คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #117 : บทที่หนึ่งร้อยเก้า -- ไม่ฉะบายยย
บทที่หนึ่งร้อยเก้า
“ ฮัด ชิ่ว.....ฮ้าดดด ชิ่ว !!! ” ร่างสูงเอาแต่จามตลอดทั้งวัน เมื่อเช้าหลังตื่นนอนเขาก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว แถมตอนนี้ยังคัดจมูกเหมือนน้ำมูกจะไหลอีก นี่เขากำลังจะเป็นหวัดเหรอเนี่ย
“ พี่สนไม่สบายเหรอ ? ” คนตรงหน้าเอื้อมมือเล็กมาแตะหน้าผากเขาเบาๆ
“ ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะเป็นหวัดนะ ” เขาหยิบทิชชู่มาสั่งน้ำมูก อืมม...ชัดเลย แบบนี้
“ ดูท่าไม่ดีเลยอ่ะ ตัวรุมๆด้วย ” เห็นสีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นห่วงจากอีกฝ่าย เพียงแค่นี้ก็ทำให้รู้สึกดีแล้ว
“ อืม ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอกินข้าวเย็นเสร็จ กินยา นอนตื่นขึ้นมาเดี๋ยวก็หาย ” เขาบอกออกไปไม่อยากให้อีกคนคิดมาก
“ ต้องเป็นเพราะเราไปเที่ยวน้ำหนาวมาแน่เลย ”
“ คงใช่อ่ะ ”
“ กลางคืนหนาวสุดขั้ว กลางวันก็ร้อนตับแตก พี่สนก็เลยไม่สบายจนได้ ”
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เขานอนไม่ค่อยพอด้วย พอไปเที่ยวแล้วเจอสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบนั้นก็เลยทำให้ไม่สบายเอาได้ง่ายๆ ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาออกจะร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วยด้วยซ้ำ
พอช้อนตามองเห็นแต่ณัฐทำหน้าวิตก ทันใดนั้นก็กุลีกุจอรีบลุกออกไป เห็นกลับมาพร้อมกับกล่องยาในมือ หยิบจับซองยาพลิกดูไปมาสักพัก ยาสามเม็ดก็ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
“ นี่ยาหลังกินข้าวนะ ยาลดไข้แล้วก็ยาลดน้ำมูก ”
ร่างสูงอมยิ้ม “ ขอบคุณมากครับ...คุณหมอ ”
“ สรุปพี่สนจะเป็นคนไข้ หรือจะเป็นคุณหมอกันแน่เนี่ย ? ”
“ ก็เป็นหมอ...ที่ป่วยไง หมอก็ป่วยได้เหมือนกันนะ ”
“ กินข้าวเสร็จแล้วกินยานะ ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้หรอก คืนนี้อากาศหนาว เช็ดตัวเอาดีกว่า ”
“ ณัฐจะเช็ดให้พี่มั้ย ? ” ร่างสูงยิ้มกวน
“ แค่เป็นหวัด ไม่ได้แขนด้วนซะหน่อย ” ฝ่ายนั้นทำหน้ายู่ มองแล้วน่ารักดีจริงๆ
“ โห...ใจร้ายอ่ะ แฟนไม่สบายทั้งที จะปล่อยให้เช็ดตัวเองหรือไง ”
“ ล้อเล่น ! เดี๋ยวณัฐเช็ดให้ ” ร่างเพรียวอมยิ้มน่ารักน่าชัง เดี๋ยวนี้ลูกเล่นเยอะจริงนะแฟนเรา
“ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ”
“ เดี๋ยวก็ไม่ทำให้ซะหรอก ! ” อยู่ดีๆก็ตีหน้าบูด ท้าวสะเอวใส่ซะอย่างนั้น เฮ้อ...มีหลายอารมณ์จริงๆ
“ ครับๆ...พี่ยอมแล้ว ”
