ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #95 : บทที่แปดสิบเจ็ด -- โรงเรียนศิลปะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.55K
      2
      24 ธ.ค. 54

    บทที่แปดสิบเจ็ด

        

           ...ช่วงปิดเทอม...



            เขากลับมาอยู่ที่บ้านกับครอบครัวหลังจากที่จากบ้านไปนานหลายเดือน ได้กลับมาอยู่กับพ่อและแม่ให้พอหายคิดถึงบ้าง แต่ละวันน่ะเหรอ ?...ก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ทำอะไร นอนตื่นสาย ดูการ์ตูน เล่นเน็ต วาดรูปเล่นไปเรื่อย ออกไปทำงานร้านดอกไม้บ้างเป็นบางวัน ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนี้เท่าไหร่นัก
       
           
             ในช่วงสองสัปดาห์แรกที่พี่สนยังไม่เปิดเทอม ฝ่ายนั้นก็ได้มาหาบ่อยๆแทบจะทุกวัน แต่ส่วนใหญ่จะนัดออกมาเจอแล้วออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกันมากกว่า ไปเดินเล่น กินข้าว ดูหนัง เพราะเขาเองก็ไม่กล้าให้รุ่นพี่ไปหาที่บ้านเท่าใดนัก ไม่รู้จะบอกกับพ่อแม่ว่ายังไงดี ส่วนรุ่นพี่เองก็ไม่ได้ว่าอะไรถึงเหตุผลนี้


            ช่วงแรกเขาเองก็แปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงมาหาได้ทุกวัน พอถามเข้าจึงได้รู้ว่ารุ่นพี่มีบ้านพักอยู่ที่กรุงเทพอีกหลังหนึ่งด้วย เป็นบ้านของพ่อนั่นเอง จะมานอนเฉพาะช่วงปิดเทอมใหญ่เท่านั้นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อกับลูก เพียงแต่ครั้งนี้พี่ไผ่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยเท่านั้นเอง พี่สนจึงต้องอยู่กับพ่อแค่สองคน เขาเองพอได้มารู้เรื่องนี้ทีหลังก็งอนรุ่นพี่ไปพักนึงเหตุที่ไม่ยอมเล่าให้ฟัง แต่พอฝ่ายนั้นทั้งง้อทั้งเอาใจสารพัดจึงต้องหายงอนไปเองโดยปริยาย


            วันนี้เป็นวันอาทิตย์และเป็นวันสุดท้ายที่รุ่นพี่จะอยู่ที่กรุงเทพ เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันเปิดเรียนของพี่สนในภาคการศึกษาใหม่แล้ว ฝ่ายนั้นพยายามจะอยู่ให้นานที่สุดจึงเลือกที่จะกลับเอาในวันสุดท้าย เขาเองก็ไม่ได้แย้งอะไรมากนักเพราะก็ไม่อยากให้รุ่นพี่รีบกลับเหมือนกัน แต่ยังไงเวลานี้ก็ต้องมาถึง...


            หลังจากออกไปกินอาหารเช้าด้วยกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องไปส่งรุ่นพี่ที่สนามบิน รู้สึกใจหายมากเหมือนกันที่เราจะไม่ได้เจอกันนานเกือบสองเดือน เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากเราร่ำลากันอยู่นาน ฝ่ายนั้นทั้งกุมมือ ทั้งกอด โดยไม่อายสายตาใคร ส่วนเขาได้แต่หน้าแดงทำตัวเลิกลั่กเพราะวางตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกฝ่ายมากนัก เพราะคนอื่นเขาก็ไม่ได้สนใจเราสักเท่าไหร่


    “ ณัฐ ? ”  รุ่นพี่ประคองใบหน้าของเขาไว้

    “ หืออ ”

    “ ดูแลตัวเองดีๆนะ เดี๋ยวพี่จะโทรหาทุกวันนะครับ ”

    “ พี่สนก็ตั้งใจเรียนนะ แล้วก็โทรมาทุกวันด้วย อย่าปล่อยให้ณัฐรอ ”

    “ ห้ามไปเถลไถล เที่ยวไหนไกล ห้ามให้คนมาจีบด้วย รู้ไหม ? ”  ฝ่ายนั้นส่งสายตาขู่

    “ ไม่มีหรอกน่า ”

