ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Elysium : The Lost Sky

    ลำดับตอนที่ #17 : 15th Tale : ห้องหมายเลข 128

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 591
      1
      15 ก.ย. 58

    แรกเริ่มสิ่งที่โอมล้อมเขาอยู่คือความมืดสลัว จนลอเฟย์ไม่แน่ใจว่ามันเป็นห้องที่ถูกต้องหรือไม่ แสงแดดส่องผ่านช่องเพดานลงมาที่ใจกลางของพื้นห้องกระทบกับแผ่นผลึกทางจัสตุรัสที่ฝังเรียงตัวกันอยู่ ห้องนี้มีขนาดเล็กทีเดียวเมื่อนับจากระยะทางไม่ถึงสิบก้าวเท้าก็แตะลงบนแผ่นผลึกแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองช่องแสงด้านบนที่อยู่สูงขึ้นไป สิ่งที่สร้างความสงสัยมากที่สุดคือก่อนที่จะเข้ามาเขาจำได้ดีว่าห้องอยู่ในส่วนของอาคารที่สูงขึ้นไปเกือบสิบชั้น ไม่มีทางเลยที่จะสามารถเจาะช่องแสงให้ส่องลงมาได้

     “...ห้ะ!”

    เด็กหนุ่มยกแขนป้องใบหน้าตามสัญชาติญาณเมื่อแสงสว่างสีฟ้าพุ่งเข้าใส่ใบหน้า รวดเร็วและรุนแรงไม่ต่างจากสายฟ้าฟาด ภาพภายในหัวกลายเป็นสีแดงและเขียวสลับกับแสงนั่นวูบวาบไปหมด สติของเขาถูกดึงไปในอีกมิติหนึ่ง ในที่ที่ตัวตนตระหนักรับรู้เพียงเลือนราง

    ลอเฟย์มองเห็นภาพดาวหางสีน้ำเงินเป็นอย่างแรก การระเบิดของมันแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของเกรซ ความทรงจำของเขาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันถูกดึงออกมาเล่นซ้ำราวกับภาพวาดขนาดยักษ์ที่ผสมปนเปเข้าไว้ด้วยกันและฉายให้เจ้าของดูอย่างทะลุปุโปร่ง ทุกฉาก ทุกเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างฉับไวจนถึงคืนสุดท้ายที่เขาอยู่ในฟอร์ลี ไนทริคยืนอยู่ข้างๆ เขายิ้มบางๆขณะหันมาถามประโยคที่เคยได้ยินแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าเสียงและคำพูดที่ผ่านออกมากลับเป็นเสียงของใครคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก มันดังกังวานและย้ำลึกลงไปในสมองที่อยู่เหนือการควบคุม

    “นายเป็นใคร?”

    “ผมไม่รู้”ดาวหางดวงนั้นตกลงมาอีกครั้ง

    “นายมาที่นี่เพื่ออะไร?”

    คำตอบชัดเจนอยู่ตรงหน้า ลอเฟย์พูดมันออกไปโดยไม่อาจโกหกได้ “ผมอยากรู้...ว่าผมเป็นใคร” มวลภาพที่วุ่นวายเหล่านั้นถูกดูดกลืนหายไปในความว่างเปล่า และสีดำสนิทก็ปกคลุมความฝันของเขาอีกครา เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นก็ต้องเบิกมองกว้างกว่าเดิม

    อะไรกันเนี่ย...?”

    เสียงพึมพำเบาหวิว จากความมืดสลัวในทีแรก ปรากฏเป็นผนังหินหยาบเป็นก้อนและพื้นดินด้านที่มีเศษฟางโรยอยู่ประปรายไม่ต่างจากยุ้งฉางในฟอร์ลี เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังอยู่ในสวนของนครลอยฟ้า คงจะไม่ต้องถามแล้วว่าแสงแดดส่องเข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เขาแทบจะได้ยินเสียงตะโกนทะลุผ่านกะโหลกออกมาด้วยซ้ำ

    ที่ไหนกันเนี่ย!

