คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ยี่สิบเอ็ด -- เริ่มต้น
บทที่ยี่สิบเอ็ด
ตอนนี้เขาพาขาตัวเองมาที่หน้าห้องพี่สนอีกครั้ง ทำไมน่ะเหรอ ? ก็เพราะว่า...เมื่อคืนเขาลืมมือถือไว้ที่นี่น่ะสิ...! ดันมานึกออกก็ตอนที่ถึงคณะแล้ว จึงตั้งใจว่าตอนเย็นจะมาเอาคืน
แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือ......ทำไมเขาต้องแวะไปตลาดก่อน เพื่อซื้อกับข้าวมาเต็มไม้เต็มมือแบบนี้ด้วยล่ะ ?? ..... ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ตอนนี้เขาจึงได้แต่หวังว่า...พี่สนจะเลิกเรียนช่วงบ่าย และกลับมาถึงหอแล้ว
ณัฐสูดหายใจลึก แล้วตัดสินใจเคาะประตูบานใหญ่ตรงหน้านั้นทันที
‘ ก๊อก ๆ ๆ ’
เงียบ..... หรือว่าไม่อยู่ ??
‘ ก๊อก ๆ ๆ ’
ขณะที่คิดว่าฝ่ายนั้นคงไม่อยู่ห้อง และกำลังจะหันหลังกลับ...ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดแง้มออกมา
“ คิดถึงกันจนทนไม่ไหวเหรอ ? ” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น
เขาหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วหวังว่าจะแหงวใส่สักที แต่ก็ต้องแปลกใจกับหน้าพี่สนเล็กน้อย
พี่สน..ใส่แว่น... !
พึ่งเคยเห็นแฮะ
ฝ่ายนั้นดึงข้อมือเขาให้เข้าห้องอย่างรวดเร็วจนหัวแทบคะมำ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วก็ต้องประหลาดใจเป็นรอบที่สอง
ห้องของพี่สน...สะอาดขึ้นแล้ว เขาเดินมองซ้ายมองขวาไปทั่ว ของที่เกี่ยวกับงานพรีเซนต์ก็หายไปจนหมด ของอะไรไม่รู้ที่เคยวางเกลื่อนกลาดพื้นก็ไม่มีแล้ว ทั้งๆที่ทุกอย่างนั้นดูเหมือนว่าจะมีระเบียบขึ้น แต่ภาพโปสเตอร์บนผนังเนี่ยแหละ..ที่ยังคงฉุดให้ทุกอย่างยังคงดูรกเหมือนเดิม
.... สงสัยห้องนี้คงสะอาดได้เท่านี้ล่ะมั้ง....
“ โทษทีนะ...พี่อยู่ในห้องนอน เลยไม่ค่อยได้ยิน ” ฝ่ายนั้นเอ่ยเหตุผลของการที่ออกมาเปิดประตูช้า
ดูจากการใส่แว่นแบบนี้แล้ว...สงสัยกำลังอ่านหนังสืออยู่แหงเลย
เขาพยายามมองพี่สนทางด้านข้าง...ใส่แว่นอย่างนี้แล้ว....ก็ดูดีไปอีกแบบแฮะ
...ทำไม 'แฟน' เขาถึงดูดีได้ทุกสถานการณ์อย่างนี้นะ...
ว้ากกกกกกก....พูดคำว่าแฟนเต็มปากเต็มคำได้ไม่อายปากเลยเรา !!
