คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กลิ่นบุปผา[1]
เงาในกระจกคือเด็กหนุ่มผิวขาวจัด ใบหน้ารูปหัวใจประกอบด้วยดวงตาสีครามดุจท้องนภาใต้คิ้วเรียวสีเพลิงเช่น เดียวกับเรือนผมละเอียดยาวประบ่านั้นลีบติดหนังศีรษะ ริมฝีปากสีชมพูเข้มเผยอขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของตนเองในกระจกเเละ เรือนร่างขาวผ่องเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำเกาะพราว
รอบๆมีเพียงดอกลิ ลลี่ขึ้นเบียดเสียดไกลสุดลูกหูลูกตาราวกับภาพวาดในนิยาย ดวงจันทร์ดวงใหญ่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่ขอบฟ้า ไนท์ยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งทรงโบราณ ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาไม่ชอบมันเลย ร่างกายถอยหลังโดยอัตโนมัติ เท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงบนดอกลิลลี่สีขาวเหลืองจนก้านหัก เสียงดังกร๊อบของก้านลิลลี่ทำให้เด็กหนุ่มยกเท้าขึ้นจากมัน
ดวงตา ค่อยๆเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ของเหลวสีเเดงเข้มไหลออกมาจากรอยหักของ ก้านดอกลิลลี่จนกระทั่งเลือดสดๆเจิ่งนองซึมลงไปในซอกนิ้วเท้าเหมือนกำลัง เหยียบอยู่บนโคลนเเฉะๆ
เงาตื่นตระหนกในกระจกค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆพร้อม กับเสียงกร๊อบที่ดังขึ้นทุกๆครั้งที่ลงส้นเท้าบนพื้นดินเปียกแฉะ ไนท์เห็นมือสีเทาคล้ำโผล่ออกมาจากด้านหลังของเขา มันลูบจับต้นเเขนซ้าย ใช้เล็บยาวปริจิกลงบนเนื้อจนเป็นสีเเดงก่อนที่ดวงตาขาวขุ่นคู่หนึ่งจะค่อยๆ ปรากฏออกมาพร้อมกับผิวเนื้อบางใสจนเห็นไปถึงเส้นเลือดบนใบหน้า
"....ฮ้า!!"
ร่าง เพรียวหอบเหนื่อยราวกับเพิ่งเสร็จจากการเเข่งวิ่งมาราธอน ไนท์เบิกตากว้าง กวาดมันไปรอบๆอย่างหวาดระเเวงจนมาหยุดลงที่เงาในกระจกห้องน้ำด้านหน้า ใบหน้าขาวเปียกชุ่มเพราะหยดน้ำจากก๊อก
นี่เราหลับได้เเม้เเต่ในห้อง น้ำเชียวเหรอ...? มือเอื้อมไปวักน้ำใส่หน้าตัวเองอีกทีก่อนจะปิดก๊อก บิดร่างกายปวดเมื่อย
เช้าวันจันทร์มาถึงพร้อมกับความหดหู่ที่ต้อง แบกกระเป๋าเบ้เข้ามหาลัย คอก็ปวด ไหล่ก็เมื่อยดันนอนไปทั้งอย่างนั้น ฝันร้ายอีก เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขี้หงุดหงิดเท่าวันนี้มาก่อนเลยจริงๆ เสียงพูดคุยของผู้คนหรือบรรยากาศคึกคักสำหรับฤดูแข่งกีฬาที่ใกล้จะมาถึงไม่ สามารถทำให้ไนท์รู้สึกดีขึ้นมาได้เลย แม้แต่เหล่าเชียร์ลีดเดอร์สาวกลุ่มใหญ่จะส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ก็ตาม
"ไนท์ เงียบเชียว อะไรกันเนี่ย?"มิเชลหนึ่งในสาวสวยประจำเซนเดิลเวสต์ทำหน้าน้อยใจเมื่อเด็ก หนุ่มเดินผ่านโต๊ะเธอไปอย่างไมไยดี
"คณะเขามีคนตายนี่ใช่ไหม? ซีนิธ มิลเลอร์ไง"เพื่อนสาวอีกคนเสริมขึ้นขณะจดจ่อกับการแชทบนโทรศัทพ์มือถือ
"ก็ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับไนท์เลยนี่ โธ่....."