    ลอเฟย์ย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นดินแห้งออกไปทางเย็นๆชนิดที่ไม่มีภูมิภาคไหนจะเลียนแบบได้ เขาอาจไม่เคยคาดคิดว่าลัสท์เทรลจะเป็นอย่างไร? แต่เขายอมรับออกมาในวินาทีนี้เองว่ามันเป็นสถานที่ที่ เหนือกว่าทุกความคิด แม้ว่าท้องฟ้าจะเป็นสีขาวจ้าเมื่อมองไกลๆ แต่มองจากแสงแดดที่กระทบกายคงจะเป็นวันที่มีเมฆมากซึ่งไม่ต่างจากสภาพอากาศปกติของเซมิเนียเลย

    สิ่งเดียวที่ยังเหมือนเดิมคือห้องทรงกลมแห่งนี้ไม่มีเพดานและผนังต่อกันสูงจนมองไม่เห็นขอบบนสุดเหมือนอยู่ที่ก้นบ่อน้ำ

    อ่า....ให้ตายเถอะโอดินเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายครางเสียงยาน

    ความสูงที่ดูเผินๆไม่ต่ำกว่าสามสิบเมตรทำให้ต้องคิดหนัก ผนังหินธรรมดาที่จะว่าปีนก็ปีนได้แต่แน่นอนว่าไม่ง่ายสำหรับคนขาดการออกกำลังกายหนัก ถ้าจะทดสอบกำลังกายกันล่ะก็ เห็นทีจะยากเสียแล้ว

    ห้องนี้ดูจะเป็นเวทมนตร์อะไรสักอย่าง ไม่มีทางที่เราจะแว่บกลับมาที่ฟอร์ลีได้เป็นอันขาด แต่พอคิดถึงตอนที่ตัวเองถูกเหวี่ยงขึ้นมาที่ลัสท์เทรลแล้วเจ้าตัวก็เริ่มปวดหัว เอ่อ....หรืออาจจะได้? ถ้าที่นี่คือลัสท์เทรลคงไม่ปล่อยให้มีใครมาอดตายอยู่ในนี้ อีกทั้งกลไกต่างๆก็ดูกว้างขวางดี....ถึงจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เถอะ เขาพรูลมหายใจออกขณะทรุดนั่งลงพิงกำแพง ดวงตาสีน้ำเงินเหม่อมองก้อนเมฆที่คล้อยผ่านไปอย่างเชื่องช้าและตัดสินใจที่จะรอ

    รอ....จนกระทั่งเขารอไม่ไหวอีกต่อไป! กระเพาะที่ไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่เช้าส่งเสียงประท้วงอย่างปวดร้าว แม้ว่าแสงแดดอ่อนๆจะไม่ทำร้ายส่วนใดพอๆกับที่มันไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่เด็กหนุ่มกลับถูกความเหนื่อยล้าชนิดหนึ่งพุ่งเข้าโจมตี ลอเฟย์นั่งกอดเข่า พยายามจะลืมความหิวที่มี หรือว่าเขาต้องปีนขึ้นไปจริงๆ? ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำส่ายดิกก่อซบหน้าลงกับเข่าของตนเอง

    ..........

    ปีนก็ปีน! ในที่สุดร่างเพรียวก็ลุกขึ้นด้วยอาการหน้ามืด นี่มันผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ว? ห้าหรือว่าหกที่เขาติดอยู่ในนี้? ลอเฟย์เริ่มเดินวนรอบๆกำแพงที่ดูไม่ต่างกัน หวังจะส่วนที่พอจะใช้ยึดเกาะได้ หือ...?......!”จังหวะการเดินเนิบนาบหยุดลงอย่างกระทันหันโดย เขาค้างในท่าก้าวเดินพลางมองลงไปที่เท้าขวา จากที่ขมวดคิ้วอยู่แล้วยิ่งย่นขึ้นไปอีก เขาลองกดเท้าลงไปมากกว่าเดิมรู้สึกถึงความนุ่มของดินที่มีอากาศแทรกตัวมากกว่าปกติทั่วไป ดินที่ความลึกขนาดนี้ควรจะหนักและมีกลิ่นชื้นของฝนมากกว่านี้ เด็กหนุ่มไม่รอช้ากระโดดบนนั้นเต็มแรง การยุบตัวของพื้นสร้างความตื่นเต้นให้แก่ลอเฟย์ ไม่กี่นาทีถัดมาเขาก็กระโดดไปมาจนทั่วราวกับคนบ้าไม่มีผิด

