คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Memorys[Mu]
Memorys
:Mu
บุรุษในชุดเกราะสีทองสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว คิ้วอันน้อยนิดขมวดมุ่น เเลดูรำคาญใจเล็กน้อย ปกติเเล้วตนเองจะอาศัยอยู่ที่จามิลวึ่งเป็นเขาสูงชันเเละอันตราย เเค่บันไดของ 12 ปราสาทเเล้วไม่ได้ทำให้เขาเหนื่อยเเต่อย่างใด เพียงเเต่การที่ไม่สามรถเทเลพอร์ทไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบายเหมือนปรกติทำใต้องลำบากมากขึ้นเล็กน้อย
เรียกง่ายๆว่าไม่ชินมากกว่า....
ถึงจะเป็นโกลด์เซนต์ประจำวิหารเเกะขาว เเต่นานวันจะกลับมาเหยียบเเซงทัวรี่สักที ยิ่งต่อจากนี้ต้องทิ้งบ้านที่จามิลเพื่ออยู่เฝ้าวิหารตามหน้าที่เเล้วทำให้มันอดรู้สึกไม่คุ้นเคยไม่ได้ เเม้จะเเค่เล็กน้อยก็ตามที
เสียงลงส้นเท้าดังขึ้น เนื่องจากโกลด์เซนต์ประจำราศีเมษเร่งฝีเท้าให้ไปถึงเร็วกว่าเดิม
"ใครน่ะ?"เสียงเย็นๆดังออกมาจากมุมหนึ่งของวิหาร อาริเอส มู หยุดเดิน พลางหันหน้าไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียง เงาตะคุ่มๆที่บ่งบอกได้ว่าเป็นคนดูเหมือนจะกำลังเดินออกมา
ก็คงไม่ใช่อย่างอื่นหรอก...
"อาริเอส มู เเห่งราศีเมษ?"
"ข้าเอง"ร่างโปร่งตอบกลับไป เรือนผมสีทองสว่างปรากฏออกมาให้เห็น ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างเล็กน้อย
"ชากะ"สิ้นเสียงเรียกก็ปรากฏร่างของโกลด์เซนต์ที่ขึ้นชื่อว่าพบเห็นยากคนนึง ชากะเดินมาจากห้องหนึ่งในปราสาท ก่อนจะเดินตรงมาที่ตัวเขา
เวอร์โก้ ชากะเเห่งราศีกันย์ บุรุษผู้ใกล้เคียงกับพระเจ้าเเละเป็นไอ้คนที่วันๆเอาเเต่นั่งวิปัสนากรรมฐานอยู่ในปารสาทไม่ค่อยโผล่หน้าออกมาให้ชาวโลกได้เยี่ยมชมมากนัก ถือว่าเป็นเเรร์ไอเท็มหายากชนิดหนึ่งของเเซงทัวรี่
"อะไรทำให้คุณออกมาได้ล่ะ?"มุมปากยิ้มให้นิดๆพลางนึกสงสัยในใจ ว่าคนเก็บตัวอย่างเวอร์โก้ ชากะ มีเรื่องอะไร๊....ถึงได้ออกมาถามคนเดินผ่านด้วยตัวเอง ทั้งๆที่วันไม่ค่อยจะออกไปหาคนอื่นมากมายนัก
"จะอะไรนอกจากเสียงเดินของเจ้าล่ะ...เล่นเอาวิหารเเทบถล่ม"ใบหน้าเฉยชาหันมามองทั้งๆที่ไม่ได้ลืมตา เเต่ทำไมกันหนอ...ถึงได้รู้สึกว่ามันเชือดเฉือนเหลือเกิน
"ขอโทษด้วย"มูบอกปัดก่อนจะหันหลังเดินต่อโดยที่ไม่สนใจคนตรงหน้ามากนัก เเกะทองคำหรี่ตาลงไม่สบอารมณ์
ลองอยู่วิหารล่างๆสิ...เเค่คาน่อนกับอันเดบารันทะเลาะกันสามเวลาข้าก็เบื่อจะตายอยู่เเล้ว...
