ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ห้า -- my first kiss !!!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.58K
      35
      29 ก.ค. 52

    บทที่ห้า
     


                     บรรยากาศที่หน้าเวทียังคึกคักไม่เปลี่ยน ด้วยการสร้างสีสันความสนุกจากพิธีกรคู่ทั้งสองคน ที่ยังคงพูดรับส่งกันเป็นอย่างดี ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ
     
                   “ ครับ....ในปีนี้ก็เหมือนเคย  เราจะคัดเลือกน้องปีหนึ่งมาทั้งหมด 6 คน เป็นฝ่ายหญิง 3 คน และฝ่ายชาย 3 คน  โดยทั้งหมดเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อและถูกโหวตจากเพื่อนๆพี่ๆมากที่สุดครับ ”
     
                   “ แต่......ถ้าจะพูดให้สวยหรูก็คือ...ใครถูกตาต้องใจรุ่นพี่  จะได้รับการเสนอชื่อครับ ”

                    “ ฮ่า ๆ ๆ อย่าบอกคนอื่นสิคะ  ว่าการคัดเลือกของเรามีมาตรฐานแค่ไหน...อันที่จริงเราไม่มีโหว่ง ไม่มีโหวตอะไรนั่นหรอกค่ะ   แค่เราอยากเห็นน้องคนไหนขึ้นมาแสดง  เราก็เลือก..แค่นั้นแหละค่ะ ”

                   “ แน่นอนครับ  เพราะการประกวดในค่ำคืนนี้เป็นการประกวดเพื่อความสนุกสนานของรุ่นพี่เท่านั้นเองครับ ฮ่าๆ ๆ”

                  “ ดิฉันว่า..เราอย่าเผยความจริงมากไปกว่านี้เลยนะคะ ”
     
                 “  ได้ครับ....งั้นมาต่อกันเลยนะครับ ”


                  “  ซึ่งผู้ที่ได้รับการคัดเลือก จะต้องมาแสดงความสามารถพิเศษ บนเวทีนี้กัน โดยที่พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลย  พึ่งจะมารู้ก่อนเราประมาณ 10 นาทีนี่แหละครับ เป็นการทดสอบไหวพริบกันสุดๆเลยทีเดียว ”

                      “ สำหรับใครที่เล็งเพื่อน หรือ น้องคนไหนไว้ในใจแล้วล่ะก็เตรียมลุ้นไว้ได้เลยนะคะ.....ว่าแต่ว่า    คุณโอ้เอ้ เล็งน้องคนไหนไว้เหรอคะ ? ”


                      “ น้องผู้ชาย หรือ น้องผู้หญิง ล่ะครับ ”

                     “ แหม.....พึ่งรู้ว่า หญิงก็ได้  ชายก็ดี นะคะเนี่ย ”

                     “ นิดๆหน่อยๆ พอเป็น กระษัยน่ะครับ ”

                     “ ฮ่ะ ๆ ๆ    ผมว่า เรารีบประกาศรายชื่อน้องกันเลยดีกว่านะครับ  เดี๋ยวจะ โอ้เอ้ สมชื่อ ”

                    “ ได้ค่ะได้......และตอนนี้นะคะ....รายชื่อน้องทั้งหมด 6 คน  อยู่ในมือดิฉันแล้วค่ะ ” พิธีกรหญิงพูดพร้อมกับชูมือข้างที่ถือกระดาษขาวขึ้น

                    “ งั้น..ขอเริ่มที่ชื่อแรกกันเลยดีกว่านะคะ ”


                    หลังจากพิธีกรเงียบเสียง ผู้คนด้านล่างก็พากันส่งเสียงเรียกชื่อคนที่ตนหมายไว้ในใจอย่างสนั่นหวั่นไหว

                    “ คนแรกจะขอประกาศชื่อฝ่ายชายก่อนนะคะ ”


                   “ คนแรก คือ ... น้องภัทร 143 ค่ะ ! ”


                   เมื่อสิ้นเสียงพิธีกรที่ประกาศชื่อและสายรหัสของน้องผู้ถูกเลือกแล้ว  ผู้ชมด้านล่างต่างส่งเสียงเชียร์กึกก้อง บ้างก็ปรบมือดังๆ เมื่อผู้ที่ถูกเรียกชื่อเดินขึ้นไปบนเวที  นั่นยิ่งทำให้ ณัฐ ซึ่งอยู่หลังเวที ถึงกับใจเต้นระทึกจนแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกได้เลยทีเดียว  ผ่านไปคนแล้วคนเล่า และก็เหลือ ..เขา.. เป็นคนสุดท้าย


                      “ ค่ะ..และก็มาถึงคนสุดท้ายแล้วนะคะ ”

                      “ สำหรับคนๆนี้ เขาเป็นขวัญใจของใครหลายคนเลยก็ว่าได้ค่ะ ”

                     “ และคนสุดท้ายที่ได้รับการเสนอชื่อคือ......

                       “ น้องณัฐ 50 ค่ะ ”


                         เมื่อได้ยินการขานชื่อ  ณัฐภัทรเดินออกมาจากด้านหลังและขึ้นไปบนเวที เพื่อไปสมทบกับเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหน้า  เหมือนกับภาพที่เขาจินตนาการเมื่อตอนนั่งอยู่ด้านหลังไม่ผิดเพี้ยน เพียงแต่มันชัดเจนกว่าเดิมมากแค่นั้นเอง   ตอนนี้ทุกสายตาต่างจดจ้องมาที่เขา ทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นพี่ที่คุ้นหน้าและไม่คุ้นหน้าผสมปนเปกัน

                         รู้สึกประหม่าจัง...



