ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #94 : บทที่แปดสิบหก -- เสม็ด3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.65K
      1
      4 ธ.ค. 54

    บทที่แปดสิบหก

       


    เราตื่นกันตั้งแต่เช้าออกมาเดินเล่นริมหาดเหมือนเคย เดินทอดน่องลงบนเม็ดทรายให้เท้าได้สัมผัสกับความสบายท่ามกลางแสงแดดสีจาง สูดอากาศยามเช้าให้เต็มปอด เดินจูงมือกันบ้าง ถ่ายรูปเล่นกันบ้าง วันนี้เราอยู่ทะเลเป็นวันที่สี่แล้ว ซึ่งนับว่าได้มาพักผ่อนเต็มที่และยาวนานมากทีเดียว เราจึงตกลงกันไว้ว่าจะเดินทางกลับกันในวันพรุ่งนี้แล้ว วันนี้จึงต้องเที่ยวให้เต็มที่สักหน่อย
       

    หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว พวกเราก็แวะไปเช่ารถเพื่อขับรถเล่นรอบเกาะกันตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อไปถึงจุดเช่ารถ เขากับรุ่นพี่ก็ตัดสินใจกันอยู่นาน
       
    “ พี่สนเอาคันไหนดีอ่ะ ? ” เขามองรถจักรยานยนต์หลายคันหลากสี พลางกำลังตัดสินใจ แต่ฝ่ายนั้นกลับมุ่งเดินไปยังอีกทางทันที
       
    “ ณัฐ...เอาคันนี้มั้ย ? ”  พี่สนนั่งลงที่รถ ATV สีดำคันใหญ่
       
    เขามองแล้วอดที่จะหัวเราะไม่ได้  “ เอาคันนั้นจริงเหรอ ? ”
       
    “ เอาคันนี้แหละ น่าสนุกดี ” ฝ่ายนั้นทำหน้าจริงจัง เขาก็เลยต้องยอม
       
    “ แล้วพี่สนขับเป็นเหรอ ? ”
       
    “ อืม ไม่รู้ดิ ” แล้วหันไปถามเจ้าของ “ พี่ครับ คันนี้ขับไงเหรอครับ ? ”  เขาได้แต่ส่ายหัวพลางถอนหายใจ อดที่จะหวั่นใจไม่ได้ นี่เราทั้งคู่จะรอดกันอยู่ใช่ไหมเนี่ย ?
       
       
    พี่สนเป็นคนขับ เขาเป็นคนนั่งซ้อน ขับไปเรื่อยๆตามทาง บางครั้งก็ทางเรียบ บางครั้งก็ทางขรุขระแถมยังลาดชันหวาดเสียวมากทีเดียว เขากอดเอวรุ่นพี่ไว้แน่นเพราะกลัวจะตกรถเอาได้ เราขับผ่านแต่ละหาดไปเรื่อยๆตามแผนที่ที่ได้รับ บางครั้งก็หยุดพักเดินเท้าต่อไปยังหาดใกล้เคียงแวะถ่ายรูปบ้างเป็นบางคราวให้พอหายเหนื่อยแล้วจึงเริ่มเดินทางต่อ  มีนักท่องเที่ยวคนอื่นร่วมเดินทางหรือขับสวนกับเราอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ปัญหาคือแดดค่อนข้างร้อนมาก ทางก็ไม่ค่อยดี ฝุ่นก็เยอะอีกต่างหาก แต่ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากทีเดียว


    เราขับไปกันจนสุดเกาะ แล้วก็วนกลับมาอีกรอบ ขากลับจะค่อนข้างเร็วเพราะไม่ได้แวะที่ไหนอีก ตั้งหน้าตั้งตาขับกลับอย่างเดียวเพราะเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ กลับมาถึงที่พักก็ประมาณบ่ายสามกว่าๆ เรารีบคืนรถให้เจ้าของที่ตำแหน่งเดิม และกลับมาที่พักด้วยความเหนื่อยเพลีย

    “ ฝุ่นเต็มตัวเลยอ่ะ ” เขาเดินเข้ามาในห้องพัก แต่ไม่กล้านอนลงบนเตียง รีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวตั้งใจว่าจะอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดสักหน่อย

    “ แดดโคตรร้อน เหนียวไปทั้งตัวเลย ” ฝ่ายนั้นบ่นเหมือนกัน

    “ งั้นอาบน้ำด้วยกันมั้ย ? ”

    รุ่นพี่ยิ้มแล้วตอบอย่างรวดเร็ว  “ อาบ ”

    “ แต่อาบอย่างเดียวนะไม่เอาของแถม ณัฐไม่อยากจะบอกเลยว่า...พอรถตกหลุมทีไรก็เจ็บ...ตรงนั้นตลอดเลยอ่ะ ” เขาบอกพลางทำตาดุใส่

    “ อ้าว ที่รักยังเจ็บอยู่เหรอ ? ทำไมไม่บอก ”

    “ ใครจะกล้าบอกกันล่ะ ”

