ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #125 : บทที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ด -- จับคู่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.08K
      4
      16 ก.ย. 59

    บทที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ด

     

    ร่างสูงกำลังนอนทอดกายอย่างสบายใจที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน หลังจากเรียนจบนี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วและตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจมากอย่างบอกไม่ถูก  นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาการเรียนยาวนานถึงหกปีเต็ม ทั้งความสนุกสนาน ความกดดัน ปัญหาและอุปสรรคมากมาย แต่เขาก็มุ่งมั่นทุ่มเทจนผ่านมันมาได้ ทำให้รู้ว่าความสำเร็จในวันนี้มันช่างคุ้มค่าเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน เพื่อนฝูงหรือแม้กระทั่ง...คนรัก พอนึกมาถึงตรงนี้แล้วเขาก็ต้องเผลออมยิ้มกับตัวเองเบาๆ  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่ดีที่สุดของการมาเรียนหมอไม่ใช่การได้เป็นหมอ แต่คือการได้เจอคนที่สำคัญมากกับชีวิต นั่นก็คือ...ณัฐ บางทีเบื้องบนอาจจะลิขิตให้เดินมาเส้นทางนี้เพียงเพื่อที่จะได้พบกับคนที่กำลังตามหาและทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปทั้งชีวิตก็ได้...เขาคิดแบบนี้จริงๆ  ตั้งแต่วันที่มีณัฐเข้ามาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าแต่ละวันมีความสุขมากแค่ไหน ชีวิตชัดเจนและมีความหมาย อยากทำตัวให้ดีขึ้นเพื่อเค้า รู้ว่าเราเกิดมาเพื่อใคร และจะต้องทำอะไร คนที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่ชีวิตของกันและกัน...เขาพึ่งเข้าใจความหมายก็วันนี้นี่เอง และก่อนจากกันวันก่อนที่เขาบอกณัฐเรื่องแต่งงานกันหลังอีกฝ่ายเรียนจบ นั่นเขาก็พูดจริง ถ้าอนาคตหลังจากนี้เราทำงานกันอย่างมั่นคงดีแล้ว ก็อยากที่จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป นั่นคือสิ่งที่เราวางแผนกันไว้

    แต่ตอนนี้ก็ต้องมีเรื่องให้ต้องกังวลใจอีกเรื่องหนึ่ง เพราะสัปดาห์หน้าเขาเองก็จะต้องเลือกจังหวัดที่อยากทำงานเพื่อใช้ทุน แต่ถ้ามีคนเลือกเยอะก็ต้องมีการจับสลากเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเป็นที่ไหน เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้ได้อยู่จังหวัดที่ใกล้กับณัฐ เพราะจะได้เดินทางมาหากันได้บ่อยๆ ไม่อย่างนั้นคนรักของเขามีหวังบ่นคิดถึงแย่ เพราะขนาดพึ่งจากกันแค่ไม่กี่วัน ฝ่ายนั้นยังบอกคิดถึงเช้าเที่ยงเย็นเลย...เขาเข้าใจดี ก็คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวันนี่นา แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องอดทนเพราะยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ

    แต่จะว่าไปแล้วเรื่องเลือกจังหวัดที่ใช้ทุนไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเท่าไหร่นัก เพราะถึงแม้จะไกลกันมันก็แค่ระยะทาง ถึงเกิดขึ้นจริงๆก็เชื่อว่าเราจัดการเรื่องนี้กันได้ แต่ตอนนี้เขากำลังคิดหนักอีกเรื่องมากกว่าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่คิดอยากจะทำเมื่อเรียนจบทันที...ใช่ เขาคิดจะบอกพ่อเรื่องการคบกันของเรา...อยากบอกพ่อเรื่องณัฐ

    เขาเองก็เคยคิดภาพไว้ในหัวสารพัดรูปแบบก็ยังคิดไม่ออกว่าจะบอกพ่อยังไงดี ทั้งเรื่องที่เขามีแฟนและแฟนของเขาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้ง่ายๆเลยโดยเฉพาะสำหรับคนอย่างพ่อด้วยแล้ว  แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องยอมรับในทันทีหรอก แค่อยากจะบอกความจริงออกไป อยากให้พ่อได้รู้ว่าคนรักของเขามีตัวตน เรารักกันและเราวางแผนอนาคตร่วมกันไว้แล้ว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาเองก็พร้อมที่จะพิสูจน์ อย่างน้อยก็ให้พ่อได้เห็นความตั้งใจ ว่าเขาตัดสินใจดีแล้วและพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนหรือต้องแลกด้วยอะไรเขาก็พร้อมที่จะทำ...เขาพร้อมจะรับผิดชอบการกระทำนี้

    ...เพราะคงจะอยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีณัฐเคียงข้างกัน ยังไงเขากับณัฐต้องได้อยู่ด้วยกันตลอดไป...

