ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Silent Night- แท็กซี่สายรัตติกาล [Boy's Love]

    ลำดับตอนที่ #2 : คืนที่ทุกอย่างเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 54


    ถูกล้อม.....ซะเเล้ว

    ให้ตายเถอะ!! มันชักจะไปกันใหญ่เเล้ว

    เกิดมา 19 ปีพึ่งเคยโดนหลอกขนาดนี้!

    เด็ก หนุ่มมองฝูงซอมบี้ด้านนอกที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆพลางอดกลั้นความอยาก อาเจียนของตัวเองทุกครั้งที่ต้องสะดุ้งตัวเพราะการโจมตีกระหน่ำจากด้านนอก ตอนนี้กระจกทั้งหกด้านเปรอะไปด้วยของเหลวสีพิลึกกับเศษเละๆไปหมดเเล้ว

    ลม หายใจที่พ่นออกมากลายเป็นไอจางๆ ผิวกายเริ่มรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดต่ำลงจนขนอ่อนลุกชัน

    "ฉันชักจะ เกลียดมุกตลกของนายซะเเล้วสิ"

    พูดไปเเบบนั้น แต่ใจจริงรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องตลกเดือนเมษา อารมณ์ที่คุกกรุ่นไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อครู่เริ่มกลายเป็นหวาดหวั่น

    "เป็น เกียรติอย่างยิ่งเลยครับ...."

    ดวงตาสีอำพันกวาดมองรอบๆตัวโดยไม่มี ท่าทีตระหนก กลับกันสีหน้าของสารถีหนุ่มสงบลงกว่าเดิมมาก มือภายใต้ถุงมือสีขาวเอื้อมไปปิดเเอร์

    "คุณผู้โดยสารได้พกอะไรมาหรือ เปล่าครับ?"

    "อะไรล่ะ?"

    "จำพวกของ...ของคนเป็นน่ะ"

    "ห๊า?"ผู้ โดยสารย้อนเสียงสูง

    "พวกมันคงได้กลิ่นคนเป็นเลยเเห่กันมาหาคุณ ที่ จริงเขาห้ามพกของติดตัวเวลาเดินทางนะครับ ถ้าตำรวจจับขึ้นมาก็เเย่เลย"รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อ เบือนสายตาไปที่ประตูรถ สายตาที่ทำให้คนข้างหลังใจเสีย แต่ยังทำใจดีสู้เสื้อได้

    "นายคงไม่คิดจะปล่อยฉันลงตรงนี้หรอกนะ?"

    "ไม่ หรอกครับ รับขึ้นมาเเล้วก็ต้องส่งให้ถึงจุดหมาย แต่อาจจะทุลักทุเลสักหน่อยกรุณาหลับตาเอาไว้นะครับ"

    ชายหนุ่มหัวเราะ กับเสียงสั่นๆที่ยังปากกล้าได้ รอยยิ้มฉาบที่ริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะกระชากเกียร์ให้หน้ารถบุบๆพุ่งไปด้าน หน้าด้วยความเร็วมากกว่าร้อยยี่สิบ กว่าที่ร่างเพรียวจะเข้าใจในความหวังดีของคำเตือนนั้นก็ตอนที่เลือดข้นๆ พร้อมเครื่องในเหลวเเหลกประเด็นติดเต็มกระจกข้าง

    ดวงตาสีครามปิดสนิท รับรู้เเค่เสียงกระดูกหักเเละความรู้สึกที่ไถไปบนถนนขรุขระ มือขาวปีดปากตัวเองไว้เเน่นพยายามให้ไม่อาหารมื้อล่าสุดเล็ดลอดออกมาพร้อม เสียงเเบละเหมือนบี้ไปบนเนื้อที่ชุ่มด้วยของเหลว

    "...เฮ้ย!"อยู่ดีๆ รถก็เบรคอย่างเเรงจนหน้าผากกระเเทกเบาะหน้า ผู้โดยสารโชคร้ายค่อยๆลืมตาขึ้น

    .....ภาพ ที่อยู่เบื้องหน้าเหมือนฉากในเรสซิเด้นท์ อีวิลไม่มีผิดเพี้ยน ฝูงซากศพเดินได้เบียดเสียดจนเเน่นขนัดจนมองไม่เห็นถนนด้านหน้า เจ้าของรถที่เเปรสภาพใกล้จะเป็นเศษเหล็กเหยียบคันเร่งสุดเเรง เเต่ก็เรียกได้เพียงเสียงเละๆกับเลือดโสโครกกระเด็นเปื้อนหน้าต่างมากขึ้น

    .....ติด! คำที่บรรยายอาการช็อคของเด็กหนุ่มได้ดีที่สุด

    "บ้านหลังนั้นคือบ้าน ของคุณใช่ไหม?"

