คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อุบัติเหตุ
ลมเย็นๆของฤดูหนาวพัดวูบผ่านเสื้อคลุมเนื้อบาง ลมหายใจกลายเป็นไอสีขาวจางในอากาศยามดึกของหน้าหนาว ท้องถนนที่รื่นเริงเเละเเน่นขนัดไปด้วยรถยนต์กลายเป็นเส้นคอนกรีตโล่งๆที่มีเพียงเเสงกระทบของไฟจราจร สายตาคู่นึงเพ่งจากริมฟุตบาทไปที่อีกฝั่งถนนภายใต้เเสงไฟที่กระพริบติดๆดับๆของร้านสะดวกซื้อด้านหลัง
เข็มนาฬิกาข้อมือขยับเข้าใกล้เลขสิบสองเข้าไปทุกทีเเข่งกับอุณภูมิที่ลดต่ำจนบาดผิว
หากเเต่นั่นไม่สามารถทำให้เขาละสายตาไปจากภาพตรงหน้าได้เลย ฟุตบาทที่เเตกยับเเละรอยล้อรถบนพื้นถนนตัดกับเส้นชอล์กสีขาวที่ลากทับรอยเปื้อนสีเข้มริมเสาไฟฟ้างอๆ
ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนจะถูกดูดกลับไปในสถานการณ์นั้นอีกครั้ง
ทั้งเสียงตะโกนโหวกเหวก ทั้งสายตาของผู้คน
ทั้งของเหลวอุ่นๆที่สาดกระเซ็นจนเย็นชืดบนพื้นถนน
เขายังจำได้เเม่นเหมือนกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ติ๊ก นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรงพอดีกับที่ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ กระตุกความคิดออกจากเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ใบหน้าหันไปตามทิศทางของเสียงที่สุดปลายถนน เเสงสว่างสลัวๆเหมือนดวงไฟค่อยๆใหญ่ขึ้นทีละน้อย
หมอกลงจัดขนาดนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่นะ....?
รถเก๋งสีดำขลับมันจอดเทียบฟุตบาทอย่างนิ่มนวล เเสงไฟของร้านสะดวกซื้อดับลงเหลือเเค่เเสงสีส้มของเสาไฟริมถนน ประตูรถเปิดออกเผยให้เห็นเบาะหนังสีดำสนิทโชยกลิ่นหอมเย็น
สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมองสกรีนสีขาวที่ประตูด้านหน้า ก่อนจะเลื่อนไปยังชายที่นั่งในตำเเหน่งคนขับเเละเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ ศรีษะที่ถูกครอบด้วยหมวกทรงเเบนหันมายิ้มให้
"อัฒรัตติสวัสดิ์ แท็กซี่สายรัตติกาลยินดีให้บริการครับ"
เสียงนั้นเหมือนมีเเรงดึงดูดประหลาดชวนให้เคลิบเคลิ้มเหมือนกับรอยยิ้มที่ชักจูงให้สองขาพาร่างก้าวขึ้นรถ
ประตูเหวี่ยงปิดเองทันทีที่ผู้โดยสารเข้านั่งประจำเบาะเหมือนกับตอนที่มันเปิดรับเป็นเวลาเดียวกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเเดง รถเก๋งคันงามออกตัวช้าๆท่ามกลางความเงียบที่มีเเต่เสียงเครื่องปรับอากาศ
"เสียใจด้วยนะครับ"สารถีรถแท็กซี่เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน เหลือบมองใบหน้าที่หันมองออกไปนอกหน้าต่างของผู้โดยสารในครั้งนี้ผ่านกระจกหลัง
"เรื่องอะไร?"