    “ โห ไม่ใช่ช้ำแล้วเหรอเนี่ย ? ไหนขอดูหน่อยสิ ” ฝ่ายนั้นยิ้ม

    “ พี่สนบ้า !! งั้นอาบเองคนเดียวเลยนะ ” เขาตวาด แล้วรีบวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำคนเดียวทันที

    “ อ้าวที่รัก ไม่ให้พี่อาบด้วยแล้วเหรอ ? ”

    “ ไม่ !! ”  ร่างเล็กตะโกนผ่านประตู ร่างสูงได้แต่หัวเราะกับตัวเองเบาๆ



    อาบน้ำจนร่างกายสะอาดด้วยกันทั้งคู่ จึงมานอนแผ่หราตากแอร์ให้สบายกายกัน เขาหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาดูรูปภาพที่เราถ่ายกันมาตลอดทั้งทริป รุ่นพี่ก็มานอนข้างกัน

    “ ชอบรูปนี้ ” ส่วนฝ่ายนั้นก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็เออออตาม

    “ ภาพหาดนี้สวยดีเนอะ แต่พี่สนน่าจะถ่ายตรงนี้ด้วยอ่ะ ณัฐชอบที่มันมีชิงช้า ”

    แล้วรุ่นพี่ก็เข้ามาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ เขาได้แต่หันไปมองแบบงงๆ

    “ เปล่า ? น่ารักเฉยๆ ก็เลยหอม ” รุ่นพี่ยิ้มแป้น เขาก็เลยเบ้ปากให้ด้วยความเขินอาย

    “ จะกลับพรุ่งนี้แล้วอ่ะ ” เขาบอกอีกฝ่าย แล้ววางกล้องลงด้านข้าง

    “ แล้วณัฐจะกลับหอหรือจะกลับบ้าน ? ”

    เขาหันหน้ามามองรุ่นพี่  “ ณัฐคงไม่ได้กลับหออ่ะ ว่าจะกลับบ้านเลย...ได้ไหม ? ”

    “ ได้สิ แต่ให้พี่ไปส่งนะ ”

    เขาชั่งใจสักพัก อันที่จริงก่อนที่จะมาเที่ยวในครั้งนี้ เขาก็บอกพ่อกับแม่แล้วแหละว่ามาเที่ยวทะเลกับพี่สน เพียงแต่พ่อแม่คงคิดว่ามากันเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่ได้คิดว่าจะมากันแค่สองคน ส่วนเขาเองก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมมากนัก บอกแต่เพียงว่า...ถ้ากลับจากเที่ยวเมื่อไหร่จะรีบกลับบ้านทันทีเพราะว่ากำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมนั่นเอง

    “ พี่สนอยากไปส่งจริงๆเหรอ ? ”

    “ อื้มม อยากให้ไปส่งที่ไหนก็จะไปส่ง ”

    “ งั้นก็ได้ ”

    ฝ่ายนั้นยิ้มแล้วเข้ามากอด แต่สักหน่อยกลับตีหน้าเศร้า “ ครั้งนี้ณัฐปิดเทอมนานใช่มั้ย ? ”

    “ ใช่ เกือบสองเดือนแน่ะ ”

    “ ไม่ได้เจอกันนานขนาดนั้น ต้องคิดถึงที่รักแย่แน่เลย ”

    นั่นเป็นเพราะว่า อีกสองสัปดาห์รุ่นพี่ก็จะเริ่มเปิดเทอมและขึ้นสู่ชั้นปีที่สี่แล้ว ส่วนเขาก็คงต้องอยู่บ้านเพราะยังอยู่ในช่วงปิดเทอมนั่นเอง

    เขาหันตะแคงตัวหาอีกฝ่ายแล้วเผยยิ้ม ลูบไล้แก้มฝ่ายนั้นไปมาเบาๆ 

    “ ก็คุยโทรศัพท์กันไง ”

    “ คุยโทรศัพท์ไม่พอหรอก ”

    “ ต้องพอสิ ไม่เอาแบบตอนนั้นอีกแล้วนะ อยู่ดีๆโผล่มาที่บ้าน ณัฐหัวใจแทบวายแน่ะ ”

    “ ฮ่ะ ๆ งั้นไปหาได้มั้ย ? ”

    “ ได้...แต่ต้องนัดกันก่อนนะ ห้ามไปที่บ้านโดยไม่บอก เดี๋ยวจะออกมาหาเอง ”

    ฝ่ายนั้นยิ้ม  “ ช่วงสองอาทิตย์นี้อาจจะไปหาบ่อยๆนะ แต่พอเปิดเทอมแล้วคงไม่ได้ไปหา ”

    “ ทำไมล่ะ ? ”

    “ ก็ปีสี่ เค้าประกาศบล็อก rotate แล้วน่ะสิ ”


    บล็อก...ที่รุ่นพี่พูดถึงนั้นจะใช้สำหรับปี 4,5,6 ซึ่งก็คือ วิชาที่ต้องเรียนตลอดทั้งปีการศึกษา แต่จะเรียนแบบวนกันไปเรื่อยๆ บล็อกละสามเดือน จนครบหนึ่งปี

    “ ก็บล็อกแรก พี่อยู่ Med น่ะสิ เริ่มอยู่อันยากซะด้วย ต้องตายแน่ๆเลย ”

