คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : 15th Tale : ห้องหมายเลข 128
แรกเริ่มสิ่งที่โอมล้อมเขาอยู่คือความมืดสลัว
จนลอเฟย์ไม่แน่ใจว่ามันเป็นห้องที่ถูกต้องหรือไม่ แสงแดดส่องผ่านช่องเพดานลงมาที่ใจกลางของพื้นห้องกระทบกับแผ่นผลึกทางจัสตุรัสที่ฝังเรียงตัวกันอยู่
ห้องนี้มีขนาดเล็กทีเดียวเมื่อนับจากระยะทางไม่ถึงสิบก้าวเท้าก็แตะลงบนแผ่นผลึกแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมองช่องแสงด้านบนที่อยู่สูงขึ้นไป สิ่งที่สร้างความสงสัยมากที่สุดคือก่อนที่จะเข้ามาเขาจำได้ดีว่าห้องอยู่ในส่วนของอาคารที่สูงขึ้นไปเกือบสิบชั้น
ไม่มีทางเลยที่จะสามารถเจาะช่องแสงให้ส่องลงมาได้
“...ห้ะ!”
เด็กหนุ่มยกแขนป้องใบหน้าตามสัญชาติญาณเมื่อแสงสว่างสีฟ้าพุ่งเข้าใส่ใบหน้า
รวดเร็วและรุนแรงไม่ต่างจากสายฟ้าฟาด
ภาพภายในหัวกลายเป็นสีแดงและเขียวสลับกับแสงนั่นวูบวาบไปหมด
สติของเขาถูกดึงไปในอีกมิติหนึ่ง ในที่ที่ตัวตนตระหนักรับรู้เพียงเลือนราง
ลอเฟย์มองเห็นภาพดาวหางสีน้ำเงินเป็นอย่างแรก
การระเบิดของมันแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของเกรซ
ความทรงจำของเขาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันถูกดึงออกมาเล่นซ้ำราวกับภาพวาดขนาดยักษ์ที่ผสมปนเปเข้าไว้ด้วยกันและฉายให้เจ้าของดูอย่างทะลุปุโปร่ง
ทุกฉาก ทุกเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างฉับไวจนถึงคืนสุดท้ายที่เขาอยู่ในฟอร์ลี
ไนทริคยืนอยู่ข้างๆ เขายิ้มบางๆขณะหันมาถามประโยคที่เคยได้ยินแล้วครั้งหนึ่ง
ทว่าเสียงและคำพูดที่ผ่านออกมากลับเป็นเสียงของใครคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก
มันดังกังวานและย้ำลึกลงไปในสมองที่อยู่เหนือการควบคุม
“นายเป็นใคร?”
“ผมไม่รู้”ดาวหางดวงนั้นตกลงมาอีกครั้ง
“นายมาที่นี่เพื่ออะไร?”
คำตอบชัดเจนอยู่ตรงหน้า ลอเฟย์พูดมันออกไปโดยไม่อาจโกหกได้
“ผมอยากรู้...ว่าผมเป็นใคร”
มวลภาพที่วุ่นวายเหล่านั้นถูกดูดกลืนหายไปในความว่างเปล่า
และสีดำสนิทก็ปกคลุมความฝันของเขาอีกครา
เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นก็ต้องเบิกมองกว้างกว่าเดิม
“อะไรกันเนี่ย...?”
เสียงพึมพำเบาหวิว
จากความมืดสลัวในทีแรก
ปรากฏเป็นผนังหินหยาบเป็นก้อนและพื้นดินด้านที่มีเศษฟางโรยอยู่ประปรายไม่ต่างจากยุ้งฉางในฟอร์ลี
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังอยู่ในสวนของนครลอยฟ้า
คงจะไม่ต้องถามแล้วว่าแสงแดดส่องเข้ามาได้อย่างไร
ในเมื่อตอนนี้เขาแทบจะได้ยินเสียงตะโกนทะลุผ่านกะโหลกออกมาด้วยซ้ำ
ที่ไหนกันเนี่ย!
