ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #61 : บทที่ห้าสิบเจ็ด -- com med2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.4K
      6
      20 ก.พ. 53

    บทที่ห้าสิบเจ็ด
     

     


                  อากาศในแต่ละวันค่อนข้างร้อน  ทั้งๆที่ก็ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว  แต่แสงแดดในทุกวันก็ยังคงแผดเผาจนต้องเหงื่อไหลไคลย้อยไปตามๆกัน  เพราะแต่ละวัน
    ต้องทำหน้าที่สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของชาวบ้าน...ในหนึ่งกลุ่มจะต้องรับผิดชอบบ้านหลายหลังทำให้กินเวลาในการสัมภาษณ์ชาวบ้านยาวนานเกือบทั้งวัน  

                  บางวันยังต้องจัดงานวิชาการที่ให้ความรู้กับชาวบ้านเกี่ยวกับโรคต่างๆที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุในชุมชนไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเกาต์  เป็นต้น  นอกจากนั้นยังมีบริการการตรวจร่างกายทั่วไปให้กับคนเฒ่าคนแก่ที่มาร่วมงาน  ทำให้มีผู้ที่สนใจมาเข้ารับบริการอย่างล้นหลาม...ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ทำไปเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน  ทำให้สนุกไม่น้อยเลยทีเดียว 

                   การบริการแก่ชุมชนมีอีกมากมาย  ทั้งแนะนำการแปรงฟันให้ถูกวิธี การรณรงค์การเก็บและคัดแยกขยะในชุมชน  รวมไปจนถึงงานใหญ่ที่เป็นผลงานที่ยั่งยืนแก่ชุมชนอย่าง
    เช่น...การสอบถามปัญหาต่างๆในหมู่บ้านเพื่อนำมาประมวลผลและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยต้องนำเสนอให้แก่ผู้นำของชุมชน  

                   หน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเราเหล่านักศึกษามีมากมาย...ไม่เว้นแม้กระทั่งการจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อให้ความรู้และความบันเทิงแก่เด็กๆที่เป็นลูกหลานชาวบ้านในชุมชนอีกต่างหาก

                   ไม่แปลกเลยที่ร่างกายของพวกเขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าเสียจนต้องเอนกายพักผ่อนตั้งแต่ยังหัวค่ำ 





                    และวันนี้ก็เช่นกัน...หลังจากที่กินอาหารเย็นและทำความสะอาดจานชามจนเสร็จเรียบร้อย  พอเวลาสองทุ่มเขาก็รีบเข้านอนทันที


                    หลังจากที่เผลอนอนหลับเป็นเวลานาน...เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาตีสองกว่าๆ 
    กลางดึกที่เงียบสงัด...ขณะนั้นเพื่อนทุกคนกำลังนอนหลับสนิท  เขาลุกขึ้นมาด้วยความงัวเงียแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวหวังว่าจะไปอาบน้ำชำระร่างกายเสียหน่อย

     
                    ห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน...บรรยากาศรอบตัวมืดมิดและวังเวงชวนให้ขนลุก  เพราะบ้านทุกหลังปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว  และถนนหนทางก็ยังไม่มีหลอดไฟที่
    พอจะส่องแสงเข้ามาให้เห็น...อาศัยก็เพียงแต่แสงจันทร์ในยามราตรีเท่านั้น 


                    แต่สำหรับเขาตอนนี้...จะให้เปลี่ยนใจไม่อาบน้ำเลยย่อมเป็นไปไม่ได้  เพราะว่าวันนี้ทำงานมาทั้งวัน  ทั้งเหงื่อออกจนชุ่มเสื้อผ้า ทั้งฝุ่นจากดินลูกรังที่ติดตามตัวและใบหน้าจน
    หนาเขรอะ  ทำให้ความต้องการที่จะอาบน้ำมีมากกว่าความกลัวเสียด้วยซ้ำ


                    เขาจึงตัดสินใจรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วเดินมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ  แล้วเปิดไฟในทันที 
    แต่...แสงไฟสีส้มดวงเล็กส่องแสงเพียงแค่สลัว  เขาจึงรีบปฏิบัติภารกิจในการอาบน้ำชำระร่างกายอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าตอนอาบเมื่อครั้งยังเรียน รด. ในสมัย ม.ปลายเสียอีก

     
                    ไม่ถึงห้านาที...ร่างกายของเขาก็สะอาดสะอ้านเรียบร้อยดี  ความสดชื่นทำให้ความกลัวเมื่อครู่ลดลงได้อย่างชัดเจน  เขาพันผ้าเช็ดตัวแค่ครึ่งท่อนเดินออกมา
    จากห้องน้ำอย่างสบายใจด้วยความเคยชิน  เพราะสภาพแบบนี้ในเวลานี้คงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาบังเอิญเห็นเข้า


                    เมื่อเดินถึงตัวบ้าน...เขาก็ค่อยๆเปิดประตูไม้ที่เชื่อมทางเข้าสู่ตัวบ้านอย่างช้าๆ 



                    และในจังหวะนั้นเอง !!!!    