                     “ ครับ..และต่อไป  จะเป็นการแสดงความสามารถพิเศษแบบโชว์เดี่ยว  ของแต่ละคนกันเลยนะครับ ”

                    “ โดยเราจะให้น้องๆเลือกสลากที่อยู่ในมือพี่มาคนละหนึ่งใบค่ะ ”

                    “ ซึ่งในสลาก จะมีหมายเลขกำกับไว้ และนั่นก็คือ อันดับที่จะได้แสดง ค่ะ ”

                   “ น่าตื่นเต้นจังเลยนะครับ คุณอ้อแอ้ ”

                   “ ดิฉันก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ ”

                   “ ตื่นเต้นแทนน้องๆทั้ง 6 คนเหรอครับ ”

                  “ ป่าวค่ะ..ตื่นเต้นที่จะได้แอบจับมือน้องผู้ชายตอนที่หยิบสลากน่ะค่ะ ”

                  “ เอ่อ..เก็บอาการนิดนึง นะครับพี่อ้อแอ้ ” พิธีกรชายพูดทำท่ากระซิบ

                  “ แหม..พูดเล่นนิดหน่อยน่ะค่ะ พี่โอ้เอ้  ”

                  “ งั้นให้คนแรก จับก่อนเลยละกันนะคะ ” 

                   รุ่นพี่ผู้หญิงยื่นสลากมาให้หยิบจนครบคน และอ่าน ให้ผู้ชมฟัง


                   ฝ้ายได้อันดับหนึ่ง   เอกได้อันดับสอง   กอหญ้าได้อันดับสาม   ภัทรได้อันดับสี่   แก้มได้อันดับที่ห้า  และอีกเช่นเคย....ณัฐ...เป็นคนสุดท้าย


                    การแสดงแรกเป็นของ ‘ฝ้าย’  เธอเลือกการร้องเพลง โดยที่ไม่มีเสียงดนตรีประกอบ

                    เขาพึ่งรู้ตอนนี้เองว่าฝ้ายมีเสียงที่ไพเราะมาก  จนถึงขนาดที่ว่าทำให้เขาขนลุกเกรียวเลยทีเดียว   และเมื่อการแสดงจบลง  ผู้คนต่างพากันปรบมือกันยกใหญ่  เขารู้สึกว่า 5 นาที ยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับการแสดงของเธอ
     

                     ส่วน ‘เอก’  มาในคราบของศิลปินตลก นั่นคือ การเล่าเรื่องตลกชวนขำขัน...มีคนหัวเราะให้บ้างเป็นบางเวลา แต่ว่าถ้าถามเขาแล้ว เขาคิดว่า...นั่นไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าใดนัก 
     

                    ‘กอหญ้า’  เลือกที่จะร้องเพลงเช่นเดียวกัน  แต่ถ้าจะเทียบแล้ว  ยังดูด้อยกว่าฝ้ายมาก
     

                    ‘ภัทร’  คนที่ได้รับเสียงกรี๊ดมากที่สุดของค่ำคืนนี้   แสดงความสามารถพิเศษด้วยการเล่น ‘กีตาร์อคูสติก’ ในเพลงที่อบอุ่น ฟังสบาย ทำให้ผู้ชมเคลิบเคลิ้มไปตามๆกัน  โดยเฉพาะกลุ่มสาวๆด้านหน้า  คาดว่าเมื่อผ่านพ้นคืนนี้ไป ภัทรคงจะมีแฟนคลับเพิ่มมาไม่น้อยเลยทีเดียว
     

                    ส่วน ‘แก้ม’ สาวสวย บุคลิกมาดมั่น ที่โชว์ลีลาการเต้นได้อย่างยอดเยี่ยม  โดยแก้มเลือกที่จะเต้นประกอบเพลงสากลเพลงดังแบบฟรีสไตล์  ซึ่งท่าแต่ละท่าของเธอนั้นก็พริ้วไหวราวกับนักเต้นมืออาชีพ   เมื่อการแสดงจบลงผู้ชมต่างลุกขึ้นปรบมือกันอย่างเสียงดังและยาวนานกว่าที่เคย
     

                      ผ่านไปแล้วทั้งห้าคน....ซึ่งแต่ละคนก็ทำได้ดีทั้งนั้น
     
                     ทำได้ดีกันหมดเลย..
     
                    เหลือเขาเพียงคนเดียวแล้วสินะ
     

                     ตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน
                      ..............
                      ..............
     



                    ....แต่ช่างเถอะ.....แค่ไปทำให้มันจบๆก็พอ....

      


      ****************




                      เมื่อรายชื่อถูกประกาศ ณัฐภัทรก้าวขึ้นเวทีด้วยความตื่นกลัวเล็กน้อย เขาก้าวขึ้นไปยืนด้านข้างพิธีกรทันที   ขณะนี้เขายืนอยู่กลางเวที  ท่ามกลางแสงไฟทางด้านหน้าที่ส่องเข้ามาจนแสบตาไปหมด เสียงผู้ชมที่ให้การต้อนรับยังไม่ขาดสาย ตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายเขาจะสั่นสะท้านน้อยๆด้วยซ้ำ   และได้แต่ปลอบใจตัวเองเบาๆว่า  อย่าไปกลัว...
     