    บางทีทางออกด้านบนอาจจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด แต่อะไรบางอย่างในตัวเขาตัดสินใจให้ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกันสุดกู่ เด็กหนุ่มรีบคุกเข่าลง เขาใช้ของในกระเป๋าที่พอหาได้ ยิ่งขูดหน้าดินออกไปมากเท่าไหร่ความชื้นเย็นก็สัมผัสฝ่ามือมากเท่านั้น ไม่เกินอึดใจเขาก็เปลี่ยนมาใช้มือสองข้างกวาดพื้นตรงหน้าให้เรียบ ลอเฟย์ฉีกยิ้มทั้งที่เหงื่อซึมใบหน้าเมื่อผิวสัมผัสใต้ฝ่ามือเรียบลื่นอย่างที่หวังเอาไว้

    ประตูไม้ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสนอนรออยู่ตรงหน้า เมื่อเกี่ยวนิ้วเข้าไปในห่วงขึ้นสนิมและยกแผ่นไม้ขึ้น แสงสีฟ้าก็หวนกลับมาหาเขาอีกครั้ง รวดเร็วและเจิดจ้าไม่ต่างจากหนแรกจนเด็กหนุ่มต้องปิดตาหนีอีกครั้ง แรงยืดหยุ่นบางอย่างผลักให้ตัวเสไปข้างหลังคล้ายจะหลุดลอยไป จนภายในตาทั้งหมดดับวูบและร่างกายของเขาร่วงลงมากองที่พื้นในท่าชันเข่าจากความสูงเตี้ยๆในวูบเดียว

    ลอเฟย์ค่อยๆกระพริบตา  เขากลับมาในห้องหมายเลขหนึ่งร้อยยี่สิบแปดอีกครั้ง แสงสว่างจากกระจกบานเดียวอนุญาตให้มองเห็นได้เพียงลางๆ เขาคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจพร้อมกับถอนหายใจยาวๆหนึ่งที โดยไม่ทันสังเกตว่าข้างหน้าเป็นปลายรองเท้าหัวแหลมคู่หนึ่งซึ่งภายหลังจากไล่สายตาขึ้นไปเขาถึงรู้ว่ามันเป็นบูทยาวเกินชายกระโปรงสีแดงเลือดหมูและมือเรียวยาวสองข้างวางพาดกันอย่างเหมาะเจาะสวยงาม ถือเป็นการกอดอกในท่าทีน่ายำเกรงอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง

    ใบหน้าในมุมเสยของเจ้าหล่อนถูกเงาดำปกปิดไว้จากจุดกำเนิดแสงที่มีจำกัด รังสีสว่างย้อมเส้นผมบางๆชั้นนอกเป็นสีขาวจ้าทอประกายใสราวกับเส้นไหมสีเงิน แต่น้ำเสียงเข้มงวดทำให้แทบจะเดาสีหน้าของเธอไม่ได้เลย

    ลอเฟย์ ไลน์สเตรนจ์

    ครับ!”เขากระเด้งตัวขึ้นในทันที รู้สึกขายหน้าที่ตัวเองนั่งบื้ออยู่ได้นานสองนานโดยไม่รู้สึกถึงอีกฝ่ายเลย เค้าโครงของแอซไพรส์สาวปรากฏให้เห็นลางๆผ่านกรอบผมยาวสลวยเท่าที่จะเห็นได้เมื่อมองย้อนแสง

    ฉันควรจะบอกว่ายินดีด้วยที่สอบผ่านหล่อนก้าวมาข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง เพิ่มแรงกดดันให้เด็กหนุ่มอีกเท่าตัว บรรยากาศที่ห่อหุ้มผู้หญิงคนนี้ทั้งน่ากลัวเกรงและกดดันราวกับพวกทหารทีเดียว และไม่ใช่แค่เพียงนายทหารชั้นผู้น้อย ลอเฟย์จินตนาการไปถึงดาวประดับยศขดมันแวววับแบบที่คนระดับสูงใส่กัน