                    หัวใจของเขาพลันกระตุกวูบเพราะรู้สึกว่ามีเงาดำตะคุ่มทอดผ่านสายตาเข้ามา  !!!!



                    เขาพยายามมองเงาดำที่น่ากลัวนั้นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก !!!!



                   “ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ”  เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังมาจากร่างตรงหน้าทำลายความเงียบสงัดลง   เขาตกใจจนร่างแข็งทื่อไปทั้งตัว
    !!!

     

                   แต่สมองรีบคิดพิจารณาภายในเสี้ยววินาที...เขาจึงรีบถลาตัวเข้าไปหาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว  !!!!

     

                   ฝ่ามือคว้าส่วนบน  หวังว่าจะหยุดเสียงโหยหวนที่ทำให้เขาตกใจจนแทบสิ้นสตินั้นได้  ร่างนั้นขยับดิ้นภายใต้การควบคุมของเขา  และเสียงได้เงียบลงกลายเป็น
    เสียงอู้อี้ทันที...

     
                   แต่แล้วทันใดนั้น...เขาก็รู้สึกว่าปลายเท้าของเขาที่ยังคงเปียกชื้นค่อยๆไถลด้วยความไม่มั่นคง  ร่างของเราทั้งคู่จึงเซล้มลงไปทางด้านหน้า วูบผ่านอากาศโดย
    รอบอย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที...เขารีบปล่อยมือเพื่อเตรียมประคองร่างกาย   ก่อนที่แสงไฟภายในบ้านจะส่องแสงสว่างจ้าจนแสบตา

     

                   “ เหวอ ????!! ”

     

                     ตึงงงง !!!! 



                   “ อื้อออ !!! ”



                     พรึ่บ !!!!



                    เสียงกระแทกของวัตถุมีน้ำหนักจากสองร่างกระทบพื้นเสียงดัง  แล้วแสงไฟก็ส่องสว่างเผยให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     

                    เฮือกกก !!!  
     
                    เขาได้ยินเสียงลมหายใจของใครอีกคนที่ดังมาจากเหนือศีรษะ

     

                   ร่างสูงรีบเปิดเปลือกตาเพื่อมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า  ก็พบว่า...เขาทับร่างของใครคนหนึ่งในสภาพลำตัวแนบชิดติดกัน  

                   แต่ยังไม่ใช่แค่นั้น...เพราะว่าใบหน้าของเราทั้งคู่ยังอยู่ในระยะที่ใกล้กันมาก...มากเสียจน...
     
     


                  “ สน...ทำอะไรอ่ะ ?!!!!! ” น้ำเสียงแสดงความตกใจของหญิงสาวอีกคนที่อยู่อีกฝั่งเอ่ยขึ้น
     
     


                   เขารีบผละริมฝีปากที่กำลังบดเบียดและร่างสูงใหญ่ของตัวเองออกจากร่างข้างใต้นั้นอย่างรวดเร็ว

                   อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้...เขาล้มลง...แล้วปากดันไปโดนกับปาก...ของ...

     

                  “ แกทำอะไรใบหม่อนอ่ะ ?? ”  หญิงสาวคนเดิมเอ่ยถามด้วยความลนลาน

     

                  “ ................!!!!!................. ”  
     
                  เขาได้แต่นั่งตกใจทำตาโตเพราะกำลังงงกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น  เห็นใบหน้าของพี่ใบหม่อนที่กำลังช็อกไม่แพ้กัน  แล้วเปลี่ยนไปมองทางพี่ตุ๊กตาเจ้าของเสียงเมื่อครู่สลับกันไป

     

                  “ เฮ้ย !! ไอ้สน ” 



                   เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นมาทางด้านหน้า  เขารีบชะโงกหันไปมอง  ก็เห็นว่า ‘กฤต’ ได้เดินมาจนถึงตัวเขาแล้ว  พร้อมกับคนอื่นๆภายในบ้านที่กรูเข้ามาทั้งหมดและมองมาที่
    เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น  บางคนพลางทำตาโตด้วยความตกใจ  แต่บางคนก็ทำหน้างงงวยเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
     
                   มาอะไรกันหมดวะเนี่ย ??!! คงต้องเป็นเพราะเสียงกรี๊ดของพี่ใบหม่อนเมื่อกี้แน่ๆ
     

     