"เรื่องตอนกลางวันไงครับ"คนขับพูดด้วยเสียงเป็นมิตร น่าเเปลกที่บรรยากาศระหว่างคนด้านหน้ากับด้านหลังเหมือนอยู่กันคนละโลก
ใบหน้าด้านข้างของคนที่อยู่ในกระจกขาวซีดจนน่าใจหาย เรือนผมยาวประบ่าเป็นสีเเดงใต้ไฟสีส้มที่ผ่านไปเป็นระยะๆ ดวงตาสีครามเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก เสื้อคลุมเนื้อบางเปรอะรอยเเห้งกรัง
"แย่เลยนะครับมีคนตายอีกแล้ว ไม่รู้ทางบ้านจะเป็นยังไงนะครับเนี่ย เพื่อนๆคงเหงาเเย่เลย เเหม....พูดเรื่องเเบบนี้ บางทีก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ"
คนขับยังพูดต่อไปเหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วๆไป
"คงเเย่เลยนะครับถ้าเกิดขึ้นกับตัวเอง"
ก็เหมือนคนปกติที่เห็นข่าวอุบัติเหตุบนหน้าหนังสือพิมพ์ คนที่ยืนมองรถยนต์ชนกัน หรือคนที่เปิดกล้องโทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูป
คำพูดก็เป็นได้เเค่คำพูด อาจจะมากที่สุดที่คนเเปลกหน้าจะให้กันได้ พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติสุขโดยที่ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องของตัวเองและแทบจะไม่มีใครคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา
จิบกาแฟตอนเช้าเเล้วพลิกไปที่หน้าถัดไป
หันกลับไปทำธุระของตัวเอง
ส่งเมลล์หาเพื่อน บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้เห็นอย่างตื่นเต้น
แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วใครล่ะจะเข้าใจ? ใครล่ะจะคาดคิด? มันไม่เหมือนกับความเห็นใจที่พูดออกมาพร่ำเพรื่อเลย....
"เลือดเต็มฟุตบาทเลย ถ้าเห็นก่อนทานข้าวคงได้อดเเน่ๆเลยนะครับ"เสียงจากด้านหน้ากลั้วหัวเราะ โดยไม่สังเกตุถึงสีหน้าของเด็กหนุ่มที่เบาะหลัง
"รู้ด้วยเหรอ?"
"อุบัติเหตุบนท้องถนนนี่นา เห็นได้ทั่วไปใช่ไหมล่ะครับ"
"ไม่ใช่...เข้าใจเหรอว่ามันเป็นยังไงน่ะ"
....ถ้าหากได้ยืนอยู่ตรงนั้น
....ได้เห็นคนที่เพิ่งยิ้มให้กันกลายเป็นเศษเนื้อ
"คนที่ตายน่ะ เป็น....คนรู้จักของผมเอง"
เสียงเเหบพึมพำเบาๆ เงาลางๆของใบหน้าขาวซีดเรียบนิ่งเหมือนใส่หน้ากากเช่นเดียวกับหัวใจที่เหมือนหินหนัก ไม่มีอารมณ์จะปั้นคำพูดสุภาพกับใคร แล้วมันจะเสียอะไรล่ะ....ในเมื่อเป็นเเค่คนเเปลกหน้า
อารมณ์ที่เลื่อนลอยหดหู่ของเขาก็จะกลายเป็นคำบ่นเล็กๆน้อยๆในวันพรุ่งนี้
ไม่รู้สึกตัวถึงขนาดก้าวขึ้นรถโดยไม่คิดอะไรเลย
ก็เเค่ขยับตัวไปอย่างนั้นเท่านั้นเอง โดยที่ในหัวมันยังอัดเเน่นไปด้วยภาพอุบัติเหตุครั้งนั้น แต่ในหัวมันกลับโล่งๆพิกล
คนด้านหน้าเงียบไปทันตาเหลือเเค่เสียงเเอร์ดังหึ่งๆ
"แค่คนรู้จักเหรอครับ?"
คำถามประหลาดถูกส่งออกจากปากของสารถีในชุดสีดำสนิท คำถามที่เสียมารยาทเเละหยาบคายสำหรับคนปกติ แต่เด็กหนุ่มผมเเดงไม่มีอารมณ์จะหาเรื่องใคร เพียงเเค่ปรางตอบเบาๆ
"......อืม"
"มิน่าล่ะ คุณถึงยืนอยู่ตรงนั้นตั้งนาน"
"ผม....ยืนอยู่ตรงนั้นนานมากเลยเหรอ?"
เสี้ยวหน้าของคนขับรถหันมาเล็กน้อยพอให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของผู้โดยสารเพียงคนเดียว
"นานสิครับ ดูคุณ..มีห่วงมากเลยนะ"
เสียงของชายคนนั้นเย็นเฉียบไม่เหมือนตอนเเรก เด็กหนุ่มขมวดคิ้วกับคำว่า'มีห่วง' อีกครั้งที่เงาในกระจกรถทำหน้าสงสัยผ่านสายตาของเจ้าตัวที่จ้องทะลุออกไปด้านนอกตลอดเวลา
คิ้วเรียวกดต่ำลงอีกเมื่อเพิ่งสังเกตุบางอย่างที่เขาไม่รู้ตัว
รอบตัวเรามีเเต่หมอก....
