ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Silent Night- แท็กซี่สายรัตติกาล [Boy's Love]

    ลำดับตอนที่ #6 : วิคตอเรีย

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 54





    ผ้าใบสีส้มแดงผืนใหญ่ถูกแต่งแต้มด้วยสีม่วง เหมือนหยดหมึกที่มากขึ้นทุกขณะ แสงสีทองเรืองๆที่เส้นขอบฟ้าไม่ต่างจากเทียนริบรี่เบื้องหลังหมู่เมฆหนาตา ไนท์รู้สึกว่าเหงื่อไหลท่วมต้นคอจนอากาศเย็นของยามสนธยาพาลร้อนขึ้นมาซะเฉยๆ สามัญสำนึกแรกสั่งให้ร่างกายวิ่งแบบไม่คิดชีวิต สัญชาติญาณบอกให้หนีให้ไกลที่สุด และสุดท้ายสมองที่ทำให้ต้องโทษตัวเองที่ไม่ได้คิดเลยว่าจะวิ่งไปไหน....


    เวลา ที่รู้สึกถึงอันตรายมนุษย์มักจะคิดถึงสถานที่ที่ปลอดภัยเป็นอับดับแรก ซึ่งมักจะไม่พ้นบ้านที่ล็อคประตูแน่นหนา ห้องนอน เตียงเเละการมุดหัวใต้ผ้าห่ม แต่บ้านที่เพิ่งพังนั้นก็อยู่ไกลเกินไปแถมยังเป็นรูขนาดที่ขโมยเป็นขโยงเข้า มายกเค้าได้สบายๆ

    ไนท์มั่นใจว่าพระเยซูไม่เคยบัญญัติเรื่องการไล่ผี และไม้กางเขนก็ไม่สามารถป้องกันเขาจากผีได้ นอกเสียจากว่ามันจะเป็นแวมไพร์

    มัน สมองอันดีเลิศไม่สามารถใช้ต่อกรกับเรื่องเหนือธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์ไม่ สามารถอธิบายได้ เท่ากับว่าเเม้เเต่ไนท์ก็อธิบายไม่ได้ว่าพลาสม่ามวลเบาที่มีรูปร่างคล้าย ร่างกายมนุษย์คืออะไร เคลื่อนที่ด้วยพลังงานแบบไหน และมันจะตามล่าเขาด้วยเหตุผลอะไร

    "ตลกมาก...."เงาดำวูบวาบโฉบเฉี่ยว สองข้างทาง แสงจากโคมไฟกระพริบถี่ยิบจนปวดตา ข้อสันนิษฐานเเรกมั่นใจได้เลยว่าผีทุกตัวมีความสามารถในการควบคุมไฟฟ้าและ ชอบทำไฟดับเพื่อให้คนรู้ว่าพวกมันกำลังจะมา

    ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่ รู้จักผู้หญิงเเท้หรือเทียมชื่อวิคตอเรียเลยสักคน แล้วก็ไม่รู้จักเพื่อนของซีนิธที่ชื่อนี้ด้วย

    ย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อน ไนท์อายุ 14 ปี ซีนิธอายุ 16 ปี

    หมายความว่าในช่วง 16 ปีก่อนหน้านั้นมีใครก็ไม่รู้ชื่อวิคตอเรียเป็นเเฟนอาจจะเบอร์หนึ่ง สอง หรือสามของซีนิธ แต่ว่าตายไปนาน(เพราะว่าศพดูเน่ามาก)เเล้ว เเถมตอนนี้ยังเฮี้ยนได้ที่อยู่ด้วย

    ด่าไม่ทันสาแก่ใจไฟทั้งสองข้างก็ พร้อมใจกันกระพริบเหมือนคอนเสิร์ตลิงค์คินปาร์ค เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังราวกับจะโต้แย้งลำดับศรีภรรยาของเพื่อนผู้ล่วงลับ

    ข้อสันนิษฐานที่สองของไนท์ แฟร์เวล ผีมักจะโผล่ออกมาที่จุดไคลเเมกซ์เเละเหมือนว่ามันจะรู้เสมอว่าเรากำลังคิด อะไรอยู่ โดยเฉพาะถ้าคิดเรื่องของมัน