เดินเเค่นี้ยังถือว่าเบา เมื่อเทียบกับโปรเเกรมถล่มวิหารของเพื่อนโกลด์เซนต์ทั้งสอง โชคดีเท่าไหร่เเล้วที่วิหารปูยักษ์ไม่มีผู้เฝ้าไม่งั้นคงได้ยินเสียงโวยวายเพิ่มอีกคน
"ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จะไม่ทักทายกันหน่อยหรือ?"ชายหนุ่มเอ่ยถาม เเละมันทำให้เขาต้องหยุดเดินอีกครั้ง
"ปกติท่านไม่ปราถนาให้ใครทักทายเท่าไหร่ไม่ใช่หรือ?"วันนี้ชากะทำให้เข้าเเปลกใจรอบที่สองของวัน โกลด์เซนต์เเห่งวิหารสาวพรมหจรรย์เพียงเเค่ยิ้มบางๆกลับมาให้ "ก็ไม่ค่อยได้ทักทายคนอื่นเสียเท่าไหร่ ข้าจึงออกมาทักทายเจ้าไงล่ะ"เจ้าของเรือนผมสีทองหัวเราะเบาๆ เป็นภาพที่เเปลกตาอยู่ไม่น้อยสำหรับเขา
"ตอนนี้ข้ารีบ ไว้ว่างเมื่อไหร่จะมาทักทายเจ้าให้หายเบื่อก็เเล้วกัน"มูยิ้มตอบกลับก่อนจะหันตัวเดินไปยังวิหารที่ 7 ตามความตั้งใจเเรก เมื่อเสียงฝีเท้าเริ่มห่างลับไปเเล้วเซนต์เวอร์โก้จึงเดินกลับไปในวิหารตนเองตามที่จากมา
"มันน่าจะเรียกว่าเหงามากกว่านะ....."
ร่างในชุดคล็อธอาริเอสเดินผ่านวิหารที่หกเหมือนปกติ เเละก็พบกับเจ้าของวิหารเช่นเดิมพร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเริ่มชิน ถึงเเม้จะถูกหยุดให้สนทนาเล็กๆน้อยๆเป็นการถ่วงเวลาทุกครั้ง เเต่คนมีความอดทนอย่างมูก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายอยู่เเล้ว
เพียงเเต่นานวันเข้า ร่างนั้นก็เริ่มร้อนรนทุกครั้งที่หยุดก้าวเดินเเม้เพียงเสี้ยววินาที กลับทำให้ใจร้อนรุ่มอย่างประหลาด เเต่กลับร้อนใจยิ่งกว่าเมื่อวันไหนไม่ได้เห็นหน้าฝ่ายตรงข้าม
จนรู้ตัวอีกที ดูเหมือนเขาจะเเทบไม่ได้อยู่วิหารตนเองเสียเท่าไหร่เลย
"อรุณสวัสดิ์"คนที่ส่วนสูงเท่ากันเอ่ยสั้นๆ
"เดินไปกลับวิหารเคียวโกทุกวันไม่เหนือยหรือมู?"ชากะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหลีกทางให้สหายเดินเข้ามาหลบเเดดในวิหารของตนเอง ฝ่ายตรงข้ามยิ้มเล็กๆไม่สนใจอะไรมาก เเม้คนส่วนใหญ่จะบอกว่าชากะพูดน้อยต่อยหนักถึงจะดูเป็นคนมีเหตุผลเเต่ก็กวนประสาทได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะกับไอโอเรียที่มีเรื่องให้กัดกันทุกครั้งที่เจอ
จนนึกๆไปก็ไม่ได้ปลีกวิเวกอะไรมากมาย เเค่ไม่ค่อยได้เคลื่อนที่เท่านั้นเอง.....
"เเล้วเจ้ามายืนหน้าวิหารทุกวันไม่เหนื่อยหรือไง?"ใบหน้าเฉยชานิ่งไป พลางส่ายหัวน้อยๆ
"จะเอาชาหรืออะไรดีล่ะ?"คงจะมีน้อยคนที่เห็นบุรุษผู้ใกล้เคียงกับพระเจ้ามานั่งชงชาให้คนอื่นกิน ถ้วยชาเนื้อดีขลิบทองคำสวยงามถูกบรรจงวางลงตรงหน้า
"เจ้าก็รู้อยู่เเล้วว่าข้าชอบอะไร"คนฝั่งตรงข้ามหัวเราะ
นั่นสินะ...ข้าก็รู้อยู่เเล้วว่าเจ้าชอบอะไร
วันนี้ก็ยังเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา ภาพเดิมๆที่ข้าไม่เคยเบื่อ บทสนทนาเรื่อยๆเฉื่อยๆ กลิ่นน้ำชาหรือเเม้เเต่ขนมสองสามชิ้นที่เจ้าบ้านหยิบยื่นให้ก็ยังคงเหมือนเดิม เเต่ว่าทุกๆวันกลับรู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่นี่นานขึ้นทุกที
"เป็นอะไรรึเปล่า?"ชากะถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูเหม่อลอย
รอยยิ้มของเจ้า...ถ้าเป็นเเบบนี้ทุกวันก็คงจะดีเหมือนกัน หรือจะเป็นเเบบนี้ตลอดไปข้าก็จะไม่เบื่อเลย....