ณัฐพยักหน้าหงึกหงักราวกับตัวเองเป็นฝ่ายเหนือกว่า เขาอยากหัวเราะในท่าทางนี้เสียจริง คบกันมาตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่เขาจะรู้สึกเบื่อคนๆนี้เลย ตรงกันข้ามกับยิ่งรู้สึกดี ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งมีความสุข ทำให้รักได้มากขึ้นทุกวัน ทุกอย่างเราไปด้วยกันได้ พยายามอยู่กันด้วยความเข้าใจ แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกว่า...ใช่ ได้ยังไง
คนนี้อ่ะ...คงปล่อยไปไม่ได้จริงๆ
อยู่ดีๆเสียงโทรศัพท์ของณัฐก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ ฝ่ายนั้นพอเห็นหน้าจอแล้วก็รีบกดรับทันที
“ ครับแม่ ”
“ กำลังกินข้าวเย็นอ่ะ ”
“ ข้าวต้มหมูกับผัดผักครับ ณัฐทำเอง ”
“ อร่อยแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องถามหรอก นี่ลูกใคร ? ” คนตรงหน้าเผยยิ้มหลังแซวแม่ตัวเองไป
“ ยังครับ ตังค์ยังไม่หมด ”
ฝ่ายนั้นเงยหน้ามามอง “ พี่สนอยู่ตรงนี้แหละ วันนี้พี่สนไม่สบายด้วยอ่ะแม่ เหมือนจะเป็นหวัดเลย ”
แล้วณัฐก็ยื่นโทรศัพท์มาให้กระซิบบอกว่าแม่อยากคุยด้วย เขาจึงรับมา
“ สวัสดีครับแม่ ”
“ สนไม่สบายเหรอลูก ? ” คนปลายสายไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงทันที
“ แค่เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก ”
“ เสียงแหบเลย กินยาซะนะ จะได้หายไวๆ ”
“ ขอบคุณครับแม่ เมื่อกี้ณัฐก็เตรียมไว้ให้แล้ว ”
“ ฮ่ะ ๆ ดูแลคนอื่นเป็นด้วยเหรอเนี่ย ? ”
“ ดูแลดีด้วยครับ ”
“ จ้ะ งั้นก็พักผ่อนเยอะๆนะ เรียนก็หนักยังมาไม่สบายอีก ถ้าไม่ดีขึ้นก็บอกให้น้องพาไปหาหมอได้นะ ”
“ ครับแม่ ขอบคุณมากครับ ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วเขาก็รู้สึกเต็มตื้นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก นอกจากจะได้แฟนที่แสนดีแล้ว ยังมีแม่ที่ใจดีเพิ่มมาอีกคน สิ่งที่เคยขาดหายไปเหมือนได้รับการเติมเต็มโดยไม่รู้ตัว
“ แม่ว่าไงบ้างเหรอ ? ” คนตรงหน้าถาม
“ ก็บอกให้กินยาแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ ”
“ เดี๋ยวนี้เหมือนจะห่วงพี่สนมากกว่าณัฐอีกนะเนี่ย ”
เขายิ้ม “ หวงแม่เหรอ ? ”
“ เปล่าสักหน่อย ”
“ หวงแม่เหมือน ‘เด็ก’ เลย ” เขาพูดหยอก
“ งั้นไม่เช็ดตัวให้แล้ว ! ”
“ โอ๋ๆ พี่ล้อเล่นครับ ไม่เอานะ เช็ดตัวให้หน่อย ”
“ เป็น ‘เด็ก’ เหรอ ถึงอยากให้เช็ดตัวให้ ” ฝ่ายนั้นเลียนแบบคำพูดของเขา ยิ่งเห็นหน้ามุ่ยแบบนั้นแล้วเขาเกือบหลุดขำออกมา
“ งั้นพี่ยอมเป็นเด็กก็ได้ ”
พอพูดออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายจึงเผยยิ้มออกมาในที่สุด ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้เลยวิธีการง้อณัฐน่ะง่ายนิดเดียว...ถ้าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยต้องยอมไว้ก่อนหรืออาจจะพูดหยอดคำหวานสักนิดหน่อยอีกฝ่ายก็ยิ้มได้แล้ว เพราะฝ่ายนั้นก็ไม่ได้โกรธจริงจังอะไร จะได้ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดให้เป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต และข้อดีของณัฐอีกอย่างคือถ้าจบก็คือจบจะไม่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีก เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เคยโกรธกันนานเลย
หลังกินอาหารเย็นกันจนอิ่ม ฝ่ายนั้นอาสาล้างจานเองทั้งหมด เขาหยิบยาและน้ำที่ถูกเตรียมไว้พร้อมขึ้นมากินทันที ยิ่งตกเย็นยิ่งปวดหัวปวดเมื่อยตามตัวมากกว่าเดิมซะอีก น้ำมูกก็ไหลไม่หยุด รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าโดยเฉพาะเบ้าตา สงสัยจะไข้ขึ้นแล้วจริงๆ ว่าแล้วเขาก็รีบล้างหน้าแปรงฟันแล้วเข้านอนทันที
เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เช้าเสียแล้ว เขารีบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาปกติที่เขาต้องตื่นทุกวัน คนด้านข้างยังนอนหลับปุ๋ยอยู่เลย เขาสังเกตเห็นกะละมังใบเล็กใส่น้ำวางอยู่ใกล้เตียง และผ้าขนหนูที่ถูกพับไว้อย่างดีหล่นอยู่บนท่อนขา ที่วางก่อนหน้านี้คงเป็นบนหน้าผากของเขาแน่
เมื่อคืนณัฐเช็ดตัวให้เขาจริงๆด้วย...ไม่รู้สึกตัวเลยแฮะ แต่ตอนนี้ยังรู้สึกตัวรุมๆร้อนๆอยู่เลย จะขยับตัวก็แทบไม่มีแรง สงสัยยาหมดฤทธิ์แล้วไข้ก็คงจะขึ้นใหม่ล่ะมั้ง
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงมือเล็กเอื้อมมาแตะอังบริเวณข้างคอ
“ พี่สนยังตัวร้อนอยู่เลยอ่ะ ”
“ อืมม สงสัยไข้จะขึ้นใหม่ ” เอ๊ะ ทำไมเสียงของเขาถึงแหบแห้งขนาดนี้เนี่ย
“ ไปเรียนไหวมั้ยเนี่ย ? ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ลองไปดูก่อน ไม่ไหวก็ค่อยว่ากันอีกที ” เพราะอย่างน้อยเขาก็ต้องไปราวด์คนไข้ให้ได้ก่อนเพราะมันเป็นหน้าที่ ถ้าจะให้คนอื่นราวด์ให้ก็เกรงใจแย่
“ ถ้าอาบน้ำแล้ว อาจจะดีขึ้นก็ได้ ” เขาบอกแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว รู้สึกได้เลยว่าร่างกายหนักอึ้งเหลือเกิน จะเดินก็แทบไม่ไหว แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเช้านี้กินยาอีกทีก็คงจะดีขึ้นเอง
******************************
“ เฮ้ยสน ทำไมวันนี้ดูหน้าซีดๆอ่ะ ? ”
แซมมี่...เพื่อนสาวในกลุ่มทักด้วยความแปลกใจ
“ ไม่สบายนิดหน่อยว่ะ ” เขาบอกเพื่อนแล้วหยิบชาร์ตคนไข้ไปราวด์ทันที
“ ไม่นิดแล้วมั้งเนี่ย ? ”
“ อืม...ไม่เป็นไรหรอก กินยาแล้วล่ะ ”
“ จ้า พ่อคนแกร่ง อย่าเป็นลมล้มพับแถวนี้ล่ะ แต่ถ้าจะล้มต้องบอกฉันก่อน เดี๋ยวคนอื่นมาแย่งรับ เข้าใจมั้ย ? ” เขายิ้มอย่างอ่อนแรงกับคำพูดนั้น
ใช้เวลาไม่นานในที่สุดก็ตรวจคนไข้เสร็จเสียที รู้สึกเหมือนใช้พลังงานไปมากมายเหลือเกิน...วันนี้เขาอาจจะไม่ไหวจริงๆก็ได้