“ นั่นอะไร ? ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายถือของมาพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือ แล้วจึงเดินเข้ามาแย่งไปถือไว้เสียเอง
“ เอ่อ....กับข้าว ว่าจะ...มาทำให้กิน ” เขาพูดตะกุกตะกัก พูดแล้วก็อยากจะตบปากตัวเองจริงๆเลย ทั้งๆที่คุยกันก็บ่อย แต่ทำไมยังรู้สึกเกร็งอยู่นะ
ร่างสูงตกใจทำตาโต “ จริงเหรอ ? ณัฐมาทำกับข้าวให้พี่กินจริงๆเหรอ ? ”
ฝ่ายนั้นถามพลางทำท่าดีใจเหมือนเด็ก จากที่รู้สึกเกร็งเมื่อกี้ ตอนนี้กลับอยากจะหัวเราะออกมาแทน
“ อื้อ ” ณัฐพยายามถือถุงส่วนที่ยังอยู่ในมือ เดินไปทางฝั่งห้องครัว
“ ก็กลัวว่าห้องครัวพี่จะเป็นป่าช้าไปเสียก่อน แล้วอีกอย่าง... ”
พี่สนถืออีกสองถุงมาเก็บแบบเขาบ้าง แล้วทันใดนั้นรุ่นพี่ก็เข้ามาโอบเขาทางด้านหลังเบาๆ ส่วนใบหน้านั้นก็เข้ามาแนบชิดกับหน้าเขาเสียเหลือเกิน
“ อีกอย่างอะไรเหรอ ? ” เสียงนั้นกระซิบเบาๆที่ข้างหูจนทำให้เขาขนลุกซู่
อีกอย่างคือ... ‘ก็พี่อยากอาบน้ำกับณัฐ อยากกินข้าวกับณัฐ อยากจู๋จี๋กับณัฐ...ทั้งวันเลย’
เมื่อเช้าใครกันล่ะที่พูดแบบนี้....เขาก็เลย คิดอยากจะมาทำกับข้าวให้กิน น่ะสิ
นี่เขาบ้าจี้ตามคำพูดพี่สนมากไปรึเปล่านะ ?
“ อีกอย่างคือ...กำลังทำตัวเป็นศรีภรรยาที่ดีงั้นสิ? ” พี่สนเอ่ยตอบแทน
ณัฐหันหน้าไปมองฝ่ายนั้นอย่างรวดเร็วแต่เพราะระยะที่ใกล้เกินไป จมูกของเขาจึงชนเข้ากับแก้มฝ่ายนั้นอย่างจัง นั่นทำให้พี่สนยิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่เขาสิ..หน้าแดงวาบไปจนถึงใบหู
“ งั้น...จะกินหรือไม่กิน ” ณัฐพูดเสียงเข้มกลบเกลื่อน พยายามแกะมือปลาหมึกที่กำลังเกาะเขาไว้แน่นออก
“ แหม...ที่รักอย่างอนสิค้าบ ” เอาแล้วไง...ความหวานเลี่ยนโชยมาแต่ไกล
“ ถึงแม้ว่าณัฐทำยาพิษให้กิน พี่ก็ยอมกินแต่โดยดีอยู่แล้ว ”
แต่....ประโยคนี้ฟังดูทะแม่งๆนะเนี่ย !
แสดงว่ายังไม่รู้ล่ะสิ...ว่าเขาทำกับข้าวอร่อยขนาดไหน
เดี๋ยวเหอะ...เดี๋ยวได้ตะลึง ! ....เขาได้แต่นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
“ พี่...อ่านหนังสืออยู่เหรอ ? ไปอ่านต่อเถอะ เดี๋ยวทำกับข้าวเสร็จแล้วจะเรียก ”
“ รู้ได้ไง ว่าอ่านหนังสือ ? ”
“ ก็พี่ใส่แว่น ”
“ พี่อาจจะกำลังเล่นคอมพ์ ดูหนังโป๊อยู่ก็ได้ ”
ไอ้บ้า ! แต่เอ๊ะ...หรือว่าจะจริง พี่สนคนนี้ยิ่งหื่นๆอยู่
แล้วร่างสูงก็หัวเราะร่วน ยอมคลายมืออกจากเขาแต่โดยดี
“ ล้อเล่นน่า...ทำหน้าได้หลายอารมณ์จริงนะเรา ดูแล้วตลกชะมัด ”
เขาจึงได้แต่มองแบบค้อนๆกลับไป แล้วพี่สนก็พูดต่อ
