ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Silent Night- แท็กซี่สายรัตติกาล [Boy's Love]

    ลำดับตอนที่ #5 : กลิ่นบุปผา[2]

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 54




    "เหวอ!!"


    ภาพ แรกที่เห็นต่อจากเพดานสว่างจ้าคือหน้าต่างระเบียงและผ้าม่านสีขาว เตียงสีเดียวกันและราวกั้นตั้งเรียงเป็นระเบียบ กลิ่นยาฆ่าเชื้อคลุ้งกับแอลกอฮอร์บ่งบอกว่าสถานที่นี้คือห้องพยาบาล ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง

    ไนท์ ลุกขึ้นนั่งด้วยอาการเมื่อยขบ ศรีษะรู้สึกหนักๆเพราะพึ่งตื่น ครั้นจะหันไปถามอาจารย์ประจำห้องพยาบาล ดวงตาสีครามก็พบว่าโต๊ะนั้นว่างเปล่า

    "..................."

    เด็ก หนุ่มผมแดงทำหน้าเซ็งด้วยการหรี่ดวงตาที่ไม่เคยเปิดเต็มๆลงหนึ่งองศา แม้ว่ามันจะค่อยต่างจากหน้ากากน้ำแข็งแบบเดิมเลยก็ตาม

    เอาเป็นว่าออก ไปก่อนดีกว่า

    สองเท้าออกจากผ้านวมอุ่นก่อนจะสอดเข้าไปในคอสเวิร์สคู่ เดิม ฝันร้ายทำให้รู้สึกระแวงจนต้องสอดส่ายสายตาสำรวจไปรอบห้องจนแย่ใจว่าไม่มี อะไรผิดปกติ ไนท์ผ่อนลมหายใจออกฉับพลันเงาตะคุ่มวิ่งผ่านหางตาไป ร่างกายถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ในความนิ่งเงียบแต่แฝงด้วยความระทึกหวาดหวั่นขาเรียวถดถอยไปเรื่อยๆจนชนเข้า กับอะไรบ้างอย่าง

    "...ฮ๊า!!"

    เขารู้สึกได้ทันทีว่าเป็นร่าง กายมนุษย์ ดวงหน้าซีดเผือดหันไปโดยอัติโนมัติ และสิ่งที่พบคือคู่ปรับตัวฉกาจยืนหน้ามุ่ยอยู่

    "เป็นอะไรของแก วะ"เนเดอร์พ่นคำด่าออกมาทันทีที่เห็นหน้ากัน อีกฝ่ายเองก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้เร็วเหมือนกดรีโมท ทั้งคู่ตอนนี้อยู่ในโหมด
    'พร้อมลุย'แบบเต็มเหนี่ยว

    "หลีก ฉันจะไปแล้ว"ดวงตาสีครามดุจท้องฟ้าเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง แต่มันก็ยังไม่สู้ดวงตาสีน้ำตาลแดงดุดันของร่างสูงกำยำได้เมื่อมิลเลอร์คน น้องไม่ยอมหลีกทางแต่โดยดี

    "หายเดี้ยงหน่อยก็ซ่าเเล้วเรอะไอ้ตุ๊ด"

    "เดี้ย งไม่เดี้ยงฉันก็ไม่ตุ๊ดไปกว่านายหรอก"ภายใต้หน้ากากสงบนิ่งกำลังเดือดปุดๆ จนปากมันคันๆอยากจะส่งสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่น

    "ว่า ไงนะ!!"

    "หูตึงรึไง"

    "ไอ้คนอย่างแกนี่น่าจะปล่อยให้เป็นลมตาย ไปซะจริงๆ!!"

    "เพ้ออะไรของนาย"ใบหน้าสวยถอนหายใจแบบเหยียดหยามในความ เอือม ไม่ลืมที่จะยกมุมปากขึ้นแล้วเฉไปมองทางอื่นให้ครบสูตร ตั้งแต่เกิดมาหวัดยังไม่เคยเป็นอยู่ดีๆจะมาเป็นลมได้ยังไงกันเล่า

    "หรือ ว่านายแอบมาฟาดหัวฉันกันแน่
    ?"

    "คนอย่างแกแค่ปลายนิ้วเท้าฉันก็เละ แล้วเฟ้ย!!"ร่างสูงกำยำกัดฟัน ถึงจะอันธพาลแค่ไหนก็เถอะ แต่ด้วยเกรียนติของนักเลงอันดับหนึ่งไม่จำเป็นต้องลอบกัดกันหรอกเฟ้ย!!