    เราสบตากันหวานซึ้งสักพัก ก็ได้ยินเสียงประกาศ...ถึงเวลาที่รุ่นพี่ต้องไปเสียที

    “ พี่รักณัฐนะครับ ”

    ฝ่ายนั้นโน้มใบหน้าเข้ามาจุมพิศเบาๆ อย่างรวดเร็วไม่ให้ไหวตัวทัน เขาหน้าแดงไปจนถึงใบหูแล้วฟาดต้นแขนอีกฝ่ายทันทีด้วยความเขินอายทันที รุ่นพี่ก็เอาแต่หัวเราะชอบใจใหญ่

    “ พี่สน ! คนเยอะเห็นมั้ย ? ”

    “ ไม่เห็น ไม่สน ”

    “ ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก ”

    “ แล้วรักเค้ามั้ย บอกบ้างสิ ? ”

    “ อื้มม รัก ” เขาพยักหน้ายิ้มกว้างบอกออกไป

    รุ่นพี่ยิ้ม “ แล้วเจอกันเปิดเทอมนะครับที่รัก ”

    “ ครับ โชคดีนะ เดินทางดีๆ ”

            เราโบกมือลากันอย่างใจหาย แล้วฝ่ายนั้นก็ค่อยๆเดินหันหลังและลับสายตาผ่านดงผู้คนไปในที่สุด...


            ไม่ชอบการลาจากกันแบบนี้เลย...โดยเฉพาะคนที่เรารักและผูกพันมากๆแบบนี้ คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ไปเรียนพร้อมกัน ไม่มีวันไหนที่จะได้ห่างกันเลยสักครั้ง แต่เพราะความจำเป็นในตอนนี้ ยังไงปิดเทอมเขาก็ต้องอยู่บ้าน และพี่สนก็ต้องกลับไปเรียนตามปกติ ได้แต่บอกตัวเองให้อดทนและรอให้ถึงวันที่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...


             หลังจากวันนั้นเราทั้งสองจึงได้แต่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์อย่างเดียว ได้ยินเสียงพอได้คลายความคิดถึงลงไปบ้าง รุ่นพี่พยายามจะโทรมาหาทุกครั้งที่ว่าง แต่ก็ใช่ว่าจะว่างมากนัก เพราะได้คุยกันเพียงแค่วันละสองครั้ง ในช่วงพักเที่ยงและช่วงเย็น เท่านั้นเอง คุยแต่ละครั้งก็ไม่ได้นานอะไร เพราะฝ่ายนั้นเองก็มีเรียนทั้งวัน และบางวันยังต้องอยู่เวรจนดึกอีก พอถามจึงได้รู้ว่าพี่สนจะอยู่เวรประมาณสัปดาห์ละ 2 วัน วันที่อยู่เวรเห็นฝ่ายนั้นบอกว่ายุ่งมากจนไม่มีเวลาได้พักเลย กว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า เขาเคยโทรไปหาแต่ก็ไม่ว่างรับ จึงไม่กล้าโทรไปรบกวนก่อน ได้แต่รอให้รุ่นพี่โทรมาหาเท่านั้น
    เฮ้อ...คิดถึงพี่สนจัง

       
             และวันนี้ก็เป็นอีกวัน...เขารอคอยมองดูนาฬิกา จนถึงเวลาเลิกเรียนแล้วค่อยโทรหาอีกฝ่าย เพราะคิดว่าน่าจะว่างแล้ว เห็นวันนี้พี่สนบอกว่าไม่ได้อยู่เวรแล้วด้วย
    แต่พอโทรหาแล้วรุ่นพี่กลับไม่รับโทรศัพท์...ทำไรอยู่นะ ?
       
