ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ยี่สิบเอ็ด -- เริ่มต้น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.63K
      30
      2 ส.ค. 52

    บทที่ยี่สิบเอ็ด





                        ตอนนี้เขาพาขาตัวเองมาที่หน้าห้องพี่สนอีกครั้ง ทำไมน่ะเหรอ ?   ก็เพราะว่า...เมื่อคืนเขาลืมมือถือไว้ที่นี่น่ะสิ...!   ดันมานึกออกก็ตอนที่ถึงคณะแล้ว  จึงตั้งใจว่าตอนเย็นจะมาเอาคืน

                        แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือ......ทำไมเขาต้องแวะไปตลาดก่อน เพื่อซื้อกับข้าวมาเต็มไม้เต็มมือแบบนี้ด้วยล่ะ ??  ..... ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
     


                         ตอนนี้เขาจึงได้แต่หวังว่า...พี่สนจะเลิกเรียนช่วงบ่าย และกลับมาถึงหอแล้ว

     

                         ณัฐสูดหายใจลึก แล้วตัดสินใจเคาะประตูบานใหญ่ตรงหน้านั้นทันที  


                        ‘ ก๊อก ๆ ๆ ’ 

                        เงียบ..... หรือว่าไม่อยู่ ??


                         ‘ ก๊อก ๆ ๆ ’ 



                         ขณะที่คิดว่าฝ่ายนั้นคงไม่อยู่ห้อง และกำลังจะหันหลังกลับ...ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดแง้มออกมา
     

                         “ คิดถึงกันจนทนไม่ไหวเหรอ ? ” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น
     


                         เขาหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วหวังว่าจะแหงวใส่สักที  แต่ก็ต้องแปลกใจกับหน้าพี่สนเล็กน้อย 
     

               
                        พี่สน..ใส่แว่น... ! 

                        พึ่งเคยเห็นแฮะ

     

                       ฝ่ายนั้นดึงข้อมือเขาให้เข้าห้องอย่างรวดเร็วจนหัวแทบคะมำ  เมื่อเข้ามาในห้องแล้วก็ต้องประหลาดใจเป็นรอบที่สอง
     

                       ห้องของพี่สน...สะอาดขึ้นแล้ว  เขาเดินมองซ้ายมองขวาไปทั่ว  ของที่เกี่ยวกับงานพรีเซนต์ก็หายไปจนหมด ของอะไรไม่รู้ที่เคยวางเกลื่อนกลาดพื้นก็ไม่มีแล้ว  ทั้งๆที่ทุกอย่างนั้นดูเหมือนว่าจะมีระเบียบขึ้น แต่ภาพโปสเตอร์บนผนังเนี่ยแหละ..ที่ยังคงฉุดให้ทุกอย่างยังคงดูรกเหมือนเดิม


                      .... สงสัยห้องนี้คงสะอาดได้เท่านี้ล่ะมั้ง....




                     “ โทษทีนะ...พี่อยู่ในห้องนอน  เลยไม่ค่อยได้ยิน ” ฝ่ายนั้นเอ่ยเหตุผลของการที่ออกมาเปิดประตูช้า

     
                     ดูจากการใส่แว่นแบบนี้แล้ว...สงสัยกำลังอ่านหนังสืออยู่แหงเลย


                     เขาพยายามมองพี่สนทางด้านข้าง...ใส่แว่นอย่างนี้แล้ว....ก็ดูดีไปอีกแบบแฮะ
     

                     ...ทำไม 'แฟน' เขาถึงดูดีได้ทุกสถานการณ์อย่างนี้นะ...
     

                     ว้ากกกกกกก....พูดคำว่าแฟนเต็มปากเต็มคำได้ไม่อายปากเลยเรา !!
      