ลอเฟย์ย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นดินแห้งออกไปทางเย็นๆชนิดที่ไม่มีภูมิภาคไหนจะเลียนแบบได้
เขาอาจไม่เคยคาดคิดว่าลัสท์เทรลจะเป็นอย่างไร? แต่เขายอมรับออกมาในวินาทีนี้เองว่ามันเป็นสถานที่ที่ ‘เหนือกว่าทุกความคิด’ แม้ว่าท้องฟ้าจะเป็นสีขาวจ้าเมื่อมองไกลๆ
แต่มองจากแสงแดดที่กระทบกายคงจะเป็นวันที่มีเมฆมากซึ่งไม่ต่างจากสภาพอากาศปกติของเซมิเนียเลย
สิ่งเดียวที่ยังเหมือนเดิมคือห้องทรงกลมแห่งนี้ไม่มีเพดานและผนังต่อกันสูงจนมองไม่เห็นขอบบนสุดเหมือนอยู่ที่ก้นบ่อน้ำ
“อ่า....ให้ตายเถอะโอดิน”เด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายครางเสียงยาน
ความสูงที่ดูเผินๆไม่ต่ำกว่าสามสิบเมตรทำให้ต้องคิดหนัก
ผนังหินธรรมดาที่จะว่าปีนก็ปีนได้แต่แน่นอนว่าไม่ง่ายสำหรับคนขาดการออกกำลังกายหนัก
ถ้าจะทดสอบกำลังกายกันล่ะก็ เห็นทีจะยากเสียแล้ว
ห้องนี้ดูจะเป็นเวทมนตร์อะไรสักอย่าง
ไม่มีทางที่เราจะแว่บกลับมาที่ฟอร์ลีได้เป็นอันขาด
แต่พอคิดถึงตอนที่ตัวเองถูกเหวี่ยงขึ้นมาที่ลัสท์เทรลแล้วเจ้าตัวก็เริ่มปวดหัว
เอ่อ....หรืออาจจะได้? ถ้าที่นี่คือลัสท์เทรลคงไม่ปล่อยให้มีใครมาอดตายอยู่ในนี้
อีกทั้งกลไกต่างๆก็ดูกว้างขวางดี....ถึงจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เถอะ เขาพรูลมหายใจออกขณะทรุดนั่งลงพิงกำแพง
ดวงตาสีน้ำเงินเหม่อมองก้อนเมฆที่คล้อยผ่านไปอย่างเชื่องช้าและตัดสินใจที่จะรอ
รอ....จนกระทั่งเขารอไม่ไหวอีกต่อไป!
กระเพาะที่ไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่เช้าส่งเสียงประท้วงอย่างปวดร้าว
แม้ว่าแสงแดดอ่อนๆจะไม่ทำร้ายส่วนใดพอๆกับที่มันไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม
แต่เด็กหนุ่มกลับถูกความเหนื่อยล้าชนิดหนึ่งพุ่งเข้าโจมตี ลอเฟย์นั่งกอดเข่า
พยายามจะลืมความหิวที่มี หรือว่าเขาต้องปีนขึ้นไปจริงๆ?
ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำส่ายดิกก่อซบหน้าลงกับเข่าของตนเอง
..........
