ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #42 : บทที่สี่สิบ -- ไปเที่ยว 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.8K
      53
      9 ก.ย. 52

    บทที่สี่สิบ





                      “ แฟนไอ้สนมัน ”  พี่กฤตเอ่ยขึ้น


                      ....................

      
                      ....................

       
                      ....................

     
                      อะไรนะ...?  เมื่อกี้พี่กฤตพูดว่า.....



                      เขาเป็นแฟนพี่สนงั้นเหรอ...?





                      “ ใช่ครับ...แฟนผม ”  พี่สนตอบกลับไป



                       และทุกอย่างดูเหมือนจะแจ่มชัดขึ้น  เมื่อรุ่นพี่เอื้อมแขนมาโอบไหล่เขาไว้เบาๆพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้  ตอนนี้เขาตระหนักดีแล้วว่า...ที่ได้ยินเมื่อกี้...เขาได้ยินถูกต้องแล้ว



                       ว้ากกกกกกกกกกกกกกก...งั้นแสดงว่าพี่กฤตรู้เรื่องนี้แล้วงั้นเหรอ..???!!!!


                       แล้วคนอื่นๆล่ะ..?



                       เขารีบหันไปมองหน้าคนอื่นทันที...ทุกคนไม่ได้มีสีหน้าตกใจแต่อย่างใดซ้ำยังยิ้มกว้างกลับมาให้เขาอีกต่างหาก

                       ...นี่อย่าบอกนะ...ว่าทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว...

                       ...รู้กันหมดทุกคนแล้ว...


                       เขารีบหันไปหาคนด้านข้างทันที

                       พี่สน..!!



                       รุ่นพี่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

                       “ อย่าพึ่งดุนะ...เดี๋ยวค่อยดุ ”  ฝ่ายนั้นกระซิบตอบกลับมา




                       เขาได้แต่มองหน้าพี่สนแบบโกรธๆ...ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้  เพราะกำลังอยู่ต่อหน้าทุกคน  ตอนนี้เขาแทบอยากจะเป็นลมกับสิ่งที่พึ่งได้รู้เมื่อครู่


                      ...บอกเพื่อนตั้งแต่ตอนไหนทำไมไม่บอก...

                       ...พี่สนนะพี่สน...

     

                      “ จริงเหรอ...แฟนมึงเหรอ..? ”  ลุงอ๊อดหันหน้ามาถามพี่สน

     

                     เขาพึ่งได้รู้ทีหลังว่า...ลุงจะใช้สรรพนามคำว่า ‘มึง’ เรียกเพื่อนของหลานเสมอ เพื่อแสดงความสนิทสนม    แต่พี่เก่งบอกว่า...อันที่จริง...ลุงก็แค่อยากจะกระชากวัยตามมากกว่า

     

                     แต่แล้วฝ่ายนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง จนเหมือนกบตัวใหญ่ที่กำลังอ้าปากจะกินอาหาร

     
                     “ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ  อย่างนี้ไอ้เชอร์รี่ก็อกหักสิวะ ”

     

                     หือ..?  ใครคือเชอร์รี่ 


                     ไม่นานเขาก็ได้รู้คำตอบ  เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเคียงคู่ออกมากับหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาใจดี  ทั้งคู่เดินออกมาจากบริเวณตัวบ้านที่ถูกเชื่อมออกไปจากส่วนที่พวกเขากำลังนั่งอยู่


     
                     “ สวัสดีครับคุณป้า ”  พี่เก่งเอ่ยทักก่อน

     
                     แล้วทุกคนจึงรีบยกมือไหว้คนที่พึ่งมาใหม่ทันที
     


                     “ สวัสดีจ้ะ ”  เธอยิ้มหวานให้กับพวกเราทุกคน

     
                      คุณป้าคนนี้เป็นภรรยาของลุงอ๊อดเหรอ..?   สีหน้ายิ้มแย้ม  ท่าทางใจดีและยอมคน  ดูแตกต่างกับลุงอ๊อดสุดขั้วเลย

     
                      แล้วน้องคนนี้ล่ะ.. ลูกสาวลุงอ๊อดเหรอ..?  