    ก่อนอื่น นายเป็นคนแรกที่เจอประตูบานนั้นและเป็นไอ้โง่คนแรกที่ไม่ปีนขึ้นไปสรรพนามและน้ำเสียงเข้มงวดของหล่อนไม่สื่อความเกรงใจแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำยังรู้สึกถึงรัศมีอำมหิตที่ชวนกลืนน้ำลายมากกว่าเดิม ไหนบอกฉันมาสิว่าอะไรทำให้คิดอุตริขุดพื้นขึ้นมา?”

    อะ...เอ่อเขารู้สึกได้ว่าเหงื่อที่ชื้นไรผมเมื่อก่อนหน้านี้แตกพลั่กๆเป็นเม็ด มีคนบอกผมว่าที่นี่เป็นห้องสอบพิเศษ และสถานการณ์นั้นก็ดูเหมือนไม่ใช่การสอบธรรมดา อันที่จริงตอนแรกผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีประตูอยู่ตรงนั้น แต่เคิดๆดูแล้ววันนี้มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นโดยเหนือความคาดหมาย ผมคิดว่าห้องสอบนี้ก็คงไม่อยู่ในข้อละเว้นเหมือนกัน ก็เลย...ลองดูน่ะครับ..ท่านลอเฟย์ยิ้มแห้งๆ แอบลอบสูดปากกับคำตอบที่ดูไม่ค่อยปะติดปะต่อของตัวเอง หากแต่หล่อนไม่พูดอะไรต่อเพียงเงียบไปราวกับพิจารณา

    มีคนบอกรึ?”

    คะ...ครับ!”ฝ่ายตรงข้ามเงียบไปอีกครั้ง คนผมดำพึ่งตระหนักว่าเสียงในหัวของเขาตอนนั้นเป็นเสียงของหล่อน

    ยื่นแขนขวามาสิอยู่ๆดีหล่อนก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น แม้จะเป็นประโยคธรรมดาแต่เขาก็สัมผัสได้การออกคำสั่งที่เด็ดขาดแบบปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว เด็กหนุ่มยื่นแขนออกไปข้างหน้าด้วยท่าทีเก้งก้าง ไม่แน่ใจว่าเธอจะทำอะไรเมื่อมือขาวซีดที่ยืนออกมาจากปลายแขนเสื้อสีแดงคล้ายจะจับมือของเขา

    ทักทายล่ะมั้ง? ทว่าช่วงที่มือทั้งสองข้างกำลังจะสัมผัสกัน หล่อนกลับเอื้อมเลยออกไปคว้าหมับเข้าที่ข้อมือข้างนั้นอย่างรวดเร็วด้วยแรงที่ผู้ชายแท้ๆยังสะดุ้ง!

    โอ๊ย!”เขาเก็บเสียงไม่ทันเมื่อความเจ็บแปลบพุ่งจากข้อมือทะลุทะลวงผ่านทุกอณูในร่างกาย กล้ามเนื้อทั่วร่างกระตุกเกร็งขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านพรวดราวกับโดนฟ้าผ่า ไม่ถึงสามวินาทีเข่าสองข้างก็อ่อนจนแทบล้มทั้งยืนเมื่อกระแสพลังงานนั้นแล่นออกไป หญิงสาวในชุดทหารยิ้มที่มุมปากก่อนจะปล่อยมือออก มองดูสีหน้าซีดเผือดของลอเฟย์

    ควัน! มีควันลอยออกมาจากเนื้อของเขา!