ปีนก็ปีน! ในที่สุดร่างเพรียวก็ลุกขึ้นด้วยอาการหน้ามืด
นี่มันผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ว? ห้าหรือว่าหกที่เขาติดอยู่ในนี้? ลอเฟย์เริ่มเดินวนรอบๆกำแพงที่ดูไม่ต่างกัน
หวังจะส่วนที่พอจะใช้ยึดเกาะได้ “หือ...?......!”จังหวะการเดินเนิบนาบหยุดลงอย่างกระทันหันโดย เขาค้างในท่าก้าวเดินพลางมองลงไปที่เท้าขวา
จากที่ขมวดคิ้วอยู่แล้วยิ่งย่นขึ้นไปอีก
เขาลองกดเท้าลงไปมากกว่าเดิมรู้สึกถึงความนุ่มของดินที่มีอากาศแทรกตัวมากกว่าปกติทั่วไป
ดินที่ความลึกขนาดนี้ควรจะหนักและมีกลิ่นชื้นของฝนมากกว่านี้ เด็กหนุ่มไม่รอช้ากระโดดบนนั้นเต็มแรง
การยุบตัวของพื้นสร้างความตื่นเต้นให้แก่ลอเฟย์ ไม่กี่นาทีถัดมาเขาก็กระโดดไปมาจนทั่วราวกับคนบ้าไม่มีผิด
บางทีทางออกด้านบนอาจจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
แต่อะไรบางอย่างในตัวเขาตัดสินใจให้ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันสุดกู่
เด็กหนุ่มรีบคุกเข่าลง เขาใช้ของในกระเป๋าที่พอหาได้ ยิ่งขูดหน้าดินออกไปมากเท่าไหร่ความชื้นเย็นก็สัมผัสฝ่ามือมากเท่านั้น
ไม่เกินอึดใจเขาก็เปลี่ยนมาใช้มือสองข้างกวาดพื้นตรงหน้าให้เรียบ
ลอเฟย์ฉีกยิ้มทั้งที่เหงื่อซึมใบหน้าเมื่อผิวสัมผัสใต้ฝ่ามือเรียบลื่นอย่างที่หวังเอาไว้
ประตูไม้ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสนอนรออยู่ตรงหน้า
เมื่อเกี่ยวนิ้วเข้าไปในห่วงขึ้นสนิมและยกแผ่นไม้ขึ้น
แสงสีฟ้าก็หวนกลับมาหาเขาอีกครั้ง รวดเร็วและเจิดจ้าไม่ต่างจากหนแรกจนเด็กหนุ่มต้องปิดตาหนีอีกครั้ง
แรงยืดหยุ่นบางอย่างผลักให้ตัวเสไปข้างหลังคล้ายจะหลุดลอยไป
จนภายในตาทั้งหมดดับวูบและร่างกายของเขาร่วงลงมากองที่พื้นในท่าชันเข่าจากความสูงเตี้ยๆในวูบเดียว
ลอเฟย์ค่อยๆกระพริบตา
เขากลับมาในห้องหมายเลขหนึ่งร้อยยี่สิบแปดอีกครั้ง
แสงสว่างจากกระจกบานเดียวอนุญาตให้มองเห็นได้เพียงลางๆ เขาคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจพร้อมกับถอนหายใจยาวๆหนึ่งที โดยไม่ทันสังเกตว่าข้างหน้าเป็นปลายรองเท้าหัวแหลมคู่หนึ่งซึ่งภายหลังจากไล่สายตาขึ้นไปเขาถึงรู้ว่ามันเป็นบูทยาวเกินชายกระโปรงสีแดงเลือดหมูและมือเรียวยาวสองข้างวางพาดกันอย่างเหมาะเจาะสวยงาม
ถือเป็นการกอดอกในท่าทีน่ายำเกรงอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง
ใบหน้าในมุมเสยของเจ้าหล่อนถูกเงาดำปกปิดไว้จากจุดกำเนิดแสงที่มีจำกัด
รังสีสว่างย้อมเส้นผมบางๆชั้นนอกเป็นสีขาวจ้าทอประกายใสราวกับเส้นไหมสีเงิน
แต่น้ำเสียงเข้มงวดทำให้แทบจะเดาสีหน้าของเธอไม่ได้เลย
“ลอเฟย์
ไลน์สเตรนจ์”
“ครับ!”เขากระเด้งตัวขึ้นในทันที
รู้สึกขายหน้าที่ตัวเองนั่งบื้ออยู่ได้นานสองนานโดยไม่รู้สึกถึงอีกฝ่ายเลย
เค้าโครงของแอซไพรส์สาวปรากฏให้เห็นลางๆผ่านกรอบผมยาวสลวยเท่าที่จะเห็นได้เมื่อมองย้อนแสง
“ฉันควรจะบอกว่ายินดีด้วยที่สอบผ่าน”หล่อนก้าวมาข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง เพิ่มแรงกดดันให้เด็กหนุ่มอีกเท่าตัว
บรรยากาศที่ห่อหุ้มผู้หญิงคนนี้ทั้งน่ากลัวเกรงและกดดันราวกับพวกทหารทีเดียว
และไม่ใช่แค่เพียงนายทหารชั้นผู้น้อย
ลอเฟย์จินตนาการไปถึงดาวประดับยศขดมันแวววับแบบที่คนระดับสูงใส่กัน
“ก่อนอื่น
นายเป็นคนแรกที่เจอประตูบานนั้นและเป็นไอ้โง่คนแรกที่ไม่ปีนขึ้นไป”สรรพนามและน้ำเสียงเข้มงวดของหล่อนไม่สื่อความเกรงใจแม้แต่นิดเดียว
หนำซ้ำยังรู้สึกถึงรัศมีอำมหิตที่ชวนกลืนน้ำลายมากกว่าเดิม “ไหนบอกฉันมาสิว่าอะไรทำให้คิดอุตริขุดพื้นขึ้นมา?”
