ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #62 : บทที่ห้าสิบแปด -- com med3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.26K
      6
      21 ก.พ. 53

    บทที่ห้าสิบแปด





                  “ ฮัดชิ่ว !!!   ฮัดชิ่ว !!! ”  ร่างเพรียวสูดหายใจลึกแล้วขยี้จมูกตัวเองเบาๆ

     
                  “ ณัฐเป็นหวัดเหรอลูก ? ”  แม่ของเขารีบเอ่ยถามทันที

     
                  “ อ๋อ...เปล่าครับแม่  ณัฐแค่จามเฉยๆ ”

     
                  แต่ผู้เป็นแม่ก็ยังคงไม่เชื่อและเอามือมาแตะหน้าผากเขาเอาไว้  แต่สุดท้ายก็ยอมถอนมือออกด้วยความโล่งอก
     
                 “ เฮ้อ...ไม่ได้ตัวร้อน  แม่นึกว่าเราจะเป็นไข้หวัดซะอีก ”

     
                 “ ฮ่ะ ๆ เปล่าหรอกครับ ”

     
                 เพราะเมื่อวานมีฝนตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว  อาจจะเป็นเพราะกำลังเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวจึงทำให้อากาศค่อนข้างเย็น  ถึงแม้ว่าเมื่อวานเขาจะไม่ได้ตากฝนก็ตาม  แต่ถ้าไม่ระวังก็อาจจะเป็นหวัดได้ง่ายๆ


                  “ ถ้างั้น...วันนี้ไม่ต้องไปร้านนะ  กินยาแล้วนอนพักเถอะ  แม่กลัวเราจะเป็นหวัดเอา ”

     
                  “ แต่ว่า... ”

     
                 “ ไม่เป็นไรหรอก วันนี้แม่อนุญาติให้ณัฐพักผ่อนได้ ”  แม่พูดพร้อมกับยิ้มหวานมาให้

     
                 “ ก็ได้ครับ ”  เขารับคำเบาๆ 


                 ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไปช่วยแม่ทำงานที่ร้านทุกวัน  เรียกได้ว่า...แทบจะนั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่ที่ร้านเลยก็ว่าได้  เพราะแต่ละวันเขาว่างเสียจนไม่รู้จะทำอะไร  ก็เลยต้องหาเรื่องทำงานนั่นเอง

     
                 “ ดีมากจ้ะ...ถ้างั้นแม่ไปร้านก่อนนะ  แล้วตอนเที่ยงๆจะแวะมาหาอีกที ”

     
                 “ ครับ ”

     
                 ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะเขาเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องนอนไป...

     


                 เขาเอนตัวลงนอนอีกครั้ง  หวังว่าจะนอนเล่นสักพักค่อยไปอาบน้ำแต่งตัว 
     
                 ไม่มีอะไรทำแบบนี้...น่าเบื่อจังเลยแฮะ...


                 ร่างเพรียวพลิกตัวไปอีกทาง  แล้วนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...

                 ...คิดถึงพี่สนจัง...อยู่ดีดีเขาก็รู้สึกแบบนี้...อีกแล้ว


                 ถึงแม้ว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาจะคุยโทรศัพท์กันทุกวันก็จริง  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหายคิดถึงฝ่ายนั้นได้เลย  แค่คุยกันยังไม่เพียงพอเหมือนอย่างที่พี่สนเคยบอกน่ะแหละ 

                 อยากเห็นหน้า...อยากสัมผัส...อยากพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนเดิม


                 เฮ้อ...นี่เขาเพ้อมากไปหรือเปล่านะ ?

                 แล้วพี่สนล่ะ ? จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า ?


                วินาทีต่อมาร่างเพรียวก็เผลออมยิ้มกับตัวเองเบาๆ...เมื่อนึกถึงถ้อยคำหวานที่ฝ่ายนั้นพูดให้ฟังอยู่ทุกคืน

                พี่สนก็คงคิดถึงเขามากเหมือนกันใช่มั้ย ?

                แล้วตอนนี้รุ่นพี่จะทำอะไรอยู่นะ ? 