    เห็นรุ่นพี่เคยบอกให้ฟังว่า Medicine หรือ ‘อายุรกรรม’ นั้น เป็นวิชาที่เกี่ยวกับการใช้ยา ซึ่งถือว่ายากที่สุดและน่ากลัวที่สุดของนักศึกษาแพทย์เลยก็ว่าได้  เพราะเป็นวิชาที่ละเอียด กว้าง อาจารย์เข้มงวดและสามารถตกซ้ำชั้นเอาได้ง่ายๆ รุ่นพี่ของพี่สนเคยบอกมาอีกทีว่าอย่างนั้น

    “ สู้ๆนะ !! ณัฐเอาใจช่วย ”  เขายิ้มกว้าง

    “ แล้วหลังจากนี้พี่ก็ต้อง ‘อยู่เวร’ ด้วยนะ อาจจะว่างน้อยลงด้วย ”

    “ อืม ไม่เป็นไรหรอก ณัฐเข้าใจ ”

    “ เฮ้อ...ไม่อยากเปิดเทอมเลย ”

    “ พี่สนอ่ะ อย่าท้อสิ ”  เขาเขี่ยแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

    “ ณัฐก็ต้องรีบกลับมาให้กำลังใจพี่ด้วย ”

    “ ขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”

    “ ขนาดนี้เลยแหละ ”

    “ อืม จะพยายามกลับมาเร็วๆละกัน ”

    “ จริงๆนะ ”

    “ อื้มมม ”

    รุ่นพี่ค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาเรื่อยๆ แล้วริมฝีปากเราก็สัมผัสกันรับรสจูบอันแสนหวาน ก่อนที่จะผละออกด้วยความเสียดาย

    “ หิวแล้วอ่ะ ”  เขาบอก เพราะว่าขับรถมาก็เหนื่อย ร่างกายเลยต้องการพลังงานอีกแล้ว

    “ อยากกินอะไรล่ะ ? ”

    ร่างเพรียวยิ้มกว้าง  “ อยากกินโรตี ” เพราะได้ลองกินโรตีริมหาดของเกาะเสม็ดเมื่อวันก่อนก็พบว่าอร่อยดี วันนี้เลยอยากกินอีกบ้าง

    “ เอาไส้อะไร ? ”

    “ เอาใส่ไข่ใส่นมเยอะๆ  เอากล้วยช็อกโกแลต  เอาธรรมดากรอบๆด้วย ” เขาบอกอย่างรวดเร็ว

    “ โห สามอย่างเลยเหรอ ? จะกินหมดเหรอเนี่ย ? ”  รุ่นพี่หัวเราะ

    “ ก็กินกับพี่สนไง ทำไมจะไม่หมดล่ะ นะๆๆ ไปซื้อให้กินหน่อย ”  เขาทำหน้าอ้อน

    “ อ่ะ ๆ ไปซื้อให้ก็ได้ งั้นเดี๋ยวมานะ ”

    “ ครับ ”


    ฝ่ายนั้นจุ๊บปากเบาๆ แล้วเคลื่อนตัวลุกออกจากเตียง ไปซื้อโรตีให้อย่างที่ต้องการทันที  นอนเล่นอยู่ไม่นาน แล้วทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของรุ่นพี่ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น

    อ้าว นี่พี่สนไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยหรอกเหรอ ?

    เขาค่อยๆเคลื่อนตัวไปมองมือถือ ก็พบว่าเป็น...เบอร์แปลกโทรมา ไม่มีชื่อแต่เป็นเลขหลายหลักแทน ใครโทรมานะ ? ไม่กล้ารับซะด้วย ถึงแม้เขาและพี่สนจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่เขาก็ถือว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะรับหรือดูมือถือของอีกฝ่ายโดยพละการ อย่างน้อยก็ถือว่าให้เกียรติกัน

    สักพักเสียงโทรศัพท์ก็เงียบเสียงลง และไม่มีใครโทรมาอีก



    ผ่านไปประมาณสิบนาทีรุ่นพี่ก็มาถึงพร้อมกับโรตีสามถาดในมือ

    “ ว้าว ถือมาได้ไงเนี่ย ? ”  เขารีบปรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจ

    “ ก็ที่รักอยากกินอ่ะ ยังไงก็ต้องหามาให้ได้แหละ ”

    “ ก็อยากกินจริงๆนี่นา มันอร่อยอ่ะ พี่สนมากินด้วยกันเร็ว ”  เขากวักมือเรียกหยอยๆนั่งลงบนโต๊ะ

    “ ถ้าณัฐป้อนนะ ”

    “ อ่ะ !! ” ไหนๆรุ่นพี่ก็ใจดีไปซื้อมาให้แล้ว จะป้อนให้ก็คงไม่เสียหายล่ะนะ

    “ พี่สน เมื่อกี้มีคนโทรมาหาแน่ะ ” เขาบอกอีกฝ่ายพร้อมกับตักโรตีเข้าปากตัวเองบ้าง

    “ อ้าวเหรอ ? ใครอ่ะ ”

    “ ไม่รู้เหมือนกัน เป็นเบอร์แปลก ”