“อะ...เอ่อ”เขารู้สึกได้ว่าเหงื่อที่ชื้นไรผมเมื่อก่อนหน้านี้แตกพลั่กๆเป็นเม็ด “มีคนบอกผมว่าที่นี่เป็นห้องสอบพิเศษ
และสถานการณ์นั้นก็ดูเหมือนไม่ใช่การสอบธรรมดา
อันที่จริงตอนแรกผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีประตูอยู่ตรงนั้น แต่เคิดๆดูแล้ววันนี้มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นโดยเหนือความคาดหมาย
ผมคิดว่าห้องสอบนี้ก็คงไม่อยู่ในข้อละเว้นเหมือนกัน ก็เลย...ลองดูน่ะครับ..ท่าน”
ลอเฟย์ยิ้มแห้งๆ แอบลอบสูดปากกับคำตอบที่ดูไม่ค่อยปะติดปะต่อของตัวเอง
หากแต่หล่อนไม่พูดอะไรต่อเพียงเงียบไปราวกับพิจารณา
“มีคนบอกรึ?”
“คะ...ครับ!”ฝ่ายตรงข้ามเงียบไปอีกครั้ง คนผมดำพึ่งตระหนักว่าเสียงในหัวของเขาตอนนั้นเป็นเสียงของหล่อน
“ยื่นแขนขวามาสิ”อยู่ๆดีหล่อนก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น
แม้จะเป็นประโยคธรรมดาแต่เขาก็สัมผัสได้การออกคำสั่งที่เด็ดขาดแบบปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว
เด็กหนุ่มยื่นแขนออกไปข้างหน้าด้วยท่าทีเก้งก้าง
ไม่แน่ใจว่าเธอจะทำอะไรเมื่อมือขาวซีดที่ยืนออกมาจากปลายแขนเสื้อสีแดงคล้ายจะจับมือของเขา
ทักทายล่ะมั้ง? ทว่าช่วงที่มือทั้งสองข้างกำลังจะสัมผัสกัน
หล่อนกลับเอื้อมเลยออกไปคว้าหมับเข้าที่ข้อมือข้างนั้นอย่างรวดเร็วด้วยแรงที่ผู้ชายแท้ๆยังสะดุ้ง!
“โอ๊ย!”เขาเก็บเสียงไม่ทันเมื่อความเจ็บแปลบพุ่งจากข้อมือทะลุทะลวงผ่านทุกอณูในร่างกาย
กล้ามเนื้อทั่วร่างกระตุกเกร็งขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านพรวดราวกับโดนฟ้าผ่า
ไม่ถึงสามวินาทีเข่าสองข้างก็อ่อนจนแทบล้มทั้งยืนเมื่อกระแสพลังงานนั้นแล่นออกไป
หญิงสาวในชุดทหารยิ้มที่มุมปากก่อนจะปล่อยมือออก มองดูสีหน้าซีดเผือดของลอเฟย์
ควัน! มีควันลอยออกมาจากเนื้อของเขา!