                      เขามองเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คิดว่าเธอน่าจะกำลังอยู่ในวัยมัธยมต้นที่ตอนนี้ยืนเคียงข้างอยู่กับแม่ของเธอ   คงเป็นน้องเชอร์รี่ที่พูดถึงเมื่อกี้สินะ..?
     
                      ไม่ต้องบอกก็รู้  เพราะตอนนี้เธอกำลังทำหน้าเขินอาย ผลุบจ้องมองพี่สนอยู่อย่างนั้น 




                      “ เดินทางเหนื่อยมั้ยจ๊ะ..? ”  คุณป้าใจดีเอ่ยถามพวกเขา

     

                      “ ไม่ครับ...เหนื่อยเพราะหลงมากกว่า ”  พี่เก่งตอบติดตลกกลับไป

     

                      เธอยิ้มหวานจนตาหยีตอบกลับมา  ส่วนน้องเชอร์รี่ก็ยังเอาแต่ยืนจ้องคนที่นั่งข้างๆเขาจนเธอเริ่มจะหน้าแดงขึ้นมาน้อยๆ

     

                      “ อ่ะ...กุญแจห้อง ”  ลุงอ๊อดเดินไปหยิบจากลิ้นชักบริเวณส่วนแคชเชียร์แล้วโยนมาให้จนพี่โต้งที่อยู่ใกล้สุดรับเกือบจะรับไม่ทัน

     

                      “ พวกมึงอ่ะโชคดี...ได้นอนบ้านวิมานเมฆ กับบ้านภูดาว  คืนละตั้ง 3,000 เชียวนะโว้ย ”  ลุงตะโกนบอกเสียงดัง

     

               
                      “ โห...จริงหรือครับลุง !!  ขอบคุณมากๆครับ ”  พี่เก่งยิ้มกว้างจนถึงใบหู




                      ลุงอ๊อดหันมากระซิบกับหลาน
     
                      “ ถ้าอยากนำของมาถวายก็ได้นะ ” 

     

                      พี่เก่งยิ้มหวานแล้วกระซิบตอบกลับคืน
     
                      “ เดี๋ยวผมจะฟ้องป้าอร ”

     

                      เขาไม่รู้ว่าสองคนนี้กระซิบกระซาบอะไรกัน  รู้แต่ว่าผลสุดท้ายจบด้วยการที่ลุงอ๊อดเขกกะโหลกพี่เก่งหนึ่งที  แล้วไล่ตะโกนพวกเขาให้ออกไปไกลๆ

     
                       หลังจากนั้น...เราทั้งเก้าคนจึงรีบขนสัมภาระลงจากรถแล้วเดินมุ่งตรงไปยังที่พักทันที





    *****************


     


                        ขณะที่เรากำลังเดินไปตามทางลาดยาวที่คดเคี้ยวนั้น เขาก็ดึงแขนพี่สนไว้แล้วพยายามเดินรั้งท้ายแถว   และตัดสินใจถามเรื่องที่สงสัยทันที

     

                       “ พี่สน...เพื่อนพี่รู้เรื่องเราหมดแล้วเหรอ..? ”

     

                       ฝ่ายนั้นหันมามองแล้วยิ้มกว้างให้
     
                       “ อ๋อ...อือ ”

     


                       “ พี่เป็นคนบอกเหรอ..? ”

     


                       “ ใช่ ”

     


                       เขาถามพลางขมวดคิ้วมุ่น แล้วทำหน้าง้ำใส่พี่สนทันที

                       “ แล้วทำไมไม่บอกณัฐเรื่องที่บอกเพื่อนแล้ว ”


     

                       “ ก็...ถ้าพี่บอก  ณัฐอาจจะไม่กล้ามาเที่ยวด้วยกัน  พี่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ”  พี่สนตอบกลับมา

     
                       ...พี่สนนะพี่สน...ปล่อยให้เขาไม่รู้เรื่องนี้อยู่คนเดียว...เพราะเหตุผลแค่นี้เนี่ยนะ...