     

    และวันนี้พ่อของเขาได้โทรมาบอกว่าช่วงเย็นจะพาไปเลี้ยงฉลองเนื่องในวันเรียนจบ จริงๆเขาเองก็ไม่ได้อยากไปนักหรอก เพราะครั้งล่าสุดที่พ่อพาไปดินเนอร์สุดหรูด้วยกันก็เมื่อตอนสอบติดแพทย์ได้ จำได้ว่าอาหารอร่อยแต่บรรยากาศแสนจะอึดอัด แต่ก็ดีหน่อยเพราะอย่างน้อยพ่อก็เซอร์ไพรส์ด้วยการให้กุญแจรถbmwเป็นของขวัญ พร้อมกับทิ้งท้ายว่า ตั้งใจเรียนนะ พอเรียนจบแล้ว แกอยากได้อะไรขอให้บอก เอารถคันนี้เป็นรถคันแรกไปขับก่อนละกัน’   

    ก็ดีเหมือนกัน...นี่อาจจะเป็น โอกาสดีที่ทำให้เขาได้นั่งคุยและบอกเรื่องนี้กับพ่อก็เป็นได้

    ผมชวนป้าจันทร์ไปด้วยกันนะครับ

    ได้สิ ให้ลุงพลขับรถมาส่งนะ เจอกันร้านเดิม ชั้นดาดฟ้า บนตึกออฟฟิศ

    ครับ ร่างสูงตอบพ่อออกไปผ่านปลายสายโทรศัพท์

    เพราะเราก็คิดว่าป้าจันทร์เป็นเหมือนคนในครอบครัวหรือเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เลี้ยงพวกเขามาแต่เด็ก เขาเองก็ไม่อยากให้ป้าจันทร์อยู่บ้านคนเดียว อยากชวนไปกินอาหารอร่อยนอกบ้านบรรยากาศดีด้วยกัน และถ้าเผื่อวันนี้ได้บอกเรื่องณัฐออกไป อย่างน้อยจะได้มีอีกคนช่วยสนับสนุนได้

    และเมื่อถึงเวลานัด เขาและป้าจันทร์ก็เดินทางไปยังร้านอาหารจุดหมายทันที วันนี้ป้าจันทร์แต่งตัวสวยสง่าสมวัย จึงอดที่จะแซวไม่ได้

    วันนี้ป้าจันทร์ สวยมากๆเลยครับ ”  พอชมออกไปแบบนั้น หญิงชราถึงกับยิ้มหวานจนเห็นริ้วรอยแห่งวัย

    เป็นวันเลี้ยงฉลองวันพิเศษของคุณหนู แล้วร้านอาหารก็แพงมากด้วย ป้าก็ต้องสวยสักหน่อยสิจ้ะ

    ให้ทายว่าวันนี้พ่อจะเซอร์ไพรส์ของขวัญอะไรกับผม ? ...หรือผมจะเซอร์ไพรส์พ่อกันแน่...ประโยคนี้เขาได้แต่คิดในใจ เพราะป้าจันทร์ยังไม่ทราบเรื่องที่เขาจะบอกพ่อในวันนี้

    แหม...ไม่ว่าคุณหนูต้นสนขออะไร คุณท่านก็ให้ทั้งนั้นแหละค่ะ อุตส่าห์ตั้งใจเรียนจนจบหมอทั้งที ....นั่นสินะ บางที ถ้าเขาขอร้องดีๆ พ่ออาจจะอนุญาตให้เขาคบกับณัฐก็ได้

     

    ************************************************************

     