    รุ่นพี่เดินไปหยิบมือถือตัวเองมากดดู  “ สงสัยไผ่โทรมามั้ง เป็นเบอร์เมืองนอกอ่ะ ”

    “ อ้าวเหรอ ? มิน่าล่ะ ”


    แล้วพี่สนก็กดโทรออกทันที และยังบอกให้เขาป้อนโรตีให้ต่ออีกแน่ะ

    “ ฮัลโหล ไผ่เหรอ ? โทรมาเมื่อกี้มีอะไรอ่ะ ”

    “ ....................................... ”

    “ อ้าว ทำไมล่ะ ไม่ว่างแล้วเหรอ ? ”

    “ ....................................... ”

    “ แล้วจะกลับมาช่วงไหน ? ”

    “ ....................................... ”

    “ แล้วโทรไปบอกพ่อหรือยัง ? ”

    “ ....................................... ”

    “ เฮ้อ...เสียดายจัง ”

    “ ....................................... ”

    “ เออๆ ยังไงก็ได้ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ดูแลตัวเองล่ะ ”

    “ ....................................... ”

    “ อืมๆ ได้  งั้นแค่นี้แหละ ”



    ฝ่ายนั้นกดวางสายแล้วหันหน้ามาบอก 

    “ คือตอนแรกไผ่มันตั้งใจว่าซัมเมอร์นี้จะกลับมาบ้าน แต่ตอนนี้ไม่ว่างแล้ว ก็เลยโทรมาบอกว่าคงไม่ได้กลับมา อาจ
    จะช่วงปลายปีนู่นแหละ ถึงจะได้มาอีกที ”

    “ ตอนแรกพี่ไผ่ว่าจะกลับมาเหรอ ? ”

    “ อืม ปกติก็กลับมาทุกซัมเมอร์นะ แต่ตอนนี้คงเรียนหนัก งานก็คงเยอะด้วย เลยไม่ได้กลับมา ”
    รุ่นพี่หันมายิ้มให้  “ ณัฐอดเจอพี่ไผ่เลยเห็นมั้ย ? ”

    “ อดเจอจริงๆอ่ะแหละ อยากเจอพี่ไผ่อ่ะ ” เขาบอกตามตรง

    “ ก็อยากให้เจอกันเหมือนกัน จะแนะนำให้รู้จักกับแฟนที่รัก ”

    เขาอมยิ้ม  “ พี่ไผ่คงได้ช็อกตายแน่ ถ้ารู้ว่าแฟนพี่สนเป็นผู้ชายอ่ะ ”

    “ ฮ่ะ ๆ ก็ไม่แน่นะ ”


    ร่างเพรียวอมยิ้ม อยู่ดีๆเขาก็นึกอะไรดีๆออก  “ พี่ไผ่หน้าตายังไง อยากเห็นอ่ะ พี่สนมีรูปหรือเปล่า ? ”

    ฝ่ายนั้นหันหน้ามามอง “ มันหล่อไม่เท่าพี่หรอก หน้าตางั้นๆ ”

    “ ไม่เกี่ยวสักหน่อย ก็อยากเห็นอ่ะ ขอดูหน่อยนะ ๆ ๆ ”

    “ อืม คงมีมั้ง เดี๋ยวหาดูก่อน ”

    เขายิ้มแล้วรอด้วยความตื่นเต้น ฝ่ายนั้นกดหารูปภาพในโทรศัพท์มือถืออยู่นาน...



    “ นี่ไง ” รุ่นพี่ยื่นมือถือมาให้ดู  เขาจะยื่นมือออกไปรับ แต่ฝ่ายนั้นกลับชักหนีซะก่อน

    “ ตื่นเต้นออกนอกหน้าเกินไปแล้วนะ ”

    “ อ้าวไรอ่ะ  ก็อยากเห็นหน้าพี่ชายพี่สนนี่นา อยากเห็น ‘พี่ชายแฟน’ ” เขาอมยิ้ม

    “ อ่ะ งั้นให้ดูก้อได้ ” พี่สนยื่นมือถือมาให้ เขารีบมองดูคนในรูปภาพนั้นด้วยความตื่นเต้นทันที


    ภาพเดี่ยวของชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงพี่สนกำลังยิ้มกว้าง ทั้งโครงหน้า จมูก สีผิว ถ้ามองผิวเผินก็อาจจะคิดว่าเป็นคนๆเดียวกันก็ได้ แต่จะต่างกันเล็กน้อยก็แค่ดวงตา  ริมฝีปาก และทรงผมเท่านั้น ที่ทำให้พี่ไผ่มีใบหน้าที่แปลกออกไป  แต่ก็ยังถือว่าพี่ไผ่เป็นชายที่หน้าตาดีอีกคนหนึ่งก็ว่าได้ และถ้าจะให้พูดตามความจริงโดยไม่ได้อคติ เขาก็ยังคิดว่า...พี่สนหล่อกว่าจริงๆน่ะแหละ สมกับที่รุ่นพี่ได้พูดเอาไว้จริงๆซะด้วย


    “ อืมมม นี่พี่ไผ่เหรอเนี่ย ? หน้าตาอย่างนี้นี่เอง ”