                จากที่ได้คุยกันเมื่อคืน...ฝ่ายนั้นบอกว่าจะได้เดินทางกลับคณะวันนี้  คงจะถึงตอนบ่ายๆล่ะมั้ง
      

                ถ้างั้น......

                ตอนเย็นค่อยโทรหาดีกว่า





    ************************************




                ...อีกฝั่งหนึ่ง...

     
                 วันนี้ ‘สน’ รีบตื่นแต่เช้าด้วยความสดใสกระปรี้กระเปร่า  นั่นเป็นเพราะ...เวลาล่วงเลยมาจนถึง ‘วันที่สิบ’ แล้วน่ะสิ
     
                 แต่ละคืนที่ผ่านไปเขาได้แต่นั่งนับนอนนับให้วันนี้มาถึงเร็วๆ  และพอเอาเข้าจริง...มันก็มาถึงเร็วเกินคาดเพราะว่าการทำงานอย่างหนักหน่วงในแต่ละวันนั่นเอง
     
                 หน้าที่สุดท้ายของพวกเขาในวันนี้ก็คือ  การทำความสะอาดบ้านให้หมดทุกซอกทุกมุม  เพื่อคงสภาพเดิมของบ้านให้เหมือนตอนก่อนที่พวกเขาจะมาอยู่อาศัย   โดยผู้หญิงรับหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูภายในบ้าน  ส่วนผู้ชายก็รับหน้าที่ทำความสะอาดนอกบ้าน ขัดห้องน้ำ รวมถึงการเก็บขยะทั้งหมด
     
                 หลังจากที่ทั้งสิบสองคนร่วมแรงร่วมใจกันด้วยความสามัคคี  ภายในเวลาไม่นาน...บ้านหลังน้อยที่พวกเขาอยู่อาศัยก็กลับมาสะอาดสะอ้านดังเดิม

     

                “ เฮ้อ...เสร็จสักที ”  กฤตโยนถุงขยะสีดำถุงสุดท้ายเข้าถังใบใหญ่ที่อยู่หน้าบ้าน

     
                “ วันนี้จะได้กลับบ้านแล้ว...รู้สึกใจหายนิดๆเนอะ  มึงว่ามั้ย ? ”

     
                “ อือ ”  สนตอบกลับ


                 ถึงแม้ว่าเขาจะรอคอยให้วันนี้มาถึงเร็วๆ  แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า...เก้าวันที่ผ่านมานั้นพวกเขาสนุกและมีความสุขมากแค่ไหน  ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยไปบ้างแต่ก็เทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความคุ้มค่าที่ได้กลับมา  

                 ทั้งการดำเนินชีวิตที่แสนยากลำบากที่พวกเขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน  ทั้งการที่ได้คลุกคลีกับชาวบ้านในชุมชนและเห็นมุมมองที่แปลกใหม่แบบที่ชุมชนเมืองไม่มี   ทั้งการที่ได้อยู่รวมกันกับเพื่อนคณะอื่นที่ไม่เคยรู้จักแต่สุดท้ายก็สามารถสนิทสนมกันได้อย่างง่ายดาย   และการทำงานทางวิชาการที่อยู่ในความรับผิดชอบชิ้นสุดท้ายก็สำเร็จลงด้วยดี

                 เมล็ดผลประโยชน์ที่ก่อเกิดคุณค่าทางจิตใจกำลังงอกเงยในใจของพวกเราทุกคนอย่างช้าๆ

                 ได้แต่คิดกับตัวเองในใจว่า...ความทรงจำที่แสนมีค่าในการออกคอมเมดครั้งนี้...เขาจะไม่มีวันลืมเลย...
     