    ร้านอาหารบนชั้นดาดฟ้ากลางเมืองใหญ่บรรยากาศค่อนข้างดี วิวมุมสูงทำให้มองเห็นด้านล่างเพียงแค่แสงไฟสว่างไสวยามราตรี ลมพัดโชยรวมกับเสียงดนตรีแจ๊สอันไพเราะ ทำให้ร้านนี้มีคนเกือบเต็มร้านได้ทั้งที่ยังไม่ค่ำมากนัก เขามองไปรอบๆก็เห็นหญิงชายวัยทำงานแต่งตัวดีกันทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าเป็นร้านของคนมีอันจะกินเท่านั้นที่มานั่ง เขาเคยมาร้านนี้ครั้งหนึ่งตั้งแต่ยังเด็กแต่ตอนนั้นจำได้ว่าบรรยากาศยังไม่หรูหราเท่านี้ และเมื่อแจ้งชื่อจอง บริกรท่าทางสุภาพก็เดินนำเราทั้งสองไปยังโต๊ะที่ถูกจองไว้ก่อนแล้วและแน่นอนเป็นบริเวณที่วิวดีที่สุดชิดริมระเบียงมุมหนึ่ง

                “ 5 ท่าน ใช่มั้ยครับ ?ฝ่ายนั้นรีบเลื่อนเก้าอี้ออกให้

                ร่างสูงทำหน้าสงสัย  อ๋อไม่ครับ 3 ท่าน

    รีบตอบออกไป แต่เอ๊ะ ?! หรือว่าพ่อจะมีแขกมาด้วย เขาหันไปมองป้าจันทร์ แกก็ส่ายหน้าเหมือนไม่ทราบด้วย มองดูบนโต๊ะก็สังเกตว่าถูกจัดไว้สำหรับคน 5 คนไว้แล้ว

                งั้นพ่อก็น่าจะจองไว้ 5 ที่นะครับ ตอบไปก็พลางสงสัยว่าพ่อพาใครมาด้วย

                รับอาหารออเดิฟก่อนเลยมั้ยครับ ?

                “ เดี๋ยวรออีกท่านก่อนครับ...อ้อ มาพอดีเลย !

                 เขามองไปเห็นพ่อกำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี แต่ไหนแต่ไรพ่อจะเป็นคนกระฉับกระเฉงเดินไวแบบนี้อยู่แล้ว อีกฝ่ายใส่สูทรสีดำเหมือนที่เคยใส่ประจำ ไม่นานก็มานั่งตรงหัวโต๊ะทันทีจนบริกรเลื่อนเก้าอี้ให้แทบไม่ทัน และที่เห็นคือ...พ่อมาคนเดียว

                พ่อพึ่งเลิกงานเหรอครับ ?  อย่างน้อยก็ต้องไถ่ถามกันสักหน่อย

                “ ใช่ มีปัญหานิดหน่อย แต่ก็จัดการแล้ว แล้วแกมาถึงนานยัง ?

                “ พึ่งมาถึงเมื่อกี้เองครับพ่อทักทายกับป้าจันทร์เล็กน้อย แล้วอาหารเซตแรกก็เริ่มเสิร์ฟทันที

                “ เห็นจัดโต๊ะมา 5 ที่ จะมีใครมาด้วยเหรอครับ ?

                “ พ่อมีแขกมาด้วย จะมาแสดงความยินดีกับแกเขาทำหน้าสงสัย พลางคิดในใจ นี่คงไม่ใช่พี่ไผ่บินมาจากฝรั่งเศสเพื่อมาเซอร์ไพรส์เขาหรอกนะ...หรือเป็นคนอื่น ?

                แล้วเป็นไงบ้าง เรียนจบแล้ว ?พ่อเริ่มเอ่ยถามก่อน หลังเรียนจบอย่างเป็นทางการเขาพึ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อบนโต๊ะอาหารเป็นครั้งแรกก็วันนี้ และสังเกตว่าอีกฝ่ายเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว อาจจะด้วยบรรยากาศของเสียงดนตรีก็เป็นไปได้

                ก็ดีครับ รู้สึกโล่งใจมากกว่า หลังจากนี้ก็เหลือแค่รอทำงาน ”  ถ้ามองไม่ผิดเขารู้สึกเหมือนเห็นพ่อยกยิ้มนิดๆด้วยแฮะ อย่างน้อยการเรียนจบของเขาก็ทำให้พ่อภูมิใจได้ล่ะนะ

                ดี แล้วหลังจากนี้ต้องได้ไปทำงานที่ไหน ?