     

                    “ นั่นอะไร ? ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายถือของมาพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือ แล้วจึงเดินเข้ามาแย่งไปถือไว้เสียเอง

     
                    “ เอ่อ....กับข้าว    ว่าจะ...มาทำให้กิน ” เขาพูดตะกุกตะกัก  พูดแล้วก็อยากจะตบปากตัวเองจริงๆเลย  ทั้งๆที่คุยกันก็บ่อย  แต่ทำไมยังรู้สึกเกร็งอยู่นะ


                      ร่างสูงตกใจทำตาโต  “ จริงเหรอ ?  ณัฐมาทำกับข้าวให้พี่กินจริงๆเหรอ ? ” 
     

                      ฝ่ายนั้นถามพลางทำท่าดีใจเหมือนเด็ก  จากที่รู้สึกเกร็งเมื่อกี้ ตอนนี้กลับอยากจะหัวเราะออกมาแทน


                     “ อื้อ ”   ณัฐพยายามถือถุงส่วนที่ยังอยู่ในมือ เดินไปทางฝั่งห้องครัว 


                     “ ก็กลัวว่าห้องครัวพี่จะเป็นป่าช้าไปเสียก่อน  แล้วอีกอย่าง... ”
     

                     พี่สนถืออีกสองถุงมาเก็บแบบเขาบ้าง  แล้วทันใดนั้นรุ่นพี่ก็เข้ามาโอบเขาทางด้านหลังเบาๆ  ส่วนใบหน้านั้นก็เข้ามาแนบชิดกับหน้าเขาเสียเหลือเกิน


                     “ อีกอย่างอะไรเหรอ ? ” เสียงนั้นกระซิบเบาๆที่ข้างหูจนทำให้เขาขนลุกซู่



                      อีกอย่างคือ... ‘ก็พี่อยากอาบน้ำกับณัฐ อยากกินข้าวกับณัฐ อยากจู๋จี๋กับณัฐ...ทั้งวันเลย’

                      เมื่อเช้าใครกันล่ะที่พูดแบบนี้....เขาก็เลย  คิดอยากจะมาทำกับข้าวให้กิน  น่ะสิ

                      นี่เขาบ้าจี้ตามคำพูดพี่สนมากไปรึเปล่านะ ?


                     “ อีกอย่างคือ...กำลังทำตัวเป็นศรีภรรยาที่ดีงั้นสิ? ” พี่สนเอ่ยตอบแทน


                     ณัฐหันหน้าไปมองฝ่ายนั้นอย่างรวดเร็วแต่เพราะระยะที่ใกล้เกินไป จมูกของเขาจึงชนเข้ากับแก้มฝ่ายนั้นอย่างจัง  นั่นทำให้พี่สนยิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่เขาสิ..หน้าแดงวาบไปจนถึงใบหู


                    “ งั้น...จะกินหรือไม่กิน ” ณัฐพูดเสียงเข้มกลบเกลื่อน พยายามแกะมือปลาหมึกที่กำลังเกาะเขาไว้แน่นออก


                    “ แหม...ที่รักอย่างอนสิค้าบ ”   เอาแล้วไง...ความหวานเลี่ยนโชยมาแต่ไกล

                    “ ถึงแม้ว่าณัฐทำยาพิษให้กิน  พี่ก็ยอมกินแต่โดยดีอยู่แล้ว ”


                    แต่....ประโยคนี้ฟังดูทะแม่งๆนะเนี่ย !

                    แสดงว่ายังไม่รู้ล่ะสิ...ว่าเขาทำกับข้าวอร่อยขนาดไหน

                    เดี๋ยวเหอะ...เดี๋ยวได้ตะลึง ! ....เขาได้แต่นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ



     

                   “ พี่...อ่านหนังสืออยู่เหรอ ?   ไปอ่านต่อเถอะ  เดี๋ยวทำกับข้าวเสร็จแล้วจะเรียก ”


                   “ รู้ได้ไง ว่าอ่านหนังสือ ? ” 
     

                   “ ก็พี่ใส่แว่น ”
     

                   “ พี่อาจจะกำลังเล่นคอมพ์ ดูหนังโป๊อยู่ก็ได้  ”
     

                   ไอ้บ้า !  แต่เอ๊ะ...หรือว่าจะจริง  พี่สนคนนี้ยิ่งหื่นๆอยู่


                   แล้วร่างสูงก็หัวเราะร่วน  ยอมคลายมืออกจากเขาแต่โดยดี

                   “ ล้อเล่นน่า...ทำหน้าได้หลายอารมณ์จริงนะเรา  ดูแล้วตลกชะมัด ”

     

                   เขาจึงได้แต่มองแบบค้อนๆกลับไป  แล้วพี่สนก็พูดต่อ
     

                   “ งั้นพี่ไปอ่านหนังสือต่อนะ ”