                      เมื่อสิ้นเสียงจากผู้ชม พิธีกรก็เริ่มถาม

                     “ วันนี้ น้องณัฐ จะมาโชว์ความสามารถอะไรเหรอคะ ? ”
     

                       “ เอ่อ....วาดภาพครับ ”
     

                      พิธีกรหญิงแกล้งทำหน้าประหลาดใจ เขาคาดว่าเธอคงจะรู้จากสคริปต์มาก่อนแล้วว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน จะทำการแสดงอะไรบ้าง 
     

                     “ ว้าว...จะมาโชว์การวาดภาพบนเวทีนี้เลยเหรอคะ ?  ออกจะเป็นการแสดงที่ แตกต่างไปสักหน่อยนะคะ ”
     
                     เขาได้แต่พยักหน้าหงึกๆตามคำพูดนั้น เพราะไม่รู้จะทำอะไรไปมากกว่านี้แล้ว
     
                   “ งั้น....น้องณัฐ  พร้อมหรือยังครับ ? ”
     


                      อุปกรณ์ต่างๆ  ทั้งเฟรมวาดภาพพร้อมกระดาษ  ดินสอ และเก้าอี้สองตัวได้ถูกนำมาบนเวทีอย่างรวดเร็ว
     ดูจากการเตรียมเก้าอี้ถึงสองตัวนี้คงจะหมายถึง คนนั่งสองคน...สินะ  คนหนึ่งเป็นคนวาด  และอีกคนควรจะเป็น ‘แบบให้วาด’
     
                      ถ้างั้น....สิ่งที่เป็นโจทย์ในคืนนี้คงจะหนีไม่พ้น....การวาดรูปคน
     
                      ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยถนัดการวาดรูปคนสักเท่าไหร่...แต่ใช่ว่าจะไม่เคยวาด  มันคงไม่ออกมาเลวร้ายเกินไปหรอกมั้ง ?  เขาได้แต่คิดอย่างนั้น
     
                     “ พร้อมครับ ”
     

                     “ ค่ะ...พอดีว่าเรามีคนๆหนึ่ง ที่จะมาเป็นแบบให้น้องณัฐได้วาดในค่ำคืนนี้ด้วยนะคะ ”
     

                    “ น้องณัฐ และคุณผู้ชมคงจะอยากรู้ว่าเป็นใคร.......ใช่มั้ยคะ ? ” พิธีกรถามเสียงใส
     
                   
                     ผู้ชมด้านล่างตะโกนร้องฮือฮา บ้างก็ชี้นิ้วเข้าตัวเอง เพราะอยากเป็นแบบวาดภาพให้กับจิตรกรจำเป็นอย่างเขา
     
                   “ งั้นเราเชิญเขามาเลยดีไหมครับ ? ”
     

                    “ ได้ค่ะ...ถ้าอย่างนั้น  ขอเชิญ ‘พี่สน’ บนเวทีด้วยค่ะ ”
     

                    ทันใดนั้นทั้งเสียงปรบมือ และเสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นกึกก้องทั้งห้องโถงใหญ่ !
     
                     ชายหนุ่มร่างสูงเดินขึ้นมาบนเวทีอย่างมาดมั่น ยิ้มให้พิธีกรและผู้ชมทางด้านล่างอย่างทั่วถึง ก่อนที่จะมานั่งเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาทันที
     
                     พี่สน !!

                     ...อีกแล้วเหรอ ?  ทำไมต้องเป็นพี่สนด้วยล่ะ 
     


                      “ ทุกท่านไม่ต้องแปลกใจไปนะคะ คือความจริงแล้ว สนเค้าก็เป็นหนึ่งในสตาฟครั้งนี้เหมือนกัน พอดีเจ้าตัวอาสาที่จะมาเป็นแบบในครั้งนี้เอง  เราก็เลย โป๊ะเชะ ! ยิ่งดีใหญ่  เพราะจะได้ไม่ต้องหาคนอื่นให้ยากเลยค่ะ ”
     
                      
                      “ ความจริงนี่คือ ขี้เกียจหาใช่มั้ยครับ ? ” พิธีกรหนุ่มเอ่ยแซว
     
                     “ แหะๆ  อย่าพูดดังไปสิคะ ”
     


                       ขณะนั้น........ณัฐภัทรเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า   
                
                      พี่สนจะมาเป็นแบบให้เขาวาดงั้นเหรอ ?  

                      แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมายังคุยแปลกๆกับเขาอยู่เลย



                      จำเขาได้หรือเปล่านะ ?? 
         
                      เขาควรจะทักทายดีหรือเปล่า


                      ควรจะยิ้มให้แล้วบอกว่า...‘อ้าวพี่  เราพึ่งเจอกันเมื่อกี้นี้เอง จำผมได้ป่าวครับ’หรือว่า  ทำหน้าเซ็งแล้วพูดว่า ‘พี่อีกแล้วเหรอเนี่ย...ให้ตายสิ ’

                      แต่เมื่อกี้....  ‘ยืนนิ่งเป็นต้นไม้ตาย’บ้างล่ะ.....ติดอันดับของ‘สาวสวย’บ้างล่ะ.....ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันแท้ๆ   แถมพอพูดเสร็จยังเดินหนีออกมาหน้าตาเฉยอีกต่างหาก

                      ตอนนี้เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะวางตัวกับรุ่นพี่คนนี้ยังไงดี   จะบอกว่า รู้จักก็ไม่ใช่   แต่ว่า ....   ไม่เคยคุยกันเลย ก็ไม่ใช่อีก 

                      เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะ ‘นั่งนิ่งเฉย’ ไม่ทักทาย...ย่อมดีที่สุด !
     