    ไอ้ ตุ๊ดนี่บังอาจมาดูถูกความเป็นลูกผู้ชายของบุรุษที่คนเป็นร้อยก้มหัวให้ได้ไง วะ!!

    คนที่ถูกแทงใจว่าเป็นตุ๊ดไม่สนใจท่าทางเหมือนกระทิงเห็นผ้าแดง ของเนเดอร์แต่อย่างใด ริมฝีปากสีสดขยับยิ้มน่ารังเกียจ

    "อวดเก่งขนาด นี้ก็อย่าทำตัวเป็นเด็กติดพี่สิ อ้อ...ลืมไปนายไม่มีพี่ให้ติดเเล้วสินะ"

    มัน ไวกว่าที่ไนท์จะได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างด้วยความโมโห ร่างเพรียวถูกฝ่ามือที่ทั้งหนาทั้งหนักกระแทกไหล่จนติดกับแพง เงาสูงใหญ่ทาบทับร่างกายที่ถูกคร่อมต้อนเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ เงาย้อนแสงของไฟนีออนยิ่งทำให้ใบหน้าโกรธขึงของเนเดอร์น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม


    "ทั้งๆ ที่แกก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่แท้ๆ...."

    เสียง กัดฟันดังจากใบหน้าที่ห่างกันเพียงเล็กน้อย มือขาวกดแรงลงบนข้อมือหนาที่ทำให้ไหล่ซ้ายเจ็บแปลบจนเเทบชา มันทำให้คิ้วสีเพลิงด้วยขมวดเข้าหากัน แต่สายตานั้นไม่ได้ลดความกดดันลงเลย

    "งั้น เหรอ
    ? แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ"เด็กหนุ่มผมแดงยิ้มเหยียด แววตาเจ็บปวดที่สะท้อนออกมาควรจะทำให้สะใจ แต่น่าเสียดายไนท์ไม่สามารถยิ้มเยาะคู่อาฆาตได้อย่างที่ควรจะเป็น ในเมื่อข้างในอกก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก

    บางทีนิสัยปากหมาจนคนอื่น หมั่นไส้นี่อาจจะเป็นเรื่องจริง

    แต่ว่า...สิ่งที่พูดออกไปน่ะไม่ใช่ เรื่องโกหกซะหน่อย

    "คงจะจริงล่ะมั้ง ขนาดตอนตายเขายังตายให้ฉันดูเลย เจ็บใจมั้ยล่ะที่พี่ชายสุดที่รักของนายไม่เลือกอยู่กับนายจนถึงวินาทีสุด ท้ายน่ะ"

    ดวงหน้าขาวกระจ่างช่างงดงาม รอยยิ้มที่ส่งมาหวานปานน้ำผึ้ง ...น้ำผึ้งผสมยาพิษที่ทำให้สำนึกต่างๆเลือนหายไป ในตอนนั้นเนเดอร์ไม่อาจรู้ตัวได้เลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากริมฝีปากที่เป็นเหมือนคมดาบนั่นขยับพูด

    "เขา เลือกฉัน"

    กลุ่มผมสีแดงสะบัดไปตามแรงหมัด ร่างสูงใหญ่ขยับไปก่อนที่จะคิดอะไรออก ทิ้งรอยแดงไว้บนแก้มขาวนวลก่อนที่เลือดคาวจะไหลย้อยจากมุมปากแตกช้ำ

    "ทำ ได้แค่นี้เหรอ"เจ้าของใบหน้าสวยจับตายกมือขึ้นปาดเลือด ปากแดงช้ำยังคงส่งยิ้มกวนประสาทได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าความจริงแล้วฟันอาจจะหักไปซักสองซี่ได้

    "เหอะ ไอ้คนปวกเปียกที่ไม่มีปัญญาลากสังขารตัวเองจนต้องให้ฉันแบกมานี่มีสิทธิพูด แบบนั้นรึไง"เจ้าพ่อนักเลงส่งเสียงดูถูกสั้นๆ เนเดอร์ในโหมดปลดลิมิตเตรียมรัวหหมัดใส่อีกชุด

    แต่ดันลืมไปว่าคำพูด มันขุดหลุมฝังตัวเองอยู่เน็ตๆ

    สมองของคนที่ใช้แต่กำลังคงคิดได้ช้าไป หน่อย ที่แน่ๆคือช้ากว่าคนที่ถนัดใช้สมอง

    "นายแบกฉันมานี่อ่ะนะ
    ?"