                “ ยังไม่ทราบเลยครับ ต้องรอจับสลากเลือกจังหวัดก่อน อาทิตย์หน้าก็จะได้จับสลากครับ

                “ เลือกไม่ได้เลยเหรอ ?

                “ เห็นรุ่นพี่บอกว่า ก็พอเลือกจังหวัดได้ครับ แต่อาจจะเต็มหรือไม่เต็มต้องรอดูอีกที แต่ก็ต้องมีจังหวัดใกล้เคียงเผื่อไว้ด้วย

                “ แล้วหลังจากนี้วางแผนยังไงต่อ ?พ่อถามเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

                ก็อยากใช้ทุนสัก 3 ปีก่อนครับ อยากหาประสบการณ์ ผมยังไม่อยากเรียนต่อ จริงๆก็ยังคิดไม่ออกว่าจะต้องเรียนต่ออะไร ?

                “ แล้วได้วางแผนเรื่องอนาคตระยะยาวไว้บ้างรึยัง ?

                “ อนาคตระยะยาว ?เขาถามทวนคำ

                พ่อหมายถึงหลังทำงานก็ต้องเริ่มสร้างฐานะ แล้วหลังจากนั้นก็แต่งงานมีครอบครัว ก็เห็นต้นไผ่ก็บอกว่าแกยังไม่มีแฟนนี่นา

                ยังไงเหรอครับ ?เขาเข้าใจดีว่าทำไมพี่ไผ่ต้องบอกออกไปแบบนั้น เพราะคงต้องการเก็บเป็นความลับไว้เหมือนกัน แต่ถ้าพ่อถามออกมาแบบนี้แล้ว...

                “ ไหนๆก็เรียนจบแล้ว พ่ออยากให้แกได้เริ่มคิดเรื่องนี้ เพราะพ่อเองก็ไม่อยากรอนาน...พ่ออยากให้แกแต่งงาน  ”

                “ อะไรนะครับ ?!!! ” ร่างสูงตาโต พร้อมกับหันไปมองป้าจันทร์ที่ยกมือขึ้นมาทาบอก ท่าทางดูตกใจไม่แพ้กัน เขาสูดหายใจลึกพร้อมกับตั้งสติ...พ่ออาจจะแค่เกริ่นเรื่องอนาคตหรืออยากวางแผนชีวิตให้เขาเหมือนที่ผ่านมาก็ได้ ก็แค่เหมือนทุกครั้งนั่นแหละที่ชีวิตเขาต้องถูกบงการ

    แต่คนตรงหน้ากลับวางช้อนส้อมแล้วพูดด้วยสายตาจริงจัง

                วันนี้พ่อเชิญแขกมาสองคน จะมาแสดงความยินดีกับแกด้วย เป็นเพื่อนของพ่อเองที่เคยทำธุรกิจด้วยกันมานาน อีกคนคือลูกสาวคนเล็กของเค้า เห็นว่าพึ่งจบโทมาจากอังกฤษ น่าจะอายุเท่าแกนะ รุ่นใหม่ไฟแรงกำลังมาช่วยกิจการของที่บ้าน ทั้งเก่ง ทั้งสวย โปรไฟล์ดี เผื่อจะได้รู้จักกันไว้ และที่สำคัญ ผลกำไรของบริษัทนี้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องเลยล่ะ

                สิ้นประโยคนั้นเขาพูดแทบไม่ออก เขาเข้าใจดีว่าพ่อหมายความว่าอย่างไร ในวันฉลองการเรียนจบซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีกลับได้กลายเป็นวันหาคู่ให้เขาไปโดยปริยาย สมัยนี้ยังมีเรื่องของการคลุมถุงชนอะไรพรรค์นี้ด้วยเหรอ พ่อไม่เข้าใจเหรอว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ ถึงแม้ยังโสดเขาก็คงปฎิเสธอยู่ดี แต่นี่เขาก็มีคนรักแล้วด้วย เพราะฉะนั้นมีคำตอบเดียวคือ...ไม่มีทาง !! แล้วประโยคสุดท้ายที่พูดถึงผลกำไรของบริษัทอะไรนั่น คงไม่ใช่อยากจะให้แต่งงานเพื่อธุรกิจหรอกนะ ตลกสิ้นดี

                ร่างสูงส่ายหัว  พ่อครับ ผมคง....

    แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ เสียงโทรศัพท์ของพ่อก็ดังขึ้น ฝ่ายนั้นรับสาย พอฟังบทสนทนาก็เดาได้ไม่ยากว่าใครโทรมา น่าจะเป็นคนที่พ่อกำลังพูดถึงเมื่อกี้นี่เอง บอกชั้นและตำแหน่งโต๊ะเสร็จสรรพ พ่อกดวางสายแล้วจึงหันมามองเขาและเผยยิ้มแบบที่เขาไม่เห็นบ่อยนัก

                ต้นสน...รอรับแขกนะ ทั้งสองคนกำลังขึ้นลิฟต์กันมาแล้ว

                แต่พ่อครับ !! ”

                อย่าทำให้เสียเรื่องนะ นี่เป็นเพื่อนพ่อ ทำตัวดีๆกับเค้า...ลูกสาวเค้าชื่อหนูพลอยนะ เทคแคร์หนูพลอยดีๆด้วยล่ะฝ่ายนั้นส่งสายตาเข้มงวดกลับมาให้เหมือนอย่างที่เคยทำ เขาได้แต่ลอบถอนหายใจ

                ไม่นาน แขกคนพิเศษของพ่อก็มาถึง ชายมีอายุรูปร่างสูงสง่ามาในชุดสูทรสีดำที่มาพร้อมกับสาวสวยเดินเคียงข้างทำให้คนในร้านหันมองตามได้ไม่ยาก เพราะหญิงสาวคนดังกล่าวโดดเด่นมากพอสมควร ทั้งรูปร่างสูงหุ่นดีรับกับชุดเดรสสีขาวเข้ารูป ผมดำยาวตรงจนถึงกลางหลัง หน้าตาจัดว่าสวยเก๋แบบสมัยนิยม เสื้อผ้าเครื่องประดับมองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาแพงมากแค่ไหน

                พ่อรีบทักทายกล่าวต้อนรับแขกทั้งสองคนทันที จนจังหวะของสายตาทั้งคู่จับจ้องมองมาทางเขานั่นแหละ

    อ้าว นี่เหรอ คุณหมอคนใหม่ ยินดีด้วยนะชายมีอายุคนดังกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับยื่นมือมาจับมือเขาแน่น

                ขอบคุณมากครับ

                “ ยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักกันเลย...ต้นสน นี่ลุงเกียรติ เพื่อนพ่อนะ และนี่...หนูพลอย ลูกสาวคนเล็กของลุงเกียรติ...ส่วนนี่ต้นสน ลูกชายฉันเองเป็นแฝดคนน้อง และป้าจันทร์คนเลี้ยงต้นสนมาตั้งแต่เด็ก

                “ สวัสดีครับเขายกมือไหว้ลุงเกียรติและส่งยิ้มให้กับพลอยตามมารยาท ฝ่ายนั้นก็ยิ้มหวานกลับมาให้เช่นกัน แล้วเราทั้งหมดก็นั่งประจำโต๊ะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาและพลอยนั่งตรงข้ามกัน เป็นการเตรียมการมาก่อนแล้วของพ่อนั่นเอง รู้สึกดีเหลือเกินที่มีป้าจันทร์นั่งข้างๆด้วย ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกอึดอัดแย่ เพราะปกติแต่ไหนแต่ไรเขาไม่ค่อยชอบเข้าสังคมประมาณนี้เท่าไหร่

                “ ลุงว่าเรียนหมอนี่ยากมากเลยนะ เรียนจบหมอมาได้นี่ ต้นสนต้องขยันมากแน่ๆลุงเกียรติชวนคุยก่อน ส่วนพลอยก็ได้แต่ยิ้มและมองตามมาทางเขา

                แค่มุ่งมั่น ตั้งใจ ก็เรียนได้ครับเขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ เพราะสำหรับเขามองว่าแค่เก่งอย่างเดียวเรียนไม่จบหรอก ต้องอาศัยความขยันมุ่งมั่นตลอดเส้นทางจะถูกต้องกว่า

                อืม..ใช่ แนวคิดดี ลุงเห็นด้วยๆ แล้วนี่เริ่มทำงานตอนไหนล่ะ?

