คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : บทที่สี่สิบหก -- ไขปริศนา
บทที่สามสิบหก
“ ผม...แค่ ”
“ คิดถึงพี่สนมาก...แค่นั้นเองครับ ” เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
ชายแก่เห็นท่าทางเศร้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
เมื่อครู่...ที่เขาถูกขอร้องให้เล่าความจริงเกี่ยวกับคุณหนูต้นสนให้ฟังนั้น เขาก็พร้อมและยินดีที่จะทำ เพียงแต่ว่า...เขาแค่อยากมั่นใจในความรู้สึกของเด็กหนุ่มเท่านั้นเอง
คนที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดต่อหน้าเขา แล้วตอนนี้ก็พร่ำบอกว่า...คิดถึง...คุณหนูต้นสนนั้น คงจะไม่ใช่คนที่มีความรู้สึกต่อคุณหนูแบบธรรมดาทั่วไปแน่ๆ....
งั้นแสดงว่า...เป็นคนนี้เองเหรอ..???!!
ไม่น่าเชื่อ !!!
************************
...เมื่อหกวันก่อน...
ขณะที่เขากำลังนั่งเล่นเปียโนเก่าในบ้านหลังเล็กของตัวเองนั้น อยู่ดีๆคุณหนูต้นสนก็โผล่มาเยี่ยมเยือนหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันราวๆห้าหกปีเห็นจะได้
ฝ่ายนั้นโตเป็นหนุ่มขึ้นมากและดูหล่อเหลาจนแทบจะจำไม่ได้ แต่ที่เปลี่ยนไปนั้นไม่ใช่แค่ร่างกายที่เจริญเติบโตไปตามวัย หากแต่เป็น...สีหน้าและแววตา...นั้นต่างหาก
แววตาหม่นหมองของคนที่มีความทุกข์ในใจ...ตอนนี้ได้หายไปแล้ว อีกทั้งคุณหนูยังดูสดชื่นและมีความสุขกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว
“ ตาทอง...สบายดีมั้ยครับ ? ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามหลังจากนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าที่มีรอยขาดวิ่นประปราย
“ ตาสบายดี แล้วคุณหนูล่ะ ? โตเป็นหนุ่มจนตาจำเกือบไม่ได้ ” ชายแก่วางถ้วยชาให้กับชายหนุ่มตรงหน้า
“ ผมหล่อขึ้นใช่มั้ยล่ะครับ ? ” ฝ่ายนั้นยิ้มทะเล้น...รอยยิ้มนั้นทำให้เขารู้สึกเบาใจขึ้นมาก
“ ฮ่ะ ๆ ๆ คุณหนูของตา...ตอนไหนก็หล่อ ”
“ ตาทองก็ยังไม่เปลี่ยนเลยนะครับ ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย ”
“ ฮ่ะ ๆ ขอบใจ...ขอบใจ ”
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่บทสนทนาทักทายกันตามปกติธรรมดา แต่กลับทำให้เขารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต...ได้นึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า...