     

                 “ ถึงจะเหนื่อย...แต่ก็สนุกมากเลยล่ะ ”  กฤตเอ่ยอีกครั้ง

     
                 เขาส่งยิ้มให้กับเพื่อนสนิท  แล้วยกแขนไปกอดคออีกฝ่ายเบาๆ
     
                 “ นั่นสินะ ”

     
                 “ อี๊...เอามือที่จับขยะของมึงออกไป  ไอ้เชี่ยสน !!! ”

     
                 “ ฮ่ะ ๆ ๆ มึงรังเกียจกูเหรอ ? กูเป็นเพื่อนรักมึงนะ ”

     
                 “ เฮ้ย !! อย่าเอามาใกล้หน้ากู  ไอ้สัด !! ”

     
                 หลังจากที่ทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยดี  พวกเราทุกคนก็มาจัดกระเป๋าเก็บข้าวของกันเสียยกใหญ่  ถึงจะรู้สึกดีใจที่จะได้กลับบ้าน...แต่ลึกๆก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเหมือนกัน

     
                 พอสายๆ...พวกเราทุกคนกล่าวขอบคุณและร่ำลาเจ้าของบ้านอย่างเป็นพิธี  พวกผู้หญิงบางคนถึงกับต้องเสียน้ำตาเมื่อได้กอดร่ำลากับคุณป้า  นั่นเป็นเพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน  ท่านทั้งสองดูแลเราเป็นอย่างดีและใจดีกับพวกเราเหลือเกิน...เวลาเพียงแค่สิบวันก็ทำให้รู้สึกผูกพันกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ 


                 จวบจนที่รถตู้คันเล็กที่คณะจัดเตรียมไว้สำหรับทุกกลุ่มขับเคลื่อนมารอรับที่หน้าบ้าน  จึงตัดสินใจร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้ายและขนกระเป๋าสัมภาระของแต่ละคนขึ้นรถ  แล้วพวกเขาก็เริ่มออกเดินทาง...

                 ...มุ่งหน้ากลับสู่มหาวิทยาลัย...



    ****************************************  


     

                  จากการเดินทางยาวนานเกือบสามชั่วโมง  รถตู้คันเล็กก็เคลื่อนเข้าจอดที่หอพักคณะแพทย์

     
                  “ คณะแพทย์...จะลงนี่หมดเลยมั้ย ? ”  อาจารย์ชะโงกหน้ามาถามจากที่นั่งด้านหน้า


                  “ อ๋อ...ลงหมดเลยครับ ”  กฤตตอบกลับ  แล้วรีบหันไปกระซิบบอกเพื่อนอีกทาง
     
                  “ สนมึงก็ลงนี่แหละ  รถมึงจอดคณะใช่มั้ย ? งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง ” 


                  “ อื้อ...งั้นก็ได้ ”


                  “ อาจารย์คะ...หนูลงที่นี่ด้วยค่ะ !!! ”  เสียงใสตะโกนดังมาจากเบาะหน้าของพวกเขา...พี่ใบหม่อนนั่นเอง

                  “ อ้าว...ทำไมล่ะ ? ”


                  “ ก็...หอทันตะอยู่ตรงนี้เองค่ะ ”  เธอชี้มือไปหอพักอีกฝั่งที่อยู่ไม่ไกล



                 เป็นที่รู้กันดีว่าหอพักนักศึกษาแพทย์ และนักศึกษาทันตะสร้างอยู่ในบริเวณเดียวกัน  จนสามารถเดินเท้าไปหากันได้  เรียกได้ว่า...หอพักคณะทันตะ  ถูกหอพักคณะแพทย์ขนาบติดทั้งสองข้างเลยก็ว่าได้


                  “ อ๋อ...เหรอ ?  ดีดี...งั้นก็ลงพร้อมกันเลย ”
     
     

                 หลังจากที่ขนสัมภาระของทุกคนลงจากรถแล้ว  รถก็เคลื่อนตัวออกอีกครั้งเพื่อไปส่งนักศึกษาคนอื่นเช่นกัน
     


                  “ พี่หม่อนจะเดินกลับใช่มั้ยครับ ? ”  เขาเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง  เพราะข้าวของของรุ่นพี่เยอะเหลือเกิน  เกรงว่าถ้าเดินกลับ...อาจจะขนของทั้งหมดนี้คนเดียวไม่ไหวแน่

     
                 เธอมองสัมภาระในมือ แล้วยิ้มเก้อๆ
     
                 “ อ๋อ...จ้ะ ”