นี่มันเเถวไหนกัน...หมอกลงจัดชะมัด เเถมรอบๆตัวก็ดูเป็นสีเทาไปหมด
ตั้งเเต่ขึ้นรถมาเขายังไม่เห็นรถวิ่งสวนมาเลยสักคัน ถึงจะดึกเเค่ไหนเเต่ปกติก็ต้องมีเเสงไฟของร้านรวงยามกลางคืนอยู่บ้าง ยิ่งเวลานี้ด้วยเเล้วสถานเริงรมย์ทั้งหลายน่าจะเปิดกันให้ควั่ก ตึกระฟ้าดูเหมือนเเท่งเหล็กสีดำที่ไม่มีเเม้เเต่เงาสะท้อนจากกระจก ป้ายโฆษณาต่างๆก็ดูกระด้างไร้ชีวิตชีวา
อย่างกับว่าสีสันต่างๆหายไปจากถนนเส้นนี้หมดเเล้ว
จริงสิ.....
จะว่าไป....ตั้งเเต่ขึ้นรถมา...
ดวงตาสีครามที่เลื่อนลอยจดจ่อมากขึ้นเรื่อยๆ
.....เขายังไม่....
....ยังไม่ได้ถ.....
"รู้สึกตัวเเล้วเหรอครับคุณผู้โดยสาร?"
"ห๊ะ!"
ร่างเพรียวสะดุ้งตัวเมื่อน้ำเสียงเย็นเยียบกระซิบที่ข้างหู ใบหน้าขาวซีดปรากฏเหงื่อเม็ดเล็กๆ คนขับยังนั่งอยู่ตรงนั้น เสี้ยวหน้าทีเห็นเพียงกกหูค่อยๆหันมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเปล่งประกายคล้ายอำพันเเวววาวจากใต้เงาหมวกทรงเเบน
"รู้ไหมครับ? ว่าวิญญาณที่เกิดไม่ถึงสามวันน่ะจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปเเล้ว"ริมฝีปากซีดเทาค่อยๆเหยียดออกเป็นยิ้มกว้าง
กว้างจนเริ่มรู้สึกว่าใบหน้านั้นไม่เหมือนมนุษย์.....
ดวงตาสีครามเบิกกว้างขึ้น นิ้วทั้งสิบงอเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว จิกลงบนเบาะหนังมันลื่น
เขารู้สึกว่าฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
เสียงหัวใจเต้นรัวดังกระหึ่มในความเงียบวังเวง ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจมากขึ้นทุกขณะ เช่นเดียวกับลมหายใจที่สั้นขึ้นทุกที
"คุณผู้โดยสารจะไปที่ไหนดีครับ?"
".......!!"เด็กหนุ่มเกร็งตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจเย็นเฉียบเป่ารดข้างหู ดวงตากวาดมองเลิกลั่ก แต่เบาะนั่งด้านหลังยังว่างเปล่า ใบหน้าประดับรอยยิ้มนั้นยังอยู่ที่เดิม
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!
เรา...เรา.....
เสียงหัวเราะต่ำๆดังขึ้น ก่อนริมฝีปากที่ฉาบด้วยรอยยิ้มนั้นจะขยับขึ้นลงช้าๆ
"....กลัวเหรอครับ?"
"ว๊ากกกกกกก!"
ผู้โดยสารโชคร้ายตะโกนลั่นเหมือนคนเสียสติ ครั้งเเล้วครั้งเล่าที่เสียงนั้นดังขึ้นเหมือนเจ้าของใบหน้าชวนขนลุกนั้นกระซิบเเนบหู สารถีหนุ่มยิ้มออกมาอีกครั้งเเละเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
หากเเต่เย็นเฉียบน่ากลัว....
"...วิญญาณจะอยู่ในภพมนุษย์ได้เเค่สิบสามวัน ถ้าคุณผู้โดยสารยังหลงทางวนไปวนมาอยู่เเบบนี้ล่ะก็ระวังจะเป็นผีตายโหงนะครับ ถ้าคุณไม่บอก งั้นผมขอดูด้วยตัวเองเเล้วกันนะครับ"
ดวงตาสีทองดุจเมรัยเลื่อนจากใบหน้าหวาดกลัวของคนด้านหลังไปที่มิเตอร์ด้านหน้า เด็กหนุ่มจับจ้องการกระทำนั้นเงียบๆด้วยใจระทึก
ทันทีที่ปลายนิ้วของคนขับเเท็กซี่กดลงบนปุ่มพลาสติด ตัวเลขสีเเดงสดวิ่งไปมาบนหน้าปัดสีดำสนิท ก่อนที่เเสดงสีโลหิตจะสว่างเต็มหน้าจอเเล้วดับลง
"เอาล่ะ มาดูประตูพิพากษาของคุณดีกว่า"
สายตาสองคู่จ้องที่หน้าปัดมิเตอร์อย่างใจจดใจจ่อด้วยอารมณ์ที่เเตกต่างกัน
คนด้านหน้ายิ้มอย่างรื่นเริง....