“ ว่าแต่...ตอนนี้คุณหนูเรียนหมออยู่ใช่มั้ย ? ”
“ ใช่ครับ...ผมเรียนปีสามแล้ว ”
“ เรียนยากหรือเปล่า ? ”
ชายหนุ่มเผยยิ้มบาง “ ก็ยากครับ...แต่ก็เรียนได้ ”
“ ใช่สิ ”
“ แล้วคุณหนูต้นไผ่ล่ะ ได้ข่าวว่าไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา...ใช่มั้ย ? ”
“ พี่ไผ่ไปเรียนที่ฝรั่งเศสได้สามปีแล้วครับ...ต่อเอก ‘ไวโอลิน’ ”
ชายแก่ยิ้มกว้าง
“ ฮ่ะ ๆ ตาว่าแล้ว...สุดท้ายก็หลงรักไวโอลิน”
“ ตอนที่คุณหนูต้นไผ่ไปต่อโรงเรียนดนตรีอยู่ที่กรุงเทพ พอกลับบ้านมาทีไรก็แวะมาที่นี่..มาเล่าให้ตาฟังใหญ่เลย...ว่าชอบเสียงไวโอลินอย่างนั้นอย่างนี้ ฮ่ะ ๆ เอาจริงเอาจังกับไวโอลินมากกว่าเปียโนจนได้สินะ ”
“ ครับ ” เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบาง
“ แล้ว...คุณหนูล่ะ ? ”
“ ............................ ”
เขาเริ่มเอ่ยถามอย่างช้าๆ
“ คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
“ ผมเหรอครับ ? ”
“ ใช่......เรื่องเปียโน ”
“ คุณหนูไม่อยากกลับไปเล่นอีกเหรอ ? ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าถามคำถามนี้ออกไปแน่นอน เพราะมั่นใจว่าคำตอบที่ได้คงจะเป็นการปฏิเสธด้วยท่าทีที่เย็นชาเหมือนเคย แต่ตอนนี้...เมื่อได้เห็นแววตาของอีกฝ่าย หัวใจของคนแก่อย่างเขากลับรู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
“ ผม... ”
ชายหนุ่มยิ้มบางเป็นคำตอบ เขาเห็นดังนั้นก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ที่อีกฝ่ายมาหาเขาถึงที่บ้านอย่างนี้แสดงว่าจะต้องเป็นข่าวดีจริงๆสินะ
“ ผมกำลังพยายามครับ ”
********************************
...ณ...ห้องพัก...
ชายชราและเด็กหนุ่มเคลื่อนย้ายออกมาจากห้อง แล้วนั่งลงบนโซฟาสีแดงตัวใหญ่ ร่างเพรียวเดินไปหาน้ำดื่มมาบริการราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง...และไม่นาน บทสนทนาก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“ หลาน...อยากถามตาเรื่องอะไรล่ะ ? ” ชายแก่เอ่ยถามช้าๆ
หลังจากที่เขาร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าคุณตา และเผลอพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป...ตอนนี้เขาจึงไม่กลัวที่จะถูกฝ่ายนั้นสงสัยอะไรอีกต่อไปแล้ว
เพราะว่า...เขาอยากรู้เรื่องราวของพี่สน...มากกว่าอะไรทั้งหมด
“ เอ่อ... ”
เมื่อพยายามคิดหาคำถามแรกอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดออกไป
“ คุณตา...รู้จักพี่สนมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอครับ ? ”
ชายชรายิ้มกลับมาอย่างอ่อนโยน
“ ใช่แล้วล่ะ อย่างที่บอก...ตาเป็นช่างประจำบ้าน ”
“ ก่อนที่พวกคุณหนูยังไม่เกิด ตามีโอกาสได้ทำงานรับใช้คุณผู้หญิง คอยดูแลปรับเสียงเปียโนแกรนด์หลังใหญ่ให้ และพอพวกคุณหนูเกิด ก็มีเปียโนอีกสองหลังเพิ่มขึ้นมาในบ้าน ก็เลยเป็นหน้าที่ประจำของตาไปโดยปริยาย ”
“ ถึงจะไม่ได้ไปทุกวัน แต่ตาก็จะคอยไปเช็คให้เดือนละสองครั้ง...จนกระทั่งคุณผู้หญิงกับพวกคุณหนูไปอยู่ต่างประเทศนั่นแหละ ตาถึงได้หยุดไป... ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ ไปอยู่ต่างประเทศเหรอครับ ? ”
“ ใช่...ถ้าจะให้เล่านี่เรื่องยาวเลยล่ะ ” ชายชรามองมาทางเด็กหนุ่ม
แต่เขาก็ยังคงมีสายตามุ่งมั่นรอฟังต่อ จนทำให้ชายแก่ถอนหายใจแล้วส่ายหัวน้อยๆ
“ งั้นตาจะเล่าตั้งแต่แรกเลยละกันนะ ”
เขาผงกหัวน้อยๆและได้แต่นึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ในใจ
ชายชราเล่าต่ออย่างช้าๆ
“ ยี่สิบกว่าปีก่อน...ช่วงที่คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายแต่งงานกันใหม่ๆ คุณผู้หญิงก็เป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงในประเทศพอสมควรแล้ว ตาเริ่มได้เข้ามารับใช้ท่านก็ตอนนี้แหละ ”
