน...
    ...ฉันรักเธอมาตลอดหนึ่งพันปี....
    ...และจะรักเธอต่อไปอีกหนึ่งพันปี....
    ...ที่รัก ฉันจะรักเธอไปอีกหนึ่งพันปี...

    แสงเทียนสีส้มส่องแสงเรืองๆจากห้องฝั่งตรงข้าม ผนังบ้านสีขาวกลายเป็นสีม่วงเข้มในความมืดของยามราตรี เขาเพ่งมองที่หน้าต่างฝั่งตรงข้ามด้วยความกังวล ไม่นานเสียงรูดม่านก็ดังขึ้นตามด้วยเงาสลัวๆ บนหน้าต่างถูกเลื่อนขึ้นก่อนที่เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งจะโผล่ศีรษะออกมา ทันทีที่เห็นหน้าเธอความหนักใจก็หายไปเหมือนยกภูเขาออกจากอก เด็กหนุ่มรีบกระวีกระวาดไปที่ขอบหน้าต่างของห้องนอน บ้านของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่มากจนสามารถมองเห็นและพูดคุยได้อย่างสะดวกสบาย

                “ชั้นนึกว่าเธอจะไม่รอดแล้วซะอีก!ฝ่ายชายพูดขึ้นก่อน น้ำเสียงทั้งโล่งใจและตื่นเต้น

                “ก็เกือบๆน่ะ พ่อชั้นดุจะตายไป เพราะนายคนเดียวเลยเซท!อีกคนส่งสายตาเขียวปั๊ดกลับมาให้ จนเซทต้องรีบจุ๊ปากเพราะน้ำเสียงที่เริ่มจะดังเกินไป

                “เบาหน่อยกราเซีย! เดี๋ยวพ่อเธอก็ได้ยินหรอกเซททำเสียงชี่..ใส่เพื่อนสาว เธอเพียงแค่เดาะลิ้นแล้วสะบัดหน้าไปอีกทาง

                “ยังไงก็เถอะ ถ้าคราวหน้าชั้นถูกทำโทษอีกล่ะก็ มันเป็นความผิดของนาย!

                “...มันก็เป็นความผิดของชั้นตลอดอยู่แล้วนี่เขาบ่นพึมพำ พลางใช้หางตาแอบมองไปหน้าเง้างอนของเด็กสาวที่ยังอารมณ์คุกกรุ่นอยู่ ความเงียบเกิดขึ้นกลายเป็นบรรยากาศน่าอึดอัด เขาเฉตาขึ้นไปมองดาวแก้เก้อ แต่สายตากลับสะดุดกับดวงดาวประหลาดที่กระพริบเปลี่ยนสีราวกับมีชีวิต

                “เอ๊ะ...อะไรน่ะดาวดวงนั้น”กราเซียทำสีหน้าไม่พอใจครู่หนึ่งก่อนจะมองไปทางเดียวกัน จุดแสงสีขาวกระพริบสลับกับสีแดงขยับวูบไหวไปมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นจนคิ้วเผลอขมวดไปเอง

                สูงขึ้นไปเหนือชั้นก้อนเมฆที่ทอดตัวสงบนิ่ง เสียงลมหวีดเชือดเฉือนราวกับคมมีดกรีดไปตามผิวหนังที่พุ่งตัวฉวัดเฉวียนผ่านม่านหมอก ละอองน้ำในอากาศกลายเป็นเม็ดฝนที่คมเหมือนกระสุนปืน มังกรสีขาวหมุนตัวหลบจะงอยปากสีดำของอีกายักษ์ไปได้หวุดหวิด  แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นเมื่อเนื้อโลหะสองชิ้นกระทบกัน อีกฝ่ายเล็งสายฟ้าสีแดงไปที่ปีกพังผืดหมายจะหยุดการเคลื่อนไหวของอสูรสีขาว กล่องเหล็กคล้ายรถม้าขนาดเล็กโคลงเคลงอยู่บนหลังมังกร มันส่งเสียงคล้ายหินกระทบกันอยู่ตลอดเวลา แม้จะถูกรัดด้วยสายหนังและโซ่หลายเส้น

                สัตว์อสูรทั้งสองยังคงผลัดกันรุกไล่อย่างไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายหนึ่งหนี ฝ่ายหนึ่งตาม ในที่สุดมังกรเผือกก็ตัดสินใจพุ่งตัวผ่านชั้นเมฆลงมา อาศัยร่างที่ปราดเปรียวกว่าพลิกตัวหลบการโจมตีจากด้านบน “....แกว๊กกกกก!อีกากลอกดวงตาสีแดงก่ำอย่างเดือดดาลเมื่อเห็นว่าเหยื่อหนีรอดไปได้ คนบนหลังปีศาจยักษ์สบถก่อนจะบังคับสัตว์พาหนะพุ่งตามลงไป