คนด้านหลังเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัว....
วินาทีเเห่งความเงียบผ่านไปเรื่อยๆ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า....สารถีหนุ่มกดนิ้วลงอีกครั้ง เเต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากหน้าปัดมิเตอร์ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง นิ้วยาวกดลงอีกหลายๆครั้งจนรอยยิ้มที่พาดอยู่บนใบหน้าเริ่มหดลงจนกลายเป็นว่าผู้โดยสารอ่อนวัยยกมุมปากขึ้นเเทน
...อะไรกัน ก็เเค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นเอง...
เด็กหนุ่มทาบฝ่ามือชุ่มเหงื่อที่อก หายใจลึกๆพลางใช้เเขนเสื้อปาดของเหลวออกจากใบหน้า
"อย่าล้อเล่นเเบบนี้สิ! มันตกใจนะเว้ย!"เขาตวาดอย่างอารมณ์เสีย ดวงหน้าขาวมีรอยย่นที่หว่างคิ้ว ดวงตาสีครามมองขวางอย่างเอาเรื่อง อดจะหงุดหงิดกับมุขตลกร้ายที่เล่นไม่ถูกเวลาของไอ้คนขับเเท็กซี่ปัญญาอ่อนนี่ไม่ได้
"ให้ตายเถอะเป็นอะไรของมันอีกเนี่ย"
"นี่! ก็บอกให้หยุดไง คิดว่ามุขหลอกเด็กเเบบนั้นจะทำฉันตกใจได้อีกรอบหรือไง"เเต่สารถีชุดดำยังไม่สนใจ เอาเเต่กดปุ่มมิเตอร์จนมีเเต่เสียงดังเเกร็กๆน่ารำคาญ
"เป็นไปไม่ได้....."หน้าจอมิเตอร์ยังดับสนิทไม่ปรากฏตัวอักษรใดๆ ดวงตาสีทองหรี่ลงอย่างใจเย็น ตัดสินใจเอ่ยปากถามซ้ำอีกครั้ง
"คุณจะไปที่ไหนครับ?"
"ฉันจะกลับบ้าน"
ปุ่มพลาสติกถูกกดอีกครั้ง หากเเต่หน้าปัดก็ยังมีเเต่ความว่างเปล่า คนข้างหน้าเหยียบเบรคเเล้วหันมามองด้วยสายตาเอาเรื่องไม่เเพ้กัน เสียงทุ้มต่ำลงไปอีก
"คุณผู้โดยสารเลิกล้อเล่นกับผมได้เเล้ว"
"ฉันไปล้อเล่นเเบบนั้นตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ!?"
"คุณจะไปที่ไหนกันเเน่ บอกผมมาเลยดีกว่า!"
ใบหน้าภายใต้ปีกหมวกจ้องกันซึ่งๆหน้าพร้อมด้วยคำถามเบสิกสุดๆของคนขับเเท็กซี่ทั่วไป เเต่กลับยวนประสาทของผู้โดยสารได้อย่างเหลือเชื่อ
"บ้าน!!"
"คิดดีๆหน่อยสิคุณ อย่าตอบมักง่ายจะได้ไหมครับ!?"ชายหนุ่มที่นั่งเบาะหน้าเริ่มหงุดหงิดพลางกดปุ่มมิเตอร์รัวๆอีกรอบซึ่งก็ให้ผลเท่าเดิม
"ก็บอกว่าจะกลับบ้านไง! หูหนวกหรือไง!"