     

                       “ ก็น่าจะบอกกันนี่นา ”
     
                       “ เมื่อกี้...ณัฐตกใจมากเลยนะ...หัวใจเกือบวายแน่ะ ”  เขาเปลี่ยนเป็นพูดเสียงเบา

     


                       “ ก็ว่าจะบอกอยู่เหมือนกัน...แต่อยากเห็นหน้าณัฐตอนที่ตกใจเพราะพึ่งรู้มากกว่าอ่ะ ”

     

                       ได้ยินดังนั้นเขาก็ใช้นิ้วมือบิดที่แขนพี่สนหนึ่งที

                        อยากเห็นเขาตกใจงั้นเหรอ..?  พูดแบบนี้ได้ไง

     
     

                       “ โอ๊ย !! ” ฝ่ายนั้นร้องขึ้นมาเบาๆพร้อมกับลูบแขนตัวเองป้อยๆ

                       “ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ..?  ต่อไปนี้จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆไง ”  หลังจากที่แกล้งทำเป็นเจ็บ  ฝ่ายนั้นก็คลี่ยิ้มบางกลับมาให้ 

     


                       มันก็ดีอยู่หรอก...เพียงแต่ว่า  สำหรับเขานั้น...การที่ได้คบกับพี่สนแบบเปิดเผย  เป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในหัวสมองเขามาก่อนเลย  เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี..?

     


                      “ เพื่อนพี่ไม่ว่าอะไรเหรอ..?  เรื่องที่เราเป็นแฟนกัน ”  เขาตัดสินใจถามออกไป

     


                      “ ตอนแรกพวกมันก็ตกใจ...แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ”

     


                      “ ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ..? ”

     


                      “ มันต้องยากถึงขนาดไหนล่ะ..? ” ฝ่ายนั้นถามด้วยรอยยิ้ม

     


                      ก็ยากเหมือนเขากับไอ้จัมโบ้ไง...วันที่เขาได้ตัดสินใจบอกไป  เขาโดนทั้งสายตารังเกียจ  ซ้ำยังถูกด่าว่าเป็นเกย์  จนทำให้เขาต้องคิดมาก

                      แต่เพื่อนพี่สนนี่ดีจังเลยน้า...ยอมเข้าใจอะไรได้ง่ายๆด้วย 

     



                      “ แล้ว....พี่บอกเพื่อนตั้งแต่ตอนไหนเหรอ..? ”

     


                      “ ก็หลังจากที่ณัฐบอกเพื่อนไปหนึ่งวัน ”

     


                       พี่สนพูดแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ
     
                       “ พี่กลัวแพ้ณัฐอ่ะ...ก็เลยต้องบอกบ้าง ”

     


                      หลังจากที่เขาบอกเพื่อนหนึ่งวันงั้นเหรอ..?  งั้นก็แสดงว่า...ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วสินะ

                      หา !! พวกรุ่นพี่รู้กันมานานขนาดนั้นเลยเหรอ..??!!

     


                     พี่สนเอื้อมมือข้างที่ยังว่างมาโอบไหล่เขาไว้
     
                     “ กังวลอะไรอีกเหรอ..? ”

     


                      เขาหันหน้าขึ้นไปมองฝ่ายนั้น  แล้วถามอย่างช้าๆ
     
                      “ เพื่อนพี่...ยอมรับเราหรือเปล่า..? ”

     


                      พี่สนมอบรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นกลับมาให้
     
                      “ ณัฐก็รู้คำตอบแล้วนี่นา ”

     


                      นั่นสินะ...พวกรุ่นพี่ดีกับเขาถึงขนาดนี้  ไม่เคยได้เห็นสายตารังเกียจเลยสักครั้ง  ซ้ำยังมอบรอยยิ้มอบอุ่นและท่าทีที่เป็นกันเองกลับมาให้เสมอ


                       ...แสดงว่า...พวกรุ่นพี่...ยอมรับพวกเขาได้ใช่มั้ย...?

     
                      เฮ้อ...ไม่อยากจะเชื่อเลย  ไม่คิดว่าวันที่เพื่อนพี่สนได้รู้ความจริงจะมาถึงเร็วขนาดนี้  ยอมรับว่าตั้งตัวไม่ทันจริงๆ


     


                      “ ไม่ต้องห่วงหรอก....ต่อไปนี้ณัฐก็ทำตัวเหมือนเดิมอ่ะแหละ  ไม่ต้องคิดมากนะ ”

     

                      เขาหันหน้าขึ้นไปมองพี่สนแล้วคลี่ยิ้มบางให้

                       ...ใช่สินะ...แค่ทำตัวเหมือนเดิมก็พอ...