                “หืม...เหมือนจะหายไปแล้วนะเซทพูดขึ้นในที่สุดหลังจากถูกดาวประหลาดดึงความสนใจไว้นาน กราเซียยังมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะละสายตากลับมา นี่ก็ดึกแล้ว ชั้นไปนอนก่อนล่ะเด็กสาวตัดบท เห็นได้ชัดว่ายังงอนอยู่ ความคิดวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ โดยที่คนฝั่งตรงข้ามยังไม่ทันได้ท้วงอะไร มือเรียวเตรียมจะปิดหน้าต่างแต่กลับเผลอปัดไปโดนหนังสือจนมันร่วงลงไปกองกับพื้นแทน 

                   “ว้าย

    ให้ตายเถอะ....กราเซียลากเสียงอย่างเบื่อหน่าย ดันเป็นเล่มที่ต้องเอาไปคืนอีกสายตามองหนังสือเรียนเล่มหนาที่นอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นแบบเซ็งๆ กว่าจะถึงเช้ามันก็คงดูดน้ำค้างจนเห็ดขึ้นแล้วล่ะมั้ง...?

    ชั้นเก็บให้เซทตั้งท่าจะปีนออกมา

    ไม่ต้องหรอก ช่างมันเถอะเธอบอกปัด

    ถ้าลองเธอลงไปล่ะก็ต้องโดนพ่อด่าเละแน่ๆกราเซียโคลงศีรษะประมาณว่า ของมันแน่อยู่แล้ว เด็กหนุ่มค่อยๆหยั่งเท้าลงบนรางน้ำ โดยมีสายตาเป็นห่วงจับจ้องแบบไม่กระพริบ

    เปรี้ยง! สายฟ้าสีแดงส่งเสียงคำรามลั่น เม็ดฝนหายไปเหลือแค่ลมเย็นเฉียบพุ่งปะทะผิวกาย แสงไฟริบหรี่ของเมืองในยามค่ำคืนดูราวกับหิ่งห้อยตัวกระจ้อยเมื่อมองจากความสูงในระดับนี้  สายฟ้าถูกยิงออกไปอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเป้าหมายก็ชนเข้ากับกำแพงล่องหนเกิดเป็นแสงสีเทอควอยซ์กระพริบวูบไหว ผู้ถูกล่ายังลดระดับลงเรื่อยๆจนใกล้ถึงพื้นดิน สิ่งกีดขวางที่มีมากขึ้นทำให้นกยักษ์เคลื่อนไหวได้ลำบากกว่าเดิม กลายเป็นไต้ฝุ่นขนาดย่อมที่เร็วเกินมามนุษย์จะสังเกตได้

    เมื่อเห็นว่าความเร็วของนกปีศาจลดลง มังกรสีขาวก็พุ่งทะยานขึ้นเหนือน่านฟ้าอีกครั้ง ลมเย็นวูบหนึ่งพัดเข้าใส่ร่างกายที่มีแค่ชุดนอนบางๆจนเซทขนลุก 

       “ฝนจะตกรึไงกัน?”เด็กหนุ่มเบือนหน้าไปตามทิศทางลม ปลายเท้าที่กำลังจะแตะหลังคาด้านล่างพลันชะงัก

     แสงประหลาดพุ่งเป็นเส้นตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเห็นว่าสายฟ้าไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ ผู้กุมบังเหียนปักษาทมิฬจึงตัดสินใจเร่งความเร็วเข้าประชิดตัว มังกรขาวหมุนตัวหลบอีกครั้ง แต่ในจังหวะที่กล่องเหล็กหันลงพื้นทั้งอีกายักษ์และคนที่ควบคุมมันก็ระเบิดกลายเป็นจุล เพลิงสีแดงขยายตัวเหมือนฟองอากาศ ทั้งปีกและหางของมังกรถูกแรงระเบิดจนขาดกระเด็นไป เสียงกรีดร้องของสัตว์สองตัวดังขึ้นพร้อมกับร่างที่กำลังร่วงลงสู่พื้น กล่องสัมภาระหลุดออกจากพันธนาการในที่สุด ของด้านในถูกแรงดึงดูดกระชากหล่นลงไป เสียงหัวเราะน่าสยดสยองมาจากเงาสีดำในเปลวไฟ ราวกับสาสมใจที่ทำหน้าที่ได้ลุล่วง