แม้จะไม่มีรอยไหม้เลยก็ตาม
แต่เด็กหนุ่มอดจะสำรวจความปลอดภัยของตัวเองไม่ได้
ที่ข้อมือด้านในมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมใสๆจนผิวเนื้อบริเวณนั้นเหลือบเป็นสีออกเงินเมื่อพลิกไปมา
ด้านในเป็นรอยขีดเล็กๆต่อกันหลายทิศทาง
ปลายแหลมชี้เข้าหาตัวทับอยู่ตำแหน่งเส้นเลือดพอดิบพอดี
“นั่นเป็นข้อมูลของประจำตัว
ถ้ายังคิดว่าที่นี่ใช้ทะเบียนราษฎ์อยู่ล่ะก็โดดกลับไปมิดการ์ดเสียเถอะเจ้าเด็กฟอร์ลี”หล่อนเย้ยพลางก้าวเข้ามาทำลายระยะห่างระหว่างพวกเขา
แผ่นผลึกที่พื้นเรืองแสงขึ้นเมื่อปลายรองเท้าบูทแตะลง
ก่อนที่ทั้งห้องจะค่อยๆสว่างไสว
ส่วนผนังที่เหมือนทำจากแผ่นคริสตัลสีดำเปล่งแสงจากใต้ผิวหนังจนห้องทั้งห้องกลายเป็นกล่องผลึกขนาดมหึมา
ตัวเลขต่างๆเรืองแสงสีฟ้าอ่อนลอยเป็นแนวตั้งอยู่ที่ใจกลางผลึกสามเหลี่ยม ลอเฟย์กวาดสายตาไปทั่วด้วยความตื่นตะลึงที่ดูเหมือนจะไม่น้อยลงสักที
“ที่ฉันบอกว่าฉันควรจะแสดงความยินดี
นั่นเป็นเพราะฉันคิดว่านายโชคร้ายมากกว่า”ใบหน้าสีชมพูขาวซีดปรากฏชัดใต้แสงสว่างใหม่ของห้องหมายเลข
128
เรือนผมสีเงินยาวสลวยล้อมกรอบเครื่องหน้าเด่นคมและดวงตาดุดันของเธอ
ผมสีเงินของเอริเชี่ยน! เขาเคยได้ยินมาว่าแอซไพรส์ทางตะวันออกจะมีผมสีอ่อนเหมือนกับแร่เงิน
เครื่องแบบสีแดงขลิบด้วยแถบเงินติดตรายศอย่างที่คาดไว้
เพียงแต่มันเป็นเครื่องแบบที่เรียบกริบและสง่างามต่างจากที่เคยเห็น
“แต่ฉันก็สะใจกับความโชคร้ายนั่น
ดังนั้นดีใจด้วยลอเฟย์ ไลน์สเตรนจ์ นายได้เข้าสู่ลัสท์เทรลอย่างเป็นทางการแล้ว”หล่อนยิ้มเหยียดให้ มองดูน้องใหม่เอี่ยมที่ยังไม่ตระหนักว่าตัวเองพึ่งเอาเท้าก้าวมาหานรกที่คำว่าเกษียณเป็นยิ่งกว่าสวรรค์
“ขอบคุณครับ!”ลอเฟย์ยิ้มกว้างอย่างไม่คิดจะปิดบังอาการดีใจออกหน้าออกตาของตัวเอง
“ชแฮนเดอร์”สำเนียงหนักและตวัดทำให้เขาใช้เวลาประมวลผลสักพักกว่าจะเข้าใจว่ามันเป็นชื่อของเธอ
ทหารสาวกลับมายืนในท่าตรงอีกครั้งซึ่งทำให้บรรยากาศเมื่อครู่หนักอึ้งขึ้นมาทันที
ประสานมือสองข้างไว้ด้านหลัง ไม่มีการจับมือกับผู้ใต้บังคับบัญชาแม้จะทักทายกัน
“อา...ครั..”