    แม้จะไม่มีรอยไหม้เลยก็ตาม แต่เด็กหนุ่มอดจะสำรวจความปลอดภัยของตัวเองไม่ได้ ที่ข้อมือด้านในมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมใสๆจนผิวเนื้อบริเวณนั้นเหลือบเป็นสีออกเงินเมื่อพลิกไปมา ด้านในเป็นรอยขีดเล็กๆต่อกันหลายทิศทาง ปลายแหลมชี้เข้าหาตัวทับอยู่ตำแหน่งเส้นเลือดพอดิบพอดี

    นั่นเป็นข้อมูลของประจำตัว ถ้ายังคิดว่าที่นี่ใช้ทะเบียนราษฎ์อยู่ล่ะก็โดดกลับไปมิดการ์ดเสียเถอะเจ้าเด็กฟอร์ลีหล่อนเย้ยพลางก้าวเข้ามาทำลายระยะห่างระหว่างพวกเขา แผ่นผลึกที่พื้นเรืองแสงขึ้นเมื่อปลายรองเท้าบูทแตะลง ก่อนที่ทั้งห้องจะค่อยๆสว่างไสว ส่วนผนังที่เหมือนทำจากแผ่นคริสตัลสีดำเปล่งแสงจากใต้ผิวหนังจนห้องทั้งห้องกลายเป็นกล่องผลึกขนาดมหึมา ตัวเลขต่างๆเรืองแสงสีฟ้าอ่อนลอยเป็นแนวตั้งอยู่ที่ใจกลางผลึกสามเหลี่ยม ลอเฟย์กวาดสายตาไปทั่วด้วยความตื่นตะลึงที่ดูเหมือนจะไม่น้อยลงสักที

    ที่ฉันบอกว่าฉันควรจะแสดงความยินดี นั่นเป็นเพราะฉันคิดว่านายโชคร้ายมากกว่าใบหน้าสีชมพูขาวซีดปรากฏชัดใต้แสงสว่างใหม่ของห้องหมายเลข 128 เรือนผมสีเงินยาวสลวยล้อมกรอบเครื่องหน้าเด่นคมและดวงตาดุดันของเธอ

    ผมสีเงินของเอริเชี่ยน! เขาเคยได้ยินมาว่าแอซไพรส์ทางตะวันออกจะมีผมสีอ่อนเหมือนกับแร่เงิน เครื่องแบบสีแดงขลิบด้วยแถบเงินติดตรายศอย่างที่คาดไว้ เพียงแต่มันเป็นเครื่องแบบที่เรียบกริบและสง่างามต่างจากที่เคยเห็น

    แต่ฉันก็สะใจกับความโชคร้ายนั่น ดังนั้นดีใจด้วยลอเฟย์ ไลน์สเตรนจ์ นายได้เข้าสู่ลัสท์เทรลอย่างเป็นทางการแล้วหล่อนยิ้มเหยียดให้ มองดูน้องใหม่เอี่ยมที่ยังไม่ตระหนักว่าตัวเองพึ่งเอาเท้าก้าวมาหานรกที่คำว่าเกษียณเป็นยิ่งกว่าสวรรค์

    ขอบคุณครับ!”ลอเฟย์ยิ้มกว้างอย่างไม่คิดจะปิดบังอาการดีใจออกหน้าออกตาของตัวเอง

    ชแฮนเดอร์สำเนียงหนักและตวัดทำให้เขาใช้เวลาประมวลผลสักพักกว่าจะเข้าใจว่ามันเป็นชื่อของเธอ ทหารสาวกลับมายืนในท่าตรงอีกครั้งซึ่งทำให้บรรยากาศเมื่อครู่หนักอึ้งขึ้นมาทันที ประสานมือสองข้างไว้ด้านหลัง ไม่มีการจับมือกับผู้ใต้บังคับบัญชาแม้จะทักทายกัน

    อา...ครั..