    ใบหน้าซีดเซียวพยักหน้าเร็วๆ นัยตาคมสีทองหรี่ลง ดับเครื่องยนต์เเล้วดึงกุญเเจออกมา ปลายโลหะสีเงินดำจ่อลงที่กลางฝ่ามืออีกข้าง ก่อนที่มันจะทุเลเข้าไปในถุงมือสีขาวเหมือนเวทมนต์ สารถีหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยออกพลางยื่นหน้าไปเบาะหลัง โดยไม่สนใจสายตาตกตะลึงที่มองอยู่

    เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ มือที่จับพวงมาลัยเมื่อครู่ทาบลงบนลำคอขาวปรากฏไอสีฟ้าจางๆ ซึมหายเข้าไปใต้ถุงมือผ้า

    "จับดีๆนะครับ"

    ทันทีที่ดวงตาสีทอง ทอประกายวาบ พาหนะสีดำที่นอนนิ่งสนิทก็ออกตัวด้วยเเรงชนิดที่บินได้ ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีเเดงเพลิงเบียดเข้ากับไหล่กว้างขณะที่มือใหญ่ โอบร่างเพรียวไว้เเน่น ภาพสองฝั่งถนนผ่านไปเร็วจนเป็นเเค่เส้นๆ

    "ว๊า กกกกกกกกกก!"ได้แค่แหกปากแข่งกับเสียงลมด้านนอก มือของเด็กหนุ่มขยุ้มปกเสื้อขลิบทองเเน่น

    "บ้านสวยนะครับ"ชาย หนุ่มเอ่ยชม เเต่อีกฝ่ายไม่มีเวลามาชื่นใจกับคำชมนั้น เพียงไม่กี่วินาทีบ้านเดี่ยวสีขาวที่ปลายถนนขยายขึ้นเหมือนเล่นมายากล ซากอวัยวะกระเด็นเป็นทางขณะที่พาหนะเหล็กสีดำพุ่งเข้าไปในฝูงซากศพ

    ดวง ตาสีครามเปิดเเบบกล้าๆกลัวๆ เบื้องหลังกระจหน้ารถที่ชโลมไปด้วยเลือดโสโครกคือสถานที่ซึ่งเป็นจุดหมาย ปลายทาง รถคันหรูไม่รอช้าหักโค้งเข้าช่องระหว่างฟุตบาททันที สลัดฝูงผีตายโหงที่เกาะอยู่ด้านหลังรถไปพร้อมกับประตูเหล็กดัดสีดำ

    "........!!"

    ....ประตู เหล็ก!!

    เจ้าของบ้านพูดไม่ออกเมื่อประตูรั้วกระเด็นยับเหมือนเเผ่น กระดาษ ล้อยางทั้งสี่หมุนตัวหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่างบานใหญ่ลากเอาหญ้าหายไปเป็นเเถบ

    "ถึง เเล้วนะครับ"คนขับเจ้าม้าเหล็กยิ้มบางๆพลางเปิดประตูผลักส่งร่างเพรียวที่ ยังตะลึงออกไปนั่งเเปะที่พื้นตามด้วยร่างสูงของตัวเอง

    เด็กหนุ่มยัน ตัวลุกขึ้นอย่างลำบากภายใต้ความรู้สึกอ่อนเเรง ความตกตะลึงมากขนาดไม่แม้แต่คิดที่จะขยับร่างกาย ในขณะที่ชายในเครื่องเเบบสีดำประจันหน้ากับซอมบี้ทั้งฝูง มือข้างขวาเปล่งเเสงสีฟ้าเรืองๆ ก่อนที่มันจะหายไปหลังเเผ่นหลังกว้างเเละปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมสายลมที่พัด หมู่เมฆออกจากรัศมีจันทรา

    "ขอบคุณที่ใช้บริการครับ"

    ใบหน้า เเบบคนเอเซียหันมายิ้มให้ ดวงตาคู่คมเรืองเเสงใต้เงามืด ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ร่างที่พื้นถูกเเขนเรียวยาวฉุดให้ลุกขึ้น

    ....ใน วันที่ซีนิธตาย

    ....ในคืนที่ก้าวขึ้นรถคันนั้น

    ....ในเวลาที่ อยู่ท่ามกลางฝูงผีดิบเป็นร้อย

    ....เขา

    "ขอเก็บค่าซ่อมไปล่ะ นะ....คุณผู้โดยสาร"

    ดวงตาสีครามเบิกกว้างขึ้นเมื่อเงาจากใบหน้าที่ อยู่ใกล้กันจนลมหายใจเป่ารดพวงเเก้มค่อยทาบทับริมฝีปาก จวบจนสัมผัสอุ่นละจากกลีบปากเย็นชืด

    "คนเป็นเหรอเนี่ย!!"