"แหม ถ้าหนุ่มในสต็อกเธอเดี้ยงไปซักคนอย่ามาบ่นให้ฉันฟังละกัน"แบรนด้าเจ้าแม่กอซ ซิปปิดหน้าต่างแชทที่เริ่มเข้าสู่เรื่องน่าเบื่ออย่างข่าวนินทาคนนู้นคนนี้ ที่เธอรู้ดีอยู่แล้ว แถมยังรู้ในหลายเวอร์ชั่นซะด้วย รวมทั้งข่าวการตายของซีนิธ มิลเลอร์ นักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยเอกชนเซนเดิลเวสต์
"นี่ๆ แล้วตายยังไงเหรอเล่าให้ฟังบ้างสิ"
"ให้ตายเถอะพวกเธอ อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาพูดก่อนเวลากินข้าวนะ"เด็กสาวผมบลอนด์ที่หัวโต๊ะ บ่นอย่างเอือมระอา
"ไม่เอาน่าเอมิลี่ คนเรามันก็ต้องอัพเดทบ้างสิเน....."
ปัง!
มือใหญ่ตบลงกับโต๊ะ พลาสติกจนเสียงก้องโรงอาหารเล็กๆของคณะ เครื่องสำอางค์เเละของใช้กระจุกกระจิกกลิ้งหล่นเต็มพื้น มิเชลห่อไหล่สะดุ้งดวงตาแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์ของเธอมองไปที่เด็กหนุ่มอีกคน อย่างตกใจและรีบหลบสายตาเมื่อดวงตาของอีกฝ่ายตวัดมอง
"งั้นฉันจะบอก อะไรพวกเธอให้ดีไหม ว่าอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นให้มากนัก"
เสียงของ เขาทั้งดุดันและเต็มไปด้วยอารมณ์คุกกรุ่นที่บ่งบอกได้ว่า ถ้ามิเชลไม่โชคดีเกิดมาเป็นผู้หญิงล่ะก็....อาจจะลองไปนอนเลือดกบปากที่พื้น แล้ว
"....ฉะ....ฉัน"
สมมุติฐานที่ทำให้สาวน้อยผู้โชคดีนึกคำ พูดไม่ออก มือบอบบางกำชายกระโปรงสั้นกุดหลวมๆ คนทั้งโรงอาหารต่างก็เงียบปากไปตามๆกัน เป็นที่รู้กันดีว่าหากใครเผลอไปยั่วโมโหอันธพาลประจำเมืองขึ้นมาคงได้ตายศพ ไม่สวยแน่นอน
จวบจนได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูกสั้นๆเหล่าผู้อยู่ใน เหตุการณ์จึงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่นั่นก็หลังจากที่ตัวต้นเหตุเดินออกไปโดยทิ้งสายเหยียดหยามจนทั่วถึงเเล้ว
เด็ก สาวที่รอดจากเหตุการณ์ฆาตกรรมหวุดหวิดเหลือบมองไปที่ระเบียงชั้นสอง เรือนผมสีแดงเพลิงสดใสโผล่พ้นราวเหล็กออกมามากพอที่จะได้เห็นสีหน้าสงบนิ่ง ของคนที่ยืนมองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
อันดับแรกไอ้ยักษ์เมื่อตะกี้น่ะเป็นประเภทที่พวกผู้ใหญ่ชอบเรียกว่าเด็กหลังห้อง
อันดับสองเขาเป็นคนใจร้อนแถมยังมีสกิลต่อยตีขั้นเทพ ถ้าใครไม่รู้เรื่องนี้ก็รอฟื้นในโรงพยาบาลเอาแล้วกัน
อันดับสามมีคนเคยบอกไว้ว่าพวกใช้กำลังมักจะไม่ถูกกับคนใช้สมอง
อันดับสี่ไอ้คนใช้สมองที่จิ๊กโก๋รุ่นเฮฟวี่เวตเกลียดขี้หน้าเข้ากระดูกดำ ...ก็ยืนอยู่นั่นไง แถมยังทำท่าทางเหมือนสังเกตเห็นเปลือกกล้วยบนถนนเมื่อเห็นเนเดอร์เดินฮึดฮัดมา
ในเมื่อคู่อา ฆาตอย่างไนท์ แฟร์เวลยืนหน้านิ่งท้าทายบาทาอยู่แบบนั้น เนเดอร์ มิลเลอร์หรือจะเฉย!!