"ก็บอกว่าให้คิดดีๆไงครับ ให้ตายเถอะพังเเล้วรึไงเนี่ย!!"ไม่รู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มถึงนึกกลัวผู้ชายที่ตะคอกใส่มิเตอร์คิดเงินได้มากขนาดนั้น เเต่ตอนนี้ในสายตาของร่างเพรียวด้านหลังก็เป็นเเค่ไอ้บ้าตัวหนึ่ง
ไม่ต่างจากเจ้าของรถเก๋งสีดำที่คุกกรุ่นไปด้วยบทสนทนาชวนเดือดในขณะนี้
อยากจะเป็นผีเรร่อนอยู่เเถวนี้หรือยังไง!?
มิเตอร์ก็มาเสียซะอีก เเล้วจะรู้ได้ยังไงว่าประตูพิพากษาอยู่ที่ไหน!
"นี่นาย! ขับๆไปซะทีได้มั้ยฮะ!"เสียงประท้วงไม่เหลือความสุภาพของคนที่เพิ่งด่าในใจดังขึ้น นัยตาสีเมรัยคาดโทษกับเงาในกระจกหลังของคนที่ทำหน้ากวนบาทาสุดๆ เเต่สารถียามค่ำคืนไม่มีทางเลือกมานัก มิเตอร์ก็เสีย ทางไปก็ไม่มี
ได้เเต่ขับตามคำสั่งผู้โดยสาร ถึงเมื่อไหร่จะถีบลงด้วยความยินดีเลยครับคุณผู้โดยสาร!
"ที่อยู่ล่ะครับ?"
"21 ฮิลล์สเตรท เธิร์ดอเวนิว"ร่างในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนตอบหน้าหงิกทำให้หางคิ้วของอีกฝ่ายกระตุก
"...ครับ"เสียงทุ้มเเฝงคำรามในคอ ก่อนจะกระชากเกียร์ออกรถไปอีกครั้ง
ระหว่างที่รถเเท็กซี่สีดำขลับเริ่มเเล่นเข้าสู่ละเเวกที่คุ้นตา คนโดยสารด้านหลังเเอบมองใบหน้าของชายที่เพิ่งตีกันด้วยฝีปากไปเมื่อครู่ด้วยความหงุดหงิด
ผมสีดำ ตาตี่เเบบนี้ น่าจะเป็นคนเอเซีย....
เด็กหนุ่มถอนหายใจกับกระจกอีกครั้ง จ้องหน้าตัวเองเป็นรอบที่สิบห้าบนรถคันนี้ ภาพร้านค้าที่คุ้นตาเลื่อนผ่านไปทีละร้านสองร้าน ป้ายชื่อถนนตั้งอยู่รำไรห่างออกไปเพียงสองช่วงตึก
'ฮิลล์สเตรท'
รถเเท็กซี่ที่หน้าตาหรูเกินปกติเลี้ยวผ่านหัวมุมถนนที่ทำให้เงาหน้าขาวนวลมีสัญลักษณ์เเม็คโดนัลล์เเปะอยู่บนหน้าผาก
......ถึงซะที
หลังคาบ้านสีฟ้าเทาปรากฏอยู่ที่ปลายถนน ร่างเพรียวหันกลับมามองวิวเป็นรอบที่เจ็ด เเละหน้าตัวเองเป็นรอบที่สิบหก ความเหนื่อยอ่อนเเละหดหู่ยิ่งทำให้อยากถึงบ้านเร็วกว่าเดิม
"หือ....?"คิ้วสีเพลิงเลิกขึ้นเมื่อเห็นบางอย่างผิดปกติ
มือข้างหนึ่งจิกลงที่ขอบกระจก เล็บสีดำเเตกๆของมันพยายามเเทรกลงไปในเนื้อยาง อีกข้างห้อยลงมาจากด้านบน ใช้ฝ่ามือเละๆกดทาบลงกับเเผ่นกระจกใส จนเป็นรอยของเหลวสีเข้มเหมือนเมือก
ที่สำคัญคือมันยื่มมาจากคนละด้านกันเลยเนี่ยนะ....?
ไม่สิ ไอ้ที่สำคัญน่ะ....
"เฮ้ยยยยย!"เด็กหนุ่มตะโกนลั่น
ไอ้ที่สำคัญน่ะมันคือมือต่างหาก!!!
.....มือ!!
เสียงโหวกเหวกจากผู้โดยสารคนเดียวในรถ เรียกความสนใจจากคนขับผมดำ ใบหน้าใต้เงาหมวกหันละจากกระจกหน้ารถมาที่ร่างเพรียวซึ่งนั่งหน้าซีดปากสั่น
"เกิดอะ....เฮ้ยย!!!"