    คำ สบถสั้นๆดังเข้าหูก่อนที่เเสงสีฟ้าจะระเบิดออก ร่างกายรับรู้ถึงเเรงกระเเทกขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทหากเเต่โลกข้าง หน้านั้นกลับเป็นสีขาวสว่างตา.....

    ....ในวินาทีนั้นเองที่ทุกอย่าง

    ....ทุกอย่าง




    ร่าง กายขยับอย่างงัวเงียเมื่อรู้สึกถึงเเสงสว่างที่ส่องผ่านเส้นผมละเอียดสีส้ม เเดง เปลือกตาบางกระพริบถี่ ก่อนจะเปิดขึ้นปลุกดวงตาสีครามจากการนิทรายามค่ำคืน เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆ บิดขี้เกียจตามปกติ เท้าก็เขี่ยหาร้องเท้าผ้าใบคู่โปรดพร้อมๆกับเช็คเมจเสจในโทรศัพท์มือถือ

    ทำไม เราถึงลงมานอนที่ห้องรับเเขกนะ....?

    สายตาที่ยังมัวเบลอมองไปที่พื้น อย่างเลื่อนลอย เขายกมือขึ้นบังเเสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องลอดหน้าต่างบานใหญ่เข้ามายังโซฟา ที่ใช้เป็นเตียงชั่วคราว

    "เเดดเเรงชะมัด....."พูดเเล้วก็หันไปมอง ทิวทัศน์สวนเบื้องนอก

    ภาพที่เห็นคือสนามหญ้าที่ถูกละเลงด้วยรอย ดริฟท์ล้อ เเละประตูเหล็กดัดนอนบุบเเน่นิ่ง ตามด้วยท้องฟ้าเเละบ้านฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏเเทนตำเเหน่งผนังห้องท่ามกลางเศษ ฝุ่นเเละปูน

    ".................."

    เด็กหนุ่มนั่งตาค้างจนไม่ ทันสังเกตุถึงตู้จดหมายที่กองอยู่เเทบเท้าผ้าใบคู่โปรด นกกระจิบสองตัวบินผ่านห้องที่ไร้ผนังพลางส่งเสียงร้องจิ๊บๆ

    นี่ มัน....

    "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านฉันนนนนนนน!!!!!!"

    เช้า วันนั้นคุณนายเพอร์ซี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตื่นด้วยเสียงตะโกนลอดออกมาจากซาก สิ่งปลูกสร้างที่ถูกเคลือบด้วยฝุ่นเเละร่างเพรียวที่มีอาการไม่ต่าง จากคนสติเเตก

    ซึ่งยังไม่รู้ถึงสัญลักษณ์รูปดาวสิบหกเเฉกที่ถูกประทับ ลงบนร่างกาย


    ....ทุกอย่างได้เริ่มต้น





    ล้อกลมๆของกระเป๋าเดินทางใบโตหยุดหมุนที่ หน้าประตูไม้สีขาวเทาหม่นๆพร้อมกับคนลากมัน ตัวเลขสีทองลอกๆสามตัวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบด้านบนป้ายกระดาษเเข็งในช่อง พลาสติก

    '312'
    'NIGHT FIRWELL'


    เด็กหนุ่มมองเเท่ง โลหะเล็กๆในมืออีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ลูกกุญเเจที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนพอๆกับสภาพประตูห้องของหอพักเพิ่งถูกส่ง ให้เขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

    เพราะสภาพบ้านที่เหมือนโดนมรสุมถล่มทำให้ เขาต้องระเห็จตัวเองออกมาอาศัยหอพักมหาวิทยาลัยเป็นที่กบดานชั่วคราวระหว่าง ทีมงานก่อสร้างทยอยเข้ามาบูรณะซากสิ่งปลูกสร้างที่เคยเรียกว่าบ้าน โชคดีที่ 'เซนเดิลเวสต์' ไม่ใช่มหาวิทยาลัยรัฐบาลต้นทุนต่ำทำให้นักศึกษาที่มีอันจะกินแบบพอเพียง สามารถย้ายเข้ามาได้