    วัตถุชิ้นนั้นโอบล้อมด้วยแสงสีน้ำเงินที่มากขึ้นเรื่อยๆตามแรงเสียดทานของอากาศจนดูเหมือนดาวตก 

    เซท! ดูนั่น!ที่ปลายนิ้วมือมีดาวหางที่กำลังพุ่งตัวลงมาด้วยความเร็วสูง มันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและลุกโชนไปด้วยแสงสว่างสีน้ำเงิน มันใกล้มากเสียจนมองเห็นว่าดาวหางขนาดใหญ่เป็นผลึกแก้วสีฟ้าเรืองรอง สวยงามแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    เอ่อ....ชั้นว่ามันกำลังมาทางนี้เด็กสาวเบิกตากว้างเมื่อวัตถุประหลาดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เซทตกตะลึงไปชั่วขณะ ความเร็วของมันทำให้เกิดเสียงกรีดกรายของลม

    เซทระวัง!เด็กหนุ่มได้สติ สะดุ้งตัวจนเผลอทิ้งน้ำหนักลงไป เหวอ!เท้าข้างที่เหยียบโดนผิวเหล็กของรางน้ำฝนลื่นไถลตกลงมาจากหลังคา  พอดีกับวัตถุสว่างจ้าเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูง

    ครืดดดดดดดดดด! ดาวหางสีน้ำเงินพุ่งเฉียดศีรษะไปเพียงไม่กี่เซน มันเสียดเข้ากับตัวบ้านและขุดลากผนังบ้านของเขาไปเป็นทาง ก่อนจะกระเด็นกระดอนออกไปไกลหายเมตร เสียงดังสนั่นที่แยกไม่ออกว่าเป็นเสียงอะไรบ้างดังขึ้นก่อนจะค่อยๆซาลง กลายเป็นเสียงไม้แตกๆแทน ทั้งควันทั้งฝุ่นฟุ้งกระจายเหมือนเกิดไฟไหม้หรือระเบิด ชั่ววินาทีที่ไม่มีใครกล้าขยับหรือเอ่ยอะไรออกมา เซทกองอยู่ตรงพื้นด้านล่าง มองขนาดของมันแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ขณะที่ไม้แผ่นหนึ่งจากด้านบนตกลงมาใส่หัว

    เป็นอะไรรึเปล่า?!เสียงหวานปนความร้อนใจดังด้านบน เขาเห็นเกรซกำลังรวบชายกระโปรงเตรียมจะออกจากบ้านทางลัด อะ..โอเค แค่ตกใจนิดหน่อยเด็กหนุ่มโบกไม้โบกมือให้ ร่างสมส่วนของเด็กวัยกำลังโต ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เจ้าสิ่งนั้นช้าๆ เสียงหัวใจเต้นรัวระทึกไปด้วยความตื่นเต้น

    ด้านหลังของควันที่กำลังจางลงเรื่อยๆคือผลึกแก้วสีฟ้าอ่อนเกือบจะเป็นสีขาว มันเรืองแสงรอบๆเป็นสีน้ำเงิน ใจกลางสว่างจ้าจนต้องหยีตามอง เมื่อดวงตาเริ่มชินกับแสงแล้วเขาก็มองเห็นรอยแตกที่ด้านข้าง มีบางอย่างอยู่ข้างใน เซทขยับเข้าไปใกล้อีกนิดพลางเพ่งมองด้วยความสงสัย

    เด็กหนุ่มตัวแข็ง

    กะ....เกรซ! มานี่หน่อยเจ้าของชื่อกระโดดลงมาทันที เท้าเปลือยเปล่ารีบวิ่งตัดลานบ้านไปยังจุดที่อุกาบาตนอนแน่นิ่งอยู่ ให้ตายเถอะโอดิน....เธออุทาน ดวงตาเบิกโตเช่นเดียวกับเซทที่จ้องตาไม่กระพริบ ทั้งสองยืนนิ่งเหมือนโดนแช่แข็ง จนกระทั่งเสียงโหวกเหวกดังมาจากถนน กลอนประตูหลายอันถูกเปิดและแสงไฟที่สว่างขึ้น พวกเขาหันมามองหน้ากันในทันที

    เสียงฝีเท้าคนร่วมสิบก็ดังอึกทึกไปทั่วและกำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แสงไฟจากตะเกียงและเชิงเทียนส่องสว่าง ผู้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นต่างเดินออกมาทั้งสภาพชุดนอนตะโกนถามกันด้วยความสงสัยจนเสียงคุยเซ็งแซ่ไปหมด ชาวบ้านหลายสิบคนค่อยๆเดินเข้าใกล้กลุ่มควันอย่างช้าๆ พอมีคนหยุดก็หยุดตาม พวกคนที่อยู่ด้านหลังพยายามชะเง้อมองกันเป็นพัลวัน แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