                      แต่...

                      คนๆนี้...

                      อาสาที่จะมาเป็นแบบเองเลยเหรอ...?      หรือว่า...


                     .....อยากทดสอบความสามารถของเขางั้นเหรอ ? ......



                     ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆล่ะก็....

                     ได้....เดี๋ยวก็รู้...

       *****************




                       ขณะนั้น ‘สน’ ที่นั่งอยู่    เห็นคนตรงหน้าเอาแต่ยิ้มเล็กยิ้มน้อย  ก็รู้สึก ‘วาบหวาม’ ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก  ทำหน้าเฉยๆก็ว่าสวยดีแล้วนะ  แต่พอยิ้มแล้วกลับรู้สึกว่าน่ารักเสียมากกว่า 


                      ทำไมคนตรงหน้านี้ถึงอยู่ในร่างของผู้ชายได้นะ ?
     

                     ‘ทั้งๆที่น่ารักมากขนาดนี้...’


                      ถ้าเป็นผู้หญิง เขาคงรุกจีบไปตั้งนานแล้ว และมั่นใจด้วยว่าไม่มีทางที่จะโดนปฏิเสธ

                      แต่ดูตอนนี้สิ ! ตั้งแต่เขาเดินขึ้นมาบนเวที ฝ่ายนั้นไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ  เอาแต่จ้องกระดาษอยู่ท่าเดียว   เขาอุตส่าห์อาสามาเป็นแบบวาดให้  เพราะอยากจะเห็นภาพที่รุ่นน้องคนนี้วาด

                     ภาพ ‘เขา’ เอง  ที่ผ่านลายมือของคนตรงหน้านี้

                     แต่ตอนนี้ จิตรกรจำเป็น ผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ  นี่ตั้งใจจะวาดจริงหรือเปล่า ?!


                      และทันใดนั้น พิธีกรชายก็เป่านกหวีดเสียงดัง  เพื่อเป็นสัญญาณว่า บัดนี้ได้เริ่มต้นการจับเวลาแล้ว



                     ณัฐภัทร เหลือบตาขึ้นมามองใบหน้าของอีกฝ่าย  พยายามพิจารณาโครงหน้านั้นอย่างถี่ถ้วน เขาสามารถจดจำทุกรายละเอียดได้อย่างรวดเร็ว  และเริ่มลงลายดินสอแต่ละเส้นอย่างคล่องแคล่ว

                    “ อย่าให้พี่ปากเบี้ยว หรือ ตาเข ล่ะ ” เสียงทุ้มด้านหน้าเอ่ยขึ้น
     
                   ณัฐหันมาสบตาร่างสูงเล็กน้อย และยิ้มให้หนึ่งที พร้อมกับคิดในใจ  
            
                   ‘หึ...อย่าตะลึงทีหลังแล้วกัน!’ 



                    โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า...   รอยยิ้มนั้น....ทำให้ร่างสูงสะท้านใจอยู่ไม่น้อย...
     


                     หลังจากเวลาผ่านพ้นไปจนครบห้านาที  เสียงนกหวีดตัวเดิมก็ดังขึ้น
     
                    ‘ปรี๊ดดดดดดดดดด’
     


                     ณัฐภัทรละมือจากกระดาษตรงหน้า  แล้วมองผลงานของตัวเองโดยรวมอีกครั้ง
     
                     อืมม...ก็โอเค
                     
                     ถึงแม้  เขาคิดว่าสามารถวาดได้ดีกว่านี้ก็เถอะ แต่ทำไงได้...เวลาน้อยเกินไป 
     


                     เมื่อสิ้นเสียงนกหวีด  พิธีกรทั้งคู่ก็เดินออกมาหยิบผลงานภาพวาดของผู้เข้าแข่งขันคนที่ห้าไปพิจารณา แล้วก็ต้องตะลึงงัน

                      “ ว้าวววว........ !!  ”  พิธีกรหญิงอุทานเสียงดัง

                     “ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าเวลาที่น้อยเพียงแค่ห้านาที  น้องณัฐจะสามารถวาดภาพ ‘สน’ ออกมาได้เหมือนขนาดนี้ ”   
          
                     “ เหมือนมากเลยนะครับเนี่ย  ท่านผู้ชมดูสิครับ ” พิธีกรชายหยิบกระดาษชูขึ้นเพื่อให้ผู้ชมทางด้านหน้าดู
     
                     ผู้คนพากันฮือฮากันยกใหญ่  บ้างก็ทำตาโตแล้วหันมามองเขา  บ้างก็เอ่ยชมเสียงดัง  
                    
                     ณัฐยิ้มออกมาในที่สุด นั่นไม่ใช่เพราะคำชม...แต่เป็นเพราะว่า  ทุกอย่างกำลังจะจบลงต่างหาก...
     
     

                      ในที่สุด...ในที่สุดก็เสร็จสิ้นแล้ว  
     

                      จบเสียที  สำหรับค่ำคืนนี้   ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง เขาก็ไม่สนใจแล้ว...
     