แบรนด้ารัวแป้นมือถือมือระวิงเมื่อในที่สุด แผ่นหลังของอันธพาลอันดับหนึ่งหายเข้าไปในตึกที่เด็กหนุ่มผมแดงรอการเรียน วิชาแรก ในขณะที่เจ้าเเม่กอซซิปกำลังรอเสียงตอบ sms คนที่ใจกล้าพออาจจะหยิบเอากล้องส่องทางไกลขึ้นมาจากอีกฟากของสนามฟุตบอลและ ส่องดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อเนเดอร์หยุดฝีเท้าลงหน้าร่าง เพรียวของศัตรูฟ้าประทาน
ส่วนนักศึกษาคนอื่นๆนั้น...ภาวนาด้วยจิตใจ ตั้งมั่นต่อความปลอดภัยของตัวเอง พวกเขาไม่ได้ใจกล้าไปกว่าพวกที่ถูกระบุในย่อหน้าข้างบนเลย ก็แค่ไม่อยากเสี่ยงที่จะขยับและมันใกล้ไปที่จะใช้กล้องเท่านั้นเอง
ภาษิต ที่ว่าคนใจกล้ามักตายเร็วน่ะ ชาวเเซนเดิลเวสต์อยากจะเปลี่ยนเป็นคนอยู่ใกล้มักตายเร็วเเทนเหลือเกิน...
"ดู เเกจะสบายดีนี่"เพื่อนร่วมชั้นต่างคณะที่พจณานุกรมขนานนามว่า'ศัตรู'ทักทาย ด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
"ก็คงอย่างงั้นมั้ง"ไนท์ตอบกลับด้วยโทน เสียงราบเรียบที่แหบลึกจนเหมือนกระซิบ ดวงตาสีฟ้าครามปรายตามองหุ่นสูงกำยำตามประสานักกีฬาควบนักเลงอยู่ในเสื้อ เเจ็กเก็ตสีแดงผ่านๆแบบไม่ได้สนใจ อะไรมากนัก
คนตรงหน้าคือเนเดอร์ มิลเลอร์
นามสกุลที่ยืนยัน ว่าเขาเป็นน้องชายร่วมสายเลือดแท้ๆของซีนิธ หากแต่นิสัยต่างกันเหมือนดาวเนปจูนกับสะดือโลก ประมาณว่าถ้าซีนิธหันซ้าย เนเดอร์จะไปขวา อะไรที่พี่ชายชอบเขาก็จะไม่ชอบ เหมือนกับที่เขาไม่ชอบไนท์ตั้งแต่เจอหน้ากันสมัยไฮสคูลนั่นเอง
เด็ก หนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเพลิงแค่ทำท่าเหนื่อยใจกับเรื่องเดิมๆ แต่ข้างในนั้นรวดร้าวกว่าเดิมมากนัก การที่ต้องมายืนอยู่หน้าน้องชายคนของที่เพิ่งตายไปยิ่งทำให้หดหู่กว่าเดิม
"ไม่ ยุติธรรมเลยนะที่แกจะเสนอหน้ามาที่นี่แบบไม่ทุกข์ร้อนน่ะ"
สายตาของ เนเดอร์เลื่อนมองอย่างดูแคลนเหมือนเดิม จนสะดุดกับสมุดปกแข็งในมือ
"เพราะว่าพี่ชายนาย พึ่งตายไปต่อหน้าฉันน่ะเหรอ?"
แววตาไหววูบเลือกที่จะไม่เผชิญกับสาย ตาที่ราวกับคมดาบของเนเดอร์ คำพูดที่เหมือนเชื้อเพลิงโหมลุกในเปลวไฟทำให้สติบางๆของมิลเลอร์คนน้องขาด สะบั้น
"แก!!"