    *******************

     

                        “ สุดยอดดดด !! ”  เสียงของพี่เม้งตะโกนขึ้น จนทำให้เขารีบดีดตัวออกมาจากวงแขนของพี่สนแล้วหันไปมองทางด้านหน้าทันที

     
     
                        ในที่สุด...พวกเขาก็เดินมาจนถึงที่พัก 

                        ตอนนี้เขาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง...และได้แต่ยืนประหลาดใจกับความสวยงาม

                        บ้านหลังนี้สร้างจากวัสดุไม้ทั้งหลัง  ขนาดไม่ใหญ่มาก  แต่ตกแต่งได้น่ารักและน่าพักดีทีเดียว  สังเกตว่าจะมีต้นไม้เล็กๆประดับวางตามพื้นและมีต้นกล้วยไม้แขวนไว้ตามระเบียงทางด้านหน้า  ส่วนทางด้านหน้าของบ้านมีพื้นที่ว่างและบันไดเล็กๆยื่นออกมา
                        เขาสังเกตเห็นป้ายขนาดเล็กที่ติดไว้ข้างหน้าต่างทางด้านหน้าว่า...

                        ‘ บ้านภูดาว ’



                        ทุกคนรีบเดินทยอยขึ้นบ้านด้วยความตื่นเต้น รวมทั้งเขาและพี่สนด้วย




                        “ ว้าววว ”  เขาแอบอุทานในลำคอเบาๆเมื่อเข้ามาเห็นภายในบ้าน




                        ตอนนี้พี่เม้ง รีบกระโดดลงนอนที่เตียงใกล้ที่สุดทันที

                        “ พระเจ้า...สวรรค์ทรงโปรด ”  ฝ่ายนั้นพูดอู้อี้พลางซุกหน้ากับหมอนใบนุ่ม




                        สภาพภายในบ้านนั้นเหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆ ทั้งเตียงสีขาวขนาดใหญ่ไร้รอยยับพร้อมกับผ้าห่มหนานุ่มสีน้ำเงินคลุมที่บริเวณปลายเตียง  โคมไฟไม้แกะสลักที่ส่องแสงสีส้มจางยิ่งทำให้บรรยากาศภายในห้องน่านอนมากยิ่งขึ้น  ตามผนังห้องนั้นจะถูกตกแต่งด้วยภาพวาดของดอกไม้หลากชนิดที่ชวนให้รู้สึกสบายตา  และบริเวณมุมห้องนั้นยังมีดอกไม้แห้งกิ่งยาวประดับอยู่ด้วย เขาเดินไปดูทางด้านหลังก็เห็นห้องน้ำสะอาดและกว้างขวาง  มีดอกไม้สดประดับที่หน้ากระจกเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น 

                        บริเวณภายในห้องถึงแม้ว่าจะถูกตกแต่งตามแบบของธรรมชาติทั้งหมด  แต่ก็ยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโทรทัศน์ โทรศัพท์  ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำน้ำอุ่น

                        ...สุดยอดเลย...



                        “ กูจองห้องนี้ ! ”  พี่เม้งเอ่ยขึ้น


                       นอกจากนั้นก็เห็นพี่คนอื่นๆรีบวางของที่ห้องนี้กันแล้ว



                       “ ไปเถอะ ” พี่สนกระซิบบอกทางด้านหลัง

                      
                       เขามัวแต่ประทับใจเมื่อได้เห็นบ้านภูดาว...จนลืมไปว่ายังเหลือบ้านอีกหลังหนึ่ง   แสดงว่าบ้านที่พวกเขาจะได้พัก คือบ้าน...วิมานเมฆ...สินะ



                       “ อ๋อ...อืม ”    เขาพยักหน้าให้เบาๆ



                       แล้วที่เหลือ...ก็มีเขา พี่สน  พี่เก่ง  และพี่กฤต  เดินต่อมายังบ้านอีกหลังที่อยู่ข้างกันทันที