                   “ เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?? ”  เสียงพี่พลหัวหน้ากลุ่มดังแทรกขึ้น พร้อมกับมองมาที่พวกเขาด้วยความสงสัย

     

                   “ ก็... ”  
     
                   “ ก็...เมื่อกี้...พอเปิดไฟ...ก็เห็น... ”  พี่ตุ๊กตาพยายามจะอธิบายสิ่งที่เห็นพร้อมกับมองเขากับพี่ใบหม่อนสลับกันไปมา

     

                   “ ...หกล้ม ”  เขาพูดต่อท้ายให้ หลังจากที่รวบรวมสติได้แล้ว

     

                   “ .................................. ”



                   พี่พลทำหน้างง

                   “ อะไรนะ ??...เสียงกรี๊ดเมื่อกี้เพราะล้มเองหรอกเหรอ ? ”

     

                   “ เอ่อ....เอ่อ.... ”  พี่ใบหม่อนอึกอัก  ใบหน้าเธอเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ

     

                   “ เหรอ ? ใบหม่อน ”  พี่พลซักไซ้
     

                  อีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้าก้มตา   แล้วไม่นาน...ใบหน้าที่เป็นสีชมพูเข้มนั้นก็ได้พยักหน้าอย่างช้าๆ
     

                  สนแหงนหน้ามองรุ่นพี่ทุกคนที่กำลังยืนวงล้อมเราทั้งสามคน
     
                  “ ครับ...ผมกับพี่หม่อนล้ม  เพราะว่ามืด...ก็เลยมองไม่เห็นทาง ”  เขารีบเสริมให้ทันที

     

                 “ แล้วที่เมื่อกี้...ตุ๊กตาตะโกนว่าแกทำอะไรใบหม่อนล่ะ ? ”



                 “ ก็... ”  เขามองหน้าพี่ใบหม่อนที่ตอนนี้ได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่แบบเดิม
     
                 “ ไม่มีอะไรครับ  มันเป็นอุบัติเหตุ  ผมกับพี่หม่อนหกล้ม...ก็แค่นั้น ”



                 “ อ้าว...แล้วแกทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะสน? ”  พี่พลทำหน้าสงสัย



                 “ ก็ผมพึ่งอาบน้ำเสร็จ ”

     

                 “ ตอนตีสองกว่าเนี่ยนะ ? ”

     

                 “ ครับ ”
     
                 เขาด้วยพูดด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสักนิด


                  “ แล้วสองคนนี้มาทำอะไรดึกๆดื่นๆล่ะ ? ” ฝ่ายนั้นหันไปถามหญิงสาวสองคนบ้าง

     

                  “ พอดีว่าหม่อนเขาอยากเข้าห้องน้ำ...เราเห็นว่ามันดึกแล้ว...ก็เลยเดินมาเป็นเพื่อนกัน ”  พี่ตุ๊กตาตอบแทน


                  “ เหรอ ? ”
     
                  “ สรุปคือ...น้องสนพึ่งอาบน้ำเสร็จ  แล้วใบหม่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วตรงนี้มันมืด...มองไม่เห็น...ก็เลยเดินชนกันงั้นเหรอ ? ”  พี่พลสรุปให้ฟังด้วย
    ท่าทางผู้นำ

     

                  “ ครับ ”  เขาตอบพร้อมกับที่พี่ใบหม่อนพยักหน้าเบาๆ



                  “ เฮ้อ... ” รุ่นพี่ถอนหายใจ...แล้วมองหน้าพวกเขาสลับกันไปมา
     
                  “ นึกว่ามีอะไรเสียอีก...ตกใจหมด ? ”
     
     

                 พี่ตุ๊กตาได้แต่ก้มมองเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย  เพราะพี่หม่อนยอมรับออกมาขนาดนั้น  เธอจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรอีก

     

                  “ ถ้างั้น...ก็ไม่มีอะไรแล้วนะ  ทุกคนไปนอนต่อกันได้แล้ว ”  รุ่นพี่บอกคนอื่นด้วยเสียงเด็ดขาดแล้วหันมามองที่พวกเขา

     

                 “ ส่วนน้องสนก็ไปแต่งตัวซะ   สองคนนี้...ก็ไปเข้าห้องน้ำเถอะ  เดี๋ยวเราจะเดินไปเป็นเพื่อน...”
                 “ แล้วทำไมไม่เอาไฟฉายมาด้วยล่ะเนี่ย ? ”  ประโยคสุดท้ายฝ่ายนั้นได้แต่บ่นกระปอดกระแปดเบาๆ
     