     


                                                                                             *****************





                        เมื่อแข่งขันจนครบทุกคนก็ถึงคราวประกาศรางวัล  ผู้เข้าแข่งขันทั้งหกคนออกมายืนเรียงแถวที่หน้าเวที โดยถูกพิธีกรขนาบทั้งสองข้าง  
     

                        ถ้าตามที่ณัฐคาดไว้   ผู้ที่น่าจะได้ตำแหน่งไปครองนั้น ฝ่ายหญิงน่าจะเป็น ‘แก้ม’  ส่วนฝ่ายชาย  คิดว่าน่าจะเป็น ‘ภัทร’  เพราะทั้งคู่เป็นคนที่ได้รับเสียงเชียร์และเสียงปรบมือจากฝูงชนมากที่สุด   จากบุคลิกที่สวยและมั่นใจของแก้ม  และความอบอุ่นดูมีเสน่ห์กับการเล่นกีตาร์โปร่งของภัทร  บวกกับการแสดงที่ดึงดูดผู้ชมได้อยู่หมัด   ดังนั้นตำแหน่ง ‘หนุ่มหล่อ-สาวสวย’ ในค่ำคืนนี้  คงจะไม่พ้นสองคนนี้เป็นแน่
     
                        และแล้วก็เป็นจริงดังที่คาดหมาย .... ทั้งคู่ได้รับตำแหน่งนั้นมาครอง...ท่ามกลางความยินดีปรีดาจากทั้งรุ่นพี่และผองเพื่อน
     
                       ส่วนเขานั้นไม่แปลกใจเลยสักนิด  ซ้ำยังรู้สึกดีอีกด้วย...เพราะเขากำลังจะได้ลงจากเวทีแล้ว
     

        
                       เมื่อเสร็จสิ้นพิธีมอบตำแหน่งและทุกคนต่างแยกย้ายกันไป   ณัฐภัทรจึงเดินอย่างรีบเร่งมาหาเพื่อนทั้งสองที่มุมหนึ่งของห้องทันที
     
                     
                      “ ณัฐ...สุดยอดไปเลย ! ” เพื่อนตัวเล็กรีบกล่าวชม เมื่อเขาเดินไปถึง   ตรงข้ามกับไอ้จัมโบ้ที่เอาแต่พยายามชะเง้อคอเพื่อมองอะไรสักอย่าง
     
                      “ สุดยอดอะไรกันแพร...อยู่ข้างบนนั่น เกือบเป็นบ้าไปเลยรู้มั้ย ? ตื่นเต้นจะตาย ”
     
                     
                     “ ก็สุดยอดที่ณัฐได้วาดภาพ‘พี่สน’น่ะสิ  แพรนี่เกือบเป็นลมไปเลยนะรู้ไหม  เมื่อตอนที่รู้ว่าพี่สนอาสาเป็นแบบให้ณัฐวาดน่ะ  โชคดีจริงๆเลย ”
     
                     “ โหยย..ไอ้เรานี่ก็นึกว่า  จะชมกัน  ที่ไหนได้.....” ณัฐพูดเหน็บ  พอเขาอยู่กับสองคนนี้นานๆเข้า    ก็รู้สึกว่าชักจะปากกล้าขึ้นมาบ้าง
     


                    “  ไม่จริงๆ ๆ  แพรกำลังจะชมณัฐต่อจากนี้ต่างหาก ”

                     “  ณัฐทำได้ดีมากๆๆ เลยนะ  แพรยังรู้สึกว่าณัฐเท้..เท่   ตอนที่กำลังนั่งวาดนะ  ณัฐเหมือนจิตรกรจริงๆเลยล่ะ แล้วยิ่งได้เห็นภาพที่วาดนะ แพรล่ะยิ่งทึ่ง ! ”
                    “ รู้แต่ว่าณัฐชอบวาดรูป  แต่ไม่นึกว่าจะวาดได้ดีขนาดนี้นะเนี่ย ” แพรเอ่ยชมเสียยกใหญ่
     

                    “ โอเคๆ....สุดยอด  ก็สุดยอด ”  เขาขอยอมแพ้ละกัน  เพราะไม่อยากจะพูดให้มากความ 

                     “ ว่าแต่..”  เขาแปลกใจกับพฤติกรรมสุดแปลกของเพื่อนตัวอ้วนในตอนนี้


                     “ แกมองหาอะไรวะ ไอ้โบ้ ”

                     จัมโบ้รีบชักสายตากลับทันที...  “ เปล่าสักหน่อย ” แล้วพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ



                    ณัฐชักจะสงสัยกับท่าทีของเพื่อน...

                  “ เออ...ฉันว่า  มันไม่ยุติธรรมเลยว่ะ ” จัมโบ้รีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา

                   “ ไม่ยุติธรรมอะไรเหรอ ? ”  แพรสงสัยบ้าง

                  “ ก็.....เห็นอยู่ชัดๆว่าณัฐทำได้ดีกว่า ไอ้ภัทร อีก  แล้วทำไม มันถึงได้ไปวะ ? ”

                   นึกว่าเรื่องอะไร...ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง  สำหรับเขาแล้ว  ไม่มีข้อกังขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว

                 “ ภัทรมันก็ออกจะเล่นเก่ง  แกไม่เห็นเหรอ  สาวๆกรี๊ดมันออกจะเยอะ ” ณัฐพูดแย้ง

                  “ แกเหมาะสมมากกว่ามันอีก ” เจ้าจัมโบ้พูดด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

                   เฮ้อ...เขาไม่อยากจะเถียงเพื่อนต่อให้มากความ  เพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน อยากพักผ่อนเต็มที

                 
                   “ กลับกันเถอะ  เหนื่อยชะมัดเลย ” ณัฐพูดปิดประเด็น

                  “ โอเค  งั้นเดี๋ยวแพรไปส่งละกันนะ ”





                    เมื่อเริ่มก้าวขากำลังจะพ้นจากห้องโถงใหญ่ เขาก็นึกอะไรออก


                    ภาพวาด !!





