คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พบเจอ
ท่วงทำนองบทที่ 1
พบเจอ
ในอาณาจักรที่งดงามและบริสุทธิ์ไปด้วยสิ่งเหนือความคาดหมาย เสาหลักเพียงแห่งเดียวของนคราแห่งนี้ที่สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนนั้น คงจะไม่พ้นผู้ที่เป็น”หัวใจ”
แต่หากวันหนึ่งเสานั้นโค่นล้มลงจะเกิดอะไรขึ้น.....
เสียงเพลงดังขึ้นเงียบๆบนพื้นที่โล่งซึ่งดูไร้ความหมาย แต่กลับเป็นสถานที่พิเศษสำหรับใครบางคน
ดวงตาสีขาวขุ่นเพียงดวงเดียวจ้องมองไปยังอีกฝั่งของผาหินอย่างเงียบๆ ก่อนจะเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ขอบผาช้าๆ อีกฝั่งหนึ่งนั้นเทวรูปหินยังคงตั้งเด่นเป็นสง่านับตั้งแต่ประดิษฐานมา
ร่างในชุดสีขาวถามยิ้มๆ เหมือนไม่ได้จงใจให้ตอบ ชายผ้าสีดำที่รูปปั้นสวมใส่พลิ้วไปมาเมื่อสายลมต้อง ดั่งครั้งหนึ่งที่เคยมีชีวิต
“รอนานหรือเปล่า เอเทีย?”
“ข้ากลับมาแล้ว....”
วีรสตรี อัศวิน ผู้เสียสละ เหตุผลใดนั้น เริ่มต้นจากเพียงชนชั้นต่ำที่สุดของนครา และความคิดเล็กๆที่อยากปกป้องสิ่งที่นางรักเท่านั้นเอง.....
................................................
“อ้าว โซรา ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ?”เด็กสาวอายุไม่เกิน 12 ปีมองหน้าของพี่เลี้ยงตัวเอง เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยของนางยืนปิดทางออกที่เด็กน้อยเคยเข้าออกเป็นประจำ
“วันนี้ไม่ได้หรอกค่ะท่านซาเซเรียกรุณาออกทางอื่นเถอะ”หญิงสาวผมสีน้ำตาลยิ้มแก้เก้อ ก่อนจะขยับตัวตามมิโกะตัวน้อยที่พยายามจะมองออกไปตามช่องว่าง จนถึงกับต้องเอาผ้ามากั้นกันเลยทีเดียว
การกระทำของพี่เลี้ยงสาววัยแรกรุ่นยิ่งทำให้ว่าที่เสาหลักสนใจมากกว่าเดิม ประกอบกับเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนที่ดังมาเรื่อยๆ จนพาลให้นึกว่าข้างหลังชายผ้าที่ปกคลุมอยู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
“วะ ว้าย....!”มือเรียวคว้าเอวที่พันด้วยผ้าแทบไม่ทัน เมื่อเจ้าของดวงตาสีฟ้าสดใสตัดสินใจโผล่หน้าออกไปมองสิ่งที่นางตั้งใจจะปิดไว้นักหนา
เบื้องหน้าของลานโล่งที่เคยเดินเล่น เต็มไปด้วยหญิงสาวประมาณ 10-15 คน แต่ละนางล้วนงดงามราวกับเทพธิดา สวมใส่เสื้อผ้าแปลกตาที่เปิดสรีระของร่างกายมากกว่าปกติ แต่กลับไม่ดูประเจิดประเจ้อเกินควร หญิงสาวบางคนถือเครื่องดนตรีนานาชนิด ต่างบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน พวกที่อยู่กลางวงก็วาดขาเป็นลีลาที่งดงามหาได้ยากยิ่ง
สีสันต่างๆของเสื้อผ้า และเสียงเพลงที่สนุกสนานทำให้เด็กน้อยถึงกลับตื่นตะลึงไปชั่วครู่ พลางยิ้มออกมาราวกับได้ของเล่นใหม่ ด้านหลังของริ้วผ้างดงามหลากสีสัน ปรากฏแววตาเป็นประกายที่จับจ้องอยู่ จนนางเผลอมองเข้าไปในดวงตานั้น เด็กสาวอายุราว 12-13 ปีคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้างของนางระบำ ผมสีดำขลับไม่เหลือบสีใดๆพลิ้วไหวไปในทิศทางเดียวกับชายผ้าสีดำที่ปกคลุมร่างของนาง