    ไน ท์ย้อนคำ ทำหน้าเหมือนเห็นผีโดยปากเลิกหนังตาขึ้นสี่มิลลิเมตร ในขณะที่มิลเลอร์คนเล็กหลุดโหมดดับเครื่องชนอ้าปากค้าง หน้าคมสันที่ก่อนหน้านี้ก็แดงเพราะแรงโทสะตอนนี้แดงไปถึงหูจนแทบจะรู้สึกได้ ถึงไอร้อนฉ่า

    คนเตี้ยกว่ายิ้มในใจกับท่าที
    'หลุด' ที่นำมาซึ่งโอกาสงามๆที่จะได้ฟันเข่าตอบแทนซักรอบ เขาไม่คิดว่าตัวของเนเดอร์จะมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้

    ดอกลิลลี่....

    การ ที่เลิกหนังตาขึ้นสี่มิลลิเมตรนั้นอาจจะบอกได้ว่าเจ้าชายน้ำแข็งของเซน เดิลเวสต์กำลังตกใจ แต่ที่จริงแล้วดวงตาสีฟ้าครามควรจะเบิกจนสุด และริมฝีปากสีแดงนั้นเผยอค้างเหมือนกับร่างกายที่แข็งทื่อ รวมถึงต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เมื่อไนท์ต้องเสียใจกับความคิดของตัวเอง

    อาการเห็นผีน่ะ..มันก็ ต้องออกมาตอนที่เห็นจริงๆน่ะสิ และถ้าผู้หญิงที่ไม่มีลูกตาดำที่กำลังชะโงกหน้าซีดๆประดับเส้นเลือดของเธอ มองข้ามไหล่ไนเดอร์มาทางเขาถือเป็นผีตัวหนึ่งเเล้วล่ะก็

    ตอนนี้ไนท์ แฟร์เวลล์ กำลังทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างเเท้จริง!!

    เนเดอร์สังเกตุ เห็นความผิดปกติที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากร่างเพรียว

    "เป็นอะไรของ แ...."ผีร้ายไม่เปิดโอกาสให้พูดยืดยาว มันใช้เเขนลีบๆเหวี่ยงร่างสูงกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไปปะทะกับกำแพงอีก ฝั่ง เสียงโครมดังซะจนถ้ามีเสียงกระดูกหักเขาก็คงไม่ได้ยิน ไนท์หันไปดูกลุ่มฝุ่นสีขาวและกำแพงที่กำลังจะแปรสภาพเป็นเหมือนผนังบ้านเขา

    อา..สอง นาทีก่อนเขาอยากให้เนเดอร์เอาหน้าขี้เก๊กเหมือนอาโนลด์ออกไปไกลๆ แต่ตอนนี้เขาอยากให้ไอ้หมอนั่นมายืนคร่อมจากใจจริง!

    วิญญาณร้าย เอื้อมมือหมายจะคว้าเส้นผมสีเพลิง แต่ไนท์ที่มีสกิลหลบหลีกแม้แต่หมัดสะท้านปฐพีของเนเดอร์(ยกเว้นกรณีโดนล็อค) ก้มตัวสไลด์ออกไปได้ทัน สองมือคว้าแจกันดอกไม้ข้างตัวเป็นอาวุธ คนปกติคงจะวิ่งป่าราบไปแล้ว แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือไนท์ แฟร์เวลล์ ผู้ชายที่ถือคติฆ่าได้หยามไม่ได้

    "ขอเอาแจกันฟาดหัวซักรอบเถอะเว้ย ไอ้ผีเวรตะไล!!"