       
             เขาจึงหาอะไรทำเรื่อยเปื่อยเพื่อลดความกังวลใจ ก็คิดได้ว่าออกไปหาแม่กับพี่นวลที่ร้านดอกไม้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องคิดมากอยู่แบบนี้  เขาจึงเดินทอดน่องออกไปร้านดอกไม้หน้าปากซอยที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเข้าไปในร้านก็เอ่ยทักทายและยกมือไหว้พี่นวลทันที
       
    “ พี่นวล แม่ล่ะครับ ? ”
       
    “ อยู่ห้องข้างในน่ะจ้ะ ”

    เขาจึงเปิดประตูกระจกสีดำโผล่หน้าเข้าไปหา  “ แม่...ทำไรอยู่เหรอ ? ”
       
    “ อ้าวณัฐ ?  แม่ตรวจเอกสารรายรับ-รายจ่ายอยู่น่ะ  ” ฝ่ายนั้นก้มๆเงยๆกับหนังสือเล่มใหญ่ตรงหน้า เขาจึงเดินเข้าไปโอบกอดแม่เบาๆ
       
    “ ขยันจังเลย ทำแต่งานอยู่นั่นแหละ ”
       
    “ หึหึ ก็แม่ไม่ได้มีปิดเทอมเหมือนณัฐนี่นา ”
       
    “ ปิดเทอมก็ดีอยู่หรอก แต่นานๆไปณัฐก็เริ่มเบื่อแล้วนะเนี่ย ไม่มีอะไรทำเลยอ่ะ ”  เขาแยกตัวออกมานั่งบนโซฟา
       
    “ ก็เรียนหนักไม่ใช่เหรอ ? อยู่บ้านก็พักผ่อนเฉยๆนี่แหละ ไม่เห็นต้องหาอะไรทำเลย สบายดีออก ” อีกฝ่ายพูดแล้วก็หัวเราะ
       
    “ แม่อ่า...ก็ณัฐไม่อยากอยู่เฉยๆนี่นา ” อยู่ดีๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้

    “ อืม ใช่ !! พอดีเมื่อวานณัฐเห็นในโทรทัศน์ มันมีโรงเรียนสอนเรียนวาดรูปด้วยอ่ะ แม่ว่าณัฐลองไปสมัครเรียนดีมั้ย ? ”
       
    “ อยากเรียนก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมาลองแอบถามแม่เลย ”
       
    “ ฮ่ะ ๆ ๆ แม่อ่ะ รู้ทันอีกแล้ว ”
       
    “ แต่เราไม่เคยเรียนวาดรูปมาก่อนเลยนี่นา แม่เห็นแต่ฝึกวาดเอง คราวนี้อยากเรียนเหรอ ? ”
       
    “ ใช่ครับ อยากลองเรียนเพิ่มเติมดู อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง เห็นเขาบอกจะสอนวาดภาพสีน้ำมันด้วย ณัฐอยากลองวาดให้เป็น อีกอย่าง...จะได้ไม่ต้องมานั่งว่างแบบนี้ด้วย ณัฐเข้าไปอ่านดูในอินเตอร์เน็ต เห็นบอกว่าเรียนแค่เสาร์อาทิตย์เอง วันละสองชั่วโมง ไม่น่าจะนานอะไร ราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วยครับ ”
       
    “ เหรอ ? อืมมม...ถ้าณัฐอยากเรียนก็ได้นะ แม่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ไปบอกพ่อไว้ก่อนก็ดี ”
       
    เขายิ้ม  “ เย้ แม่ใจดีที่สุดเลย ”
       
    “ จะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นว่าว่างอย่างนั้น...ว่างอย่างนี้ไง แม่ขี้เกียจฟังเราบ่น ”
       
    “ แม่อ่ะ !! ”  เขาทำหน้าค้อนแล้วก็ยิ้มจนกว้าง เข้าไปหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่
       
    “ งั้นพรุ่งนี้ ณัฐไปสมัครเลยนะ ”
       
    “ จ้า ”


       
            เช้าวันรุ่งขึ้น เขาจึงตื่นแต่เช้าออกเดินทางไปโรงเรียนศิลปะอย่างที่ตั้งใจไว้ เขาเลือกเรียนสาขาที่ระยะทางใกล้บ้านเพื่อความสะดวก เพราะใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงจุดหมายปลายทาง

            เมื่อเดินทางมาถึง เขาก็เดินเข้าไปในตัวอาคารด้วยความตื่นเต้นและอารมณ์ดี เดินผ่านแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ที่วางโชว์ไว้ที่ส่วนด้านหน้า เห็นนักเรียนอายุราว 6-7 ขวบ ถือหนังสือเรียนที่มีรูปหน้าปกเปียโนแล้ววิ่งไล่กันไปมา ไม่ใช่มีแต่เด็กเท่านั้นแต่คนอายุเท่ากับเขาหรือมากกว่าก็ยังมี บรรยากาศของโรงเรียนแห่งนี้ช่างดูคึกคักยิ่งนัก เขาเดินมุ่งตรงไปยังเคาเตอร์เพื่อติดต่อเรื่องการสมัครเรียนทันที


    “ สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรเหรอคะ ? ” พนักงานหญิงสาวหน้าตาดีรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นมิตร

    “ คือ อยากมาสมัครเรียนวาดรูปอ่ะครับ ไม่ทราบว่า ยังมีคอร์สว่างหรือเปล่า ? ”
       
    “ อ๋อ ยังว่างอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าสนใจเรียนเป็นช่วงเวลาไหนดีคะ มีเป็นคอร์สซัมเมอร์เรียนทุกวันๆละชั่วโมง หรือเรียนทุกสัปดาห์แต่เรียนแค่เสาร์-อาทิตย์ ? สามารถเลือกได้ตามความสะดวกได้เลยค่ะ ”  ฝ่ายนั้นยื่นแผ่นพับกระดาษมาให้ดู
       
    “ อืมม ”  
    เขาตัดสินใจอยู่นาน เอาไงดีนะ จะเรียนทุกวัน หรือจะเรียนทุกสัปดาห์ดี เพราะไหนๆเขาก็ว่างทุกวันอยู่แล้วนี่นา
       
    “ คอร์สคิดเป็นชั่วโมงค่ะ ถ้าเรียนทุกวันก็อาจจะได้เรียนแค่สองสัปดาห์ก็จบคอร์ส แต่ถ้าเรียนทุกเสาร์อาทิตย์ก็อาจจะได้เรียนนานหน่อยเป็นเดือน ”  พนักงานอธิบายเพิ่มเติม

    “ งั้น...ผมขอคอร์สที่เรียนทุกเสาร์-อาทิตย์ ดีกว่าครับ ” เขาบอกออกไปหลังจากตัดสินใจดีแล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากเร่งรัดตัวเองอะไร แค่อยากมาเรียนสนุกๆเฉยๆ ถ้ามาแค่ช่วงเสาร์อาทิตยก็ถือว่าสบายดีเหมือนกัน ไม่ต้องเหนื่อย

    “ ได้ค่ะ คือ คอร์สนี้ตอนนี้มีคนมาสมัครแค่สามคน แต่เราก็ยังเปิดรับสมัครอยู่เรื่อยๆ เริ่มเรียนเสาร์ อาทิตย์นี้ ได้เลยนะคะ ”

    “ อ๋อ...ครับ ”

    “ นี่เอกสารเพิ่มเติมค่ะ ส่วนเอกสารและอุปกรณ์การเรียน ไว้ค่อยมารับวันที่จะมาเรียนนะคะ ”

    “ ครับ ”



            หลังจากฟังรายละเอียดและจ่ายค่าเล่าเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็หาโอกาสเดินดูบรรยากาศของโรงเรียนศิลปะแห่งนี้ดูสักหน่อย แล้วก็ต้องรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อเดินผ่านห้องเรียนแต่ละห้อง ทั้งห้องเรียนเปียโนที่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่จะเรียนแยกห้องกัน ถัดกันไม่ไกลเป็นห้องเรียนอิเล็กโทน กีตาร์ ไวโอลิน เดินไปสุดทางจะเป็นห้องสอนเต้น ทั้งเต้นบัลเล่ต์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กหรือแม้กระทั่งสอนเต้นฮิพฮอพแบบผู้ใหญ่ก็ยังมี


            ส่วนห้องเรียนวาดรูปของเขานั้นจะอยู่บนชั้นสอง ห้องค่อนข้างแยกออกไปและเงียบสักหน่อย พอเดินดูจนทั่วก็พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดๆ เป็นโรงเรียนศิลปะที่ครบวงจรดีจริงๆ เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกดีจังเลย


            เขาเดินทางกลับบ้านด้วยความสุข อยากมาเรียนเร็วๆจังเลย อยากรู้จังว่าจะได้เรียนอะไรบ้าง คุณครูจะเป็นยังไง เพื่อนในห้องเรียนจะเป็นยังไง  พอกลับไปถึงบ้านพ่อแม่ก็ซักถามถึงโรงเรียนที่ไปสมัครมา เขาก็เล่าให้ฟังทั้งหมด พ่อกับแม่ก็สนับสนุนเต็มที่และไม่ได้ว่าอะไร



             ร่างเพรียวขึ้นมาบนห้องนอนวางกระเป๋าลงบนเตียง...รู้สึกมีความสุขก็อยากโทรหาพี่สนขึ้นมาทันที เอาโทรศัพท์ขึ้นมาว่าจะกดโทรออก แต่แล้วก็ชั่งใจและวางโทรศัพท์ลงบนเตียงเหมือนเดิม
    นี่ก็ปาเข้าไป ‘สองวัน’ แล้วที่เราไม่ได้คุยกัน เขาโทรไปหาแล้วพี่สนก็ไม่รับ และยังไม่มีการติดต่อกลับมาอีก อะไรจะยุ่งขนาดนั้นนะ ? อยากโทรหาแต่ก็ไม่อยากโทรไปก่อน ได้แต่ส่งกระแสจิตไปพลางๆรอให้อีกฝ่ายโทรมาหาเท่านั้นเอง



             ตกเย็น เขานั่งเล่นอินเตอร์เน็ตในห้องตามปกติ ออนเอ็มเอสเอ็นคุยกับเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ไปเรื่อย แล้วโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงได้ส่งเสียงดังขึ้น เป็นเพลงที่เขารู้ได้ทันทีว่าใครโทรมา เพราะตั้งเสียงเพลงนี้กับคนแค่คนเดียว...


    ‘ ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน
    ขอบคุณคนๆ นั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ
    ขอบคุณทุกเรื่องราว
    ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอ...สุดที่รัก ’

           
    สุดที่รัก...โทรมานั่นเอง !

    เพลงนี้เขาไม่ได้เปลี่ยนเลยตั้งแต่วันที่รุ่นพี่ทำให้เมื่อราว ‘เก้าเดือน’ ก่อน

    เขากดรับสายทันที  “ ฮัลโหล ? ”

    “ ที่รัก ทำอะไรอยู่เอ่ย ? ” ฝ่ายนั้นส่งเสียงผ่านปลายสายอย่างรวดเร็ว

    “ ไม่บอก !! ”

    “ อ้าว ไม่เล่นด้วยเลยอ่ะ ”

    “ ไม่เล่นด้วย ไม่คุยด้วย ” เขาตอบออกไปแบบนั้น เพราะยังรู้สึกโกรธพี่สนอยู่น่ะสิ ไม่ได้คุยกันตั้งสองวันเต็มๆ โทรไปหาก็ไม่รับและพี่สนก็ไม่ได้โทรกลับมาเลย มันน่าน้อยใจมั้ยเนี่ย ?

    “ งอนพี่เหรอครับ...ฮึ ? ”

    “ พี่สนอ่ะ ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้เลยนะ ”

    “ เปล่าทำเสียงสักหน่อย คิดถึงแฟนก็เลยโทรมาหา ”

    “ แล้วสองวันที่ผ่านมาไม่คิดถึงกันเลยหรือไง ? ณัฐโทรไปก็ไม่รับ แล้วพี่สนก็ไม่โทรกลับมาด้วย ”  เขาเอ่ยเข้าประเด็นทันที

    “ พี่ขอโทษครับ พอดีว่ายุ่งจริงๆปลีกตัวคุยโทรศัพท์ไม่ได้เลย พอลงเวรสี่ทุ่มก็เผลอนอนหลับไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้วก็ต้องออกไปเรียน พอเลิกเรียนก็เหนื่อยมาก ก็เลยเผลอหลับไปอีกจนได้ จนถึงเช้าอีกวันเหมือนกัน ก็เลยไม่ได้โทรหาที่รักเลย... ” ฝ่ายนั้นร่ายยาวจนเขาฟังแทบไม่ทัน

    “ ...พี่ก็เลยโทรมาสารภาพผิดเนี่ยแหละ ” เสียงพี่สนอ่อนลง ราวกับกำลังอ้อน

    “ ยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”