    ".......ให้ตายเถอะ"ไนท์คราง

    ร่าง เละเทะของวิคตอเรียยืนอยู่ที่สุดปลายถนน ใบหน้าซีดเผือดติดเขียวคล้ำลอกเป็นแผ่น สภาพของเธอตอนนี้ดูน่าสยดสยองกว่าครั้งแรกที่เห็นเป็นร้อยเท่า เด็กหนุ่มถอยหนี รีบหมุนตัววิ่งกลับทางเดิม จมูกจนโครมเข้ากับผนังแข็งๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงยึดที่ทำให้ไม่หัวกระแทกปูนเป็นครั้งที่สามของวัน

    "เฮ้ย"

    เสียง ทักทายสั้นๆที่ไม่มีความหมายอะไรเลย แต่ตอนนี้เขาโคตรอยากจูบปากไอ้คนพูด

    "เน เดอร์ นี่นายยังไม่ตาย?"

    "ก็เออสิ! ไอ้ตัวเมื่อกี้มันอะไรกันน่ะหา?!"มิลเลอร์คนน้องกระชากคอเสื้อของคนเตี้ย กว่า ที่มุมศีรษะมีรอยเลือดอยู่เกราะกรัง มือเรียวที่คิดจะเสยคางแก๊งค์สเตอร์รุ่นเฮฟวี่เวทสักครั้งเปลี่ยนมากระชากคอ เสื้ออีกฝ่ายจนเเทบจะดูดปากกันได้

    "รู้จักวิคตอเรียมั้ย!!?"

    "ห๊ะ?" เนเดอร์เจอคำถามสายฟ้าเเล่บถึงกับงง "จะไปรู้ได้ยังไงล่ะวะ!!"

    "วิ คตอเรีย แฟนเก่าซีนิธ ผมสีดำ หน้าตา เอ่อ...สวยมั้ง"ไนท์พยายามจิตนาการหล่อนในคราบมนุษย์

    “เฮ้ยจะบ้าไปใหญ่แล้ว พี่ฉันไม่เคยมีแฟนโว้ย!

    คำตอบที่ได้รับทำเอาข้อสันนิษฐานพังทลาย

    “ได้ยังไงล่ะ ก็ยัยผีนั่นบอกอยู่หยกๆว่าเป็นแฟนซีนิธ!

    “นี่แกจะบอกว่าไอ้ตัวเมื่อกี้เป็นผีเรอะ!!

    การตอบโต้ของไนท์เข้าสู่นิวเคลียสสมองแค่คำเดียว หนุ่มหุ่นบึ้กเงียบไปสักพักก็หัวเราะลั่น เหมือนไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นเป็นเรื่องจริง “โอ๊ย แกนี่ฮาว่ะ ผีอะไรมีจริงที่ไหน” เนเดอร์พูดไปกลั้นหัวเราะไป แต่ไนท์ยืนหน้าขึงกำลังชั่งใจอยู่กับตัวเอง

    ระหว่าง....รีบลากมันวิ่งหนีไปตอนนี้

    หรือ...ปล่อยให้ไอ้ตัวข้างหลังบีบคอตายไปเลย ดวงตาขุ่นมัวจ้องลงมาจากบนเสาไฟฟ้าด้านหลังเนเดอร์

    ข้อสันนิษฐานที่สามของไนท์ แฟร์เวลล์ ผีคงไม่ค่อยชอบให้ตัวเองเป็นแค่เรื่องงี่เง่า...แล้วคงชอบมากที่จะทำให้คนอื่นเป็นตำนานไปกับมัน

    “หลบ!!

    มือดึงร่างใหญ่ออกมาให้พ้นจากรัศมีเสาโลหะที่กำลังหักโค่นลงมา สายไฟฟ้าขายสะบั้นแกว่งในอากาศเกิดเป็นประกายไฟสีฟ้าๆ “ทีนี้ไอ้ตัวนั้นเรียกว่าอะไรล่ะ?” เด็กหนุ่มผมแดงไม่รอช้ากึ่งกระลากกึ่งลากวิ่งหนีออกมา เนเดอร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตาลีตาเหลือกวิ่งตาม

    “อ...อะไรวะนั่น!?

    “ผี”

    “ตอบให้ดีกว่านี้ได้มั้ยห๊า!!

    “จะกลับไปพิสูจน์อีกรอบมั้ยล่ะ?”