     
                 เขาตัดสินใจวางกระเป๋าของตัวเองลงทันที
     
                 “ งั้นเดี๋ยวผมขนช่วยละกันครับ ”  เขาบอกอย่างสุภาพ  แล้วหันไปบอกเพื่อน


                 “ กฤต...มึงมาถือช่วยพี่หม่อนด้วยเร็ว ! ”


                 “ หือ ?  อ๋อ...ได้สิ ”  กฤตหันมารับคำ แต่เสียงใสกลับแทรกขึ้นมาทันที

     
                 “ ไม่เป็นไรหรอก !!  เอ่อ...พี่คิดว่า ‘คนเดียว’ ก็น่าจะพอ  ”
     
                 “ คือว่า...พี่เกรงใจน่ะ ”

     

                 ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากัน

                  จากคำพูดนั้น ‘กฤต’ รู้ได้ทันทีเลยว่า  ตัวเองควรจะทำอย่างไร ?


                  “ โอเค  งั้นฝากมึงช่วยพี่หม่อนละกันนะ ”  กฤตตบไหล่เขาเบาๆพร้อมกับส่งยิ้มแปลกๆ

     
                  “ อืมม ”  เขาพยักหน้ารับ

     
                  แล้วเขาก็ช่วยพี่หม่อนถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ และถุงสัมภาระอีกหนึ่งใบ  ส่วนอีกฝ่ายก็สะพายเป้ใบเล็กเพียงใบเดียวเท่านั้น 
     


                 “ รู้สึกหวิวๆเนอะที่ได้กลับมา   เอาเข้าจริงก็สนุกมากเลยล่ะ...ที่ได้อยู่ด้วยกัน ”  รุ่นพี่เริ่มชวนคุยขณะที่กำลังเดิน


                 “ นั่นน่ะสิครับ  ผมชอบตอนที่พวกเราทำกับข้าวมากที่สุดเลย ดูวุ่นวายกันยังไงไม่รู้ ฮ่ะ ๆ ”



                  “ แต่พี่ชอบ...ตอนที่พวกเรานั่งคุยกันตอนกลางคืนก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอนนะ  ทั้งเล่นไพ่  ทั้งเล่นเกมส์ทายใจ...ทั้งนั่งเม้าธ์กัน...สนุกดี ”  

                  “ โดยเฉพาะ...ตอนที่พวกเรานั่งร้องเพลงกันที่แคร่หน้าบ้าน  แล้วสนก็ดีดกีตาร์ จนบ้านอื่นนึกสนุกต้องมาแจมด้วย  ” เธอพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนนึกคิด แล้วยิ้มหวานออกมา

                  “ แต่ว่า... ”  เธอเปลี่ยนเป็นหน้าเศร้าแล้วเอ่ยเสียงเบา

                  “ เราก็จะไม่มีช่วงเวลาแบบนั้นอีกแล้ว ”



                  “ แต่ก็ยังเจอกันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ  ไหนพี่ตุ๊กตาบอกว่า...จะนัดกินข้าวกันอีกเรื่อยๆ ”



                  เธอหันหน้ามายิ้มหวานให้

                  “ นั่นสินะ  แล้วน้องสนจะมาหรือเปล่าล่ะ ? ”



                  “ ผมเหรอครับ...อืม...ถ้าว่างก็คงมา  ”



                  “ เหรอ ? ”



                  “ ....................................... ”

                  “ แต่พี่รู้สึกว่า...มันน้อยไป ”  เธอกระซิบบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ



                  “ อะไรนะครับ ? ”  เขาถามอีกครั้งเพราะได้ยินไม่ค่อยถนัด



                  เธอเพียงส่งยิ้มหวานกลับมาให้ โดยไม่ได้พูดถ้อยคำใดออกมาอีก...