    “ เป็นไง เหมือนอย่างที่คิดไว้มั้ย ? ”

    “ อืม ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่ไผ่กับพี่สนก็หน้าต่างกันอยู่นะ แยกได้ไม่ยาก ”

    พี่สนทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย  “ มีแต่คนบอกว่าพี่กับไผ่หน้าเหมือนกันมาก มีแต่ณัฐนี่แหละ ที่บอกว่า...แยกกันได้
    ไม่ยาก ”

    “ ก็จริงนี่นา ตาพี่สนจะคมกว่า  ริมฝีปากก็เล็กกว่า ถ้าไม่นับทรงผมนะ เพราะพี่ไผ่ผมยาวกว่าพี่สนอยู่แล้ว ”

    “ อืมนะ เห็นมั้ย พี่บอกแล้ว ว่าพี่หล่อกว่า ”

    “ หลงตัวเองอีกแล้ว ”  เขาเบ้ปากให้ อันที่จริงก็ไม่ได้ปฏิเสธหรอก แต่พี่สนไม่ต้องพูดเองก็ได้นี่นา

    “ อ่ะ กินไป ”  เขาป้อนโรตีให้รุ่นพี่อีกคำ

    “ นี่กี่โมงแล้วอ่ะ ? ” ฝ่ายนั้นดูนาฬิกา

    “ ห้าโมงครึ่ง อืมมใช่ เราต้องไปตกปลาหมึกหกโมงเย็นนี่นา ”  ร่างเล็กทำหน้าตกใจ

    “ ไม่ต้องรีบหรอก กินให้หมดก่อน ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ”




    เมื่อถึงเวลาก่อนหกโมงเย็นเล็กน้อยเราก็เดินทางไปยังท่าเรือที่หมายทันที  มีผู้ร่วมเดินทางรวมแล้วทั้งหมดสิบคน เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสี่คน นอกนั้นก็เป็นคนไทย รวมทั้งมีคู่ชายรักชายที่เราเคยเห็นจากทัวร์เมื่อวันก่อนด้วย ทั้งสองยิ้มให้พวกเราคล้ายกับจำหน้าได้ เราจึงยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน


    ฟ้ามืดลงแล้ว และเรือก็เริ่มเคลื่อนตัว ลมเย็นยามค่ำคืนลอยมาปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกเย็นสบาย กระแสน้ำพัดค่อนข้างแรงทำให้เรือโคลงเคลงพอสมควร ออกทะเลไปนานจนเรือเริ่มหยุดอยู่กับที่  และพี่คนเรือก็มาแจกอุปกรณ์ตกปลาหมึกให้คนละอัน พร้อมกับสอนวิธีการตกปลาหมึกให้กับพวกเราทุกคน นั่นคือให้เราทิ้งสายเบ็ดลงไปในน้ำหลายเมตร และเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ามีแรงกระตุกหรือสายหนักมากขึ้นก็ให้ดึงขึ้นมา ถ้าโชคดีอาจจะพบปลาหมึกติดมาได้


    พอฟังเสร็จแล้วเขาก็นั่งชิดขอบเรือ เริ่มกระตุกสายเอ็นเป็นระยะๆตามที่ได้ฟังมา

    “ ให้ทายว่าเราจะตกได้ไหม ? ณัฐว่ามันต้องได้ยากมากๆแน่เลย ”

    “ ได้สิ อย่างน้อยคืนนี้ก็ต้องได้สักตัวแหละ ” ฝ่ายนั้นยิ้มตลก

    “ เราจะได้กินมั้ยเนี่ย ? ฮ่ะ ๆ ”



    ‘ เย้ ได้แล้ว ๆ !!!’  ได้ยินเสียงจากอีกฝั่งหนึ่ง เขาหันไปมองก็พบว่าคู่ชายรักชายคนที่ตัวเล็กกว่า ตกปลาหมึกได้แล้วนั่นเอง แถมตัวใหญ่ซะด้วยสิ  เขากับพี่สนมองหน้ากัน ประมาณว่า..ตกได้ยังไง ? ฮ่ะ ๆ 

    แล้วคนเรือก็มาเอาปลาหมึกตัวนั้นไปเข้าครัวเพื่อทำมาเป็นอาหารให้เราได้ทานกันทันที ถ้ารวมกับที่พี่คนเรือตกได้ด้วย ก็ประมาณสามตัว เอามาทำเป็นปลาหมึกสดกรอบจิ้มน้ำจิ้มรสแซ่บ และปลาหมึกย่าง เขาพึ่งรู้ว่ารสชาติของมันอร่อยมาก โดยเฉพาะปลาหมึกสดที่เอามาหั่นเป็นชิ้นพอแช่น้ำแข็งจะกรอบมากแล้วยิ่งน้ำจิ้มเปรี้ยวๆเผ็ดๆด้วยแล้ว อร่อยอย่าบอกใครเลย

    นอกจากนั้นยังมีข้าวต้ม และผลไม้ทั้งแตงโมสัปปะรดที่ทางเรือจัดเตรียมไว้ อร่อยทุกอย่างเลย เพียงแต่ว่า...ความรู้สึกมันเริ่มจะโหวงเหวง เขาเริ่มจะปวดมวนในท้องขึ้นมาแล้วสิ เมื่อเรือโคลงเคลงมากจนเกินไป ทั้งๆที่ยังตกปลาหมึกไม่ได้สักตัวเลย