    ไนท์เถียงไปหอบไป เนเดอร์ที่อยู่ข้างๆก็ดูเหมือนจะยอมรับความจริงได้บางส่วน ทั้งสองมุ่งหน้าผ่านโรงอาหารจนเกือบสุดเขตมหาลัย เหลือเพียงหอพักที่ตั้งอยู่ด้านหน้า กลิ่นดอกลิลลี่คลุ้งแรงขึ้นเรื่อยๆ โจทก์เก่าที่เอียนตั้งแต่ในฝันทำท่าจะอ้วกอยู่รำไร กลิ่นหอมเลี่ยนเตะจมูกทำให้เนเดอร์นึกอะไรออก

    “ไอ้กลิ่นพิลึกนี่มาจากไหน?”

    “ก็มาจากสุดสวยบนเสาไฟฟ้าเมื่อกี้น่ะสิ ไม่รู้ว่าเอาศพไปฝังในทุ่งลิลลี่รึไง”ร่างเพรียวตอบอู้อี้

    “เดาแม่นว่ะ”

    ประโยคสั้นๆแทบทำให้ไนท์หน้าคะมำ

    “ฉันว่าฉันนึกออกแล้วล่ะ สงสัยจะเป็นยัยผู้หญิงที่หลงรักพี่แบบหัวปักหัวปำ แต่ตายไปเมื่อสามปีก่อน”สองศัตรูคู่อาฆาตยังวิ่งไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เนเดอร์เริ่มเล่าแบบจริงจัง

    “ดูเหมือนจะเป็นคลาสเมทของพี่ฉัน ที่บ้านเป็นร้านดอกไม้ ชอบเอาดอกไม้มาให้พี่วาด พอเริ่มสนิทกันขึ้นมานิดหน่อยยัยนั่นเกาะติดยังกะปลิง แถมยังทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบสุดฤทธิ์กันท่าไม่ให้คุยกับคนอื่นเลย มาที่บ้านแทบทุกวันกลิ่นลิลลี่ฉุยเลยล่ะ พี่ก็เลยพยายามเลี่ยงตลอด แต่เหมือนเจ้าหล่อนจะคิดไปเองว่าเป็นแฟนพี่”

    คนฟังวิ่งไปฟังไปแบบเงียบๆ

    “ตอนนั้นแกนอนซมเป็นไข้เลือดออกอยูที่แอฟริกาใต้ล่ะมั้ง? อุตส่าห์คิดว่าจะไม่มีตัวน่ารำคาญแล้วแท้ๆ ดันมียัยนี่มาแทน”

    “ถ้านายไม่พูดฉันก็ลืมไปแล้วเฟ้ย....” ดวงตาสีครามต้องเบิกขึ้น นี่เองสาเหตุที่เราไม่เคยเจอวิคตอเรีย “แล้วไงต่อ?”

    “พี่ก็ปฏิเสธไปตรงๆน่ะสิ ผู้หญิงอาไร๊ ไม่ยอมรับความจริงเอาซะเลย ยังกะคนเป็นโรคประสาท”ลมพัดแรงขึ้นทันตา “โทรมาร้องห่มร้องไห้ว่าจะฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายซุ่มซ่ามดันโดนรถชนตกทุ่งดอกไม้คอหักไปอย่างที่เห็นเนี่ย”เล่าจบก็ต้องเร่งฝีเท้า

    ตอนนี้ยัยนั่นพร้อมจะฆ่านายมากกว่าฆ่าตัวตายอีกล่ะมั้ง?

    ทีนี้ปัญหาก็เหลือแค่เรื่องเดียว....วิคตอเรียหล่อนตามล่าเราทำไม? เพราะเรื่องที่ซีนิธตายงั้นเหรอ ถ้างั้นก็ควรจะฆ่าเราไปตั้งแต่แรกแล้วสิ ไม่ๆ คงพยายามฆ่ามาตั้งแต่แรกแล้วมั้ง? ถ้างั้นก็ไม่น่าจะถามว่าซีนิธอยู่ที่ไหน? หมายความว่าหล่อนหาซีนิธอยู่งั้นเหรอ? ถ้างั้นทำไมถึงไม่เริ่มที่เนเดอร์ล่ะ? หรือว่าเรามีอะไรที่เกี่ยวโยงกับเหล่อนอยู่?