ร่างกำยำโถมตัวเข้าใส่เต็ม แรงพร้อมกำปั้นที่หมายจะตะบันหน้าสวยๆสักรอบ ท่ามกลางความตกตะลึงของสายตาทุกคู่ ร่างเพรียวไม่คิดแม้แต่จะขยับเท้าหนีจากหมัดหนักที่พุ่งหลุนๆเข้าใส่ใบหน้า ร่างกายของคนต่อยและคนถูกต่อยเสียหลักไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ใน โอกาสเพียงเล็กน้อยเนเดอร์ยังสามารถเงื้อหมัดแถมรางวัลให้ได้อีกรอบ
วูบ หนึ่งที่ร่างของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อย กระเเสลมบางเบาที่เกิดจากการขยับตัวพัดเอากลิ่นที่ไนท์คุ้นเคยลอยเข้าจมูก กลิ่นหวานเลี่ยนชวนอาเจียน
....กลิ่นดอกลิลลี่
ฟึ่บ!!
ดวง ตาเบิกขึ้นเมื่อจู่ๆแผ่นหลังของใครสักคนโผล่เข้ามาขวางตรงหน้าในระยะเพียง สามฟุต ไนท์ผงะถอยไปก้าวหนึ่ง นัยตาสีครามพินิจร่างสูงโย่งในชุดเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนเเละทรงผมที่เหมือนรังนก เคลื่อนที่ ก่อนที่เสียงของคนที่เข้ามาเเทรกจะเฉลยข้อข้องใจทั้งหมด
"เอ่อ...ทะเลาะ กันมันไม่ดีนะครับ แถมยังเลยเวลาเข้าเรียนมาแล้วซะด้วย"ร่างสูงลดแฟ้มที่ใช้บังหน้าท้องตัวเอง ลงพลางหัวเราะเเหะๆ
.....กลิ่นหายไปแล้ว
ไนท์ปลอบใจสั่นๆของ ตน แล้วเอามือปาดเลือดที่มุมปากออก
"แกเป็นใครวะ!?"เนเดอร์ทำท่าจะ พุ่งเข้าใส่เหมือนกระทิงเห็นผ้าแดงจนลำบากเพื่อนนักเลงต้องมาช่วยล็อคแขน
ถึง ตัวจะได้แต่ดิ้นไปดิ้นมา แต่สายตาไม่เป็นมิตรยังจับจ้องคนขี้สอดไม่วาง
"ฉัน เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์น่ะ พวกนายกำลังจะเข้าห้องสายนะ ทำไมไม่รีบไปเรียนซะล่ะ"รอยยิ้มกว้างใส่ซื่อจนน่าหมั่นไส้โปรยไปทั่ว โยรุเกาหัวตัวเองด้วยท่าทีร่าเริงจนน็อตร่วงลงมาตัวหนึ่ง
โยรุเป็น อาจารย์....?
โยรุเนี่ยนะ
ไอ้คนสติไม่เต็มเต็งนี่น่ะเหรอ?
ไอ้ หมอนี่อ่ะนะจะเป็นอาจารย์!!?
ไนท์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง บางทีหมัดหนักของเนเดอร์อาจจะทำให้ประสาทการทำงานของเเก้วหูเกิดความผิดพลาด ก็ได้
ดูเหมือนคำว่า'ผู้ช่วยศาสตราจารย์'จะหยุดนักเลงนักเรียนได้ ชะงัดเมื่อเพื่อนร่วมเเก๊งค์ของเนเดอร์พยายามลากคนในอ้อมเเขนออกไป พอเสียงโหวกเหวกหายไปที่ลิฟท์ของอาคาร เหล่านักศึกษาเซนเดิลเวสต์ต่างก็พร้อมใจกันถอนหายใจอีกครั้งแล้วแยกย้ายกัน กลับไปตามห้องของตน
หนุ่มเชื้อสายเอเซียหมุนตัวกลับมาหาคนที่ยังนั่ง ก้นจำเป้าอยู่ที่พื้น
"นายก็ด้วยออดดังแล้วนะ"มือกว้างยื่นให้ด้วย ความประสงค์ดี แต่ร่างเพรียวไม่สนใจใช้มือยันพื้นด้วยท่าทีปรกติแตกต่างจากสภาพภายนอก ลิบลับ