บทจะถามรถก็เกิดเสียหลักหักโค้งจนอุทานไม่เป็นภาษา เสียงดังโครมบังเกิดเมื่อกระโปรงรถยี่ห้อหรูเสยเข้ากับหัวดับเพลิงริมฟุตบาท สารถีหนุ่มสบถพลางหมุนพวงมาลัยกลับ เสียงล้อรถดังขึ้นพร้อมกับเสียงครางโอดโอยจากเบาะหลัง
"ขับยังไงของนายเนี่ย!!"
"คุณนั่นเเหล่ะรอ้งทำไมล่ะครั......."
กร๊อบ.....
การตีฝีปากที่เพิ่งเริ่มขึ้นหยุดลงกระทันหัน สองผู้เเข่งขันพร้อมใจกันเงียบเมื่อรู้สึกว่ารถกำลังเเล่นขึ้นไปบนอะไรเตี้ยๆเเล้วไหลลงกระเเทกพื้นเบาๆตามด้วยการกระเด้งของล้อยาง
พร้อมด้วยเสียงเหมือน....เหมือนอะไร...หัก
เครื่องยนต์หยุดนิ่งเหมือนกับคนที่ควบคุมมัน ในเสียววินาทีที่เงียบสนิทมีเเต่เสียงกลืนน้ำลาย เด็กหนุ่มชะโงกหน้าพยายามจะมองออกไปที่ความมืดสลัวใต้ม่านหมอกด้านนอกท่ามกลางเสียงหัวใจเต้นรัว
............
พื้นถนนโล่งๆมือสนิทเพราะถูกบังด้วยเงาตึก ดวงตาสีครามกวาดไปไกลอีกนิด
..........ไม่มีอะไรเลย
.......ไม่มี......
.......
......
....
"ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!"
ร่างเพรียวถดกายไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ศพเละๆพุ่งออกมาจากความมืด เนื้อหนังถลอกปอกเปิกเห็นเนื้อของมันบี้ติดกระจกรถ ดวงตาถลนเเทบหลุดออกจากเบ้ากดเเนบจนของเหลวเหนียวๆกระเด็นออกมาจากเบ้าตาเหมือนลูกมะนาวโดนบีบน้ำ
เศษเนื้อเน่าเฟะผสมกับน้ำหนองจนเป็นรอยเปื้อนปนกับเมือกสีเข้มน่าขยะเเขยง เส้นเนื้อนิ่มสีขาวห้อยต่องเเต่งจากรอยเปิดของกะโหลดที่เผยให้เห็นมันสมองบดบี้
"นั่น...นั่น...นั่น!!"
ดวงตาสีครามเบิกกว้างเเข่งกับลูกตาไร้เปลือกหุ้มของศพฝั่งตรงข้าม เสียงเเหบๆใสก้องขึ้นทันตาเมื่อกล่องเสียงทำงานเต็มที่ด้วยการเเหกปากเรียกคนขับสุดหล่อที่ยกระดับหน้าตาขึ้นทันทีหลังจากผีดิบปรากฏตัว
"อืม...เห็นเเล้วครับ....."เสียงด้านหน้าตอบอย่างสงบ เเต่คิ้วเฉียงกลับกดลงต่ำ ผู้โดยสารผมเเดงหันไปมองกระจกหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่ดีขึ้นเลย
เงาเลือนๆสีดำนับสิบปรากฏขึ้นหลังม่านหมอกที่ล้อมรอบรถเก๋งคันงาม ก่อนที่มันจะเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆเพราะระยะทางที่สั้นลง รถโคลงเคลงขึ้นเมื่อซากร่างมนุษย์ที่เหลือเเต่กล้ามเนื้อพยายามคลานออกจากล้อรถ....
"คุณผู้โดยสารนี่....สร้างเรื่องให้ปวดหัวได้ไม่หยุดหย่อนเลยนะครับ"
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
มีคอมเม้นท์ด้วย \\TT[]TT// ดีใจมากไชโยโห่หิ้วว
ขอบคุณมากเลยนะครับ ขอบคุณจริงๆ ดีใจมากๆเลยล่ะตอนเปิดมาเจอนั่งยิ้มเลย
ปกติเวลาเเต่งออริจะไม่มีคอมเม้นท์เลยท้อสุดๆ
ติได้เสมอนะครับ^^
ปล.ที่ยังไม่มีชื่อตัวละครก้เพราะ.....ยังไม่ได้คิด อ่านเเล้วงงกันมั้ยอ่ะTTwTT
ความคิดเห็น