    มือขาวกำเศษกระดาษในมือ สมองพลันฉุกคิดได้บางอย่าง

    สองหนุ่มอดีตเฟรชชี่ปีหนึ่งวิ่งมาจนถึงหน้าหอพักต่างคนต่างเหนื่อยแทบหมดแรง แม้แต่เนเดอร์ยังหอบเสียงดัง หุ่นอย่างไนท์ได้แต่ดันทุรังยืนบนพื้นโลกให้ได้ ดวงหน้าแดงปลั่งก้มต่ำแอบยิ้ม

    “เนเดอร์ สมุดที่ซีนิธให้ฉันมาน่ะ ฉันคิดว่ามันควรจะเป็นของนาย”เสียงแหบลึกนิ่งเรียบ “ตอนที่เจอวิคตอเรียครั้งแรกฉันก็รู้แล้วว่าฉันกำลังแย่งสิ่งที่ควรจะเป็นของพวกนายมา ทั้งชีวิตของซีนิธหรือสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้”ดวงตาสีครามรื้นน้ำตาคลายกับจะร้องไห้ ไนท์เบือนหน้าไปอีกด้าน หลบสายตาตกตะลึงของเนเดอร์

    “ฉันอยากจะคืนมันให้นาย จะรับเอาไว้ได้ไหม?”

    มิลเลอร์คนน้องรับในคอ แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เพิ่งได้ยิน ท่าทางสำนึกผิดที่เคยเค้นเอาจากอีกฝ่ายเริ่มทำให้รู้สึกแย่กับมัน ร่างสูงใหญ่ขยับตัว พอคิดจะพูดอะไรก็ต้องเก็บไว้ในใจเมื่อนึกได้ว่าเขากับไนท์ไม่ถูกกันขนาดไหน

    “แต่ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนน่ะสิ”ไนท์ทำหน้าลำบากใจ

    “ฉันวางเอาไว้ในห้องพยาบาล แกไม่เห็นเรอะ?”

    “คงอย่างงั้นแหล่ะ เอางี้ระหว่างที่ฉันกลับไปเอานายไปรอฉันบนห้องก่อนละกัน”เจ้าของห้อง 312 เดินขึ้นอาคารพลางชูกุญแจสีเงินให้ดูเป็นสัญญาณให้ตามไป

    “ทั้งที่มีไอ้ตัวนั้นเนี่ยนะ!?”เสียงของเนเดอร์ดังก้องทั่วทางเดินของหอพักที่ปราศจากนักศึกษา ทั้งที่ยังเป็นเวลาไม่ดึกมาก ก็คงเพราะไม่ดึกมากล่ะมั้ง ฝูงลิงทั้งหลายเลยยังไม่ออกมาเริงร่ากัน

    “อืม หล่อนคงจะโกรธที่ฉันทำรูปหล่อนขาดล่ะมั้ง?”

    มือขาวซีดไขประตูเข้าไป ไฟนีออนบนเพดานกระพริบเปิดเห็นสภาพห้องเรียบร้อยสะอาดตา นาฬิกาติดผนังบอกเวลาสามทุ่มพอดิบพอดี ตอนที่ออกจากห้องพยาบาลก็หกโมงกว่าแล้ว ย้อนมาคิดก็น่าทึ่งที่เขาสามารถวิ่งวนเป็นชั่วโมงๆโดยไม่หยุดพักเลย แถมยังลงเรือลำเดียวกับคนที่เพิ่งซัดหน้ากันไปเมื่อเช้าอีกด้วย การที่เนเดอร์มานั่งจ๋องอยู่บนเตียงเขาเนี่ยเป็นอะไรที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยจริงๆ

    ไนท์หัวเราะฝืดๆกับตัวเองระหว่างคว้าไฟฉายและไฟแช็กอันเล็กใส่กระเป๋าเสื้อ ไม่ลืมที่จะทำตามที่ตัวเองตั้งใจไว้

    “ฉันจะออกไปก่อนนะ นายอยู่ในนี้แหล่ะ”

    “รอเช้าก่อนก็ได้นะ ฉันไม่ใจดำขนาดจะทวงมันคืนจากแกตอนนี้หรอก”เนเดอร์เมื่อรู้ว่าต้องอยู่คนเดียวยังแอบหวั่นในใจ ถึงแม้ว่าห้องพักของไนท์จะไม่มีอะไรน่ากลัวหรืออาจจะมีแต่เขาไม่สามารถรับรู้ได้ในตอนนี้

    “ไม่ล่ะ ฉันอยากจะจบเรื่องบ้าๆนี่เร็วๆ”ร่างเพรียวส่ายหน้า นักเลงหนุ่มก็รู้สึกแบบเดียวกัน “อา..จริงสินี่มันหลุดออกมาจากสมุดน่ะนายเก็บไว้ก็แล้วกัน”เศษกระดาษยับๆชิ้นหนึ่งถูกยื่นให้แขกจำเป็นของห้อง