                     ทันทีที่วาดเสร็จ  เขาตั้งใจไว้ว่าอยากจะเก็บภาพนี้กลับไปด้วย เพราะเป็นผลงานที่เขารู้สึกภูมิใจนิดๆ    ทั้งใช้เวลาวาดน้อย   ทั้งเป็นภาพที่นั่งวาดในงานประกวด   ภาพนี้มีความทรงจำหลายอย่างที่ถูกบันทึกเอาไว้ เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากเก็บมันไว้เป็นผลงานของตัวเองอีกหนึ่งชิ้น

                     ทั้งๆที่ตั้งใจแต่ทีแรกแล้วว่าเมื่องานเลิกจะรีบไปขอคืนจากรุ่นพี่สตาฟแท้ๆแต่ดันลืม  แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่า  ใครที่เก็บภาพนั้นไปจะเอาไปทิ้งที่ไหนแล้วรึเปล่า


                    “ งั้น...ทั้งสองคนรอด้านล่างละกันนะ  เดี๋ยวตามลงไป ” ณัฐพูดเสร็จแล้วรีบวิ่งกลับหลังไปทางด้านข้างเวทีทันที


                   
                     ...ขออย่าให้หายเลยนะ...




                     บริเวณเวทีนั้น ยังคงมีรุ่นพี่สตาฟหลายคนที่กำลังพยายามเก็บกวาดทำความสะอาดเวทีให้เรียบร้อย  ณัฐเดินตรงไปถามรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที


                     “ เอ่อ...พี่ครับ ” 

                    “ ไม่ทราบว่าพี่เห็นรูป ที่ เอ่อ...ผมวาดได้มั้ยครับ ? ”  เขาพยายามอธิบาย


                   “ อ๋อ...รูปไอ้สน  ที่น้องวาดตอนแข่งน่ะเหรอ ? ”

                   ณัฐพยักหน้าหงึกๆอย่างรวดเร็ว พลางทำตาโตรอฟังคำตอบ


                   “ อืมม...เหมือนจะเห็นแว้บ ๆนะ ”  รุ่นพี่ทำท่านึกอยู่นาน


                    ...อย่าบอกนะว่าทิ้งไปแล้ว...

                  “ พี่ไม่แน่ใจอ่ะ  น้องลองเดินไปดูที่ห้องหลังเวทีดูละกัน  เผื่อจะวางที่ไหนสักที่ ” รุ่นพี่บอกพลางชี้นิ้วไปยังทิศด้านหลังเวที

                  “ ขอบคุณครับพี่ ”




                    ณัฐมุ่งตรงไปยังห้องด้านหลังเวทีทันที  ห้องนี้เป็นห้องที่เขามานั่งรอ ก่อนที่จะขึ้นเวทีเพื่อไปประกวด  ความรู้สึกก่อนเข้าห้องในตอนนั้นกับตอนนี้ มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ตอนนั้นในหัวสมองเขาหนักอึ้งราวกับแบกของหนักไว้  แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกเช่นนั้นแล้ว ซ้ำยังสบายใจสุดๆเสียด้วยซ้ำ     
      
                     แต่ห้องนี้จะว่าเป็นห้องก็ไม่ถูกซะทีเดียว  เพราะดูจากสภาพแล้ว เป็นเพียงแค่ฉากหลัง ที่มีม่านสีดำกั้นเท่านั้นเอง 

                      ร่างเพรียวแหวกผ้าม่านออกเพื่อที่จะเข้าไปด้านใน สายตาก็พลันไปเห็นว่ามีคนๆหนึ่ง นั่งอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงชะงักเท้าไว้ !!!




                      ชายคนนั้นเขาจำหน้าได้ดี.....ก็แน่ล่ะ เพราะเขาพึ่งวาดรูปคนๆนี้ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี้เอง


                      ‘พี่สน’ นั่งอยู่ตรงม้านั่งตัวยาวที่เขาเคยนั่ง  ในมือถือกระดาษสี่เหลี่ยมสีขาวใบหนา  ที่คาดว่าน่าจะเป็นภาพวาดที่เขาตามหาอยู่แน่นอน

                      นั่นไง! เจอแล้ว  โล่งอกไปที นึกว่าจะมีคนเอาไปทิ้งแล้วเสียอีก...


                      แต่ทำไมเขาถึงยังไม่อยากเข้าไปเอาก็ไม่รู้  ไม่กล้าเหรอ?  ไม่รู้สิ!



                     พี่สนยังคงนั่งจ้องมองภาพในกระดาษใบนั้นราวกับพยายามจะทำให้กระดาษทะลุทะลวงได้อย่างนั้นแหละ   แล้วสักพักก็... เผยอยิ้มน้อยๆออกมา ...
     