“ งั้นพี่ไปอ่านหนังสือต่อนะ ”
โดยไม่ทันระวัง พี่สนก็หันมาจุ๊บปากเขาอย่างรวดเร็ว
“ อย่าคิดถึงกันล่ะ ”
แล้วฝ่ายนั้นก็รีบเดินเข้าห้องไป
ไอ้พี่สนบ้า!!! ชอบเล่นทีเผลอ
เขาได้แต่ยืนยิ้มกับตัวเองแบบเขินๆ
แต่......อยู่กับพี่สน......ก็มีความสุขดีแฮะ
******************
“ ว้าวววว ” ร่างสูงอุทานขึ้น เมื่อเห็นจานอาหารถูกวางไว้จนเต็มโต๊ะเตี้ยๆหน้าโซฟา กลิ่นอาหารหอมโชยเสียจนฝ่ายนั้นเดินออกมาจากห้อาตั้งแต่เขายังไม่ได้เรียกด้วยซ้ำ
ณัฐได้แต่มองท่าทีของพี่สน...ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วย? แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกดีล่ะนะ
สิ่งที่เขาทำนั้นก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อาหารธรรมดาสามัญทั่วไปที่สามารถทำได้ ก็มี...ผัดผักใส่กุ้งเยอะเป็นพิเศษ ไข่เจียวหมูสับ ผัดกะเพราไก่ แล้วก็ข้าวผัดสูตรพิเศษแสนอร่อยของแม่ ธรรมดาจริงๆแหละ...ก็เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีนี่นา อาหารที่พิศดารก็ทำไม่เป็นเสียด้วย
ณัฐบรรจงตักข้าวผัดยื่นให้ฝั่งตรงข้าม แล้วตักอีกจานให้ตัวเองบ้าง
ฝ่ายนั้นยังคงมองจานอาหารตรงหน้าสลับกับหน้าเขาไปมา
“ ไม่ยักรู้...ว่าทำกับข้าวเป็นด้วย ” พี่สนพูดแล้วจับช้อนส้อมเตรียมอาวุธพร้อมรบทันที
“ พอดีว่า ผะ.. ณะ ณัฐ เคยช่วยแม่ทำกับข้าวอยู่บ่อยๆ ” เกือบหลุดปากคำว่า ‘ผม’ ออกไปแล้วสิ แต่พูดแบบนี้ก็ไม่ชินเลยแฮะ
ร่างสูงทำหน้าเหมือนรู้ทัน แต่แล้วก็ตักข้าวผัดคำแรกเข้าปากทันที ณัฐพยายามจ้องมองปฏิกิริยาจากฝ่ายนั้น
แต่ผิดคาด !....พี่สนกลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหลังจากเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่เขาคิดสักนิด ทำไม? เขาทำไม่อร่อยงั้นเหรอ ? ณัฐจึงรีบตักข้าวผัดลองกินดูบ้าง
...ก็รสชาติเดิมนี่นา... อร่อยดีด้วย
“ ทำไมอ่ะ?...ไม่อร่อยเหรอ ? ” ณัฐถามเพราะสงสัยสุดๆ นี่สูตรพิเศษของแม่เขาเลยนะ จะไม่อร่อยได้ไง
แต่ฝ่ายนั้นยังคงทำหน้านิ่ว อือๆออๆ อยู่นั่นแหละ ไม่ยอมพูดออกมาเสียที
ณัฐตักกุ้งตัวโตจากอีกจานยื่นให้ตรงหน้า หวังว่าฝ่ายนั้นอาจจะบอกว่าจานนี้อร่อยก็เป็นได้
เขานึกว่าพี่สนจะยื่นจานมา แต่ฝ่ายนั้นกลับยื่นหน้ามาซะงั้น เขาเลยจำใจป้อนคำนั้นเข้าปากแต่โดยดี...ใจก็จดจ่อว่าฝ่ายนั้นจะพูดออกมาว่ายังไง
แต่พี่สนก็ยังคงทำหน้าเดาความคิดไม่ออก มือหนึ่งก็ชี้ไปทางอาหารอีกจาน...ประมาณว่า อยากลองชิมอีก
เขารีบกุลีกุจอตักไข่เจียวหมูสับ แล้วป้อนให้คนตรงหน้าอีกครั้ง...