“พรุ่งนี้จะมีการทดสอบย่อยอีกครั้ง
เวลาและสถานที่จะบอกผ่านตราประจำตัวที่ข้อมือในภายหลัง”ชแฮนเดอร์ตัดบทโดยไม่สนใจคำบอกลา
หล่อนเอามือกวาดสี่เหลี่ยมเรืองแสงที่ลอยอยู่จนมันกระจายแล้วถึงเอานิ้วจิ้มไปมาภายใต้สายตาสนอกสนใจของลอเฟย์ “เท่านี้แหล่ะ กลับไปพักผ่อนได้”ผนังด้านหลังของเขาแยกตัวออกเป็นช่องเหมือนตอนที่เข้ามา
ลอเฟย์หันไปมองทิวทันศ์ของสวนที่ตรงข้ามกับบรรยากาศในห้อง สายตากดดันของหญิงสาวทำให้เขาหยุดลังเลที่จะก้าวออกไป
“ขอบคุณมากครับ”เขากล่าวพลางก้มศีรษะให้ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ทันทีที่ฝ่าเท้าสัมผัสพื้นหญ้าและความอบอุ่นของไอแดดผนังก็เรียงตัวกลับมาเหมือนเดิม
เขามองไปในอีกฝั่งของช่องว่างที่ค่อยๆหายไปพร้อมกับผมสีเงินของชแฮนเดอร์จนมันปิดสนิทลงราวกับมายากล
ผนังด้านหลังเรียบสนิทไม่น่าเชื่อว่าไม่กี่นาทีก่อนเขาจะได้ผ่านการสอบในห้องลึกลับ
เขามองข้อมือข้างที่มีตราประทับขึ้นมาดู
มันเปล่งแสงเรืองวาบเป็นสีฟ้าอ่อนเมื่อปรากฏตัวอักษรนอร์สรูปทรงแปลกตา
เขาหายใจช้าๆก่อนกระโดดขึ้นในอากาศด้วยเสียงร้องเสียงดังที่สุดในชีวิต
“สำเร็จ!”
ลอเฟย์ ไลสเตรนจ์ : ลัสท์เทรล
หน่วยงาน : รอการบรรจุ
“เก่งมาก!”
บรรยากาศในห้องทำแผลสดใสขึ้นทันตาเมื่อปรากฏร่างกึ่งๆสะบักสะบอมของลอเฟย์
จาเวิร์ดแสดงความยินดีทันทีที่รู้ว่าเขาสอบผ่าน
ใบหน้าซูบตอบดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อส่งยิ้มให้เขาจากอีกฝั่งของห้อง
ก่อนเดินเข้ามาพร้อมด้วยกล่องปฐมพยาบาลขนาดย่อม
“ขอบคุณครับ...”เด็กหนุ่มห่อไหล่ตอบอย่างเคอะเขิน
เขาหลบสายตาของจาเวิร์ดโดยที่ยังอมยิ้มอยู่ “ข้าเดาตั้งแต่เจ้าร่วงลงมาแล้วว่าต้องได้
คนตกท่าแปลกๆมักจะมีอะไรดีทุกที”เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะนับประโยคนี้เป็นคำชมหรือไม่
“แล้วนี่ไปสอบอะไรมาล่ะ?”
“เอ่อ
คล้ายๆปัญหาเชาว์กระมังครับ?” เขาพยายามตอบให้ชัดเจนและใกล้เคียงที่สุด
“มันน่าจะเป็นสถานการณ์จำลอง...”
“ห้องอะไรล่ะนั่น?”เป็นอีกครั้งที่คำพูดของเขาถูกตัดตอนอย่างรวดเร็ว
“128 ครับ”ลอเฟย์รีบตอบขณะลอบมองนายแพทย์มือดี
“อื้อหือ...อ”ชายหนุ่มฮัมแล้วเงียบไปพักหนึ่ง “หน้าตาเหมือนอยากรู้ว่าท่าไหน”จาเวิร์ดเงยหน้าขึ้นมาสบตาพร้อมเลิกคิ้วข้างหนึ่งกับประโยคที่ไม่เชิงเป็นคำถาม ไอ้ท่านี่คือท่าที่ตกลงมาบนสะพานหรือเปล่า?