                       เมื่อเดินมาจนถึงบ้านวิมานเมฆ...ก็พบว่า บ้านหลังนี้มีความสวยงามน่าอยู่ไม่แพ้กัน  ต่างกันแค่รายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยเท่านั้น  เช่น บ้านวิมานเมฆจะมีผ้าห่มเป็นสีครีม และภายในห้องจะถูกตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลทั้งหมด  ต่างจากบ้านภูดาวที่จะมีสีฟ้าหรือสีน้ำเงินปนบ้างเล็กน้อย  นอกจากนั้นตามผนังห้องยังถูกตกแต่งด้วยภาพที่เป็นงานแกะสลักไม้รูปนกที่แสนวิจิตรเรียงรายตามยาวด้วย   ภาพเหล่านี้ทำให้เขาต้องหยุดยืนมองจนตาค้างเพราะตกตะลึงในความสวยงาม

                        พี่สนเลือกเตียงที่อยู่ไกลจากฝั่งประตู  ฝ่ายนั้นมาแย่งกระเป๋าในมือเขาแล้วนำไปวางไว้ให้




                       “ บ้านสวยจังเลย ”  เขาพูดออกมาลอยๆ แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงสีขาวขนาดใหญ่




                       พี่เก่งหันหน้ามาตอบจากอีกฝั่งทันที

                       “ ช่าย....เราอ่ะโคตรโชคดี  พี่ก็ไม่เคยได้นอนบ้านแพงขนาดนี้มาก่อนเลยนะ  จำได้ว่าปีที่แล้วได้กางเต้นท์นอนข้างนอกด้วยซ้ำอ่ะ...ทรมานสุดๆ ”



                       “ ลุงมึงนี่สุดยอดเลย...ให้เรานอนฟรีๆเนี่ยนะ ”  พี่สนเอ่ยขึ้น แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างๆเขาเช่นกัน




                        “ ลุงกูอ่ะใจดี ”  พี่เก่งพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง

     


                        เขาตัดสินใจถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

                        “ ลุงพี่เก่ง...ไม่ดุใช่มั้ยครับ..? ” 




                        “ ฮ่ะ ๆ ๆไม่หรอก...ลุงแกเป็นคนแบบนี้แหละ  เสียงดังกระโชกโฮกฮาก  แต่ที่จริงแล้วเป็นคนใจดีสุดๆเลย  ตอนเด็กๆพ่อพี่ชอบมาพี่มาอยู่กับแกทุกปิดเทอม  พี่ก็เลยสนิทกับแกมาก...นับถือเป็นพ่อคนที่สองเลยก็ว่าได้ ”




                         “ ณัฐกลัวลุงไอ้เก่งเหรอ..? ”  พี่สนถามพร้อมกับยิ้มบาง




                         “ ก็... ”
     
                         จะไม่ให้กลัวได้ไง...ทั้งหน้าตาดุดัน รูปร่างสูงใหญ่ หนวดเครายาวเฟิ้ม ซ้ำยังพูดเสียงดังอย่างกับตะคอกใส่  ไม่มีส่วนไหนเลย...ที่จะไม่น่ากลัว




                          “ แต่ก่อน...พวกพี่ก็กลัวเหมือนกัน  แต่ตอนหลังเลยมารู้ว่าลุงแกปากร้ายแต่ใจดี ก็เลยหายกลัวแล้ว ”  พี่สนเอ่ยปลอบ




                         “ ไม่งั้น...ป้าอรที่แสนดีจะหลงมาแต่งงานกับลุงแกเหรอ..? ”  พี่กฤตที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำพูดเสริมขึ้นบ้าง




                         “  ฮ่ะ ๆ ๆ ฟังแล้วเหมือนมึงด่าลุงกูเลยเนอะ ”  พี่เก่งหันไปพูดกับอีกฝ่าย



                         รุ่นพี่หัวเราะขึ้นพร้อมกัน  เขาเห็นดังนั้นก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย


    *****************



                           หลังจากที่จัดของเสร็จแล้วก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่า  เขาก็ได้แต่นอนเล่นดูทีวีอยู่บนเตียง ตอนนี้พี่สนกำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำ  ส่วนพี่เก่งบอกว่าจะไปยืมเกมเพลย์ของน้องเชอร์รี่มาเล่น  ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่...เขากับพี่กฤต...