    “ ณัฐ ไหวมั้ยเนี่ย ? นั่งซึมเลยนะ ”

    เขาหันไปมองฝ่ายนั้น  “ พี่สน เรือมันโคลงเคลงไม่หยุดเลยอ่ะ ณัฐเวียนหัว ”

    “ เมาเรือเหรอ ? ” 

    เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ 

    “ งั้นกินยามั้ย เดี๋ยวขอพี่คนเรือให้ ”

    เขาพยักหน้าหงึกๆเพราะกลัวว่าถ้านานกว่านี้อาจจะไม่ไหว ต้องอ้วกออกมาแน่ หลังกินยาไปแล้วรุ่นพี่ก็เอาแตงโม สัปปะรดมาให้กินไปพลางๆ อาการก็ดีขึ้นเล็กน้อย มีแรงมาตกปลาหมึกต่อ



    แล้วไม่นานพี่สนก็อุทานเบาๆ แล้วดึงสายเบ็ดขึ้นมา ก็พบว่ามีปลาหมึกติดสายมาด้วย เรายิ้มออกมาพร้อมกันในทันที  เย้ !! พี่สนตกได้แล้ว แล้วไม่นานก็รู้สึกถึงแรงกระตุกของสายตัวเองเช่นกัน เขาจึงลองดึงขึ้นบ้าง แต่กลับพบว่า...ไม่มีอะไรเลย อ้าว ?

    “ ฮ่ะ ๆ งั้นรอกินตัวของพี่ละกันนะ ” ฝ่ายนั้นยิ้มกว้าง

    “ ถ้าณัฐไหวนะ ” เขาบอกออกไปตามตรง

    “ รอกินปลาหมึกตัวนี้ก่อนละกัน  แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกพี่นะ จะพาไปนอนพัก กว่าเรือจะกลับเข้าฝั่งก็หกทุ่มนู่นแหละ อีกนานเลย ”

    สิ้นเสียงรุ่นพี่ ก็พบว่าชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งเมาเรือมากจนถึงขั้นอาเจียนออกมาแล้ว พี่คนเรือบอกว่านี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน ส่วนเขาพอเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกพะอืดพะอมไปกันใหญ่ 




    ผ่านไปประมาณชั่วโมง...หลายคนเริ่มไม่ไหว ไม่สนใจการตกปลาหมึกและเปลี่ยนไปนอนพักบนชั้นสองของเรือแทน ยังเหลือเพียงแค่คู่ของเขา คู่ชายรักชาย และคู่รักชายหญิงอีกคู่หนึ่งเท่านั้น แต่เขายังอยากจะกินปลาหมึกอยู่นี่นา ก็มันอร่อย

    “ ณัฐ ไหวมั้ย ? หน้าซีดแล้วนะ ”

    “ อ๊ะ ”  เขายื่นอุปกรณ์ให้รุ่นพี่เป็นคำตอบ เพื่อให้ฝ่ายนั้นทำหน้าที่แทน

    “ ไม่ไหวแล้วเหรอ ? ”

    “ อื้มมม ”  เขาฟุบหน้าลงทันที

    “ ขึ้นไปนอนด้านบนมั้ย ? จะพาไป ”

    “ ไม่เอา ยังอยากกินปลาหมึก ”

    ร่างสูงส่ายหัว  “ เมาเรือแล้วยังตะกละอีกนะ ”



    ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกพะอืดพะอม ปวดมวนในท้อง เหมือนทุกอย่างมาจุกอยู่ที่คอ และ...

    อ้อกกกกกกกกกกกก !!!!  เขายื่นหน้าออกนอกเรือและอาเจียนออกมาในที่สุด รุ่นพี่ตกใจเข้ามาลูบหลังให้ รีบหาน้ำเปล่า หาทิชชู่มาให้ยกใหญ่

    หลังจากอาเจียนไปจนหมดและล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เขาก็หลับตาเอนร่างพิงเสาทันที เพราะรู้สึกเพลียเหลือเกิน แล้วฝ่ายนั้นก็เข้ามาดึงร่างไว้ในอ้อมกอดเพื่อให้พิงตัวเองแทน

    “ ณัฐ อาเจียนออกมาขนาดนี้คงไม่ไหวแล้วล่ะ ไปพักเถอะนะ ”

    “ แล้วพี่สนล่ะ ? ” เขาพูดโดยที่ไม่ได้ลืมตาด้วยซ้ำ

    “ ก็ขึ้นไปด้วยกันไง ไม่ทิ้งไว้คนเดียวหรอก ”

    “ แต่ปลาหมึก... ”

    “ ก็ช่างปลาหมึกสิ เราก็ได้กินทุกอย่างครบแล้ว ก็ถือว่าคุ้มแล้วล่ะ ถ้าไม่ไหวก็พักเถอะ ถ้าดีขึ้นแล้วค่อยลงมาก็ได้นี่
    นา ” ฝ่ายนั้นลูบศีรษะเขาเบาๆ