    “ฉันไปล่ะ ล็อกห่วงด้วย”

    เจ้าของห้องเตรียมจะหมุนตัวไปยังประตู หากแต่เสียงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนบนเตียงรั้งเอาไว้เสียก่อน

    “เอ่อ...แกบอกทีสิว่าตอนนี้เราอยู่กันสองคน”

    “ก็ใช่น่ะสิ”

    เนเดอร์กลืนน้ำลายเอื๊อก ไนท์ไม่ได้หันไปมองเพียงบรรยากาศยะเยือกที่แผ่มาจากประตูก็ทำให้ร่างกายแข็งทื่อ จนลมหายใจกลายเป็นไอสีขาวในอากาศ

    “งั้นข้างหลังแกเนี่ย.....”

    ไม่ทันขาดคำไฟทั้งห้องก็ดับสนิท

     


    “เสร็จแล้ววววววววววววว เอสเธอร์ ฉันกลับแล้วนะ”

    เสื้อช็อพสีน้ำเงินถูกโยนใส่โซฟาเก่ามอซอ คนถูกเรียกละสมาธิจากขวดยาทาเล็บราคาแพงหูฉี่ในมือ

    “กลับเร็วจัง ซ่อมเสร็จแล้วเหรอ?”นัยน์ตาสีฟ้าใสเหมือนลูกแก้วมองเพื่อนรักร่วมแก็งค์ตบหลังคารถเก๋งเก่าบุโรทั่ง หนุ่มเชื้อสายเอเชียยิ้มเหมือนปลงตก “รูปลักษณ์มันก็เป็นแค่เปลือกนอกล่ะน้า”

    “ย่ะ เปลือกนอกที่สมควรเปลี่ยน”

    “คืนนี้เธอไม่มีเวรใช่ม้า? ถ้าเจอคาเมลี่ฝากบอกว่าฉันไปทำงานแล้วนะ”โยรุสอดแขนเข้าไปในเสื้อคลุมสีเข้ม “เวรเที่ยงคืนเนี่ย คนมันน้อยจริงๆด้วยนะ”

    “พูดให้ถูกก็มีนายคนเดียวล่ะมั้ง?”

    “ก็ใช่อ่ะนะ ดีจังที่มีคนมาช่วย”

    “เห? ใครนะยอมทำ OT”เพื่อนสาวประหลาดใจ

    “ก็หน่วยงานของรัฐน่ะ ช่วยไม่ได้ฉันไม่ชอบผู้หญิงรุนแรงนี่นา น่ากลัวจะตาย”ร่างสูงทำหน้าตาหน้าสงสารล่อส้นเข็มเอสเธอร์เป็นที่สุด อมยิ้มสีสดลอยมาซึ่งเด็กสาวก็คว้าไว้ได้พอดี

    “ไปน๊า~~~บับบี”

    “อะไรที่ร่วงมาจากหัวนายฉันไม่ถือว่ากินได้หรอกนะ”เสียงของเอสเธอร์ดังไล่หลังมา ลมกลางคืนพัดวูบเอาทรงผมที่ไม่เป็นทรงอยู่แล้วให้ตีกันยุ่งกว่าเดิม มือยาวเรียวปัดผมด้านหน้าลวกๆ โยรุฮัมเพลงประหลาดคนเดียวเงียบๆ ก่อนที่ลมหอบที่สองจะกลบเลือนร่างสูงจนหายไปในสายหมอก

    “รีบไปดีกว่า เดี๋ยวไม่มีเงินกิน”





    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    ได้ฤกษ์ทุบไหดอง.....พรุ่งนี้เจอกันอีกตอนนะคร๊าบบบบบ

    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับจะกลับไปปรับปรุง ผมกำลังพยายามแต่งเรื่องผีๆอยู่ ยังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ฉากสยองอาจจะเยอะไปหน่อย(ถ้าทำให้สยองได้จริงๆ ก็ดีใจมากๆเลยครับ) เเต่เรื่องนี้โครงเป็นแฟนตาซีน่ะครับ ตอนนี้ก็พอไหวแล้ว น่าจะคุมได้ดีกว่าตอนเปิดเรื่อง

    ขอบคุณมากนะครับ^^

    แต่ถ้าหลงไหลกับการแต่งเรื่องผีอาจจะย้ายหมวดไประทึกขวัญจริงๆก็ได้ 555



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×