                      ณัฐที่กำลังมองอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น !
     

                     พี่สน..กำลังนั่งดูรูปเขา  และกำลังยิ้ม...... 

                    รูปของเขา  ทำให้พี่สนยิ้ม  งั้นเหรอ ?
     


                      เป็นครั้งแรกที่เขาได้แอบเห็นคนอื่นชื่นชมผลงานตัวเองลับหลังแบบนี้   มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำยามที่อยู่ต่อหน้า  ทำให้อดที่จะรู้สึกเต็มตื้นในอกไม่ได้  ถ้ามีคนชอบผลงานที่เขาวาดจริงๆก็ทำให้รู้สึกดีไม่น้อยเลย
     

                      แต่นั่นก็เป็นรูปของเจ้าตัวเองนี่นา...บางที อาจจะยิ้มเพราะแค่ชื่นชมในความหล่อของตัวเองก็ได้ ใครจะไปรู้ ?
     

                      ทำไงดี...อยากได้คืนก็อยากได้   แต่ถ้าพี่สนก็อยากได้เหมือนกันล่ะ !?
     
                       ปล่อยภาพนี้ให้พี่สนไปเลยดีมั้ยนะ ?  

                      แต่ถ้า...รุ่นพี่ไม่ได้อยากได้มันล่ะ ภาพนี้ก็ต้องถูกทิ้งไป...
     
                     งั้น...เข้าไปถามดูดีกว่า

     

                     ณัฐภัทรสูดลมหายใจยาวและตัดสินใจแหวกผ้าม่านออกและเดินเข้าไปหาร่างนั้นอย่างเงียบเสียงที่สุด
     
                    เมื่อสายตารู้สึกว่ามีใครเข้ามาใกล้ ‘สน’ จึงแหงนหน้าขึ้นมอง
     


                   “ ขอโทษครับ  เอ่อ...นั่นภาพวาด...ที่ผมวาด...ใช่มั้ยครับ ? ”  เขาพยายามพูดไม่ให้ตะกุกตะกัก  แต่เพราะอะไรเขาจึงยังรู้สึกเกร็งอยู่นะ

                     ตอนนี้ร่างที่กำลังนั่งอยู่..ไม่พูดอะไร เอาแต่แหงนหน้ามองเขาอย่างเดียว...

                     เอาอีกแล้ว...ความรู้สึกอึดอัดแบบนี้มาอีกแล้ว...



                     “ จะมาเอาคืนเหรอ ? ”  พี่สนเอ่ยถามในที่สุด

                    “ ก็....ประมาณนั้นแหละครับ ”

                   แล้วทำไมเขาต้องทำท่าทางเหมือนกลัวด้วยล่ะ  เขาต่างหากที่เป็นเจ้าของ  เพราะภาพนี้เขาเป็นคนวาดเองกับมือ



                   “ พี่ขอได้มั้ย ? ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

                    นั่นไง ! พี่สนอยากได้จริงๆด้วย  ....แล้วเขาควรจะทำยังไงดีล่ะ  ?

                     เราก็อยากเก็บภาพนี้ไว้เหมือนกันนี่นา...ภาพรูปคนที่วาดเพียงแค่ห้านาที...

                     พี่รู้ป่าวว่ามันยากแค่ไหน ?!



                     แต่ภาพที่เห็นรุ่นพี่มองผลงานเขาแล้วเผยยิ้มออกมา...กลับลอยเข้ามาในความคิดอีกครั้ง

                      ถ้า.....พี่สนชอบภาพเราจริงๆ  เราก็ควรให้ไปไม่ใช่เหรอ ?  

                      คนอุตส่าห์ชอบแท้ๆ จะหวงไปทำไมกัน



                      และแล้วณัฐภัทรก็คิดอะไรดีๆออก !!

                     ใช่สิ! ...ถ้าเราขอภาพนี้คืน  แล้วสัญญาว่า....จะวาดให้ใหม่ล่ะ ? ...


                     เขามั่นใจว่าฝ่ายนั้นจะต้องตอบตกลงแน่นอน เพราะว่า ถ้าได้วาดใหม่ ผลงานที่ออกมาจะต้องสวยกว่าภาพนี้  เพราะใช้เวลาวาดนานแค่ไหนก็ได้  ยังไงก็ดีกว่าเห็นๆ

                     ณัฐยิ้มออกมาเมื่อคิดหาทางออกได้

                    “ ถ้าพี่อยากได้จริงๆ  เดี๋ยวผมจะวาดให้ใหม่ก็ได้ครับ  รับรองต้องสวยกว่าอันนี้แน่นอน ”



                      แต่....

                      ฝ่ายนั้นไม่พูดอะไร  สีหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม


                      ทำไมเงียบไปล่ะ... ข้อเสนอดีขนาดนี้แท้ๆ

                       และอันที่จริงแล้ว....เขาออกจะใจดีเกินไปด้วยซ้ำ ที่อุตส่าห์เสียสละจะวาดใหม่ให้เนี่ย..!


                     

                       “ ไม่เอา....พี่ขอภาพนี้ละกัน ”  สนยังคงยืนยันคำเดิม


                      ณัฐภัทรถึงกับตกใจในคำตอบ!