                “ อีก 3 เดือนครับ ต้องรอเลือกโรงพยาบาลก่อน

                “ อ้อ...นี่สองคนนี้ ยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่มั้ย? น่าจะรุ่นเดียวกันกับน้องพลอยนะ เห็นพ่อบอกว่าเกิด พศ เดียวกันลุงเกียรติรีบชักชวนให้พวกเขาทำความรู้จักกัน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นจุดประสงค์ของการมาในวันนี้ เขาพยักหน้ารับหันไปยิ้มให้หญิงสาว เพราะถ้าไม่อะไรเลยก็เดี๋ยวจะหาว่าเสียมารยาท

                ยินดีที่ได้รู้จักครับ

                สักพัก ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านก็คุยสัพเพเหระเรื่องธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆนานา พลอยจึงเริ่มชวนคุยก่อน

                เคยเห็นคุณลุงเอารูปหมอสนให้ดูนะคะ แต่พลอยว่าตัวจริงดูดีกว่าในรูปซะอีกอีกฝ่ายยิ้มหวานมาให้

                ฮ่าๆ ขอบใจนะ แต่เรียกเราว่าสนเฉยๆก็ได้ ชื่อนั้นให้คนที่โรงพยาบาลเรียกเถอะ

                เธอได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พยักหน้ารับ เท่าที่สังเกตจากการคุยกันเกือบชั่วโมงก็พบว่าพลอยเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่ง มั่นใจและฉลาด  ทั้งท่าทางและการพูดการจา มารยาททุกอย่างบนโต๊ะอาหารดูก็รู้ว่าคงถูกอบรมมาอย่างดี ลูกสาวนักธุรกิจไซส์ใหญ่ สวยและเก่งขนาดนี้...พ่อคงจะหวงและห่วงมากพอสมควรเลยล่ะ

    และไม่ต้องบอกก็รู้...ว่านี่คือมาตรฐานที่พ่อของเขาคัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ

     

                พูดคุยกันราวสองชั่วโมงจนปิดท้ายด้วยอาหารหวาน เขารอเวลานี้เพราะอยากเลิกเต็มทน วันนี้ทุกอย่างออกจะผิดคาดไปสักหน่อยจึงทำให้เขาค่อนข้างเบื่อและอยากกลับบ้าน  ไปคุยโทรศัพท์กับณัฐยังมีความสุขมากกว่าซะอีก จนถึงช่วงท้ายที่เรากำลังตัดสินใจจะแยกย้ายนั่นแหละ พ่อของเขาก็เซอร์ไพรส์ด้วยการหยิบห่อของขวัญกล่องสีดำแบนเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านในยื่นมาให้

                อ้ะ พ่อให้แก เป็นของขวัญวันเรียนจบ ลองเปิดดูสิ

                ทุกคนต่างมองตาม ร่างสูงยื่นมือออกไปรับและเปิดออกทันที แล้วก็ต้องตกใจจนตาโต มองหน้าผู้เป็นพ่อ เหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

                “ PORCH boxter เปิดประทุนรุ่นใหม่ล่าสุด เอาไปใช้นะ

                เขาหยิบกุญแจรถพลิกหน้าหลังเพื่อดูให้แน่ชัด...นี่คือความจริงเหรอ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ารถคันนี้ราคาเท่าไหร่ นี่พ่อให้เขาจริงๆเหรอ !!?

                ดีใจด้วยนะจ้ะสน

                “ โอ้โห ทุ่มเพื่อลูกจริงๆลุงเกียรติตบไหล่พ่อเบาๆ

                รถจะส่งไปที่บ้านพรุ่งนี้เช้า แกค่อยลองขับเทสพรุ่งนี้ก็ได้

     

    ***********************************************************

     

                กลับมาบ้านหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอนแล้ว ร่างสูงนอนก่ายหน้าผากท่ามกลางความเงียบพลางคิดหนักสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งเรื่องที่พ่ออยากจับคู่ให้และที่อีกฝ่ายให้รถแพงแสนแพงนั่น ถามว่าดีใจมั้ย? มันก็ดีใจอยู่หรอก รถสปอร์ตเปิดประทุนใครล่ะที่ไม่ชอบ แต่เขาว่าพ่อต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ และแยกจากกันเมื่อครู่เขาก็ยังไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายเช่นเคย เห็นบอกว่าพรุ่งนี้ก็มีประชุมด่วน แบบนี้ยิ่งร้อนใจอยากบอกความจริงกับพ่อออกไปเร็วๆ