    พรุ่งนี้จะมีการทดสอบย่อยอีกครั้ง เวลาและสถานที่จะบอกผ่านตราประจำตัวที่ข้อมือในภายหลังชแฮนเดอร์ตัดบทโดยไม่สนใจคำบอกลา หล่อนเอามือกวาดสี่เหลี่ยมเรืองแสงที่ลอยอยู่จนมันกระจายแล้วถึงเอานิ้วจิ้มไปมาภายใต้สายตาสนอกสนใจของลอเฟย์ เท่านี้แหล่ะ กลับไปพักผ่อนได้ผนังด้านหลังของเขาแยกตัวออกเป็นช่องเหมือนตอนที่เข้ามา ลอเฟย์หันไปมองทิวทันศ์ของสวนที่ตรงข้ามกับบรรยากาศในห้อง สายตากดดันของหญิงสาวทำให้เขาหยุดลังเลที่จะก้าวออกไป

    ขอบคุณมากครับเขากล่าวพลางก้มศีรษะให้ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ทันทีที่ฝ่าเท้าสัมผัสพื้นหญ้าและความอบอุ่นของไอแดดผนังก็เรียงตัวกลับมาเหมือนเดิม เขามองไปในอีกฝั่งของช่องว่างที่ค่อยๆหายไปพร้อมกับผมสีเงินของชแฮนเดอร์จนมันปิดสนิทลงราวกับมายากล

    ผนังด้านหลังเรียบสนิทไม่น่าเชื่อว่าไม่กี่นาทีก่อนเขาจะได้ผ่านการสอบในห้องลึกลับ เขามองข้อมือข้างที่มีตราประทับขึ้นมาดู มันเปล่งแสงเรืองวาบเป็นสีฟ้าอ่อนเมื่อปรากฏตัวอักษรนอร์สรูปทรงแปลกตา

    เขาหายใจช้าๆก่อนกระโดดขึ้นในอากาศด้วยเสียงร้องเสียงดังที่สุดในชีวิต

    สำเร็จ!

    ลอเฟย์ ไลสเตรนจ์ : ลัสท์เทรล

    หน่วยงาน : รอการบรรจุ

     

                “เก่งมาก!

    บรรยากาศในห้องทำแผลสดใสขึ้นทันตาเมื่อปรากฏร่างกึ่งๆสะบักสะบอมของลอเฟย์ จาเวิร์ดแสดงความยินดีทันทีที่รู้ว่าเขาสอบผ่าน ใบหน้าซูบตอบดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อส่งยิ้มให้เขาจากอีกฝั่งของห้อง ก่อนเดินเข้ามาพร้อมด้วยกล่องปฐมพยาบาลขนาดย่อม

                “ขอบคุณครับ...เด็กหนุ่มห่อไหล่ตอบอย่างเคอะเขิน เขาหลบสายตาของจาเวิร์ดโดยที่ยังอมยิ้มอยู่ ข้าเดาตั้งแต่เจ้าร่วงลงมาแล้วว่าต้องได้ คนตกท่าแปลกๆมักจะมีอะไรดีทุกทีเขาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะนับประโยคนี้เป็นคำชมหรือไม่

    แล้วนี่ไปสอบอะไรมาล่ะ?”

    เอ่อ คล้ายๆปัญหาเชาว์กระมังครับ?เขาพยายามตอบให้ชัดเจนและใกล้เคียงที่สุด มันน่าจะเป็นสถานการณ์จำลอง...

    ห้องอะไรล่ะนั่น?”เป็นอีกครั้งที่คำพูดของเขาถูกตัดตอนอย่างรวดเร็ว

    128 ครับลอเฟย์รีบตอบขณะลอบมองนายแพทย์มือดี

    อื้อหือ...อชายหนุ่มฮัมแล้วเงียบไปพักหนึ่ง หน้าตาเหมือนอยากรู้ว่าท่าไหนจาเวิร์ดเงยหน้าขึ้นมาสบตาพร้อมเลิกคิ้วข้างหนึ่งกับประโยคที่ไม่เชิงเป็นคำถาม ไอ้ท่านี่คือท่าที่ตกลงมาบนสะพานหรือเปล่า?