"มูสรรพสิ่งเกิดเเล้วต้องมีดับ ไม่มีอะไรจะคงอยู่ตลอดไป เจ้ารู้หรือไม่?"
"เเฮ่ก เเฮ่ก เเฮ่ก!!"เสียงหอบหายใจดังก้องไปทั่วปราสาทอันเงียบสงบ อาริเอส มูเร่งฝีเท้าของตนเองไปยังวิหารที่หกอย่างรีบเร่ง ตามทางที่ผ่านมาที่เหล่าสเป็กเตอร์ขัดขวางมากมายจนเสียเวลาไปมากนักโดยเฉพาะปาปิญองมิว ที่ทำเอาเขาเสียเเรงใช่เล่น เส้นผมสีชมพูอ่อนกระทบเเสงจันร์จนเกือบจะเป็นสีขาว เส้นผมยาวที่ไม่ได้มัดปลิวระลมจนยุ่งเหยิงไปหมด ช่วงเป็นภาพที่ดูไม่จืดเสียจริงๆ
"ถ้าข้าอยู่กับเจ้าตอนนี้เจ้าคงหัวเราะข้าเเน่ๆ"ร่างสูงเพรียวพึมพำกับตนเองเบาๆ ระบายรอยยิ้มเครียดๆออกมา
"อะไรกันชากะ อยู่ดีๆทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?"
"เกิดอะไรขึ้น!?"คอสโมมหาศาลที่ระเบิดขึ้นมาเมื่อกี้พาลให้ใจไม่ดีขึ้นมาเสียเฉยๆ คอสโมรุนเเรงที่พุ่งไปยังวิหารสาวพรหมจรรย์ ผู้ที่สามารถเเผดเผาคอสโมได้มากมายขนาดนี้ ซ้ำยังโจมตีไปไกลกว่าสามวิหาร
....พวกซากะเลยวิหารปูยักษ์ไปเเล้วสินะ จะถึงวิหารราศีสิงห์หรือยัง?!
ไอสังหารที่รุนเเรงครอบคลุมเเทบทุกอณูในเเซงทัวรี่ ทุกย่างก้าวที่ผ่านพ้นไป
"เปล่าหรอก ข้าเเค่สังหรณ์ใจถึงเรื่องในอนาคตเท่านั้น..."
"สเป็คเตอร์!!"ซากศพของสเป็คเกอร์สามคนนอนเเน่นิ่งอยู่ตรงบันไดหินที่เเตกเป็นทางยาว ดวงตาสีมรกตก้มลงมองบนร่องรอยบาดเเผลบนร่างเหล่านั้นอย่างฉงน
...ไอโอเรียเหรอ ไม่สิยังไม่ถึงวิหาราศีสิงห์เลย ไม่มีทางที่ไอโอเรียจะออกมานอกวิหารโดยเฉพาะในเวลาฉุกเฉินอย่างนี้...ประกายตาสอดส่องทั่วบริเวณหวังจะหาตัวผู้สังหารศัตรู สักพักก็พลันเหลือบไปพบบางอย่างเข้า...
"การต่อสู้กับคนตายในภายภาคหน้าน่ะหรือ? ไม่ต้องห่วงเรื่องฮาเดสหรอกข้าเชื่อว่าพวกเราต้องผ่านพ้นไปได้"
พวกซาง่า...ผ่านไปเเล้วสินะ
ไอโอเรีย ข้าหวังว่าเจ้าจะหยุดพวกเขาได้...ในใจนึกถึงสหายรักภาวนาขอให้สิ่งที่ตนคิดนั้นเป็นจริง ขาเรียวละจากจุนั้นเเล้วรีบวิ่งต่อไป
ใช่....ข้าหวังเช่นนั้น...
"ผู้ตายนั้นคือผู้ที่พ้นจากห้วงทุกข์ทั้งปวง..."
"ไอโอเรีย!"ไม่มีวี่เเววของสหายรักหรือเเม้เเต่ซาง่า...มีเพียงเเต่ซากศพในชุดเซอพรีสที่นอนระเกะระกะอยู่เต็มพื้นวิหาร คอสโมที่เพิ่งจางหายไปเเสดงว่าได้ผ่านที่นี่ไปเเล้ว...เเล้วไอโอเรียล่ะ อยู่ที่ไหน!!
ถ้าเป็นเเบบนี้...
"วิหารสาวพรรหมจรรย์..."
"ไม่จริงหรอก...ต่อให้คนเราตายไปก็ยังต้องชดใช้บาปที่ตนเองเคยทำ เจ้าน่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือชากะ?"