                           เมื่ออยู่กับพี่กฤตแค่สองคน..อยู่ดีๆ เขาก็นึกอยากถามเรื่องหนึ่งกับอีกฝ่ายขึ้นมา   เพราะว่าพี่กฤตเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพี่สน...บางทีเขาอาจจะได้รู้เรื่องที่ยังคงข้องใจอยู่ก็ได้




                        “ พี่กฤตครับ...? ”  เขาเอ่ยขึ้นมาแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง




                        “ หือ..? ”  ฝ่ายนั้นตอบอือออขณะที่กำลังเปิดตู้เย็นเพื่อหาของกิน





                        “ พี่กฤต...เอ่อ ”  เขาอึกๆอักๆอยู่อย่างนั้นจนฝ่ายนั้นหันมามอง

                        “ พี่กฤตคิดยังไงที่...พี่สนมีแฟนเป็นผู้ชายครับ ”  เขารีบถามเสียงเบาออกไปทันที  พอถามเรื่องของตัวเองออกไปก็รู้สึกแปลกๆแฮะ



                        ฝ่ายนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีแต่อย่างใดเมื่อได้ยินคำถาม   รุ่นพี่หยิบโค้กกระป๋องมาเปิด  แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงอีกหลังที่อยู่ข้างกัน




                        “ ถ้าถามพี่จริงๆนะ...พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ”  



     
                       พี่กฤตยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมากระดก  แล้วเริ่มพูดต่อ


                       “ ไอ้สนมันใช้ชีวิตเสเพลไร้หัวใจมานาน...ถ้ามันจะชอบใครจริงๆสักคน  มันก็เป็นเรื่องดี ”



                       งั้นหรอกเหรอ..?  พี่กฤตคิดแบบนี้นี่เอง




                       “ สำหรับพี่...มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอกนะ  ถ้าเพื่อนสนิทจะมีแฟนเป็นผู้ชาย...แล้วยิ่งเป็นณัฐด้วย...พี่ไม่กล้าว่าอะไรมันหรอก...ดีซะอีกด้วยซ้ำ... ”  พูดเสร็จรุ่นพี่ก็คลี่ยิ้มบางให้



                       ...เขาฟังพี่กฤตพูดแล้วยิ่งรู้สึกงงแฮะ...

     


                        แต่แล้วฝ่ายนั้นกลับเปลี่ยนมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง



                       “ ไอ้สนมันรักณัฐมากเลยนะ...รู้มั้ย..? ”




                       หือ..? 

                       เพราะตั้งตัวไม่ทัน...ได้ยินดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที  ได้ยินคำพูดแบบนี้จากคนอื่นแล้วรู้สึกจั๊กจี้หัวใจยังไงไม่รู้สิ




                      “ พี่ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนเลย...”



                      “ เชื่อมั้ย..?  บางวันพี่ก็เห็นมันเอาแต่นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว  ตอนแรกพวกพี่นึกว่ามันเป็นบ้า ฮ่ะ ๆ ๆ ”   พูดไปพี่กฤตก็แอบหัวเราะไป



                      “ พี่พึ่งจะเคยเห็นมันจริงจังกับความรัก...ก็ครั้งนี้แหละ ”



                      “ แล้วอย่างนี้...จะไม่ให้พวกพี่ยอมรับได้ยังไงกันล่ะ..? ”




                       เขาไม่เคยได้รู้ความรู้สึกของพี่สนจากปากของคนอื่นมาก่อนเลย...พอได้ฟังแล้ว...มันรู้สึกเขินยังไงไม่รู้





                       “ พี่กฤต...เป็นเพื่อนกับพี่สนมานานแค่ไหนแล้วเหรอครับ..? ”  อยู่ดีๆเขาก็นึกอยากถามเรื่องนี้ขึ้นมา




                       ฝ่ายนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ  

                       “ ก็ตั้งแต่ ป. 5 อ่ะ...นับเอาละกันนะ ”




                       “ โห... ”   เขาแอบอุทานออกมาเบาๆ  

                      ตั้งแต่ ป.5 ..?  ผ่านมาแล้ว...สิบเอ็ดปี...งั้นเหรอ..?  นานจังเลย



                       พี่กฤตยิ้มกว้างให้กับเขา แล้วเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา

                      “ ต่อไปนี้ก็ฝากดูแลมันด้วยล่ะ ”