    “ อืม ก็ได้ ”



    แล้วเราก็ย้ายร่างขึ้นมาบนชั้นสองของเรือ ก่อนจะออกมาคู่ชายรักชายคู่นั้นก็ได้ไถ่ถามอาการ เขาก็บอกว่าไม่ไหวขอตัวไปพักก่อน แล้วรุ่นพี่ก็พยุงร่างของเขาขึ้นชั้นสองทันที


    บนชั้นสองมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนอนพักอยู่แล้ว เขาและรุ่นพี่เดินไปจนสุดเรือและนอนเก้าอี้ผ้าใบสองตัวข้างกัน เขาพยายามข่มตานอนให้หลับทั้งที่ยังปวดหัวและเรือก็ยังโคลงเคลงอยู่ตลอดเวลาซึ่งนับว่ายากเหลือเกิน ฝ่ายนั้นเอายาดมมาให้ แถมยังนอนกุมมือไปตลอดทางอีกต่างหาก ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาคิดอะไรแล้ว เพราะว่ารู้สึกทรมานเหลือเกิน...ไม่ไหวจริงๆ
     

    ผ่านไปนานประมาณสองชั่วโมง เรือก็เริ่มเคลื่อนตัวออก รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเพราะทำให้เรือโคลงเคลงน้อยลง พี่สนไปถามคนเรือก็ได้ความว่ากำลังจะกลับเข้าฝั่งแล้ว พี่สนหันไปบอกชาวญี่ปุ่นกลุ่มนั้นด้วยยังดีที่เข้าใจภาษาอังกฤษจึงพากันดีใจยกใหญ่ ส่วนเขาพอได้ยินแล้วดีใจน้ำตาแทบไหลเหมือนกัน...จะได้หายจากความทรมานแล้ว อยากกลับห้องตัวเองเหลือเกิน ห้องที่อยู่นิ่งๆ...ไม่เคลื่อนไหวไปมาแบบนี้

    “ เย้ จะได้กลับห้องแล้ว ”  เขาบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนแรง ลืมตาขึ้นมามองหน้ารุ่นพี่

    “ เด็กน้อยเอ๊ย เมาเรือจนได้ ”

    “ แล้วพี่สนไม่เมาเหรอ ? ”

    “ ก็รู้สึกเวียนหัวเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นอ้วกนี่นา ”

    “ พี่สนทำได้ไง ? ณัฐไม่ไหวเลยอ่ะ ทรมานมากเลยตอนนี้ ”

    “ เดี๋ยวก็ถึงฝั่งแล้ว อดทนอีกหน่อยนะ ” ฝ่ายนั้นลูบศีรษะเบาๆ



    ไม่นานเรือก็กลับเช้าฝั่งได้สักที ประสบการณ์ในการมาตกปลาหมึกในครั้งนี้เขาจะจำไปจนชั่วชีวิต เป็นอะไรที่ทรมานมากเหลือเกิน แต่อย่างน้อยปลาหมึกก็อร่อยมาก..ถือซะว่าคุ้มละกัน


    รุ่นพี่เดินประคองเขามาจนถึงห้องพัก ระหว่างทางผ่านรถเข็นขายข้าวต้มก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เพราะเมื่อครู่อาเจียนไปหลายรอบเหมือนกัน รู้สึกว่าท้องว่างและตอนนี้ก็อาการดีขึ้นมากแล้ว จึงอยากหาอะไรรองท้องสักหน่อย

    “ พี่สน ณัฐอยากกินข้าวต้มอ่า รอก่อน ”  เขาสะกิดเขาอีกฝ่ายเบาๆ

    “ แล้วกินไหวเหรอ ? ”

    “ ไหวสิ แต่ตอนนี้หิวอ่ะ ”

    แล้วรุ่นพี่ก็จัดการให้เสร็จสรรพ ข้าวต้มสองถ้วย กินกันจนเพลิน อาการเมาเรือหายเป็นปลิดทิ้งไปในทันที

    “ กินเสร็จแล้วร่าเริงเลยนะ หายเมาแล้วเหรอ ? ”

    “ หายสนิทดีแล้ว แต่เมื่อกี้ ไม่ไหวเลยอ่ะ ”

    “ ฮ่ะ ๆ ๆ คนอะไรไม่รู้ เมาเรือจนอ้วกเลยอ่ะ ”

    “ หัวเราะเยาะเหรอ ? ”  เขาบิดแขนฝ่ายนั้นทันที ได้ยินแต่เสียงโอ๊ย ! ตามมา




    พอกลับมาถึงห้องพักเขาก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายและรีบเข้านอน เพราะวันนี้เหนื่อยเพลียมาทั้งวันตั้งแต่ขับรถรอบเกาะแล้ว แถมยังมาเมาเรือไม่ได้ตกปลาหมึกอีก เป็นประสบการณ์ที่คุ้มดีจริงๆ  พอพี่สนอาบน้ำเสร็จเช็ดหัวจนแห้งแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วมานอนข้างกันทันที