    “ ใช่ครับ  ”

    “ ไม่ว่างสักนิดเลยเหรอ ? ”

    “ มันก็พอว่างบ้าง แต่พี่ผิดเองแหละ ที่เผลอนอนหลับไปทั้งสองวัน ก็มันเหนื่อยอ่ะครับ ยังไม่ชินกับชีวิตปีสี่ ”

    “ ไม่ว่างณัฐก็เข้าใจ แต่แค่ส่งข้อความมาบอก หรือโทรมาหาช่วงพักเที่ยงก็ยังดี คนรอมันทรมานนะรู้ป่าว ? ”  เขาบอกออกไปตามตรง

    “ ขอโทษครับ ต่อไปนี้จะไม่หายอีกแล้ว ”

    “ ให้มันจริงล่ะ ? ”

    “ ฮ่ะ ๆ ๆ จริงสิ ”

    “ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย พี่สนอ่ะ ”

    “ นี่โทรมาง้อที่รักแล้วนะ ”

    “ ห้ามหายไปอีกนะ เข้าใจมั้ย ? ”  เขาส่งคำขู่

    “ ค้าบบบ ”

    “ อืมม ดีมากก ”  เขาค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย อันที่จริงเขาก็ไม่ได้จะเอาแต่ใจอะไรมากมาย แค่อยากทราบเหตุผลที่อีกฝ่ายหายไปเท่านั้นเอง แค่เพียงรุ่นพี่บอก เขาก็ยอมเชื่ออยู่แล้ว ขอแค่ให้บอกกันก็พอ

    “ แล้วสรุปที่รักจะบอกได้หรือยังเอ่ย ? ว่ากำลังทำอะไรอยู่ครับ ”

    “ ณัฐนั่งเล่นเน็ตอยู่ในห้องเนี่ยแหละ ”

    “ ปิดเทอม...เบื่อมั้ย ? ”

    “ เบื่อ แต่ว่าหาอะไรทำไม่ให้หายเบื่อแล้ว ” เขารีบบอกอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้นทันที

    “ เมื่อวานณัฐไปสมัครเรียนวาดรูปที่โรงเรียน..xxx..มาด้วยแหละ  เรียนทุกเสาร์-อาทิตย์เลย คงจะได้เริ่มเรียนพรุ่งนี้เนี่ยแหละ ”

    “ อ้าวเหรอ ? ทำไมไม่เห็นเคยบอกเลยอ่ะ ว่าจะไปเรียนวาดรูป ”

    “ ก็พี่สนไม่โทรกลับมาเองนี่นา ก็เลยไม่ได้บอก ”

    “ ความผิดพี่อีกสิเนี่ย ? แล้วไปสมัครเรียนเป็นไงบ้างล่ะ ”

    “ ก็ดี คนมาเรียนโรงเรียนนี้เยอะมาก แต่คอร์สที่ณัฐสมัครไม่ค่อยมีคนเรียนหรอกนะ ฮ่ะ ๆ ส่วนใหญ่คนก็จะเรียนดนตรีกันน่ะ มีแต่เด็กตัวเล็กๆเต็มโรงเรียนไปหมด น่ารักดี ”

    “ คิดไงถึงไปเรียนวาดรูปเนี่ย ? ”

    “ ณัฐคิดไว้ตั้งแต่ปิดเทอมคราวที่แล้วๆว่าอยากเรียนลองดู แต่ยังไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง และตอนนี้ก็ว่างมากด้วย ไปพูดกับแม่ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยตัดสินใจไปสมัคร ”

    “ เหรอ ? แล้วเรียนนานแค่ไหนอ่ะ ”

    “ ก็ทุกเสาร์-อาทิตย์ วันละสองชั่วโมง เรียนประมาณเดือนนึงได้มั้ง ”

    “ แล้วมีผู้ชายเยอะมั้ย ? ”

    “ มันก็มีพอๆกับผู้หญิงแหละ หน้าตาดีๆก็เยอะ ” เขาแลบลิ้น แกล้งพูดไปงั้น

    “ แล้วอย่าให้ใครมาจีบก็แล้วกัน ”