                เมื่อครู่เขาคุยโทรศัพท์กับณัฐก่อนเข้านอนตามปกติ แต่ยังไม่เล่าให้ฟังเรื่องพลอยและรถในวันนี้ เพราะอยากจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยด้วยตัวเองก่อน

                ร่างสูงถอนหายใจยาว พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความหาพี่ชาย เล่าเรื่องทุกอย่างในวันนี้ให้ฟัง หลังๆมานี้เขาปรึกษาพี่ชายค่อนข้างบ่อย ฝ่ายนั้นแนะนำว่า...เรื่องแต่งงานถ้าพ่อพูดขึ้นมาจริงๆก็ให้ปฏิเสธแบบจริงจังไป เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ถ้าจะให้บังคับกันจริงๆก็คงทำไม่ได้  ขนาดพี่ไผ่กับยูมิพ่อยังไม่ยอมเลย แต่ตอนนี้ก็ยังคบกันดี พี่ชายเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าพ่อยังไม่ยอมก็คงต้องมีลูกกับยูมิ แอบแต่งงานกันเงียบๆ แล้วสร้างครอบครัวกันไปเลย พี่ชายเหมือนพูดเล่น แต่เขาคิดว่าฝ่ายนั้นคงวางแผนอนาคตไว้แบบนี้จริงๆ เพราะอีกแค่ไม่กี่สัปดาห์พี่ไผ่ก็จะเรียนจบแล้ว ตอนนี้กำลังเป็นนักดนตรีชั้นนำของวงออเคสตร้าที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ รายได้ดีเลยล่ะ คาดการณ์ว่าอีกฝ่ายคงอยากสร้างครอบครัวที่นั่นเลย และคงไม่กลับมาอยู่ไทย

    และพอปรึกษาเรื่องณัฐ...พี่ไผ่กลับตอบสั้นๆมาแค่ว่า

    อย่าพึ่งบอกเด็ดขาด คบกันแบบนี้ไปก่อน


    *****************************************************(จบบทที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ด)



    TALK

    ปล. สวัสดีๆๆๆๆทุกท่านๆๆๆๆ กลับมาแล้วนะ อิอิ ตอนนี้ก็ไม่นานเท่าไหร่ ประมาณ4ปีเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆ ตอนหน้าก็แต่งเสร็จแล้วนะ แต่อยากจะแต่งยาวรวดเดียวไปเลย คาดว่าไม่นานเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว เตรียมดราม่าใหญ่ได้เลย คริคริ  นี่แต่งไปก็เจ็บปวดไป(ไม่ใช่ไรหรอก...ลืมบท มะใช่ ล้อเล่น ฮ่าๆ)  อะไรๆก็เปลี่ยนไป ต้องปรับให้ทันยุคใหม่ นิยายคงมีการ rearrange ใหม่บ้างบางบทและบางตอน นี่ก็คิดไม่ออกว่าจะมีกี่หน้า? กี่เล่ม?...ยาวเหลือเกิน(ปาดเหงื่ออออ) แต่งตั้งแต่ยังเป็น นศพ. ตัวน้อยๆ จนเป็นหมอ จน.....จะเป็นอย่างอื่นแทนละ (เป็นนักเขียนแทนไง อิอิ)

    ปลล. อยากอ่านเม้นของทุกคนนะ ^^ จะด่าจะว่าอะไรก็ได้ ขอแค่ยังอ่านและรักกัน กลับมาแล้ว ชูนิ้วก้อยยิ้มหวาน......ดีกันนะ

    ปลลล. อยากถามว่า ถ้าพิมพ์เป็นเล่มใครจะซื้อเก็บไว้บ้าง อยากซาวเสียงจำนวน ถ้าขายได้สิบเล่ม นี่คงจะพักก่อน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ขอบอกไว้เลยว่ามีตอนพิเศษแน่นอน แบบไม่มีในเว็บและมีแต่หนังสือเท่านั้นอ่านะ อยากเป็นของขวัญให้คนที่อยากเก็บไว้สะสม เอาไว้อ่านนานๆ เพราะคนเขียนก็ชอบเอานิยายเก่าๆมาอ่านใหม่ประจำ ชอบๆ

    @@ คิดถึงทุกคนนะ @@

    ด้วยรัก...ปาปู :D

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×