“ แกไปพักเถอะ ” แซมมี่และเพื่อนในกลุ่มคนอื่นเดินเข้ามาหา
“ ราวด์เสร็จแล้วนี่ เดี๋ยวงานที่เหลือ พวกฉันทำต่อให้เอง ถ้าอาจารย์ถามจะบอกให้ว่าไม่สบาย อาจารย์ทุกคนก็โปรดแกทั้งนั้น คงไม่มีใครว่าหรอก ”
“ อืมม ขอบใจมากนะ คิดอยู่เหมือนกันว่าคงจะไม่ไหว ”
ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกพะอืดพะอมแปลกๆ หลังแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อนแล้วเขาก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที
อ้วกกกกก...!!! เขาอาเจียนออกมาจนหมดแทบไม่มีอะไรออกมาอีก เพราะเมื่อเช้าก็ไม่ได้กินข้าว รู้สึกเหนื่อยเพลียเหลือเกิน เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างอ่อนระโหยโรยแรง หยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางไว้ในห้องพักแล้วเดินออกมาจากตึกทันที
จังหวะนั้นเองที่ณัฐโทรเข้ามาพอดี เขาจึงแวะนั่งพักเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลแล้วกดรับสาย
“ พี่สน เป็นไงบ้าง ? ” ฝ่ายนั้นรีบถามขึ้นมาทันที
“ ก็...อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อกี้ก็อ้วกด้วย ว่าจะกลับไปพักที่หอแล้วอ่ะ ”
“ จริงเหรอ ? แล้วอยู่ไหนเนี่ย เดี๋ยวณัฐไปหา ! ” น้ำเสียงฝ่ายนั้นดูกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด
“ แล้วไม่มีเรียนเหรอ ? ”
“ ตอนเช้าเป็นแค่เลคเชอร์ แต่ตอนบ่ายเป็นแล็บ ค่อยออกมาอีกทีตอนบ่ายก็ได้ ” ได้ยินแต่อีกฝ่ายส่งเสียงกระซิบบอกเพื่อนสนิทและคิดว่าคงเดินออกมาจากห้องเรียนแล้ว เฮ้อ...จะห้ามก็คงไม่ได้สินะ
“ อยู่แถวโรงอาหารอ่ะ ”
“ ได้ๆ รออยู่นั่นนะ เดี๋ยวณัฐไปหา ”
เพราะโรงอาหารคั่นกลางระหว่างตึกโรงพยาบาลและตึกเรียนซึ่งไม่ไกลกันมากนัก ไม่นานเขาก็เห็นร่างเพรียวเดินมาทางนี้แล้ว ฝ่ายนั้นยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากเขาตั้งแต่ยังไม่นั่งด้วยซ้ำ
“ ไข้ขึ้นอีกแล้วอ่ะ ”
“ อืมม เดี๋ยวกลับไปกินยาอยู่ห้อง ”
“ ไม่เอาอ่ะ พี่สนดูเพลียมากเลย ไปห้องฉุกเฉินกันมั้ย ? ”
“ ไปทำไม ? ”
“ ก็ให้รุ่นพี่เค้าดูให้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า ถ้าไม่มีอะไรค่อยกลับไปนอนอยู่ห้องก็ได้ นะ...ไปเถอะ เดี๋ยวณัฐพาไป ”
เห็นท่าทางออดอ้อนแบบนั้นแล้วเขาก็ไม่อยากจะขัดใจ เราจึงลุกเดินแล้วไปต่อกันที่ห้องฉุกเฉินที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งทันที ณัฐเป็นคนจัดการติดต่อเรื่องบัตรให้ และระหว่างนั่งรออยู่นั้นเขาก็อ้วกอีกประมาณสามครั้ง เฮ้อ...ตอนนี้จะหมดแรงแล้ว
“ ป่ะ ถึงคิวแล้ว ” ฝ่ายนั้นรีบมาจูงมือเขาให้เข้าห้องตรวจห้องหนึ่งทันที แต่พอเจอหน้ารุ่นพี่คนนั้นที่กำลังรอตรวจ แล้วก็รู้สึกอยากอ้วกออกมาอีกรอบ...อ้วกใส่หน้ามันน่ะแหละ !!