“ครับ แต่ผมว่าไม่รู้จะดีกว่า”เขาชะงักกับบทสนทนาที่ไม่ต่อเนื่องกันพลางยิ้มแหยๆให้
“เอาน่ะ
ท่าเจ้าสวย”ก่อนจะเก็บขวดยาลงในกล่องใบเดิม
โดยที่ลอเฟย์ได้แต่ยิ้มด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก
“งั้นเจ้าควรจะเริ่มหาที่นอนได้แล้ว
ถึงช่วงนี้ทีไรโรงแรมเต็มเร็วตลอดเลย”เขาจัดอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่
“ผมพักแรมข้างนอกได้ครับ”ลอเฟย์ตอบทันควัน
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่พัก อันที่จริงเขาไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าต้องเจออะไรบ้าง
ต้องขอบคุณพ่อยอดชายไนทริค
“บ้าเหรอ...อ
เดี๋ยวก็โดนกวาดเป็นขยะหรอก เจ้าน่ะมอมแมมยังกับผ้าขี้ริ้ว”จาเวิร์ดลากเสียงสูงมาจากอีกฝั่งของห้อง
เล่นเอาเด็กหนุ่มจี๊ดถึงขั้วหัวใจ
เขาค้นข้าวของอีกสักพักแล้วกลับมาพร้อมกับย่ามคู่ใจของลอเฟย์
“ข้าก็บอกแล้วว่าให้นอนในห้องเก็บของ”ชายหนุ่มกลอกตา ย่ามสัมภาระถูกโยนปุลงตรงหน้า
“ขอบคุณครับ
แต่ผมเกรงใจคุณ”นอกจากเรื่องความสกปรกที่ต่ำกว่ามาตรฐานของลัสท์เทรลแล้วเขายังเป็นเพียงเด็กใหม่บ้านๆที่ไม่เจ็บป่วยอะไรทางชีวภาพแม้แต่นิดเดียว
แต่ก็สร้างงานให้นายเพทย์หนุ่มไปแล้วถึงสองครั้งในวันเดียวทำให้ลอเฟย์กระอักกระอ่วนใจเป็นเท่าตัว
ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะดูออก จากสายตาแหลมคมหลังกรอบแว่นที่คล้ายจะยิ้ม
“ข้าถูกโฉลกกับเจ้าหรอกถึงชวน”จาเวิร์ดยิ้มกริ่มให้
“ผมพอมีเงินติดตัวมาบ้าง แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้....”เด็กหนุ่มปฏิเสธด้วยท่าทีประนีประนอม
นึกขอบคุณน้ำใจของแอสไพรส์คนแรกที่เจอ แต่กลับโดยน้ำเสียงนุ่มพลิ้วตวัดถามทันที
“เท่าไหร่?”
“ราวๆ 2,000 มิเกลด์ครับ”
“ข้าให้ 200,000 มิเกลด์เจ้าก็ไม่มีที่นอน
ที่นี่ไม่ได้ใช้มิดการ์ดคอยน์นะเจ้าหนู เอ้อ..ยกเว้นเจ้าจะมีซักสองล้านค่อยว่ากัน”จาเวิร์ดส่ายหน้าพลางถอนหายใจด้วยรอยยิ้มบางๆที่ดูเกือบจะกวนประสาทในสายตาลอเฟย์
ถ้าไม่ติดว่าเขาตะลึงจนนั่งเบิกตาโพลงโดยพูดอะไรไม่ออกกับจำนวนเลขศูนย์ที่มากถึงหกหลัก
โอ้ ไนทริค!!
“งั้นสรุปว่าเจ้าไปนอนในห้องเก็บของละกัน
ถึงจะบอกว่าเป็นห้องเก็บของแต่มันสะอาดพอใช้ได้ทีเดียว
...อย่างน้อยก็แห้งและไม่มีกลิ่น”เขาตวัดหางตาไปทางลอเฟย์เป็นเชิงจิกกัดเรื่องอนามัยเล็กๆน้อยๆ
จาเวิร์ดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทีอายแทบม้วนหนีของลอเฟย์ผู้ที่ปลอบใจตนเองว่าไม่มีใครอาบน้ำระหว่างเดินทางไกลหรอกน่า...