พูดอะไรออกมาบ้างสิ คนเขาลุ้นจนใจจะขาดอยู่แล้วเนี่ย !
ไม่มีคำตอบใดออกมา ...ยังเหลือกะเพราไก่อีกจาน เขาจึงรีบตักให้อีกฝ่ายกินทันที
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกุ๊กที่เข้าแข่งขันทำอาหาร แล้วกำลังรอการตัดสินจากคณะกรรมการยังไงไม่รู้...รีบพูดออกมาสิครับท่าน !
แล้วในที่สุด ฝ่ายนั้นก็ยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ
“ อร่อยมากก! อร่อยทั้งสี่อย่างเลย ”
ณัฐได้ยินแล้ว...กลับไม่ค่อยรู้สึกโล่งใจสักเท่าไหร่
“ อร่อย..แน่เหรอ ? ” เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ อื้ออ ” ฝ่ายนั้นพูดพลางชี้ไปที่จานเดิม เพื่อหวังจะได้กุ้งตัวโตอีกครั้ง
แล้วณัฐก็นึกอะไรออก
อ๋อ....นี่แค่กะจะหลอกให้เขาป้อนงั้นเหรอ ?
ร้ายมากกก !!
เขาเริ่มรู้ทัน ครั้งนี้เขาจึงเปลี่ยนเป็นตักคำข้าวเข้าปากตัวเองแบบไม่สนใจฝ่ายนั้นแทน
เมื่อพี่สนรู้ว่าเขารู้ตัวก็เปลี่ยนมาหัวเราะแหะๆ แล้วยอมกินข้าวด้วยตัวเอง แต่แล้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังงอนจนหน้าบูด ร่างสูงจึงต้องพยายามง้อ
“ อร่อยจริงๆนะ ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ จะกินให้หมดไม่ให้เหลือข้าวสักเม็ดเลย คอยดูสิ ”
“ ............... ”
ไม่ต้องมาพูดปลอบเลย เมื่อกี้เขาตกใจแทบแย่...นึกว่าฝีมือจะตกเสียอีก แต่กลับเป็นว่าถูกพี่สนแกล้งซะงั้น
ฝ่ายนั้นเอ่ยชมแล้วชมอีก แม้เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ก็สามารถเดาได้จากปฏิกิริยาการกินที่ฝ่ายนั้นกินราวกับเด็กที่กำลังกินของอร่อย นั่นก็ทำให้เขาเริ่มจะเชื่อใจ และกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง
แล้วฝ่ายนั้นก็พูดขึ้นหลังจากอาหารเกือบหมดจาน
“ ไม่เคยมีใครทำกับข้าวให้กินอย่างนี้มานานแล้ว...พี่ก็เลย ดีใจ น่ะ ” พี่สนพูดขึ้น เมื่ออาหารเริ่มพร่องไปเรื่อยๆ
ปากบอกว่าดีใจ แต่คำพูดนั้นกลับฟังดูเศร้าๆ ณัฐได้แต่นั่งฟังว่าฝ่ายนั้นจะพูดอะไรออกมาอีกบ้าง...แต่ พี่สนก็เงียบไปอีกครั้ง
“ ทำไมเหรอครับ ? ” ณัฐถามเพราะความสงสัย
ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้ว...เขารู้จักพี่สนน้อยมาก เพราะที่ผ่านมาพี่สนไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย ซึ่งน้อยพอๆกับที่พี่สนรู้จักเขานั่นแหละ แล้วตอนนี้ยังมาเป็นแฟนกัน...ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันดีเสียด้วยซ้ำ
“ ก็...ยังไงดีล่ะ? พี่ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ” พี่สนพูดโดยที่ไม่ได้แหงนหน้ามามอง
อืมม...เท่าที่เขารู้มา พี่สนเป็นคนจังหวัดนี้ไม่ใช่เหรอ ? เพราะฉะนั้น บ้านจึงไม่น่าจะอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยนี่นา
“ พี่ไม่กลับบ้าน แล้วพ่อกับแม่ไม่คิดถึงแย่เหรอ ? ”
เพราะแม่เขาชอบบ่นให้เขากลับบ้านอยู่เป็นประจำเพราะบอกว่า คิดถึง
และเขานึกภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างพี่สนที่เป็นคุณหนูเอาแต่ใจในบ้านหลังใหญ่โต แล้วก็เลยลองแซวไปเล่นๆอย่างนั้น
แต่ฝ่ายนั้นกลับทำหน้ายิ้มขื่น
“ หึ... ”
“ แม่พี่เสียแล้ว.. ”
“ พ่อพี่อยู่กรุงเทพ.. ”
“ พี่ชายอยู่เมืองนอก.. ”
“ ที่บ้านไม่มีใครรอหรอก ” ฝ่ายนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
ณัฐรู้สึกเหมือนโดนเข็มร้อยเล่มทิ่มเข้าที่หน้าผากอย่างจัง !!!!