                      “ หือ..?  อะไรนะครับ ”  เขาเพียงแต่ได้ยินไม่ค่อยถนัด




                      “ ฝากณัฐดูแลไอ้สนมันด้วย ”  อีกฝ่ายทิ้งท้าย




                      พูดแค่นั้นเสียงโทรศัพท์ของพี่กฤตก็ดังขึ้น  ฝ่ายนั้นหยุดการสนทนา   รีบกดปุ่มรับสายแล้วเดินออกไปคุยข้างนอกทันที   ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่เขาและความคิดที่กำลังล่องลอย



                       พี่กฤตบอกให้เขาดูแลพี่สนเหรอ..?  

                       เฮ้อ...ตัวโตขนาดนั้นยังต้องมาดูแลอะไรอีกล่ะ..?  เขาได้แต่แอบคิดในใจ




                      คิดอะไรอยู่เพลินๆก็ได้ยินแต่เสียงจ๊ะจ๋าของพี่กฤตที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน...สงสัยรุ่นพี่จะคุยกับแฟน



                       หลังจากที่ได้คุยกับพี่กฤตแล้วเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก...ไม่รู้ทำไม..?   ตอนนี้จึงได้แต่กึ่งนั่งกึ่งนอนดูข่าวในพระราชสำนักจากโทรทัศน์เพื่อรอเวลาอาบน้ำต่อจากพี่สน 



                      แต่ไม่นาน...เขาก็ได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นหูดังขึ้นอยู่ไม่ไกล

                      ...โทรศัพท์มือถือของพี่สน...นั่นเอง !

     
                      ‘….Hold on
                     I'm feeling like I'm headed for a
                     Breakdown
                     I don't know why
                     I'm not crazy, I'm just a little unwell
                     I know, right now you can't tell
                     But stay awhile and maybe then you'll see
                     A different side of me…..’



                     เขาสลัดความคิดเมื่อครู่...แล้วชะโงกหน้าไปดูมือถือที่วางอยู่ข้างๆโคมไฟ  

                     แต่เมื่อได้เห็นชื่อของคนที่โทรมา...จากที่รู้สึกอารมณ์ดีเมื่อครู่  ตอนนี้กลับต้องหงุดหงิดใจขึ้นมาแทน



                     ‘น้องแก้ม’  โทรมา...



                     เอาอีกแล้ว...แก้มโทรมาหาพี่สนอีกแล้ว !!!

                     ปกติต้องโทรหากันทุกวันอย่างนี้เลยเหรอ..?

                     แล้วตอนนี้เขาจะทำยังไงดีกันล่ะ..?  จะทำเป็นไม่สนใจดีหรือเปล่า..?  ถ้าเขาทำเป็นไม่สนใจแล้วฝ่ายนั้นจะยอมบอกความจริงกับเขามั้ย..?   

                    ...แต่เขาอยากรู้ความจริงจากพี่สนนี่นา... 






                     แอ๊ดดดดดด....





                    เสียงประตูไม้บานใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับที่เสียงจากโทรศัพท์ได้เงียบลง  เมื่อตัวปัญหาของเรื่องนี้ได้เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยครึ่งตัว



                    พี่สนเดินมาหาเขาที่เตียง  ส่วนเขาได้แต่ทำเป็นนอนดูทีวีต่อไปแล้วทำเป็นไม่สนใจ...แต่มือก็คว้าโทรศัพท์แล้วยื่นให้อีกฝ่ายทันที




                    “ อ๊ะ ”  เขายันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ฝ่ายนั้น





                    “ อะไรเหรอ..? ”  รุ่นพี่เอื้อมมือมาหยิบไปดู



                     “ เมื่อกี้...”  เขาพยายามพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย



                     “ กิ๊กพี่โทรมา !! ”






                      พูดแค่นั้น เขาก็ยันตัวลุกขึ้นยืน  แล้วตัดสินใจเดินออกมาทันที




                      ...ทั้งๆที่ไม่อยากทำตัวให้ไร้สาระเหมือนกับดูเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล...แต่ในที่สุดเขากลับแสดงอาการแบบนั้นออกมาต่อหน้าพี่สนจนได้


                      ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆเลย...!!
     





    *******************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×