“ หลังจากนั้นไม่นาน...คุณผู้หญิงก็ได้ให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดทั้งสอง นั่นก็คือ...คุณหนูต้นไผ่และคุณหนูต้นสน ”
“ คุณผู้หญิงมีความตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกทั้งสองด้วยตัวเธอเอง เธอจึงตัดสินใจถอนตัวออกจากวงการโดยไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย ตรงนี้แหละ...เป็นสิ่งที่ตานับถือคุณผู้หญิงมาตลอด เพราะถึงแม้เธอว่าจะเป็นเพียงแค่สาวน้อยวัยละอ่อนที่พึ่งจะแต่งงาน...แต่เธอก็เป็นนักเปียโนที่กำลังโด่งดังและอนาคตไกล ”
“ แต่พอมีลูก...เธอก็กล้าที่จะหยุด และยอมทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกชายทั้งสองที่รักมากยิ่งกว่าชีวิต ”
“ คุณผู้หญิงเฝ้าเลี้ยงดูลูกชายอย่างทะนุถนอม ตรงกันข้ามกับคุณผู้ชายที่ยังคงทำงานหนัก...เพราะธุรกิจกำลังไปได้ดี จึงไม่ค่อยมีเวลาได้มาดูแลลูกสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณผู้หญิงย่อท้อ เพราะเธอก็ได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีต่อไปอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ”
“ พอพวกคุณหนูโตได้ประมาณสามขวบ คุณผู้หญิงก็เริ่มสอนทั้งคู่ให้เล่นเปียโน”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ” ชายชราหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงภาพในอดีต
“ ตอนนั้นตาจำได้ว่าเหมือนคุณผู้หญิงพยายามจับปูใส่กระด้งเลยล่ะ โดยเฉพาะ ‘แฝดพี่’ นี่ซนอย่างกับลิง แต่ถึงจะเล่นบ้างซนบ้างไปตามประสาเด็ก แต่ก็ถือว่ามีฝีมือทั้งคู่...ไม่เสียแรงที่มีแม่เป็นถึงนักเปียโน ”
“ และพอผ่านไปหลายปีก็เริ่มที่จะเห็นผลลัพธ์...คุณหนูต้นสนฝีมือพัฒนาไปเร็วมาก สำหรับตาแล้ว...ถือว่าได้เห็นเด็กที่มี ‘พรสวรรค์’ ทางด้านดนตรีอีกคนหนึ่งเลยล่ะ เพราะอายุแค่ 5 ขวบ คุณหนูก็สามารถกวาดรางวัลรายการใหญ่ได้แล้ว...นำหน้าพี่ชายไปไกลเลยทีเดียว ”
“ พี่สน...เก่งมากเลยเหรอครับ ? ” เขาถามออกไป
ชายชราพยักหน้ารับ
“ ใช่แล้วล่ะ...ได้เลือดอัจฉริยะของแม่มาเต็มๆ ”
“ นักเปียโนที่ไหวพริบดี...โสตประสาทดี...และ ‘ฉลาดที่จะเล่น’ น่ะหาได้ยาก แต่ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ยังมีข้อเสีย ”
“ ข้อเสียอะไรเหรอครับ ? ”
“ ข้อเสียของคุณหนูต้นสนมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น.....คือ..... ‘ขี้เกียจซ้อม’ ไปหน่อยเท่านั้นเอง ฮ่ะ ๆ ทั้งๆที่มันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่นักดนตรีทุกคนควรมีด้วยซ้ำ ”
พอได้ยินดังนั้นเขาก็ได้แต่ผงกหัวตามน้อยๆ...เพราะเรื่องความขี้เกียจของพี่สนนั้นเขาเองก็รู้ดีเช่นกัน
“ แล้ว...หลังจากนั้นล่ะครับ ? ”
ชายชราเริ่มเล่าอีกครั้ง
“ พอพวกคุณหนูอายุได้เจ็ดขวบ คุณผู้หญิงก็คิดว่าลูกทั้งสองโตพอแล้ว....จึงตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่วงการเปียโนอีกครั้ง ”
“ ช่วงที่เธอหยุดพักไปนั้น เธอไม่ได้ห่างหายจากการฝึกซ้อมเลยแม้แต่น้อย ทำให้เมื่อกลับมายืนบนเวทีของนักเปียโนมืออาชีพ ก็ทำให้เธอกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งได้อย่างง่ายดายและดูเหมือนว่าจะยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน...เธอก็ได้โลดแล่นบนเวทีระดับโลกอย่างที่ตั้งใจไว้ ”
“ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้กระมัง...ที่ทำให้คุณผู้หญิงตัดสินใจไปอยู่ที่ต่างประเทศ และไม่นาน...ก็พาลูกชายทั้งสองไปอยู่ด้วย ”
พอฟังมาถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกสงสัยทันที...ก็เพราะ คุณตาไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยน่ะสิ !!