    อารมณ์เดือดทำให้สู้ได้แม้แต่ผี หากแต่ก่อนที่จะลืมว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นแค่คนที่เคยมีชีวิต มันก็ย้ำเตือนสถานะพลาสม่าของตัวเองด้วยการแว่บมาอยู่ด้านหน้า เร็วยิ่งกว่าที่เจ้าตัวจะหวดแจกันในมือลงไปซะอีก

    "อ๊ากก!"โครงสร้าง เปราะบางที่พึ่งถูกรับน้องมาหมาดๆโดนอัดกระเเทกกำแพงซ้ำสอง ร่างเพรียวไหลลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างหมดท่าจากแรงที่เหมือนมีเนเดอร์ซักสิบ คนร่วมใจอัปเปอร์คัตพร้อมกัน

    ศรีษะน่าสยดสยองอยู่ใกล้ๆ กลิ่นดอกไม้เฉาเหม็นเน่าแรงยิ่งกว่าน้ำหอมของพวกเชียร์ลีดเดอร์ ดวงตาสีครามเห็นรอยโคลนลากอยู่เต็มพื้นกับผมสีดำยาวชื้นเมือกเหมือนสาหร่าย

    โดน จับอัดกำแพงเป็นรอบที่สองของวัน แถมรอบสองยังเป็นผู้หญิงที่ทำเอากระอั่กจนดิ้นไม่ออก แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นผีอาจจะฟังดูดีขึ้นมาหน่อย

    "ซี.... นิ.."เสียงไม่น่าฟังขาดๆหายๆเหมือนวิทยุใกล้พัง

    หา
    ?

    "....สิ ...สิ...ซี"

    "...อ...ยู่.....ไ....หน"

    มือที่เป็นหนังหุ้ม กระดูกบีบลำคออุ่น ร่างกายที่เคยชาดิกเริ่มออกอาการตอบสนองเมื่อออกซิเจนในปอดลดน้อยลงเรื่อยๆ ไนท์พยายามดิ้นเเข่งกับเเรงเหนือมนุษย์ของยัยผีดอกลิลลี่ข้างบน

    "...... แก..เอา...เข..ไป"

    พูดอะไรของมันวะ!
    ? พยายามเค้นแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ดันผิวลื่นเป็นเมือกออกไปอย่างสิ้นหวัง สัมผัสเนื้อหนังที่บางจนบี้กับกระดูกทำให้รู้สึกขยะแขยงเกินทน

    "...แก เอาแฟนฉันไปไว้ไหน!!"

    "หนวกหู ซีนิธตายไปตั้งนานเเล้วโว้ย!!"

    ฉัน พลันมือผอมเเห้งผละออกเป็นโอกาสให้สะบัดร่างโสโครกออกไป ไนท์หันหลังวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้ ระเบียงทางเดินเงียบเชียบไร้ผู้คนมีแค่เสียงลงแผ่นเท้าที่ดังก้องกังวาน หัวสมองที่เจ้าตัวคิดเอาตัวรอดมาได้ตลอดมีแต่คำว่า วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่งอย่าได้หยุด

    ตลอดทางที่สอดส่องสายเลิ่กลั่กเหมือนจะเห้ฯเงาดำวน เวียนอยู่ที่หางตาตลอดจนบางทีก็เหมือนเห็นคนยืนอยู่ที่ริมทางเดิน

    ...ต้อง หนี!!

    ไนท์วิ่งมาจนหยุดอยู่ที่หน้าตึกของคณะ เขาล้วงมือเย็นชืดลงในกระเป๋ากางเกง ปลายนิ้วสัมผัสได้กับของผิวหยาบ มันคือเศษกระดาษที่น้ำตาลที่หลุดมาจากสมุดสเก็ตรูปของซีนิธ มีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกติดใจจนต้องพลิกดูเเละในที่สุดก็พบมัน....

    ชิ้น ส่วนที่หลุดมาคือมุมด้านหนึ่งของภาพวาด มันไม่มีรายละเอียดอะไรมากนักนอกไปจากดอกลิลลี่ขาดๆ ลายเซ็นต์ที่คุ้นตาดีเเละชื่ออีกชื่อหนึ่ง

    แด่...วิคตอเรีย...

    ชื่อ ธรรมดาที่ทำให้เสียงวูบไปทั้งหลังเพียงเเค่คิด ลมเย็นยะเยือกเป็นสัญญาณของฤดูที่กำลังจะผ่านพ้นพัดแทรกซึมเข้าไปตามเส้นใย ผ้าบางๆ

    แสงสีแดงของอาทิตย์อัสดงอาบนาฬิกาเรือนยักษ์ที่กำลังตีบอก เวลาหกโมงเย็น ไม่นานไออุ่นของดวงตะวันก็เลือนหายไปพร้อมกับดวงจันทร์ข้างแรมปรากฏขึ้นบน ท้องฟ้า






    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    สุดท้ายก็เอากลับมาแปะตอนเดิม รู้สึกว่ามันยาวไปหน่อยน่ะครับ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×