    แต่ว่ายังไงนั่นก็เป็นบ้านที่อยู่มาตั้ง 11 ปีเชียวนะ อยู่ดีๆมันก็ถล่มไปครึ่งหนึ่งเนี่ย...ไม่ใช่อะไรที่จะรับได้เร็วๆเลย เมื่อนึกถึงความเละเทะที่เกินจะทนไหวคิ้วสีเพลิงก็ขมวดเป็นโบว์ ลองคิดดูสิถ้าวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาเเล้วพบกับเด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่ ตะโกนบอกว่า 'เฮ้ อรุณสวัสดิ์' เเทนที่จะเป็นผนังบ้านกับจอโทรทัศน์เเอลซีดีน่ะ

    "เฮ่อ........."

    ไนท์ถอนหายใจอีกครั้งพลาง เสียบลูกกุญเเจเข้าไปในรู สีหน้าไม่มีความตื่นเต้นกับการย้ายบ้านใหม่เลยแม้แต่น้อย ที่จริงเขาถึงกับคิดว่าเปิดประตูเข้าไปอาจจะเจอห้องนอนของตัวเอง และการที่บ้านถล่มเเบบไร้สาเหตุนั่นอาจจะเป็นความฝันก็ได้

    เเกร๊ก

    เสียง หมุนลูกบิดดังขึ้น แต่ไม่ใช่จากที่จับทรงกลมด้านหน้า ประตูห้องด้านข้างถูกผลักออกมาช้าๆ ดวงตาสีครามเหลือบมองที่ป้ายชื่อของห้อง 313

    'YORU TAKAMINE'

    ชื่อแปลกชะมัด ในอเมริกามีคนชื่อแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ? หรือว่าจะเป็นคนต่างชาติ? ตอนที่กำลังจะเลิกสนใจกับเพื่อนบ้านคนใหม่ หนังสือเล่มหนึ่งก็กระเด็นมาเกยอยู่ที่คอนเวิร์สมอมแมมพอดี ประตูห้อง 312 จึงเปิดเเง้มไว้เพียงครึ่งโดยไม่ได้รับร่างของผู้อาศัยชั่วคราวเข้าไป

    เด็ก หนุ่มผมแดงก้มเก็บหนังสือเรียนเล่มหนา เขาไม่ใช่คนมนุษย์สัมพันธ์ดีอะไรขนาดนั้นหรอก ก็เเค่มารยาทเล็กๆน้อยๆในสังคมเท่านั้นเอง ซักพักเจ้าของเล็คเชอร์เคมีในมือก็ถลาออกมาจากประตูห้องที่หน้าตาเหมือนกัน เปี๊ยบพร้อมข้าวของกระเด็นกระจัดกระจายอีกเป็นโหล

    "เย๊ย!"

    เสียง พื้นรองเท้าแตะลื่นพรืดจนเเฟ้มในซอกแขนบินเล่นลมไปอีกกว่าครึ่ง คนๆนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ซีดๆที่เป็นเหมือนยูนิ ฟอร์มต้นตำรับของคนที่ไม่รู้จะใส่อะไร เส้นผมสีดำตัดระต้นคอยุ่งเป็นรังนกขณะที่เจ้าของมันก้มหน้าก้มตายัดของลง กระเป๋าลวกๆ

    "......................." ...เอ่อ

    "หนังสือครับ"ร่างเพรียวตัดสินใจคืนของในมือให้เพื่อจะได้รีบๆ เข้าห้องไปเสียที หนุ่มผมดำยังก้มๆเงยๆอยู่ เเต่ก็รับมันกลับมาพลางเอ่ยทักทาย

    "พึ่งย้ายมาเหรอ? ฉันทาคามิเนะ โยรุ อยู่ห้องข้างๆนี่เอง"

    "...ไนท์ แฟร์เวล"เจ้าของนามเเนะนำตัวด้วยท่าทีเบื่อโลก

    ทาคามิเนะลุกขึ้นยืนตามปกติ ใบหน้าเบื้องหลังกรอบเเว่นหน้าเตอะเงยขึ้นจากพื้น ส่งยิ้มกว้างให้กับเพื่อนบ้านคนใหม่

    "ยินดีที่ได้รู้จั....."

    "หือ?"