“ อ้าว น้องณัฐ เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ ? ” ฝ่ายนั้นเอ่ยทักด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าณัฐ
พี่พีท...คนที่เคยมาจีบแฟนของเขาเมื่อปีที่แล้ว ที่ตอนนี้คงเป็น Extern (ปีหก) ซึ่งเรียนเป็นปีสุดท้ายแล้ว พาลคิดในใจว่าไม่น่าซวยมาเข้าห้องนี้เลย คนด้านข้างของเขาก็เหมือนหน้าเหวอไปเล็กน้อยเหมือนกัน
“ อ๋อ เปล่าครับ ณัฐไม่ได้เป็นอะไร แต่พี่สนไม่สบายครับ ”
“ เหรอ ? ” ฝ่ายนั้นหันหน้ามามองเขา สีหน้าแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างชัดเจน
“ แล้วเป็นอะไรล่ะ ? ”
“ ก็เป็นไข้มาประมาณสองวัน มีน้ำมูกใส ไอจาม เจ็บคอ แล้วเมื่อกี้ก็อ้วกไปสี่ครั้ง ไม่มีอาการอื่น โรคประจำตัวไม่มี ไม่เคยแพ้ยา ” เขารีบพูดรวบรัดเพราะไม่อยากให้ฝ่ายนั้นถามให้มากความ เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะถูกถามยังไง
“ ถึงขั้นได้มา AE (ห้องฉุกเฉิน) เลยเหรอ ? ”
“ พอดีแฟนผมเค้าเป็นห่วง ก็เลยพามา ” เขาแอบเน้นย้ำบางคำสักเล็กน้อย
“ คือ...พี่สนไม่ดีขึ้นเลยอ่ะครับ ยังมีไข้สูงตลอด แถมเช้านี้ยังอ้วกบ่อยด้วย ” คราวนี้ณัฐตอบแทน
“ แล้วได้ไปคลุกคลีกับคนที่เป็นหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ อะไรอย่างนี้มั้ย ? ”
“ ไม่นะครับ แต่พวกเราพึ่งไปเที่ยวน้ำหนาวกันมา ” ณัฐตอบ
ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ “ งั้นขอตรวจร่างกายดูหน่อยนะ ”
อีกฝ่ายส่องดูคอ ใช้หูฟังแตะๆตามตัวสักเล็กน้อย จึงเอ่ยบอก
“ อืมม เหมือนเป็นหวัดเลยนะ อาจจะหวัดลงกระเพาะ แต่ตอนนี้ Pulse (ชีพจร) เร็ว ร่างกายขาดน้ำสงสัยคงอ้วกเยอะ อยากนอนให้น้ำเกลือสักพักแล้วฉีดยามั้ย หรืออยากเอายากลับไปกินแทน ”
ร่างเพรียวหันหน้ามามองเขา อีกฝ่ายเหมือนรู้ใจตอบแทนให้ทันที
“ ขอเอายากลับไปกินดีกว่าครับ ”
“ ก็ได้ งั้นจะให้ยากลับไปกิน รักษาตามอาการเดี๋ยวก็หายได้เอง แต่ถ้า 2-3 วันหลังจากนี้อาการไม่ดีขึ้นก็ค่อยมาใหม่ ”
“ ครับ ”
ฝ่ายนั้นจัดแจงเขียนใบสั่งยาให้เสร็จสรรพ ณัฐรีบเอ่ยขอบคุณแทน แล้วเราจึงลุกเตรียมจะออกจากห้อง แต่อีกคนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“ ณัฐก็ระวังจะติดหวัดเอาล่ะ พี่เป็นห่วง ”
เขามองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อในสายตา...จะดีกว่านี้ถ้ามันไม่พูดต่อหน้าเขา คำๆนี้ควรพูดกับคนที่เป็นแฟนของคนอื่นด้วยเหรอ ยังหน้าด้านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เขาจึงรีบคว้าข้อมือเล็กพาเดินออกมาจากห้องนั้นทันที จะด่ากลับก็ไม่มีอารมณ์แถมยังไม่มีแรงด้วย
“ ขอโทษนะที่พามา ไม่รู้ว่าพี่พีทเป็นคนตรวจอ่ะ ” คนด้านข้างบอกอย่างรู้สึกผิด หลังจากไปรับยาเรียบร้อยแล้ว
“ ไม่เป็นไรหรอก พี่รู้ว่าณัฐเป็นห่วง ส่วนไอ้นั่นน่ะมันก็หน้าด้านของมันเอง ”
จากที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นาน ร่างเพรียวก็หลุดขำออกมาในที่สุด