    เซท!หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเงาของเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆวัตถุประหลาด 

    พ่อ!ชายวัยกลางคนรีบสาวเท้าเข้าไปหาลูกชายทันที เขาหยุดมองหินก้อนยักษ์ที่ยังดูระอุอยู่อย่างตกใจ เอ่อ..ผมได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้ดังมากเลยน่ะ เลยเดินมาดูเด็กหนุ่มรีบอธิบายก่อนที่พ่อของเขาจะเอ่ยถามอะไรออกมา 

    แล้วลูกออกมาได้ยังไง?”คนพ่อเอ่ยถาม มองก้อนอุกาบาตสลับกับใบหน้าของลูกชายด้วยความงง 

    หนังสือเรียนตกน่ะ ผมก็เลยลงมาเก็บพลางชูหนังสือเปื้อนโคลนเล่มหนึ่งให้ดู เขาทำหน้านิ่งที่สุดแต่ว่าเหงื่อที่มือแตกพลั่กๆ แถมยิ่งเห็นพ่อของเกรซอยู่ในกลุ่มคนด้านหลังด้วยใจยิ่งเต้นระทึก

    พ่อคะเสียงใสตะโกนลงมาจากด้านบน กราเซียโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างห้องนอนที่อยู่ห่างไปร่วมยี่สิบเมตร เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”เธอทำหน้าตกอกตกใจเมื่อเห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่ เด็กสาวแกล้งมองไปรอบๆ เมื่อสบตากันก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะสายตาจับผิดของบิดา

    ไม่มีอะไร กลับไปนอนซะไป!พ่อของเด็กสาวดุ เธอจึงหดศีรษะกลับไปทันที

    ก่อนที่เพื่อนบ้านจะรุมยิงคำถามใส่เซทรีบหันไปบอกพ่อตนเองด้วยสีหน้าตื่นๆ ผมว่าพ่อดูบ้านก่อนดีไหม?”เขาชี้ไปทางโรงเก็บของที่พังไปเป็นแถบ

     พระเจ้าช่วย!

    ความโกลาหลขนาดย่อมเกิดขึ้น ระหว่างที่ฝูงชนกลุ่มเล็กกำลังวุ่นวายกับเรื่องที่เกิดขึ้น เซทก็หันไปมองที่หน้าต่างห้องนอนซึ่งร่างของเด็กสาวหลบอยู่หลังแนวผ้าม่าน ทั้งสองสบตากันอย่างมีความหมาย พอเธอปิดหน้าต่างลง เด็กหนุ่มจึงค่อยวิ่งเข้าไปยังซากผนังที่เกลื่อนกลาดอยู่กับคนนับสิบ

    ไม่ห่างออกไปเท่าไหร่ที่ด้านหลังของบ้าน กราเซียเปิดหน้าต่างออกและหยิบห่อผ้าที่ถูกวางไว้ในตะกร้าขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆปิดบานหน้าต่างลงอย่างเงียบเชียบ

    และสิ่งที่อยู่ในผ้าไหมชั้นดีนั้น .....คือเด็กทารกคนหนึ่ง



    ....เพียงนาทีแรกที่ได้ยินชื่อของเธอ

    จิตวิญญาณที่หลับไหลในหัวใจของฉันพลันมีชีวิต

    เธอคือเพลงรักที่ไพเราะยิ่งกว่าคำพูดใดๆ

    รักที่เป็นดั่งกุญแจเปิดสู่ประตู

    ที่ซึ่งตัวตนของฉันได้คงอยู่เพื่อมัน....

                   เสียงอ่อนหวานฮัมเพลงกล่อมเด็กซ้ำไปซ้ำมา บทเพลงง่ายๆที่เธอได้ยินมาจากวีเร่ร่อนเมื่อปีที่แล้ว และในอีกสิบปีข้างหน้า ยี่สิบปีหน้าข้างหรือหนึ่งร้อยปีข้างหน้า มันจะกลายเป็นหนึ่งในบทเพลงที่ตราตรึงหัวใจของผู้คนมากที่สุด เช่นเดียวกับเรื่องราวในคืนนี้ คืนที่ดาวหางสีน้ำเงินตกลงมา

    และนั่น...คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 70 ปีก่อน





    **********************************************



    ยินดีต้อนรับค่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×