“ แล้วพ่อพี่สนล่ะครับ ? ”
“ คุณผู้ชายน่ะเหรอ ? ”
“ ตารู้แต่ว่า...ท่านไม่ได้คัดค้านคุณผู้หญิงเลย ปล่อยให้เธอไปอยู่ต่างประเทศอย่างที่ต้องการ...แถมยังไม่มีการยื้อลูกชายทั้งสองไว้อีก ”
ทำไมพ่อพี่สนถึงกล้าปล่อยให้คนที่ตัวเองรักไปอยู่ไกลกันขนาดนั้น...แล้วยังเรื่องลูกชายอีก
พ่อพี่สน...กับแม่พี่สน...มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่านะ ??
“ แล้ว...ทำไม ? ไม่แบ่งลูกกันล่ะครับ ” อยู่ดีๆเขาก็นึกอยากถามเรื่องส่วนตัวขึ้นมา
“ เท่าที่ตารู้...คุณท่านทั้งสองไม่ได้เลิกรากันนะ ”
“ เหมือนกับ...ยินดีทั้งสองฝ่าย ”
ชายชราส่ายหัวน้อยๆ
“ เฮ้อ...เรื่องระหว่างคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงอย่ามาถามตาเลยนะ มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ตาก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ”
พอได้ฟังดังนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึก...ไม่เข้าใจ
แสดงว่า...ยอมแยกทางกันโดยดีงั้นเหรอ ? อะไรจะง่ายดายขนาดนั้น
แล้วแม่พี่สนไม่เสียใจเหรอ ?...แล้วพี่สนกับพี่ไผ่ล่ะ ?
“ แล้ว...หลังจากนั้นล่ะครับ ? ”
“ พอไปอยู่ต่างประเทศได้ 5 ปี... ”
ชายชราถอนหายใจหนัก
“ ...คุณผู้หญิงก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ”
ได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกหดหู่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่เขาพึ่งจะได้รู้จักตัวตนของแม่พี่สนจากคำบอกเล่าของคุณตาแค่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่กลับรู้สึกราวกับว่าฝ่ายนั้นกำลังมีชีวิตอยู่จริง...และตอนนี้...ก็ได้ทราบข่าวว่าเธอเสียชีวิตแล้ว
“ อุบัติเหตุ...อะไรเหรอครับ ? ”
“ รถยนต์พลิกคว่ำ ”
ชายชราทำหน้าสลดขึ้นมาทันที
“ แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้นหรอกนะ ”
“ ทำไมเหรอครับ ? ”
“ เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก ”
“ พอทราบข่าวว่าคุณแม่เสียชีวิต...คุณหนูทั้งสองก็เสียใจมาก มากเสียจน...กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยล่ะ วันที่ต้องกลับมาประเทศไทย...ทั้งคู่ดูหมองเศร้าน่าสงสารมาก ตาเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจแทน ”
“ พอจัดการเรื่องงานศพเสร็จเรียบร้อย...หลังจากนั้นก็ต้องมาอยู่บ้านหลังใหญ่กันแค่สองคนพี่น้อง เฮ้อ...แม่ก็มาเสีย พ่อก็ยังไม่ค่อยใส่ใจอีก...ถึงจะมีคนใช้อยู่เต็มบ้านแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ”
“ ตาเห็นพวกคุณหนูเศร้าแล้วก็รู้สึกใจจะขาดตาม...โดยเฉพาะ... ”
“ คุณหนูต้นสน...น่ะสิ ”
“ พี่สน...เป็นอะไรเหรอครับ ? ” เขาตั้งใจรอฟังจนแทบจะกลั้นหายใจ
“ ยังดีที่แฝดคนพี่เป็นคนเข้มแข็ง...พอเวลาผ่านไปก็เริ่มทำใจได้ แต่ ‘แฝดคนน้อง’ เนี่ยสิ... ”
“ เพราะตั้งแต่นั้นมา...ก็ไม่เคยแตะต้องเปียโนอีกเลย !! ”
ชายชราถอนหายใจยาว
“ มีอยู่ครั้งหนึ่ง...ตาเห็นคุณหนูต้นสนนั่งมองเปียโนหลังใหญ่ที่คุณผู้หญิงเคยเล่นให้ฟังอยู่เป็นประจำ ”
“ คุณหนูนั่งมองจากที่ไกลๆด้วยสายตาเจ็บปวด....น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง...แต่กลับ....ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ”
“ และหลังจากนั้น ”
“ ตาก็ไม่เคยเห็นคุณหนูร้องไห้อีกเลย ”
************************
...หกวันก่อน...