                  เขาได้แต่มองตามหลังคนอื่นๆที่ทะยอยกันเดินเข้าไปในบ้าน  จะเหลือก็แต่เพียงเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นที่กำลังจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะต้องการรู้
    ความจริง
     


                 “ อะไรอีกล่ะ ? ”  เขาถามออกไป

     

                 “ มึงเล่าให้กูฟังหน่อยสิ ”  ฝ่ายนั้นกระซิบเสียงเบาเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกัน

     
                  “ เล่าอะไร ? ”



                  “ เพราะกูรู้สึกเหมือนมันจะมีอะไรมากกว่านี้ ”
     


                  “ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ”



                  “ จริงเหรอวะ ที่มึงกับพี่หม่อนแค่ล้ม... ”  ฝ่ายนั้นยังคงซักไซ้ต่อ



                  “ เออ !! ”
     


                   “ แล้วทำไมพี่หม่อนต้องหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงขนาดนั้น   แล้วทำไมพี่ตุ๊กตาต้องทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไร ? มึงตอบกูมาเดี๋ยวนี้ !! ” 



                   เขาหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างเหนื่อยหน่าย
     
                   “ กูบังเอิญล้มลงไป ‘ จูบ ’ กับพี่หม่อน  แล้วพี่ตุ๊กตาดันมาเห็นเข้าพอดี  มึงพอใจยัง ?? ”




                   “ ไอ้เชี่ย !!! ” เสียงเรียกแห่งความกันเองดังขึ้นด้วยความตกใจ...จนรุ่นพี่คนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว




    **************************************




                  เรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน...วันต่อมาทุกคนภายในบ้านก็ไม่มีใครสนใจอีก  จะมีก็แต่เพียงพี่ใบหม่อนและพี่ตุ๊กตาเท่านั้น
     
                  พี่ตุ๊กตาที่ยังคงชอบใช้สายตามองมาที่เขาอยู่เรื่อยๆ แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านี้  เขาจึงพยายามที่จะไม่ใส่ใจ

                  ส่วนพี่ใบหม่อนนั้น...ทุกครั้งที่เจอกัน เขาก็สังเกตว่าอีกฝ่ายมีท่าทางที่เขินอายอย่างเห็นได้ชัด  ทั้งการสงบปากสงบคำเวลาที่พูดจากับเขา  ทั้งใบหน้าที่เป็นสีชมพู
    อ่อนเวลาที่เผลอสบตากัน...เฮ้อ...เรื่องแบบนี้ทำไมเขาจะไม่รู้

     


                 “ พี่หม่อนครับ ”  เขาแอบเดินเข้าบ้านตามหลังอีกฝ่ายโดยที่ไม่ให้รู้ตัว  เพราะวันนี้ทั้งวันที่เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายหาเรื่องหลบหน้าเขาตลอด จนเขาต้องตัดสิน
    ใจทำอะไรสักอย่าง

     
                 อีกฝ่ายหยุดเดินแล้วหันมามองอย่างช้าๆ
     
                 “ อ๊ะ...น้องสน   มีอะไรเหรอ ? ”  ท่าทางของเธอไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเดิมเลย

     

                 “ คือ...ผมขอคุยด้วยได้มั้ยครับ ? ”

     

                เธอทำตาลึกลัก ก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา
      
                “ อ๋อ...ได้สิ ”

     

                ตอนนี้ไม่มีใครเดินเข้ามาในส่วนบริเวณบ้าน  เขาจึงตัดสินใจพูดออกไปทันที
     
               “ เรื่องเมื่อคืน... ”  เขาเกริ่นนำอย่างช้าๆ

     

               “ .................................... ”

     

               “ เมื่อคืน...ผมขอโทษนะครับ ”  เขาก้มหัวให้อย่างสุภาพ

     

               “ เอ่อ...ขอโทษเหรอ  ขอโทษทำไมล่ะ ? ”  ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของเธอก็เริ่มเป็นสีชมพูขึ้นมาอีกครั้ง

     

               “ ก็ตอนนั้นผมตกใจเสียงกรี๊ด...คิดอะไรไม่ออกก็เลยต้องรีบเข้าไปปิดปากพี่หม่อน ”

               “ แต่ว่า...ผมก็ดันทำให้เราล้ม  แล้วยังไป...เอ่อ...โดนปากพี่หม่อนอีก ” 

               “ ผมขอโทษนะครับ ” 



                เขาตัดสินได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าควรจะหาโอกาสมาขอโทษรุ่นพี่ให้ได้  เพราะถึงยังไง...อีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง  ถึงแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นแค่ ‘อุบัติเหตุ’ ก็เถอะ