    ทั้ง สองสบตากันและเบิกมันขึ้นพร้อมๆกัน เมื่อดวงตาสีดำสนิทของหนุ่มเชื้อเอเซียได้เห็นใบหน้าขาวผ่องชัดๆ เช่นเดียวกับดวงตาสีครามดุจท้องนภาที่จำใบหน้าของร่างสูงได้ไม่มีวันลืม ภาพดวงตาสีทองอร่ามที่วาววับใต้เเสงจันทร์ในคืนนั้นผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ

    ....ขอ เก็บค่าซ่อมไปล่ะนะคุณผู้โดยสาร.....


    "นายยยยยยยยย!!!!"

    เสียง สองเสียงดังประสานพร้อมกันในอารมณ์ที่ต่างกันโดนสิ้นเชิง กว่าจะรู้ตัวไนท์ยกนิ้วชี้ทิ่มหน้าคนตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย อีกฝ่ายเพียงเเค่ส่งสายตางุนงงปนตะลึงมาให้ ทั้งสองกลายเป็นรูปปั้นเเข็งๆที่ขยับตัวไม่ออก

    เด็กหนุ่มผมเเดงเป็น ฝ่ายลดมือลงก่อน รวบรวมสตินึกคิดอันเตลิดเปิดเปิงให้กลับมาอยู่ที่เดิม เสียงนุ่มทว่าเเหบน้อยๆเอ่ยขึ้นด้วยความใจเย็น

    "เราเคยเจอกันที่ไหน มาก่อนหรือเปล่า?"สายตาคาดคั้นถูกส่งไปพร้อมๆกับคำถามคาใจ

    "เอ่อ...ไม่ นะ"

    หนุ่มแว่นหัวรังนกตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจพลางหัวเราะเเหะๆ ยามบ่ายที่เต็มไปด้วยเเสงเเดดเเละบรรยากาศสดใสของท้องฟ้าสีครามปลอดโปร่ง กลับมีมรสุมก่อตัวขึ้นระหว่างคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องหมายเลขสามทั้งสอง บาน

    จะใช่รึเปล่านะ...?

    หน้าตาเเบบนี้ เเต่ว่าตาของหมอนี่สีดำนี่นา.....

    ไนท์พินิจดวงหน้ายาวเรียวด้วยสาย ตากอาฆาต พร้อมกับความกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆ

    "นายน่ะ......"

    "อัง อัง อัง โตะ เต๊ โมดา อ้ะ ซึกิ โดราเอโมอื...อออ"

    เสียงริงโทนเพลง การ์ตูนสุดฮิตจากเเดนอาทิตย์อุทัยทำลายบรรยากาศมาคุน่าอึดอัดลงได้อย่างราบ คาบ ในกรณีนี้เด็กหนุ่มทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าต้องหุบปากลง

    "หวาาาาาา"

    มือ ที่กะจะล้วงโทรศัพท์มือถือได้ของแถมเป็นลูกอมเเละใบเสร็จร่วงกราวออก จากกระเป๋ากางเกง ระหว่างที่ก้มลงเก็บด้วยท่าทางเงอะงะยังมีปากกาอีกเเท่ง

    เเละ ดินสออีกเเท่ง

    เเละไม้บรรทัดอีกอัน!

    ....ร่วงออกมาจากผมที่ เซ็ตโดยธรรมชาติประทานมาให้ อารมณ์หงุดหงิดหมายจะเอาเรื่องของไนท์หายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือเเต่ความอึ้งในขณะที่ทาคามิเนะตัดบทเมื่อเห็นรายชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอ มือถือรุ่นขาวดำของตัวเอง

    "ขอโทษนะ เเต่ฉันคงต้องไปเเล้วล่ะ เอ่อ...งั้นไว้คุยกันใหม่วันหลังละกัน"ใบหน้าที่ไม่มีเชื้อตะวันตกยังคงยิ้ม เเฉ่งให้จนโบกมือบ้ายบายเป็นรอบที่ห้า ก่อนที่ร่างสูงชลูดจะหายไปในทางเเยกหน้าลิฟท์ ทิ้งให้เด็กหนุ่มผู้สดใสวัย 19 ปียืนอยู่หน้าบ้านหลังใหม่ด้วยสีหน้าเอ๋อค้าง....







    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    อีดิท ** แก้ไขความยาวหน่อยนะครับ

    ซี ' นิธ(zenith) เเปลว่าจุดสูงสุด หรือจุดที่ตรงกับศีรษะบนท้องฟ้าตรงข้ามกับจุดเนเดอร์

    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับ ซึ้งใจมากๆ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×