ดวงตาและเส้นผมสีรัตติกาลดึงดูดให้ผู้คนอยากเข้าใกล้ เป็นนางรำเพียงผู้เดียวที่สวมใส่อาภรณ์สีดำสนิท แต่กลับไม่ชวนให้หม่นหมองเสียทีเดียว กลับดูงดงาม สุขุม เยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความมีเสน่ห์เหนือผู้ใดแม้จะยังเยาว์วัยก็ตาม
“มองของแบบนั้นไม่ได้นะคะ”โซราส่งเสียงร้องจิ๊จ๊ะพลางเอามือมาบังตาของเด็กน้อย ซักครู่ก็ถูกมือเล็กๆตะเกียดตะกายเอาออก
“ทำไมล่ะโซราคะ คนพวกนั้นเป็นใครเหรอ? สวยจังเลย”เจ้าของตำแหน่งโซราทำหน้าหม่นๆปนอารมณ์เสียเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจตอบไปแบบไม่เต็มใจนัก หากไม่ตอบมิโกะผู้นี้ก็คงจะยังไม่เลิกซักง่ายๆอยู่ดี
“ชนชั้นต่ำที่สุดของรีเซียร่า เรียกว่า”นางรำ”ค่ะ ถือเป็นชนชั้นล่างที่ไม่มีสิทธิใดในการกระทำการไมว่าเรื่องใดก็ตาม และต้องอยู่เป็นหลักแหล่งห้ามออกมาเดินเพ่นพานตามสถานที่ศักสิทธิ์เด็ดขาด”
“ทำไมล่ะคะ? พวกนางทำอะไรผิดเหรอ?”ดวงตาใสซื่อถามต่อภายใต้สีหน้าที่ไม่สบายใจของฝ่ายตรงข้าม ”ไม่ใช่หรอกค่ะท่านซาเซเรีย นางเป็นสตรีที่ไม่บริสุทธิ์เป็นหญิงที่มีชั้นเทียบกับโสเภนี พวกนางขายร่างกายเพื่อเงิน เด็กหญิงผมดำนั่นก็คงจะไม่ใช่พรหมจารีเช่นกัน”ดวงตามองไปยังสตรีชุดดำเพียงคนเดียวอย่างดูแคลน ราวกับสิ่งไร้ค่าและไม่สลักสำคัญอะไร
“เพราะฉะนั้นท่านที่จะเป็น’หัวใจ’ของนคราเราจึงไม่ควรเพ่งมองเพื่อให้ดวงตาแปดเปื้อนนะคะ”พี่เลี้ยงสาวย่อกายต่ำลงมาในระดับที่มองเห็นหน้ากัน พลางเอ่ยสั่งอย่างอ่อนโยนด้วยความรักนายของนางยิ่ง
“ค่ะ ข้าจะทำตามที่โซราบอก”เด็กสาวผมสีทองกอดหญิงสาวหลวมๆ
“นี่พวกเจ้า ทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมปล่อยท่านมาอยู่ในที่แบบนี้!!!?”เสียงชราตวาดดังลั่น โซราสะดุ้งหันไปมองเบื้องหลังพบร่างในชุดสีขาวสะอาดเดินมาทางระเบียง นางลุกขึ้นก้มศีรษะทำความเคารพ พลางบอกให้นายตัวน้อยไปวิ่งเล่นที่อื่นก่อน เมื่อแผ่นหลังของเด็กน้อยหายลับไปไกลแล้ว หญิงชราจึงหันมาเอ็ดลูกน้องด้วยความโกรธเคือง
“โซรา วันนี้ข้าบอกให้ควบคุมให้เข้มงอดมิใช่หรือ? ยยิ่งมีพวกนางรำมาเอะอะมะเทิ่งกันแถวๆนี้ยิ่งแน่ไปใหญ่ จะให้ผู้ที่เป็นเสาหลักเห็นสิ่งสกปรกไม่ได้นะ!”อดีตพี่เลี้ยงรุ่นก่อนขมวดคิ้วใส่ หากไม่ติดว่าวันนี้ต้องวคอยดูแลว่าที่เสาหลักอย่างใกล้ชิด มีหวังคงได้ลงโทษกันไปแล้ว
“ขออภัยค่ะ ข้ามัวแต่มองว่ามีใครอยู่แถวนั้นหรือไม่ ไม่ทันสังเกตว่านางออกจากห้องมาแล้ว...”ร่างในชุดสีขาว ก้มศรีษะต่ำพลางเอ่ยขอโทษเบาๆ นับว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่โดนลงโทษ “เอาเถอะ....เจ้าไปดูแลท่านต่อเถอะ ระวังด้วยล่ะ”หญิงชราส่วยหัวเบาๆ พลางโบกมือไล่แล้วเดินไปทางอื่น ทิ้งให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลถอนหายใจเบาๆ
“....ข้าก็หวังว่าจะไม่มีอะไรให้ระวัง”
....แต่กับนายน้อยของนาง มันจะเป็นแบบนั้นหรือ?