                เธอก้มหน้าก้มตาแล้วเอ่ยเสียงเบา
     
                “ น้องสน...ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก  พี่รู้ว่าน้องสนไม่ได้ตั้งใจ ”

     

                “ พี่หม่อน...ไม่โกรธผมใช่มั้ยครับ ? ”

     

                “ ไม่หรอก ”  เธอคลี่ยิ้มบางออกมา
     
                “ พี่เข้าใจ ”
     

                 เมื่อได้ยินคำพูดและเห็นรอยยิ้มนั้น  เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก  จึงส่งยิ้มกว้างตอบกลับไปเช่นกัน




    **************************************



                ...กลางดึกคืนนั้น...ที่ระเบียงหน้าบ้าน...


     
                หญิงสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อลอย  ใบหน้าดวงนั้นยามที่ต้องแสงจันทร์ในยามค่ำคืนดูแล้วสวยงามละมุนตาอย่างที่ใครเห็นเป็นต้องประทับใจ 


                สายตาเธอจับจ้องที่ดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าอันมืดมิด...พลางคิดเรื่องของ ‘ใครคนหนึ่ง’ ที่พึ่งรู้จักได้ไม่นาน...


                เธอค่อยๆลูบไล้ริมฝีปากเรียวเล็กของตัวเองอย่างช้าๆ แล้วหัวใจก็พลันพองโตขึ้นเรื่อยๆ 
    ทุกครั้งที่นึกถึง ‘เหตุการณ์นั้น’   ร่างทั้งร่างก็รู้สึกเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา  ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้เสียทุกครั้งไป


                 เธอไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน...ทำไมนะ ?

     
                 ทั้งๆที่ผ่านมา...มีผู้ชายมาอ้อนวอนขอความรักจากเธอตั้งมากมาย  แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะสนใจเลยสักครั้ง  ได้แต่เฝ้ารอ ‘ใครสักคน’ ที่โชคชะตาฟ้า
    กำหนด...คนๆหนึ่งที่จะทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวได้อย่างจริงจัง  คนที่อยากจะรักจนถอนตัวไม่ขึ้น  คนที่เฝ้ารอมานาน...

     
                 ...และเธอก็คิดว่าได้พบแล้ว...

     
                 ตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรกในวันที่ประชุมรวม...เธอก็รู้สึกประทับใจคนๆนั้นทันที  เขาเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ปีสาม...ที่ใครๆต่างก็พากันรู้จักและเรียกชื่อว่า....
    ‘สน’

     
                 แล้วยิ่งได้รู้ว่าบังเอิญได้อยู่กลุ่มเดียวกัน  ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก  เหมือนกับ...เป็นโชคชะตาที่นำพาให้คนที่รู้สึกถูกใจให้มาอยู่ใกล้ๆกัน


                 เธอได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันประชุมในแต่ละครั้ง  เพราะอยากจะพบหน้า  อยากจะพูดคุยด้วย   และทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน...หัวใจของเธอก็พลันล่องลอยราวกับ
    คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก  ทั้งตื่นเต้น...ทั้งดีใจ...ทั้งประหม่าสลับกันไป  


                 ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะเป็นคนไม่ค่อยพูดจาและเหมือนจะไม่ได้สนใจเธอมากมายนัก  แต่ท่าทางแบบนั้นแหละที่ทำให้ยิ่งรู้สึกประทับใจ   

                 เพราะเป็นสิ่งที่แตกต่าง...จากผู้ชาย ‘คนอื่น’

     

                 คนๆนี้...ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ...ร่างกายเหมือนจะหลอมละลายได้ในพริบตาเดียว...ถ้าเพียงแค่ถูกอีกฝ่าย...มองสบตา

     

                 แล้วยิ่งมีเหตุการณ์นั้น...เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน !!!
     
                 อุบัติเหตุที่ทำให้เราทั้งสองคน...เสมือนได้จูบกัน...ความรู้สึกที่ทั้งตกใจ ทั้งดีใจเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน  ตอนนั้นรู้เพียงแต่ว่า...ร่างของเธอสะท้านหวั่นไหวจน
    แทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  พลันรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นคนที่...โชคดีเหลือเกิน...ที่ได้รับจูบนั้น

     

                 หรือเป็นเพราะ...โชคชะตากลั่นแกล้งให้เธอ ‘หลงใหล’ คนๆนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
     


                 เฮ้อ...

     

                 หญิงสาวเอื้อมมือมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตนเบาๆพลางหายใจเข้าออกลึกๆ

     

                 นี่เรากำลัง...ตกหลุมรัก... ‘น้องสน’ เหรอ ?
     




    ************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×