...ที่บ้านไม่มีใครรอหรอก...
คำนี้ฟังดูเศร้า..จนน่าใจหาย พี่สนมีปัญหาอะไรกับครอบครัวรึเปล่านะ? นี่เขากำลังสะกิดต่อมอะไรของพี่สนเข้ารึเปล่า ?
ไม่อยากเห็นพี่สนเป็นแบบนี้เลย...
และนี่เป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า...เขาไม่รู้จักเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับพี่สนเลยแม้แต่น้อย.....ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ ณัฐ...ขอโทษ ” เขารู้สึกผิดจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เขากำลังทำให้พี่สนรู้สึกแย่รึเปล่านะ ?
“ เฮ้ย...ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คิดอย่างนั้นสักหน่อย อย่าคิดมากน่า ” ฝ่ายนั้นรีบปลอบประโลมเขาแทน อันที่จริงถ้าพี่สนเศร้า เขาควรจะเป็นฝ่ายปลอบไม่ใช่เหรอ ?
แต่เขายังคงคิดมากอยู่อย่างนั้น พี่สน...มีปัญหาอะไรกับครอบครัวรึเปล่านะ? เขาอยากรู้เรื่องของพี่สน...แต่เพราะ เขาไม่กล้าถาม ? ใครจะกล้าถามล่ะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว... จึงได้แต่ต้องรอให้พี่สนบอกเอง
แต่....
‘ที่บ้านไม่มีใครรอหรอก’
ประโยคนี้ฟังแล้วมัน... เจ็บลึกเข้าไปถึงข้างในเลยแฮะ
เขาไม่รู้หรอกว่าเวลากลับบ้านแล้วไม่มีใครมันเป็นยังไง เพราะครอบครัวเขาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันตลอด จึงไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนั้น รู้แต่เพียงว่า อารมณ์แบบนั้น....คงจะต้อง ‘เหงา’ มากแน่ๆ
“ ณัฐ...อิ่มแล้วเหรอ ? ” เสียงทุ้มทางด้านหน้าเอ่ยขึ้น
“ อ้อ...อื้อ ”
เขาแอบเหลือบมองฝ่ายนั้นที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินราวกับเด็กๆที่หิวโซ แล้วก็ต้องยิ้มบางๆออกมา
บางที..........คนที่ดูเหมือนมีทุกอย่าง........อาจจะกำลังขาดอะไรบางอย่าง อยู่ก็ได้...
อย่างเช่น คนตรงหน้าเขานี่ไง !
“ พี่สน....ชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า...เดี๋ยววันหลังณัฐจะทำให้กินอีก ” เขาถามฝ่ายนั้นด้วยสีหน้าชื่นมื่น จนฝ่ายนั้นที่ได้ยินก็ถึงกลับทำตาโตแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง
เขาคงทำได้แค่เพียงเท่านี้ล่ะมั้ง ?
ถ้าไม่มีใครทำกับข้าวให้พี่สนกิน...เดี๋ยวเขาจะทำให้กินเอง
ไม่ต้องห่วงนะพี่สน....
*****************
ความคิดเห็น