ดวงตาคู่สวยมองผู้ช่วยชีวิตจากหมัดนรกเมื่อครู่ด้วยสายตา รำคาญ โยรุยิ้มกลับเหมือนคนปัญญาอ่อน หนึ่งวินาทีผ่านไป สองวินาทีผ่านไป สามวินาทีผ่านไป
"ทำไมนายยังไม่ไปอีก"บอกได้ชัดว่าไล่มากกว่าถาม
"ก็ เพราะนายยังไม่ยอมเข้าห้องเรียนน่ะสิ"คนสูงกว่ายิ้มละไม "ถ้านักเรียนอยู่ไม่ครบแล้วฉันจะสอนได้ยังไง?"ไนท์มุมปากตกลงสององศาในทันที เมื่อได้ข้อสรุปของการยืนโปรยยิ้ม
สอนห้องฉัน.....สินะ
ว่า แล้วก็ต้องยอมเดินเข้าห้องอย่างจำใจตามด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์สติเฟื่องที่ ยิ้มเหมือนคนบ้า เด็กหนุ่มผมแดงตัดสินใจว่าจะไม่ตั้งใจเรียนในคาบนี้อย่างเด็ดขาด ยิ่งเมื่อเห็นไอ้สูงปัญญานิ่มที่กำลังจัดของแบบอารมณ์ดีเกินลิมิตแล้วความ ตั้งใจนั้นยิ่งแรงกล้ามากกว่าเดิม
"เอาล่ะก่อนอื่น ฉันชื่อทาคามิเนะ โยรุเป็นรุ่นพี่อยู่ปีสอง จะมาคุมพวกเธอแทนศาสตราจารย์สตีเฟ่นที่ไม่ว่าง เพราะฉะนั้นรับงานไปทำกันนะ"เจ้าตัวยิ้มแฉ่งไม่สนใจบรรยากาศอึมครึมหลังห้อง
ต้น ตอของบรรยากาศมาคุที่ทำให้หายคนเสียวต้นคอไปตามๆกันนั่งหน้าแข็ง หากแต่สายตานั้นคมกริบเชือดเฉือนยิ่งกว่าใบมีด
ใช่สิ นายมันเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์จริงๆ
ผู้ช่วย'ของ'ศาสตราจารย์...!!
ไนท์ คว้ากระเป๋าพรวดพราดออกจากห้องไม่สนใจโยรุที่ได้แต่หันหน้าเลิ่กลั่ก เพราะคำพูดมั่วๆของคนหัวรังนกทำให้อารมณ์เดือดดาลไร้ระบาย จากที่น่าจะได้ขึ้นไปนอนเล่นแลกกับการโดดเรียนซักคาบสองคาบกลายเป็นว่าต้อง มานั่งให้ไอ้บ้านั่นหัวเราะใส่ซะนี่
เสียงกระแทกประตูผลักให้ห้อง เงียบอีกครั้ง ไม่ถึงสองวินาทีหลังจากนั้นเสียงและรอยยิ้มของคนที่ไนท์หมั่นไส้ที่สุดก็ ทำลายมันลง
"แหม ของเขาแรงจริง"ก่อนจะตามด้วยเสียงฮาครืนของนักเรียนที่เหลือที่กลบเสียง พึมพำของชายหนุ่มคนเดิมได้หมดสิ้น รอยยิ้มกว้างกลายเป็นแค่เส้นโค้ง
ควัน ดำที่เหมือนจะลอยตามตัวเป็นเหตุให้คนเดินผ่านไปผ่านมาต้องเว้นรัศมีหนึ่ง เมตรจากเส้นทางเสด็จของไนท์เวอร์ชั่นองค์ลง
"วันนี้ไนท์แปลกไปจริงๆ ด้วย ดูเงียบยิ่งกว่าเมื่อเช้าอีก"มิเชลกลอกดวงตาคู่โตไปมาอยู่หลังกำแพง
"ฉัน ว่าเธอที่มาตามสะกดรอยเขาน่ะ แปลกกว่า"แบรนด้าผู้ร่วมอุดมการณ์สโตรกเกอร์กัดอย่างอดไม่ได้ และไม่ว่ามิเชลสาวกเอกของไนท์จะมองว่าอย่างไร เธอก็ไม่เคยเห็นว่าไนท์ดูเป็นคนพูดมากเลยสักครั้ง
เรื่องแบบนี้ก็ได้ แต่คิด เพราะพูดไปเพื่อนเเธอก็ไม่สนใจอยู่ดี สาวลูกครึ่งนิโกรมองร่างเพรียวที่ไปยังดาดฟ้าด้วยสายตาขี้เบื่อเหมือนเดิม ก่อนจะเข้าสู่โลกไซเบอร์อีกครั้ง