                   โดยไม่ทันระวัง  พี่สนก็หันมาจุ๊บปากเขาอย่างรวดเร็ว


                   “ อย่าคิดถึงกันล่ะ ”

                   แล้วฝ่ายนั้นก็รีบเดินเข้าห้องไป



                   ไอ้พี่สนบ้า!!!   ชอบเล่นทีเผลอ

                   เขาได้แต่ยืนยิ้มกับตัวเองแบบเขินๆ



                   แต่......อยู่กับพี่สน......ก็มีความสุขดีแฮะ

      


     ******************




                    “ ว้าวววว  ” ร่างสูงอุทานขึ้น เมื่อเห็นจานอาหารถูกวางไว้จนเต็มโต๊ะเตี้ยๆหน้าโซฟา กลิ่นอาหารหอมโชยเสียจนฝ่ายนั้นเดินออกมาจากห้อาตั้งแต่เขายังไม่ได้เรียกด้วยซ้ำ


                    ณัฐได้แต่มองท่าทีของพี่สน...ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วย? แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกดีล่ะนะ


                    สิ่งที่เขาทำนั้นก็ไม่มีอะไรมาก  ก็แค่อาหารธรรมดาสามัญทั่วไปที่สามารถทำได้   ก็มี...ผัดผักใส่กุ้งเยอะเป็นพิเศษ  ไข่เจียวหมูสับ  ผัดกะเพราไก่  แล้วก็ข้าวผัดสูตรพิเศษแสนอร่อยของแม่  ธรรมดาจริงๆแหละ...ก็เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีนี่นา  อาหารที่พิศดารก็ทำไม่เป็นเสียด้วย


                     ณัฐบรรจงตักข้าวผัดยื่นให้ฝั่งตรงข้าม แล้วตักอีกจานให้ตัวเองบ้าง


                     ฝ่ายนั้นยังคงมองจานอาหารตรงหน้าสลับกับหน้าเขาไปมา


                    “ ไม่ยักรู้...ว่าทำกับข้าวเป็นด้วย ” พี่สนพูดแล้วจับช้อนส้อมเตรียมอาวุธพร้อมรบทันที


                   “ พอดีว่า  ผะ.. ณะ  ณัฐ เคยช่วยแม่ทำกับข้าวอยู่บ่อยๆ ” เกือบหลุดปากคำว่า ‘ผม’ ออกไปแล้วสิ  แต่พูดแบบนี้ก็ไม่ชินเลยแฮะ


                     ร่างสูงทำหน้าเหมือนรู้ทัน แต่แล้วก็ตักข้าวผัดคำแรกเข้าปากทันที  ณัฐพยายามจ้องมองปฏิกิริยาจากฝ่ายนั้น


                     แต่ผิดคาด !....พี่สนกลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหลังจากเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่เขาคิดสักนิด  ทำไม? เขาทำไม่อร่อยงั้นเหรอ ?  ณัฐจึงรีบตักข้าวผัดลองกินดูบ้าง

                     ...ก็รสชาติเดิมนี่นา... อร่อยดีด้วย



                    “ ทำไมอ่ะ?...ไม่อร่อยเหรอ ? ” ณัฐถามเพราะสงสัยสุดๆ  นี่สูตรพิเศษของแม่เขาเลยนะ จะไม่อร่อยได้ไง
     

                    แต่ฝ่ายนั้นยังคงทำหน้านิ่ว อือๆออๆ อยู่นั่นแหละ ไม่ยอมพูดออกมาเสียที
     



                     ณัฐตักกุ้งตัวโตจากอีกจานยื่นให้ตรงหน้า หวังว่าฝ่ายนั้นอาจจะบอกว่าจานนี้อร่อยก็เป็นได้

                  
                     เขานึกว่าพี่สนจะยื่นจานมา  แต่ฝ่ายนั้นกลับยื่นหน้ามาซะงั้น  เขาเลยจำใจป้อนคำนั้นเข้าปากแต่โดยดี...ใจก็จดจ่อว่าฝ่ายนั้นจะพูดออกมาว่ายังไง
     
                     แต่พี่สนก็ยังคงทำหน้าเดาความคิดไม่ออก  มือหนึ่งก็ชี้ไปทางอาหารอีกจาน...ประมาณว่า อยากลองชิมอีก
     
                     เขารีบกุลีกุจอตักไข่เจียวหมูสับ แล้วป้อนให้คนตรงหน้าอีกครั้ง...