“ ตาทองครับ ? ” ชายหนุ่มหันกลับมาหา เมื่อเขากำลังพยายามปิดประตูบ้านเพื่อจะเดินไปส่งอีกฝ่ายให้ถึงรถสีขาวคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล
ฝ่ายนั้นเดินทางมาหาเขาถึงที่บ้าน...และได้บอกข่าวดีที่สุดให้เขาได้รับรู้ ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินเพื่อไปหาพี่ชายที่ฝรั่งเศส
ข่าวดีนั้นก็คือ...คุณหนูต้นสนจะกลับมาเล่นเปียโนอีกครั้ง...
เขารู้สึกดีใจ...ดีใจจริงๆ
“ อะไรเหรอครับคุณหนู ? ”
ชายหนุ่มโผเข้ามาสวมกอดเขาไว้เบาๆ ร่างสูงใหญ่นั้นคลุมร่างของเขาจนเกือบมิด
“ ขอบคุณ...ตาทองมากนะครับ ”
ได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกตื้นตันใจเสียจนคนแก่อย่างเขาต้องน้ำตาซึมออกมา
“ คุณหนู... ”
ฝ่ายนั้นผละกอดแล้วเผยรอยยิ้มกว้าง
“ แล้วผม...จะกลับมาเล่นเปียโนให้ตาทองฟังนะครับ ”
เขาผงกหัวยิ้มรับด้วยความปิติ และหัวใจของเขาเต็มตื้นจนน้ำตาแทบไหล
“ ครับคุณหนู ”
แล้วเขาก็เดินมาส่งคุณหนูต้นสนจนถึงรถ แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะปิดประตู...ทันใดนั้น...อีกฝ่ายก็ร้องเรียกเขาเสียงดังจนทำให้ตกใจ
“ ตาทองครับ !? ”
“ ตาตกใจหมดเลยลูก...มีอะไรเหรอ ? ”
อีกฝ่ายยิ้มแบบเด็กๆ
“ ฮ่ะ ๆ ตาทองรู้ไหมว่า ?? ”
“ ผมเจอคนที่...ชอบ ‘โชแปง’ ...เหมือนคุณแม่ด้วย ”
“ จริงเหรอครับ ”
ร่างสูงยิ้มกว้างจนตาหยี
“ ใช่ครับ...เขา ‘น่ารัก’ มากๆเลย...เดี๋ยววันหลังจะพามาแนะนำให้รู้จักนะ ”
ชายชรายิ้มขันในท่าทีของชายหนุ่มตรงหน้า
“ แสดงว่าคนนี้...ต้องเป็น ‘คนสำคัญ’ ของคุณหนู...ใช่มั้ยครับ ? ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ” ชายหนุ่มยิ้มแบบเขินๆ
“ ตาทองรู้ทันผมอีกแล้ว...งั้นผมไปดีกว่า ” ชายหนุ่มปิดประตูรถทันที
“ ลาก่อนครับคุณหนู...เดินทางให้ปลอดภัยนะครับ ”
“ ลาก่อนครับ ”
แล้วรถยนต์สีขาวก็เคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ...เขาได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายจนลับสายตา
....คุณหนูต้นสน...
....ตาดีใจ....ที่คุณหนูมีความสุขนะครับ....
*************************************
ความคิดเห็น