                “ครับ แต่ผมว่าไม่รู้จะดีกว่าเขาชะงักกับบทสนทนาที่ไม่ต่อเนื่องกันพลางยิ้มแหยๆให้

    เอาน่ะ ท่าเจ้าสวยก่อนจะเก็บขวดยาลงในกล่องใบเดิม โดยที่ลอเฟย์ได้แต่ยิ้มด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก

                “งั้นเจ้าควรจะเริ่มหาที่นอนได้แล้ว ถึงช่วงนี้ทีไรโรงแรมเต็มเร็วตลอดเลยเขาจัดอุปกรณ์ทุกอย่างให้เข้าที่ ผมพักแรมข้างนอกได้ครับลอเฟย์ตอบทันควัน เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่พัก อันที่จริงเขาไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าต้องเจออะไรบ้าง ต้องขอบคุณพ่อยอดชายไนทริค

    บ้าเหรอ...อ เดี๋ยวก็โดนกวาดเป็นขยะหรอก เจ้าน่ะมอมแมมยังกับผ้าขี้ริ้วจาเวิร์ดลากเสียงสูงมาจากอีกฝั่งของห้อง เล่นเอาเด็กหนุ่มจี๊ดถึงขั้วหัวใจ เขาค้นข้าวของอีกสักพักแล้วกลับมาพร้อมกับย่ามคู่ใจของลอเฟย์

    ข้าก็บอกแล้วว่าให้นอนในห้องเก็บของชายหนุ่มกลอกตา ย่ามสัมภาระถูกโยนปุลงตรงหน้า

    ขอบคุณครับ แต่ผมเกรงใจคุณนอกจากเรื่องความสกปรกที่ต่ำกว่ามาตรฐานของลัสท์เทรลแล้วเขายังเป็นเพียงเด็กใหม่บ้านๆที่ไม่เจ็บป่วยอะไรทางชีวภาพแม้แต่นิดเดียว แต่ก็สร้างงานให้นายเพทย์หนุ่มไปแล้วถึงสองครั้งในวันเดียวทำให้ลอเฟย์กระอักกระอ่วนใจเป็นเท่าตัว ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะดูออก จากสายตาแหลมคมหลังกรอบแว่นที่คล้ายจะยิ้ม

                “ข้าถูกโฉลกกับเจ้าหรอกถึงชวนจาเวิร์ดยิ้มกริ่มให้

                “ผมพอมีเงินติดตัวมาบ้าง แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้....เด็กหนุ่มปฏิเสธด้วยท่าทีประนีประนอม นึกขอบคุณน้ำใจของแอสไพรส์คนแรกที่เจอ แต่กลับโดยน้ำเสียงนุ่มพลิ้วตวัดถามทันที

                “เท่าไหร่?”

                “ราวๆ 2,000 มิเกลด์ครับ

                “ข้าให้ 200,000 มิเกลด์เจ้าก็ไม่มีที่นอน ที่นี่ไม่ได้ใช้มิดการ์ดคอยน์นะเจ้าหนู เอ้อ..ยกเว้นเจ้าจะมีซักสองล้านค่อยว่ากันจาเวิร์ดส่ายหน้าพลางถอนหายใจด้วยรอยยิ้มบางๆที่ดูเกือบจะกวนประสาทในสายตาลอเฟย์ ถ้าไม่ติดว่าเขาตะลึงจนนั่งเบิกตาโพลงโดยพูดอะไรไม่ออกกับจำนวนเลขศูนย์ที่มากถึงหกหลัก

                โอ้ ไนทริค!!

                “งั้นสรุปว่าเจ้าไปนอนในห้องเก็บของละกัน ถึงจะบอกว่าเป็นห้องเก็บของแต่มันสะอาดพอใช้ได้ทีเดียว ...อย่างน้อยก็แห้งและไม่มีกลิ่นเขาตวัดหางตาไปทางลอเฟย์เป็นเชิงจิกกัดเรื่องอนามัยเล็กๆน้อยๆ จาเวิร์ดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทีอายแทบม้วนหนีของลอเฟย์ผู้ที่ปลอบใจตนเองว่าไม่มีใครอาบน้ำระหว่างเดินทางไกลหรอกน่า...