    “ หายยัง ? ” ฝ่ายนั้นลูบไล้ใบหน้าเขาเบาๆ

    “ หายแล้ว แค่ได้ออกจากเรือก็หายแล้วล่ะ แต่ทำไมพี่สนไม่เมาล่ะ ? ” เขาสงสัย

    “ ฮ่ะ ๆ ก็เมานิดหน่อย แค่อาการไม่ได้หนักเท่านั้นเอง ”

    “ ณัฐทรมานมากเลยตอนนั้นอ่ะ อยากลงจากเรือให้ได้ แต่ก็ต้องทนตั้งหลายชั่วโมง สรุปแล้วได้กินปลาหมึกแค่ไม่กี่ตัวเอง...เสียดาย ”  เขาบ่นอุบ

    “ สรุปคือหวงของกินนี่เอง ”

    “ ก็มันอร่อยนี่นา ไม่น่าเมาเรือเลย จะกินให้ได้เยอะกว่านี้ ”

    “ แต่ก็ได้กินตัวที่พี่ตกได้นี่นา ”

    เขายิ้ม  “ อื้มม ได้กินเป็นตัวสุดท้ายเลยมั้ง ฮ่ะ ๆ ”

    รุ่นพี่เขี่ยแก้มเขาเบาๆ  “ แค่ได้กินตัวที่พี่ตกได้ ก็คุ้มแล้วล่ะ ”

    “ นอนกันเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันเลย ”  เขาขยับตัวเข้าไปใกล้รุ่นพี่ แล้วหนุนแขนฝ่ายนั้นไว้

    “ อืม นอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้เดินทางกลับกัน ” ฝ่ายนั้นจุมพิตหน้าผากเขาเบาๆ

    “ ฝันดีนะครับที่รัก ”

    “ ที่รักก็ฝันดีเหมือนกันนะ วันนี้...มันส์สุดยอดจริงๆ เฮ้อ ” พูดแค่นั้นเขาก็พริ้มตาหลับลงทันที ได้ยินแต่เสียงหัวเราะเบาๆของรุ่นพี่




    ***********************************




    เขาตื่นประมาณแปดโมงเช้า เปิดประตูออกมาดูทางด้านนอกเพื่อสูดอากาศยามเช้า มองเห็นเพียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดให้พอรู้สึกสดชื่น แล้วกลับไปนอนบนเตียงมุดในผ้าห่มต่อ  เขาเข้าไปหอมแก้มรุ่นพี่ฟอดใหญ่พร้อมกับส่งยิ้มทักทาย

    “ พี่สน อรุณสวัสดิ์ เช้าแล้วนะ ”

    “ ตื่นนานแล้วเหรอ ? ”

    “ ไม่อ่ะ พึ่งตื่นเมื่อกี้เหมือนกัน ” 

    เขาเข้าไปกอดรุ่นพี่  “ ขี้เกียจเดินทางกลับจังเลย อยู่ที่นี่สบาย ”

    “ งั้นอยู่ต่อมั้ยล่ะ ? ” ฝ่ายนั้นถาม

    “ ป่าว ณัฐแค่บ่นเฉยๆ ยังไงก็ต้องกลับวันนี้แหละ ”

    “ อ้าว ฮ่ะ ๆ ”

    “ เช็ดเอาท์เที่ยงใช่มั้ย ? ”

    “ อืมใช่ แต่ไม่ต้องรีบหรอก ค่อยๆเก็บของก่อนก็ได้ เหลืออีกตั้งนาน ”

    แต่เขาก็ยังกอดรุ่นพี่ไว้แน่น “ งั้นขอนอนต่ออีกแปบนึงนะ ”

    “ ได้ค้าบบบ ”

    แล้วมือของฝ่ายนั้นก็ซุกซนเข้ามาลูบไล้ต้นขา และบีบ ‘บั้นท้าย’ เขาเบาๆ

    “ นั่นๆ อะไรอ่ะ ? ”  เขาส่งเสียงทัก แล้วใช้ขาพาดก่ายร่างรุ่นพี่ทันที

    “ ฮ่ะ ๆ ทักทายยามเช้าไง ”


    แล้วฝ่ายนั้นก็เข้ามาประทับริมฝีปากและจูบเบาๆเป็นการทักทาย ก่อนจะค่อยๆแทรกลิ้นไล้เลียไปจนทั่ว จูบกันดูดดื่มอยู่นาน มือฝ่ายนั้นก็ลูบไล้ไปพัลวันจนทั่วร่างกาย

    “ อื้มม ” เขาพ่นลมหายใจ แล้วไม่นานฝ่ายนั้นก็ลุกขึ้นคร่อมร่างของเขาไว้ 

    ร่างเพรียวมองอีกฝ่ายอย่างหวาดหวั่น แล้วก็ถูกประทับริมฝีปากลงอีกครั้ง มือของรุ่นพี่เริ่มลุกล้ำเข้ามาในเสื้อและถูกถกขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว เม็ดตุ่มไตสีชมพูถูกลูบไล้หยอกล้อเบาๆจนขนลุกชัน เขาได้แต่พ่นลมหายใจด้วยความเสียวซ่าน


    **********************************


    ฝาก >>> เพจพี่สนกะน้องณัฐ <<< แวะไปกดไลค์กันด้วยน้าาา 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×