    “ เรื่องแบบนี้ณัฐควบคุมเองไม่ได้น้า ฮ่ะ ๆ ๆ ”

    “ เดี๋ยวเหอะ ๆ ”

    “ อะไร !! ” เขาส่งเสียงตะคอกกลับไป

    “ เปล่าครับ ”

    “ อย่านะ ”

    “ เดี๋ยวพี่จะโทรมาเช็คทุกวัน รับโทรศัพท์ทุกครั้งด้วย เข้าใจมั้ย ? ”

    “ ทีตอนนี้ล่ะ จะโทรมาทุกวันนะ ”

    “ แน่นอน ก็หวงแฟนนี่นา แฟนน่ารัก เผื่อมีคนมาจีบ ต้องคอยจัดการ ”

    “ พี่สนอ่ะ พูดอะไรเรื่อยเปื่อย แค่ไปเรียนวาดรูปเฉยๆ ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวณัฐจะอาบน้ำแล้ว วันนี้พ่อกับแม่จะพาไปกินข้าวนอกบ้านกัน แล้วพี่สนจะทำอะไรต่ออ่ะ ? ”

    “ ก็ว่าจะเขียนรายงานอ่ะ อยู่เวรก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาเขียนรายงานอีก แถมเขียนยากซะด้วย หมดแรงแล้วเนี่ย ”

    “ พี่สนสู้ๆนะ ณัฐเอาใจช่วย ”

    เขาส่งเสียงให้กำลังใจรุ่นพี่ พลางรู้สึกเขินนิดหน่อย เพราะฝ่ายนั้นก็เรียนหนัก แต่เขาเองกลับได้ปิดเทอมสบายๆไม่ต้องทำอะไร ก็ต้องมีการให้กำลังใจกันสักหน่อย

    “ ถ้าตอนนี้อยู่ด้วยกัน จะกอดให้กระดูกหักเลย ”

    “ เวอร์ไปแล้ว ”

    “ พี่คิดถึงที่รักมากนะครับ ”  รุ่นพี่หยอดคำหวาน

    “ อื้มม...คิดถึงเหมือนกัน พี่สนตั้งใจเรียนนะ ”

    “ ค้าบบ งั้นแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวตอนดึกๆโทรหาอีกที ถ้าพี่ไม่เผลอนอนหลับนะ ”

    “ นั่นไง !!  เห็นมั้ย ? ”

    “ ล้อเล่นหรอกน่า เดี๋ยวตอนดึกๆโทรหาจริงๆ ”

    “ ครับ ”

    “ รักนะ จุ๊บๆ ”

    เขาแอบยิ้ม  “ งั้นแค่นี้แหละ ณัฐไปอาบน้ำแล้ว ”

    “ ค้าบบบ ”


            วางโทรศัพท์จากรุ่นพี่ก็พลันรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาทันที ไม่ได้คุยกันมาตั้งสองวันคิดถึงแทบแย่ เพราะฝ่ายนั้นเองก็คงจะเรียนหนัก เขาเข้าใจดีจึงไม่อยากจะบ่นอะไรให้มากความ ขอแค่งอนนิดหน่อยให้พี่สนได้มาง้อก็พอแล้วล่ะ ฮ่ะ ๆ



    *****************************



            ณัฐตื่นแต่เช้าอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้ต้องไปเรียนวาดรูปที่โรงเรียนศิลปะเป็นวันแรก เขารีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วแล้วสะพายกระเป๋าคู่ใจลงมาชั้นล่างกินอาหารเช้าที่แม่ทำไว้ให้ตั้งแต่เช้าตรู่ ร่ำลาท่านทั้งสองแล้วออกจากบ้านเดินทางไปยังที่หมายทันที


             เพราะช่วงนี้เป็นปิดเทอม คนมาเรียนจึงค่อนข้างเยอะ ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เดินถือหนังสือหรือเครื่องดนตรีเดินสวนกันให้วุ่น เขาเดินหลบเด็กน้อยคนหนึ่งที่เกือบจะวิ่งเข้ามาชน พลันถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วมุ่งตรงไปยังเคาเตอร์เพื่อติดต่อรับอุปกรณ์การเรียน จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนที่อยู่ชั้นสองทันที

              ...ห้องเรียนวาดรูป...ห้องเรียนวาดรูป...อยู่ไหนนะ ?