“ ไหวหรือเปล่า ณัฐขับรถให้มั้ย ? ”
เขาเคยสอนณัฐให้ขับรถอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะฝ่ายนั้นให้เหตุผลว่าจะได้ไปไหนได้เองไม่ต้องคอยลำบากพึ่งเขาตลอด ตอนนี้อีกฝ่ายก็เลยพอจะขับได้บ้างแต่ก็ใช่ว่าจะถนัดนัก เพราะในมหาลัยอย่างนี้บางครั้งก็รถเยอะซอยก็แคบ เขาก็ต้องขับให้อยู่ดี
“ ได้อยู่แล้ว สบายมาก ” เขาตบหัวอีกฝ่ายเบาๆ แค่ณัฐยอมโดดเรียนมาอยู่กับเขาแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว
“ งั้นเรากลับไปนอนกันเถอะ ”
ไม่นานเขาก็ขับรถมาถึงหอ เดินกลับห้องอย่างอ่อนแรง ฝ่ายนั้นถือถุงยารีบวิ่งตามมา ทันทีที่ถึงห้องเขาก็ถอดเสื้อกาวน์แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทั้งที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาทันที ส่วนณัฐก็จัดการเตรียมน้ำเตรียมยามาให้
“ ไม่เปลี่ยนชุดก่อนเหรอ ? ”
“ ไม่อ่ะ ”
“ จะได้นอนสบายๆไง อ่ะงั้นกินน้ำเกลือแร่ก่อน พี่สนอ้วกไปเยอะอ่ะ ”
เขารับมาแล้วกลั้นใจกินจนหมดแก้ว ฝ่ายนั้นก็ยื่นยาเม็ดมาให้ต่อ
“ กินยาลดไข้กับยาแก้อาเจียนด้วย เดี๋ยวตอนเที่ยงณัฐจะทำกับข้าวไว้ให้ ค่อยกินยาอีกทีตอนเที่ยงนะ ”
“ ครับ ”
ไม่นานร่างเพรียวก็ลุกหายออกไปจากห้อง เห็นกลับมาอีกทีพร้อมถังเล็กในมือ
“ จะเช็ดตัวตอนนี้เหรอ ? มันหนาวมากเลยนะ ” เพราะตอนนี้แค่ผ้าห่มนวมผืนใหญ่นี้เขาก็ยังไม่รู้สึกอุ่นเลย อยากใส่เสื้อแขนยาวข้างในอีกตัวด้วยซ้ำ
“ ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวไข้ไม่ลด มานี่เลย ”
อีกฝ่ายนั่งลงบนเตียงข้างกัน แล้วจัดการหยิบผ้าขนหนูบิดหมาดมาเช็ดหน้าให้เขาทันที ขนลุกตั้งชันเมื่อความเย็นมากระทบร่าง ฝ่ายนั้นค่อยๆเช็ดซอกคอให้อย่างเบามือ ก่อนที่จะถอดกระดุมเสื้อนักศึกษาของเขาออกทีละเม็ดจนหมด ชุบน้ำบิดใหม่แล้วเช็ดลำตัวให้ทั้งหน้าและหลัง ก็รู้สึกดีนะ...แต่
“ พี่หนาวอ่ะ...เอาชุดนอนมาเปลี่ยนเลยก็ได้นะ ” เอาแค่ท่อนบนนี่แหละ ถ้าเช็ดทั้งตัวนี่คงไม่ไหวมีหวังได้หนาวตายแน่ ณัฐพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วรีบหาชุดนอนในตู้มาเปลี่ยนให้ทันที
เขาจัดการถอดเสื้อผ้าออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลับไปซุกตัวในผ้าห่มหนาเหมือนเดิม ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสเย็นชุ่มเมื่อฝ่ายนั้นวางผ้าขนหนูลงบนหน้าผากของเขา
“ เอาไว้อย่างนี้ก่อนนะ เดี๋ยวจะคอยเปลี่ยนให้เรื่อยๆ ”
ไม่คาดคิดเมื่อร่างเพรียวนั่งเท้าศอกลงบนเตียงแล้วโน้มตัวเข้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ...เผยรอยยิ้มอบอุ่นมาให้
“ ไม่กลัวติดหวัดเหรอ ? ” เขาถามกลับพลางลูบไล้แก้มเนียนนั้นไปมา
“ ติดก็ติด ไม่เห็นเป็นไรเลย ” ฝ่ายนั้นเผยยิ้มน่ารักน่าชัง
“ เดี๋ยวก็ติดจริงๆหรอก แต่ไม่เป็นไร...เดี๋ยวพี่ดูแลเอง ”
“ เหรอ ?...ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ นอนพักได้แล้ว เดี๋ยวณัฐนอนด้วย สักช่วงใกล้เที่ยงเดี๋ยวตื่นมาทำกับข้าวให้กิน ”