                     พูดอะไรออกมาบ้างสิ  คนเขาลุ้นจนใจจะขาดอยู่แล้วเนี่ย !
     


                    ไม่มีคำตอบใดออกมา  ...ยังเหลือกะเพราไก่อีกจาน  เขาจึงรีบตักให้อีกฝ่ายกินทันที

                    รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกุ๊กที่เข้าแข่งขันทำอาหาร แล้วกำลังรอการตัดสินจากคณะกรรมการยังไงไม่รู้...รีบพูดออกมาสิครับท่าน !



                    แล้วในที่สุด  ฝ่ายนั้นก็ยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ  

                     “ อร่อยมากก!  อร่อยทั้งสี่อย่างเลย ”

     
                   ณัฐได้ยินแล้ว...กลับไม่ค่อยรู้สึกโล่งใจสักเท่าไหร่  

                   “ อร่อย..แน่เหรอ ? ” เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


                   “ อื้ออ ” ฝ่ายนั้นพูดพลางชี้ไปที่จานเดิม เพื่อหวังจะได้กุ้งตัวโตอีกครั้ง


                    แล้วณัฐก็นึกอะไรออก   

                    อ๋อ....นี่แค่กะจะหลอกให้เขาป้อนงั้นเหรอ ? 

                     ร้ายมากกก !!

     

                    เขาเริ่มรู้ทัน  ครั้งนี้เขาจึงเปลี่ยนเป็นตักคำข้าวเข้าปากตัวเองแบบไม่สนใจฝ่ายนั้นแทน
     

                    เมื่อพี่สนรู้ว่าเขารู้ตัวก็เปลี่ยนมาหัวเราะแหะๆ แล้วยอมกินข้าวด้วยตัวเอง  แต่แล้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังงอนจนหน้าบูด ร่างสูงจึงต้องพยายามง้อ


                    “ อร่อยจริงๆนะ  ถ้าไม่เชื่อล่ะก็  จะกินให้หมดไม่ให้เหลือข้าวสักเม็ดเลย คอยดูสิ ”


                    “ ............... ”



                     ไม่ต้องมาพูดปลอบเลย  เมื่อกี้เขาตกใจแทบแย่...นึกว่าฝีมือจะตกเสียอีก  แต่กลับเป็นว่าถูกพี่สนแกล้งซะงั้น
     
                  
                     ฝ่ายนั้นเอ่ยชมแล้วชมอีก  แม้เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ก็สามารถเดาได้จากปฏิกิริยาการกินที่ฝ่ายนั้นกินราวกับเด็กที่กำลังกินของอร่อย นั่นก็ทำให้เขาเริ่มจะเชื่อใจ และกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง




                    แล้วฝ่ายนั้นก็พูดขึ้นหลังจากอาหารเกือบหมดจาน

                    “ ไม่เคยมีใครทำกับข้าวให้กินอย่างนี้มานานแล้ว...พี่ก็เลย  ดีใจ น่ะ ” พี่สนพูดขึ้น เมื่ออาหารเริ่มพร่องไปเรื่อยๆ


                    ปากบอกว่าดีใจ แต่คำพูดนั้นกลับฟังดูเศร้าๆ  ณัฐได้แต่นั่งฟังว่าฝ่ายนั้นจะพูดอะไรออกมาอีกบ้าง...แต่ พี่สนก็เงียบไปอีกครั้ง


                   “ ทำไมเหรอครับ ? ” ณัฐถามเพราะความสงสัย


                    ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้ว...เขารู้จักพี่สนน้อยมาก  เพราะที่ผ่านมาพี่สนไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย  ซึ่งน้อยพอๆกับที่พี่สนรู้จักเขานั่นแหละ แล้วตอนนี้ยังมาเป็นแฟนกัน...ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันดีเสียด้วยซ้ำ


                   “ ก็...ยังไงดีล่ะ?  พี่ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว  ” พี่สนพูดโดยที่ไม่ได้แหงนหน้ามามอง


                     อืมม...เท่าที่เขารู้มา  พี่สนเป็นคนจังหวัดนี้ไม่ใช่เหรอ ?  เพราะฉะนั้น บ้านจึงไม่น่าจะอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยนี่นา