เด็กหนุ่มเหวี่ยงเป้ลงบน พื้นปูนของชั้นดาดฟ้า ร่มเงาจากแทงก์น้ำขนาดใหญ่ช่วยบังแสงแดดเปรี้ยงๆได้เป็นอย่างดี มือขาวกระชับเสื้อคลุมชั้นนอกให้อุ่นขึ้นรับลมหนาวของเดือนธันวาคม ไนท์นอนแผ่มองปุยเมฆที่ค่อยๆเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ
ดวงตาสีเดียวกับ ท้องนภากวาดไปเห็นสมุดปกแข็งมีน้ำตาลเข้มที่ตนถือติดมือมา มันเป็นสมุดสเก๊ตภาพธรรมดาๆไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ที่พิเศษอาจจะเป็นเจ้า ของของมัน
เจ้าของเส้นผมสีเเดงคว้าสมุดเล่มนั้นมาขณะลุกขึ้นนั่งขัด สมาธิเหมือนเดิม ใช้ฝ่ามือนุ่มลูบไปตามสันมาจนถึงหน้าปกสากที่บ่งบอกอายุของมันได้เป็นอย่าง ดี ด้านหลังของปกมีตัวหนังสือยึกยือเขียนไว้ที่มุมซ้ายล่าง ไนท์จำได้ดีว่ามันคือลายเซ็นของซีนิธ
สมุดเยินๆที่ซีนิธมอบให้ในวัน สุดท้ายและนาทีสุดท้ายของชีวิต
"ซีนิธ!"
"อะไรเห รอไนท์?"
"........................."
"........!!"
ร่างเพรียว สะดุ้งตื่นจากภวังด์ เหงื่อเม็ดเย็นหยดเป็นวงบนหน้ากระดาษโล่ง เด็กหนุ่มปิดตาลงแน่นเพื่อไล่ภาพในอดีต มือขาวซีดสั่นระริกพลิกกระดาษดูทีละหน้า
มีทั้งภาพดอกไม้ใบหญ้า สัตว์ รวมไปถึงเนเดอร์ตอนเด็กๆที่อดจะประหลาดใจไม่ได้ รูปภาพทั้งหมดจบลงที่กลางเล่ม ภาพที่ยากจะกลั้นน้ำตาอยู่ รูปของเด็กผู้ชายวันสิบสี่ปีตัวมอมเเมมกำลังนั่งหน้ามุ่ยอยู่ในสวน และหน้าข้างๆที่เป็นเด็กหนุ่มใบหน้าสวยเเย้มยิ้มอย่างงดงาม
ไนท์กลืน ก้อนแข็งๆลงไปในคอขณะที่ปากรับรู้ถึงรสชาติขมของน้ำลายเหนียวๆ มือบางเลื่อนมายันที่พื้นเพื่อไม่ให้ต้องล้มลงไปนอนกลิ้ง
"งี่ เง่า...."น้ำเสียงแหบบ่นอุบอิบ
ลมหนาวของเดือนสิบสองพัดเอาหน้าสมุด ที่เหลือพลิกไปจนถึงหน้าสุดท้าย เส้นดินสอยุ่งๆสานกันเป็นภาพผู้หญิงกำลังยืนหันข้าง เธอส่วนชุดเดรสสีอ่อนดูนุ่มนวล ด้านหลังของเธอคือทุ่งดอกลิลลี่ที่เเข่งกันชูช่อบานสะพรั่ง
กลิ่น ดอกไม้ค่อยๆเด่นชัดขึ้นทีละน้อยราวกับว่าดอกลิลลี่ในรูปนั้นเป็นของจริง ไนท์ตัวเเข็งทื่อ ขนลุกตั้งเมื่อผิวกายรู้สึกถึงลมเย็นๆพัดผ่านพาเอาสติเเทบปลิวหายไปจากร่าง
ดวง ตาพยายามเปิดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อเหลือบไปมองภาพนั้นอีกครั้ง
"...เหวอ!!"
เธอก็หัน หน้ามา....
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
จบจนได้....ยาวสมกับที่รอคอยมั้ยครับเนี่ย?
เเต่ผมว่ามันยาวอยู่นะ เเต่ไม่ค่อยได้เคาะเอ็นเทอร์
ความคิดเห็น