เท้าเล็กๆวิ่งเตาะแตะไปยังจุดมุ่งหมายในใจ ร่มไม้ใหญ่ทอดเงาลงบนพื้นหญ้าสีเขีนสชอุ่มตัดกับพื้นหินอ่อนสีขาวตามทาง ร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลงใต้ต้นใหญ่ พลางหยิบเอาลูกบอลสีทองเอามาหมุนเล่น ลมเย็นๆพัดเอาผมสีทองปลิวไสวจนยุ่งเหยิง
“อ๊ะ....”ของเล่นชิ้นโปรดหลุดมือกลิ้งหลุนๆไปอีกฝั่งของพฤกษาใหญ่ ลำบากให้ต้องลุกขึ้นไปเก็บ ประกายสีทองกระทบแดดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของต้นไม้ขนาดสิบคนยังโอบได้ ซาเซเรียเดินวนไปได้รอบครึ่งกว่าจะถึงที่ๆลูกบอลกลิ้งมาหยุด
“นี่ของเจ้ารึเปล่า?”มือที่กำลังจะก้มหยิบของเล่นทองคำพลันหยุดชะงัก เมื่อมันถูกยกขึ้นจากพื้น แล้วยื่นมาตรงหน้านาง ดวงตาสีฟ้าสดใสละจากพื้นมามองเบื้องหน้าอย่างงุนงง พลางหยักหน้าน้อยๆแล้วรับกลับมา อีกฝ่ายคลี่ยิ้มให้บางๆ ก่อนจะหันกลับไปตามเดิม
ดูเหมือนแขกคนนี้จะนั่งอยู่แถวนี้มาได้ซักพักแล้ว เสาหลักตัวน้อยยังยืนอยู่แถวนั้นจดจ้องไปยังร่างตรงหน้าในอาภรณ์สีดำสนิท “มีอะไรติดหน้าข้าหรือไง?”เสียงเย็นๆถามทำให้สะดุ้งขึ้นจากถวังด์ ใบหน้าขาวเนียนไร้สีเลือดหันมามองอีกครั้ง อ้อ.... “คุณเป็นนางรำเหรอคะ?”เสียงใสถาม แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนตรงหน้าเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย “ใช่ ทำไม?”มือเรียวขยับผ้าคล้องไหล่สีดำให้พ้นจากรัศมีการนั่งทับของเด็กหญิงปริศนา
“คลับคล้ายคลับคลาจะเห็นทีลานหน้าวิหารน่ะค่ะเลยลองถามดู”ดวงตาสีดำส่องประการประหลาดใจเล็กน้อย ปกติแล้วนอกจากนางรำด้วยกันมักจะไม่ค่อยมีคนปราถนาจะคุยกับพวกนางนัก เว้นแต่แขก ส่วนใหญ่ก็ถากถางอยู่ดีนั้นแหล่ะ... คำพูดของสาวน้อยตรงหน้าจึงทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจเป็นพิเศษ
“เจ้าเป็นใคร?”นางรำชุดดำถามกลับ หากเป็นคนที่รู้จักนางคงจะแทบก้มหัวให้ แต่สำหรับสตรีชุดดำคนนี้กลับไม่สะทกสะท้านกับการนั่งข้างเสาหลักซักนิด “ข้าชื่อซาเซเรียค่ะ อาศัยอยู่ที่นี่”ริมฝีปากบางระบายยิ้ม
“แล้วคุณล่ะคะ?”
“เอเทีย”
“ทีนี้เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”หลังจากบอกชื่อตัวเองเสร็จจึงตัดสินใจถามเรื่องของฝ่ายตรงข้ามเสียก่อน เดี๋ยวกลายเป็นลูกขุนนางขึ้นมาจะถูกหาว่าตีสนิทเอาเสียเปล่าๆ จะว่าไปเขตศักสิทธิ์เช่นนี้ถ้าไม่ใช่พวกนักบวชก็มีแต่ขุนนางที่เป็นผู้จัดการพระราชพิธ๊ที่กำลังจะมาถึงกับเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่เข้ามาได้ เสาหลักตัวน้อยหมุนลูกบอลเล่นไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด
“คุณอายุเท่าไหร่คะ?”
“ข้าเหรอ? 12”
มือเล็กหยุดหมุนของในมือ แต่เปลี่ยนมาจ้องหน้าแทน ใบหน้าอ่อนโยนขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับดวงตาคู่โตที่จดจ้องมายังนาง “12 เองเหรอ? สวยจังเลย”คำชมพร้อมเสียงหัวเราะทำให้แก้มสีขาวสว่างตา แดงระเรื่อขึ้นมานิดหน่อย
“ดีเลย มาเล่นกันเถอะ?”
“หา?”
ความคิดเห็น