    สีอึมครึมที่มากกว่าจุดอื่นๆของทางเดินเก่าไม่ทำให้ลอเฟย์รู้สึกว่ามันสวยน้อยลง ด้านในของศูนย์เยียวยานำไปสู่ห้องใต้หลังตาที่อยู่เกือบชั้นบนสุดของอาคาร ซึ่งทำให้มันติดกับหลังคาอย่างแท้จริง ระหว่างการเดินของพวกเขา จาเวิร์ดเล่าเรื่องสัพเพเหระด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ปนจะขำ ตั้งแต่การเริ่มต้นชีวิตประจำวัน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

    เอ้า เข้ามาสิ ห้องระดับหนึ่งดาว แต่ก็ถือว่าได้นอนในวังเชียวนะ

                แสงแดดจากหน้าต่างสามบานซึ่งอยู่สูงติดเพดานและผนังหินสีเทา ฉายเป็นเส้นตรงจับบรรยากาศในห้องขมุกขมัวได้ลางๆ เขาเห็นละอองฝุ่นลอยอ้อยอิ่งภายใต้แสงสีฟ้าอ่อน โต๊ะไม้หนาตั้งแข็งแรงอยู่ที่กลางห้อง ด้านบนมีตะเกียงและเชิงเทียนวางอยู่ ห้องเก็บของของจาเวิร์ดไม่กว้างขวางมากมายนัก ถัดจากผนังด้านขวาไปมีบนไดเล็กๆไปสู่ชั้นลอยที่มองเห็นระแนงไม้กั้นเอาไว้ได้เล็กน้อย พื้นที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งของนานาชนิดไม่เสียชื่อที่เป็นของเก็บของต่างจากด้านล่างที่มีหนังสือกองอยู่ประปรายเท่านั้น

                “ใช้ได้เลยใช่ไหม? สำหรับคนที่ไม่แพ้ฝุ่นล่ะนะ ปัดกวาดสักหน่อยก็อยู่ได้ฟรีๆคุณหมอดูคล้ายจะภูมิใจกับห้องขณะที่ไล่นิ้วตามชั้นหนังสือเก่าไปเรื่อยเปื่อย

    ขอบคุณมากครับ ผมจะทำความสะอาดให้แน่นอนเด็กหนุ่มกล่าวตอบด้วยความกระตือรือร้น ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ เจ้าเหลือตรงนั้นเอาไว้ดีกว่า ห้ามขึ้นไปยุ่งกับมันเด็ดขาดเลยนะความ

    เป็นมิตรของเขาตอบรับน้ำใจจากลอเฟย์ จาเวิร์ดชี้ไปที่ชั้นลอยพลางขำขึ้นอีกครั้ง

                ถ้าเริ่มจะจามก็ลงมาหาข้าที่ห้องยาก็แล้วกันทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ ร่างผอมสูงก็หายลับไปตามทางเดิม ปล่อยลอเฟย์ไว้กับความสงสัยในสาขางานของคุณหมออารมณ์ดี

                เมื่อความสงบครอบคลุมอีกครั้ง สายตาของเขาไล่มองรูปทรงของก้อนหินในผนัง ขอบหน้าต่างอาบเรืองด้วยแสงสีน้ำเงิน สว่างจ้าและเยือกเย็น ลอเฟย์ทรุดนั่งลงกับพื้น ในแสงสีขาวนั้นเขาเห็นภาพของชแฮนเดอร์และเรือนผมสีเงินยวงของเธอ แนวแสงโลมเลียเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มเมื่อเขานอนแผ่ราบลงกับพื้น เส้นผมสีดำกระจายไม่เป็นทรงราวกับรากไม้ซึมซับความเย็นของพื้นหิน ในประกายของไพลินคู่นั้นฉายภาพซ้ำไปมาในแสงสีขาว

                นกหวีดของเกรซกลิ้งออกมานอกคอเสื้อ เขาหยิบมาขึ้นมาเป่า เสียงสูงละมุนของฟอร์ลีดังกังวานในห้องเก็บของเก่า ในโทนที่มั่นคงและเนิ่นนาน เขาเหมือนกับได้ยินเสียงเพลงของวันเก็บเกี่ยวดังสอดประสานท่วงทำนองเฉลิมฉลองมาจากที่ไกลๆ

    ลอเฟย์นิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน




    ----------------------------------------------------

    นักอ่านหน้าใหม่ก็คอมเม้นท์กันได้นะค้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×