                    “ พี่ไม่กลับบ้าน แล้วพ่อกับแม่ไม่คิดถึงแย่เหรอ ? ”


                     เพราะแม่เขาชอบบ่นให้เขากลับบ้านอยู่เป็นประจำเพราะบอกว่า คิดถึง

                     และเขานึกภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างพี่สนที่เป็นคุณหนูเอาแต่ใจในบ้านหลังใหญ่โต  แล้วก็เลยลองแซวไปเล่นๆอย่างนั้น 



                    แต่ฝ่ายนั้นกลับทำหน้ายิ้มขื่น

                    “ หึ... ”


                    “ แม่พี่เสียแล้ว.. ”

                   “ พ่อพี่อยู่กรุงเทพ.. ”

                   “ พี่ชายอยู่เมืองนอก.. ”

                  “ ที่บ้านไม่มีใครรอหรอก ”  ฝ่ายนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร



                     ณัฐรู้สึกเหมือนโดนเข็มร้อยเล่มทิ่มเข้าที่หน้าผากอย่างจัง !!!!


                   ...ที่บ้านไม่มีใครรอหรอก...


                    คำนี้ฟังดูเศร้า..จนน่าใจหาย  พี่สนมีปัญหาอะไรกับครอบครัวรึเปล่านะ?  นี่เขากำลังสะกิดต่อมอะไรของพี่สนเข้ารึเปล่า ? 
    ไม่อยากเห็นพี่สนเป็นแบบนี้เลย...


                   และนี่เป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า...เขาไม่รู้จักเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับพี่สนเลยแม้แต่น้อย.....ไม่รู้เรื่องอะไรเลย 
     
     

                  “ ณัฐ...ขอโทษ ” เขารู้สึกผิดจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เขากำลังทำให้พี่สนรู้สึกแย่รึเปล่านะ ?
     


                  “ เฮ้ย...ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คิดอย่างนั้นสักหน่อย  อย่าคิดมากน่า ” ฝ่ายนั้นรีบปลอบประโลมเขาแทน   อันที่จริงถ้าพี่สนเศร้า เขาควรจะเป็นฝ่ายปลอบไม่ใช่เหรอ ?
     

                    แต่เขายังคงคิดมากอยู่อย่างนั้น  พี่สน...มีปัญหาอะไรกับครอบครัวรึเปล่านะ?   เขาอยากรู้เรื่องของพี่สน...แต่เพราะ เขาไม่กล้าถาม ?  ใครจะกล้าถามล่ะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว...  จึงได้แต่ต้องรอให้พี่สนบอกเอง 


                     แต่.... 

                     ‘ที่บ้านไม่มีใครรอหรอก’


                     ประโยคนี้ฟังแล้วมัน... เจ็บลึกเข้าไปถึงข้างในเลยแฮะ 


                     เขาไม่รู้หรอกว่าเวลากลับบ้านแล้วไม่มีใครมันเป็นยังไง เพราะครอบครัวเขาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันตลอด จึงไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนั้น  รู้แต่เพียงว่า อารมณ์แบบนั้น....คงจะต้อง ‘เหงา’ มากแน่ๆ
     



                    “ ณัฐ...อิ่มแล้วเหรอ ? ” เสียงทุ้มทางด้านหน้าเอ่ยขึ้น


                    “ อ้อ...อื้อ ” 


                     เขาแอบเหลือบมองฝ่ายนั้นที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินราวกับเด็กๆที่หิวโซ แล้วก็ต้องยิ้มบางๆออกมา



                     บางที..........คนที่ดูเหมือนมีทุกอย่าง........อาจจะกำลังขาดอะไรบางอย่าง อยู่ก็ได้...

                     อย่างเช่น คนตรงหน้าเขานี่ไง !



                    “ พี่สน....ชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า...เดี๋ยววันหลังณัฐจะทำให้กินอีก ”  เขาถามฝ่ายนั้นด้วยสีหน้าชื่นมื่น จนฝ่ายนั้นที่ได้ยินก็ถึงกลับทำตาโตแล้วก็ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง



                    เขาคงทำได้แค่เพียงเท่านี้ล่ะมั้ง ?  


                    ถ้าไม่มีใครทำกับข้าวให้พี่สนกิน...เดี๋ยวเขาจะทำให้กินเอง



                    ไม่ต้องห่วงนะพี่สน....


     

      *****************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×