              นี่ไงเจอแล้ว !!


              เพราะเคยมาสำรวจตั้งแต่วันก่อนจึงพอจะทราบตำแหน่งของห้องเรียนแล้ว เห็นเพียงบานประตูถูกแง้มเอาไว้เล็กน้อย ร่างเพรียวเคาะประตูเบาๆแล้วผลักเข้าไปด้านในทันที

              ห้องเรียนขนาดเล็กถูกเผยให้เห็น ตรงกลางห้องมีขาตั้งและกระดาษวาดรูปสีขาวรวมถึงอุปกรณ์วาดภาพรวมทั้งหมดหกชุด เรียงกันสองแถว ด้านหน้าห้องมีกระดานสี่เหลี่ยมคงไว้ใช้สำหรับสอน ตามฝาผนังถูกตกแต่งไปด้วยภาพวาดหลากหลายสีสันอารมณ์ โดยเฉพาะภาพที่อยู่ตรงมุมห้องด้านซ้ายนั้น  เขาเดินเข้าไปใกล้ราวกับถูกมนต์สะกด...ภาพผู้หญิงกำลังยืนหันข้าง ผมยาวสีดำขลับจนถึงกลางหลัง ในมือถือดอกไม้กลีบบางสีขาว เธอจ้องมองด้วยใบหน้ามองเศร้า โดยเฉพาะแววตานั้น...

              แต่ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงกุกกักทางด้านหลัง !!!   เขาจึงหันไปมองทันที


              “ ชอบภาพนั้นเหรอ ? ” ชายคนนั้นส่งยิ้มมาให้

       
              ชายหนุ่มที่ดูแล้วคงจะเป็นรุ่นพี่เขาอยู่หลายปี ฝ่ายนั้นแต่งตัวทันสมัยในแบบที่กำลังนิยม โดยเฉพาะทรงผมหยิกที่เป็นเอกลักษณ์ดูยุ่งเหยิงเสียจนอยากจะไปจัดทรงให้ เหมือนจะไม่ดูดี...แต่เปล่าเลย ร่างสูงหุ่นดี จมูกโด่ง ผิวขาวใสจนไม่อยากให้ทรงผมปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลานั้น
       
              เท่จัง... !!! เป็นคำแรกที่เขานึกออก เมื่อเห็นผู้ชายคนนี้

       
             “ ครับ ” เขายิ้มกลับ

       
             “ พึ่งมาเรียนวันแรกเหรอ ? ” ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาใกล้ แต่เบี่ยงหลบไปเก็บสัมภาระที่โต๊ะหน้าห้องแทน

       
             “ ครับ พึ่งมาเรียนวันแรก ยังไม่คุ้นสถานที่เท่าไหร่ ” เขายิ้มเขินๆ

       
              “ พี่ก็มาเรียนเหมือนกันเหรอครับ ? ” เขาถามกลับ เพราะคอร์สนี้เรียนได้ไม่จำกัดวัย เขาเองก็เคยคิดไว้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นน่าจะมีทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่นั่นแหละ


               แต่แล้วฝ่ายนั้นกลับยิ้มกว้างจนตาหยี เห็นแล้วอดใจสั่นไม่ได้

               “ เปล่าครับ พี่มาสอน ”


               “ ............................... ”


               “ ครูโจ สวัสดีครับ !! ”
       
               เด็กผู้ชายอีกสองคนเดินเข้ามาในห้องเรียน แล้วยกมือไหว้คนด้านข้างปะหลกๆ ตามด้วยเด็กผู้หญิงอีกคน แล้วพากันนั่งประจำที่ เขายิ้มแห้งๆหันมามองคนด้านข้าง ใครจะคิดว่าหน้าเด็กๆอย่างนี้จะมาเป็นครูกันล่ะ ?
       

               “ พี่ชื่อโจนะ เรียกพี่โจก็ได้ เรียกครูโจแล้วมันไม่ชินน่ะ ”



    ****************************************


    ฝากกดไลค์เพจพี่สนกะน้องณัฐด้วยน้าาา :)

    >>>>> แฟนเพจพี่สนกะน้องณัฐ <<<<<


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×