                      หา ! ว่าไงนะ คนเขาอุตส่าห์ใจดีจะวาดอันใหม่ให้แท้ๆ  จะต้องให้เขาพูดเลยเหรอ  ว่านี่มันภาพของเขา เขามีสิทธิ์ในการครอบครองเต็มๆตั้งแต่ทีแรกด้วยซ้ำ




                      แล้วร่างสูงยืนขึ้น  เหมือนกับตัดสินใจอะไรได้


                     “ งั้น...พี่มีของแลกเปลี่ยน ”


                      “ .....เพื่อแลกกับภาพนี้ ”  


                       “.............”


                     “ ของแลกเปลี่ยนอะไรเหรอครับ ?? ” ณัฐทำหน้างง 

                       พี่สนไม่พูดอะไร...แต่เปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แทน

                       โดยที่ไม่ทันตั้งตัว  ร่างสูงเอื้อมมือมาประคองใบหน้าของเขาไว้และโน้มเข้ามาใกล้จนหน้าเกือบจะชิดกัน ด้วยสัญชาตญาณ...เขารีบใช้มือผลักร่างสูงออกจากตัว  แต่ไม่เป็นผล.....เพราะริมฝีปากของพี่สนเข้ามาใกล้จนประกบแนบชิดกับปากเขาในที่สุด!!


                        ไม่จริง ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น  เขากำลังถูกพี่สนจูบงั้นเหรอ ?



                        ณัฐพยายามใช้กำลังปัดป้องเต็มที่พร้อมกับเม้มปากของตนไว้แน่น แต่..ร่างสูงใช้มือแข็งแรงอีกข้าง รวบข้อมือเขาไว้ด้านหลังได้อย่างง่ายดาย  ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวของพี่สนยังคงบดเบียดเข้ามาไม่หยุด  


                       “ พะ.....”  “ อึ้ก ” ในจังหวะที่เขากำลังพยายามเรียกชื่ออีกฝ่าย  ลิ้นของร่างสูงก็ได้ทีรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากเขาอย่างรวดเร็ว  ซ้ำยังตวัดหยอกเย้าลิ้นเขาเล่น ราวกับได้ลิ้มรสชาติที่หวานล้ำ


                       ทั้งปากและลิ้นของพี่สนที่บดขยี้เข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งความกลัวที่ถาโถมเข้ามาจนทำให้เขาต้องพยายามกลั้นหายใจไว้



                       .....หายใจไม่ออก....



                        ทำไม...ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย ?!



                        เมื่อรู้สึกว่าร่างเพรียวนิ่งไป  เขาจึงตัดสินใจผละริมฝีปากออก...

                       ทั้งๆที่ใจจริงอยากจะจูบคนตรงหน้าให้หนำใจกว่านี้ แต่สุดท้ายกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่...แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วสำหรับการทำความต้องการของตัวเอง



                         ‘เพียะ !’ ใบหน้าของร่างสูงสะบัดตามแรงจากฝ่ามือของคนตรงหน้า

                        “ พี่ทำบ้าอะไร !! ”  ณัฐตะโกนออกมาเพราะความโกรธ มือก็พยายามเช็ดปากราวกับจะเช็ดทุกอย่างให้หลุดออกไปให้หมด


                        สนลูบหน้าตัวเองเบาๆ

                      “  ก็ของแลกเปลี่ยนไง ” ร่างสูงตอบโดยที่ไม่ได้สะทกสะท้านต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย


                     แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปาก

                    “ น้องโชคดีแค่ไหนแล้ว...ที่ได้จูบกับพี่   เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ ? ”



                     ตอนนี้เขาทั้งโกรธ  ทั้งงงงัน   อยู่ดีๆมาทำกันแบบนี้ได้ไง ?   ใครเขาตกลงกันล่ะ  ว่าจะยอมแลกเปลี่ยนด้วย  จูบแบบไม่ทันตั้งตัว  ซ้ำยัง...เอาลิ้น... เข้ามาอีกต่างหาก  


                     และยังมาทำอย่างกับว่า...จูบนี้มันล้ำค่าสักแค่ไหน  
     

                      ตอนนี้เขาโกรธจนตัวสั่น...มันเริ่มจากเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ  อยากได้มากนักใช่มั้ย ? กระดาษใบนั้น    ถ้าอยากได้นักก็เอาไปเลย...  เขาไม่สนใจแล้ว  !!


      


                       แล้วณัฐภัทรก็วิ่งออกมาจากที่แห่งนั้นโดยเร็ว  โดยไม่สนใจคนที่อยู่เบื้องหลังแม้แต่น้อย
    คนพรรค์นี้ พูดอะไรไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก สู้เอาตัวเองออกมาให้ปลอดภัยซะยังจะดีกว่า



                        หมดกัน....


                        ‘จูบแรก’ ของเขา....   จูบครั้งแรกในชีวิต



                         ได้กลายเป็นของ..ผู้ชาย.. 

                        
                          ‘ผู้ชาย’ คนนั้น !!

       

                                                                                   ****************



    ขอบคุณหลายๆ

    Punchhhhhh ---- I want to read continue naaaaaaaaaa where is it ah : ( 

    ปาปัวปูกาด้า ---- oh ! calm down  pls .... i'm so sorry sorry  and A happy new year !!
    มาดูอีกทีพึ่งรู้ว่ามันแหว่งไปในฉากสำคัญ...กี๊ดด  เลยรีบอัพให้อย่างด่วน....thx จ้า  อย่าพึ่งงอน...มาอ่านต่อซะดีๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×