                  แล้วเราทั้งสองคนก็เดินมาจนถึงด้านล่างของหอพักคณะทันตะ  พี่ใบหม่อนหยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้าสบตากับเขาอยู่นาน



                  “ น้องสน ? ”  


                   “ ครับ ? ”


                   “...เอ่อ...คือว่า ”  เธอสูดหายใจลึกก่อนที่จะพูดประโยคถัดไป


                   “ อะไรเหรอครับ ? ”


                   จากที่ก้มหน้าอยู่...สักพักเธอก็หันมาจ้องตาเขาอีกครั้ง  แก้มขาวใสเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ ทำให้ใบหน้าที่ได้รูปสมส่วนนั้นยิ่งดูน่ามองไปกันใหญ่


                  “ พี่ขอยืมมือถือน้องสนหน่อยสิ ”  เธอเปล่งเสียงออกมาในที่สุด


                  “ อ๋อ...ได้ครับ ”  เขาหยิบจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้อีกฝ่ายทันที


                 พี่ใบหม่อนรับไปกดเบอร์โทรของใครสักคน  ทีแรกเขานึกว่าฝ่ายนั้นจะโทรออกหาเพื่อน  แต่แล้ว...อีกฝ่ายกลับกดค้างแค่นั้นแล้วยื่นกลับคืนมาให้


                 “ อ๊ะ ”


                  เขายื่นมือออกไปรับ  แล้วมองที่หน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่ามี...ตัวเลขสิบหลัก...อยู่


                  “ เบอร์นี้ ?? เบอร์... ”  อันที่จริง...เขาก็พอเดาได้ลางๆอยู่แล้ว


                  เธอหลบสายตาและทำหน้าเขินอาย

                  “ เบอร์พี่เอง  ถ้าน้องสนอยากโทรมา...เอ่อ...ตอนไหนก็ได้  ”


                  “ อ๋อ...ครับ ”  เขารับคำแค่นั้น  เพราะไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้


                  สิ่งที่พี่หม่อนทำ...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นหมายความว่าอย่างไร ?  แต่เขายังปฏิเสธออกไปไม่ได้  เพราะพี่หม่อนแค่ให้เบอร์โทรมา...ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่คนรู้จักกันสองคนจะมีเบอร์ติดต่อกัน

                  แต่ถ้า...ฝ่ายนั้นแสดงเจตนารมย์ออกมาให้ชัดเจน  หรือยอมพูดออกมาตรงๆ  เขาคงจะปฏิเสธได้ง่ายกว่านี้

                  เพราะถึงอย่างไร...เขาก็มีแฟนแล้ว...



                  “ เอ่อ...โทรมานะ  แล้วพี่จะรอ ”  

                  “ งั้นพี่ไปก่อนล่ะ  บ๊ายบาย ”  รุ่นพี่พูดทิ้งท้ายแค่นั้น แล้วรีบเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว

     

                  เขามองตามหลังฝ่ายนั้นสักพัก  ก็นึกอะไรขึ้นได้...จึงต้องรีบตะโกนเรียก



                  “ พี่หม่อนครับ !!?? ”


                  “ หือ ?? ” เธอชะงักและหันหลังกลับมาทันที


                  “ คือว่า...”


                  “ ..................................... ”


                  “ พี่หม่อนลืมกระเป๋าใบนี้ ” เขาชี้นิ้วลงบนกระเป๋าสีน้ำตาลใบใหญ่ และยกสิ่งหนึ่งขึ้นมา

                  “ ...และถุงนี้  ”


                  “ อ๋อ ”  ใบหน้าเธอเริ่มเป็นสีชมพูเข้มอีกครั้งพร้อมกับยิ้มเขินๆ  แล้วค่อยเดินลงมาหวังว่าจะมาเอาสัมภาระคืน



                  แต่แล้ว...ร่างสูงกลับพูดอะไรออกมาก่อน



                  “ ถ้างั้น..... ”


     
                  “ ............................................ ”
     

     
                 ร่างสูงคลี่ยิ้มบาง...แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้อีกฝ่ายใจเต้นโครมครามได้อย่างง่ายดาย  แล้วยิ่งได้ฟังประโยคถัดมานั่นอีก


     

                 “ ให้ผมไปส่งถึงห้องมั้ยครับ ?? ”



    *************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×