สีอึมครึมที่มากกว่าจุดอื่นๆของทางเดินเก่าไม่ทำให้ลอเฟย์รู้สึกว่ามันสวยน้อยลง
ด้านในของศูนย์เยียวยานำไปสู่ห้องใต้หลังตาที่อยู่เกือบชั้นบนสุดของอาคาร
ซึ่งทำให้มันติดกับหลังคาอย่างแท้จริง ระหว่างการเดินของพวกเขา
จาเวิร์ดเล่าเรื่องสัพเพเหระด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ปนจะขำ
ตั้งแต่การเริ่มต้นชีวิตประจำวัน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
“เอ้า เข้ามาสิ
ห้องระดับหนึ่งดาว แต่ก็ถือว่าได้นอนในวังเชียวนะ”
แสงแดดจากหน้าต่างสามบานซึ่งอยู่สูงติดเพดานและผนังหินสีเทา
ฉายเป็นเส้นตรงจับบรรยากาศในห้องขมุกขมัวได้ลางๆ
เขาเห็นละอองฝุ่นลอยอ้อยอิ่งภายใต้แสงสีฟ้าอ่อน
โต๊ะไม้หนาตั้งแข็งแรงอยู่ที่กลางห้อง ด้านบนมีตะเกียงและเชิงเทียนวางอยู่
ห้องเก็บของของจาเวิร์ดไม่กว้างขวางมากมายนัก
ถัดจากผนังด้านขวาไปมีบนไดเล็กๆไปสู่ชั้นลอยที่มองเห็นระแนงไม้กั้นเอาไว้ได้เล็กน้อย
พื้นที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งของนานาชนิดไม่เสียชื่อที่เป็นของเก็บของต่างจากด้านล่างที่มีหนังสือกองอยู่ประปรายเท่านั้น
“ใช้ได้เลยใช่ไหม? สำหรับคนที่ไม่แพ้ฝุ่นล่ะนะ
ปัดกวาดสักหน่อยก็อยู่ได้ฟรีๆ”คุณหมอดูคล้ายจะภูมิใจกับห้องขณะที่ไล่นิ้วตามชั้นหนังสือเก่าไปเรื่อยเปื่อย
“ขอบคุณมากครับ ผมจะทำความสะอาดให้แน่นอน”เด็กหนุ่มกล่าวตอบด้วยความกระตือรือร้น “ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้
เจ้าเหลือตรงนั้นเอาไว้ดีกว่า ห้ามขึ้นไปยุ่งกับมันเด็ดขาดเลยนะ”ความ
เป็นมิตรของเขาตอบรับน้ำใจจากลอเฟย์
จาเวิร์ดชี้ไปที่ชั้นลอยพลางขำขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าเริ่มจะจามก็ลงมาหาข้าที่ห้องยาก็แล้วกัน”ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ ร่างผอมสูงก็หายลับไปตามทางเดิม
ปล่อยลอเฟย์ไว้กับความสงสัยในสาขางานของคุณหมออารมณ์ดี
เมื่อความสงบครอบคลุมอีกครั้ง
สายตาของเขาไล่มองรูปทรงของก้อนหินในผนัง ขอบหน้าต่างอาบเรืองด้วยแสงสีน้ำเงิน
สว่างจ้าและเยือกเย็น ลอเฟย์ทรุดนั่งลงกับพื้น
ในแสงสีขาวนั้นเขาเห็นภาพของชแฮนเดอร์และเรือนผมสีเงินยวงของเธอ
แนวแสงโลมเลียเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มเมื่อเขานอนแผ่ราบลงกับพื้น
เส้นผมสีดำกระจายไม่เป็นทรงราวกับรากไม้ซึมซับความเย็นของพื้นหิน
ในประกายของไพลินคู่นั้นฉายภาพซ้ำไปมาในแสงสีขาว
นกหวีดของเกรซกลิ้งออกมานอกคอเสื้อ เขาหยิบมาขึ้นมาเป่า
เสียงสูงละมุนของฟอร์ลีดังกังวานในห้องเก็บของเก่า ในโทนที่มั่นคงและเนิ่นนาน
เขาเหมือนกับได้ยินเสียงเพลงของวันเก็บเกี่ยวดังสอดประสานท่วงทำนองเฉลิมฉลองมาจากที่ไกลๆ
ลอเฟย์นิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
----------------------------------------------------
นักอ่านหน้าใหม่ก็คอมเม้นท์กันได้นะค้า
ความคิดเห็น