"เจ้าน่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ....?"เสียงเเหบพร่า ครางออกมาเบื้องหน้ากำเเพงศิลาใหญ่ ลำคอเจ็บเเสบสุดจะทนราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่ ร่างทั้งร่างเเข็งค้างขยับไม่ได้ เรี่ยวเเรงที่พาตนเองวิ่งมาถึงที่นี่บัดนี้เเทบไม่เหลืออีกเเล้ว
เบื้องหลังกำเเพงนั่นคือสวนต้นสาละคู่...
ที่ๆปกติเขาจะนั่งรับลมเย็นๆ...
ที่ๆจะพูดคุยเรื่องไร้สาระหรือบางทีก็มีสาระบ้างกับชากะ...
ที่ๆบางทีจะมีของกินรออยู่เผื่อเวลาหิว...
ที่ๆเขาใช้นอนหลับพักผ่อนจากความเหนื่อยล้าของการเดินไปกลับ...
ที่ๆเขามักจะเจอเจ้าของรอยยิ้มบางๆนั่นนั่งคอยอยู่เสมอ....
ที่ๆเขารู้ดีที่สุด...
ที่ตายของชากะ.....
"ชากะอยู่หลังกำเเพงนั่น...."
อยากจะตะโกน กรีดร้องเเค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ พวกเขาคือเซนต์เเห่งอาเธน่า ซักวันวันนี้ย่อมต้องมาถึง เเละคงจะมาถึงเร็วกว่าหลายๆคนหลายเท่าตัว เเต่กระนั้นจิตใตกลับรับภาพตรงหน้าไม่ได้ เสียงของเซนต์เเห่งราศีสิงห์ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวจวบจนบัดนี้
"อาเธน่าเอ็กคราเมชั่น!"
"เเต่ข้ากลับคิดว่าผู้ที่ต้องเเบกรับความทุกข์คือผู้ที่มีชีวิตอยู่ต่อไปเสียมากกว่า"
"เจ้านี่เเปลกนะ ปกติเจ้าจะพูดถึงความตายราวกับเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?"
นั่นเป็นครั้งเเรกที่เขาเเละชากะมีปากเสียงกันนิดหน่อย...
เเต่กลับเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้ากัน...ภาพเหล่านั้นคงไม่มีอีกเเล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันเวลาที่ได้พูดคุยสนทนากัน หรือเเม้เเต่รอยยิ้มยามที่พบหน้า...คงจะไม่มีให้เขาอีก
ทำไมล่ะ...ทำไม....
"บัดซบที่สุด!!...ชากะข้าจะเเก้เเค้นเเทนเจ้าเอง!"
หยาดน้ำตาไหลอาบเเก้มสองข้าง ลบรอยเปื้อนจากฝุ่นที่ได้รับจากการต่อสู้จนเกือบหมด ริมฝีปากเเห้งสากไปหมด ไม่มีเเม้เเต่เสียงจะตะโกนด้วยซ้ำ
วินาทีนี้ ข้าเองเพิ่งจะได้รู้...ว่าคำพูดของข้านั้นมันผิดพลาดไปจริงๆ...
เพิ่งจะได้รู้ ว่าสิ่งที่มีให้คนเบื้องหลังกำเเพงนั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด...
เพิ่งจะได้รู้ว่า[ความทุกข์]ของเจ้าหมายความว่าอะไร?...
คอสโมที่คุ้นเคยเริ่มเลือนหายไป เหลือเพียงกลีบดอกสาละที่โปรยปรายลงมา ราวกับจะปลอบโยนจิตใจของผู้ที่โหยหามัน มือเรียวค่อยๆยกขึ้นทั้งๆที่ยังสั่นระริก
"ถูกต้องเเล้วชากะ...ผู้ตายคือผู้พ้นห้วงทุกข์..."
เพราะผู้ที่มีชีวิตอยู่จะต้องเเบกรับความเจ็บปวดเเละต่อสู้ต่อไป....โดยไม่อาจลืมได้เเม้เเต่เพียงวินาทีเดียว...
กำเเพงศิลาเปิดออก เสียงลูกประคำกระทบกันดังเเผ่วๆ พร้อมกับใบหน้าของสหายเก่าที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ความเจ็บปวดเเล่นปราดเข้ามาในใจ ต่อให้ต้องจมลงสู่ความมืดมิดอันไร้วึ่งเเสงสว่าง เเต่มันก็คง....จะไม่เจ็บปวดเท่านี้
ใช่....สู้ต่อไป..เเม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นความตายก็ตาม
ชากะ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ข้ายังคงคิดว่าเจ้าคิดผิด...เเม้จะเป็นเพียงวินาทีเดียว เเม้จะชโลมไปด้วยน้ำตาเเต่ก็ยังเป้นสิ่งเเสนมีค่า...ที่เรียกว่าความทรงจำ...จะเป็นสิ่งเดียวที่จะไม่มีวันสูญสิ้นตลอดกาล...
ความคิดเห็น