“ แฟนใครเนี่ยน่ารักที่สุดเลย ”
เขาแกล้งบีบแก้มอีกฝ่ายจนทำหน้าเหยเก...น่ารักแบบนี้แล้วมันน่าแกล้งมั้ยล่ะ ได้ยินแต่เสียงโอดโอยตามมาด้วยกำปั้นทุบแขน ไม่วายที่คนป่วยอย่างเขาจะถูกทำร้ายร่างกายเข้าอีกจนได้ ฝ่ายนั้นหัวเราะอย่างพอใจแล้วจึงปีนเตียงเข้ามานอนข้างกัน เขาไม่กอดณัฐไว้อย่างเคยเพราะเดี๋ยวจะพาลติดหวัดเอาได้ง่ายๆ จึงต่างคนต่างนอนกันไป แล้วไม่นาน...ทั้งสองร่างก็เข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย
**************************
ร่างสูงตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นหอมโชยจากอาหาร เขาลืมตาตื่นมาอย่างงัวเงียหันมามองก็พบว่าณัฐวางถ้วยอาหารและนั่งลงบนเตียงข้างกันแล้ว
“ พี่สนกินข้าวก่อนนะ จะได้กินยา ”
“ กี่โมงแล้ว ? ”
“ เที่ยงครึ่ง ”
“ เดี๋ยวก็ไปเรียนไม่ทันหรอก ”
“ ทันสิ อีกตั้งครึ่งชั่วโมง พี่สนลุกมากินข้าวก่อน ”
“ ทำอะไรกินอ่ะ ? ”
“ ในตู้เย็นมันไม่ค่อยมีอะไรพอทำได้เลย ณัฐก็เลยออกไปซื้อข้าวต้มร้านข้างล่างมาให้อ่ะ ”
ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นนั่ง เขารู้สึกเหมือนไข้จะลดลงแล้ว ร่างกายก็ไม่ได้หนักอึ้งเหมือนเคย
“ นี่ยาก่อนอาหารนะ ”
ฝ่ายนั้นยื่นยามาให้หนึ่งเม็ดพร้อมกับแก้วน้ำ เขารับมากินอย่างว่าง่าย ฝ่ายนั้นก็ถือถ้วยตั้งท่าจะป้อนข้าวต้มให้ด้วย เขาจึงต้องรีบแย่งถ้วยนั้นมาไว้ในมือเสียเอง
“ ไม่เป็นไรหรอก พี่กินเองดีกว่า ณัฐไปเรียนเถอะ เดี๋ยวไปไม่ทันนะ ”
“ เที่ยงห้าสิบค่อยไปก็ได้ ”
“ ณัฐ...ตอนเช้าก็โดดแล้ว ตอนบ่ายยังจะเข้าสายอีกเหรอ ? ”
พอพูดเสร็จเห็นแต่ฝ่ายนั้นทำหน้าบูด เขาจึงต้องวางถ้วยอาหารลง แล้วเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มเนียนนั้นเบาๆ
“ ขอบคุณครับ ที่อยากอยู่ดูแลพี่ แต่ตอนนี้พี่ดีขึ้นแล้ว ส่วนณัฐก็ต้องไปเรียนได้แล้วนะครับ พี่จะกินข้าวต้มให้หมด จะกินยาหลังอาหารด้วย นอนตื่นขึ้นมาณัฐก็คงเลิกเรียนพอดี แล้วเราก็จะเจอกัน โอเคมั้ย ? ”
“ งั้นก็ได้ ”
“ ขับรถไปเองได้ไหม หรือจะให้พี่ไปส่ง ”
“ ไม่เอาอ่ะ ณัฐไปเองดีกว่า ”
“ ขับรถระวังๆล่ะ ตั้งใจเรียนด้วย ”
“ พี่สนอย่าลืมทำตามที่พูดนะ ”
“ ค้าบบ ”
ร่างเพรียวชี้นิ้วสั่งเสียเขายกใหญ่แล้วจึงเดินออกไป ได้ยินแต่เสียงเปิดปิดประตูทางด้านหน้า ฝ่ายนั้นคงออกไปแล้ว เขาหยิบข้าวต้มมากินได้แค่ไม่กี่คำก็ต้องวางลงเพราะรู้สึกพะอืดพะอมเหลือเกิน กินยาหลังอาหารตามเข้าไป แล้วจึงทิ้งร่างลงนอนซุกตัวในผ้าห่มเหมือนเดิม
เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าข้างนอกก็มืดลงเสียแล้วเห็นนาฬิกาบอกเวลาหกโมงกว่า พลิกตัวหันมาก็ไม่เจอว่ามีใครนอนข้างๆ ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นแล้วจึงยันตัวเองลุกออกจากเตียง พอเปิดประตูห้องนอนออกไปก็พบว่าข้างนอกยังมืดสนิท...นี่ณัฐยังไม่กลับมาเหรอ ?!
รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที ทำไมณัฐถึงยังไม่กลับ เลิกเรียนตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ?
เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดโทรออกทันที ฟังเสียงรอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับ กดโทรออกซ้ำก็ยังไม่มีคนรับอีก ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากกว่าเดิม คงไม่ได้เป็นอันตรายนะ หรือว่า...
ขับรถ !!
“ เฮ้ย จัมโบ้ ตอนนี้อยู่กับณัฐมั้ย ? ” เขารีบกดโทรออกหาเพื่อนสนิทของคนรักทันที รีบถามออกไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายนั้นคงแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“ อ้าว ณัฐยังไม่กลับเหรอครับ ? ”
ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกใจไม่ดีเลย...
“ ยังเลย วันนี้ณัฐขับรถยนต์ไปเรียนเองด้วยอ่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ? ”
“ อาจจะแวะไปไหนอยู่หรือเปล่าครับ เพราะว่าวันนี้เลิกเรียนช้าเกือบตั้งห้าโมงเลย ”
“ อ้าวเหรอ ? อืมๆ งั้นก็ขอบใจมากนะ ”
“ ครับ ”
เขากดวางสายแต่ก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี ทำไมณัฐถึงไม่รับโทรศัพท์ล่ะ ? แล้วไปไหนทำไมถึงไม่โทรมาบอกก่อน ยิ่งขับรถไม่เก่งแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง เขาเดินไปเปิดไฟให้สว่างทั่วทั้งห้อง แต่ยังยืนกอดอกครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น ถ้าอีกสิบนาทีณัฐยังมาไม่ถึงเขาจะออกไปตามหาแล้วนะ...
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก !!!
ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เพราะอยู่ใกล้เขาจึงรีบเปิดทันที ตั้งใจว่าจะดุอีกฝ่ายสักหน่อยแต่พอเห็นสีหน้าของณัฐที่เหมือนกำลังจะร้องไห้เท่านั้นแหละ
“ พี่สนนนน ”
“ ณัฐเป็นอะไร ? ”
เขาประคองใบหน้าอีกฝ่าย รอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนตรงหน้าก็ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ท่าเดียว
“ ณัฐขอโทษ...ณัฐทำรถพี่สนเป็นรอย ”
“ อะไรนะ ?! ”
เขารีบดูตามเนื้อตามตัวอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทั้งแขนทั้งขา พลิกหันซ้ายขวา เฮ้อ...โล่งอก ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา
“ ขอโทษนะ ณัฐไม่ได้ตั้งใจ แต่พยายามขับระวังแล้วนะ ”
“ ช่างรถเถอะน่า ! แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ? ”
ร่างเพรียวส่ายหัว เพราะมัวแต่ตกใจอยู่เขาพึ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายถือของพะรุงพะรังมาเต็มสองมือด้วย
“ แล้วนี่ไปไหนมา ทำไมถึงกลับมาช้า พี่รออยู่รู้มั้ย ? ”
“ ก็เห็นของในตู้เย็นหมดแล้ว ณัฐก็เลยไปซื้อพวกอาหารสดที่ห้างอ่ะ ตอนแรกตั้งใจจะแวะแปบเดียวรีบไปรีบกลับ แต่วันนี้ดันเลิกเรียนช้าด้วย ก็เลย... ”
“ แล้วโทรไปทำไมไม่รับครับ ? ”
“ แหะๆ ณัฐลืมมือถือไว้ในรถอ่ะ หยิบไปแต่กระเป๋าตังค์อย่างเดียว ”
“ เฮ้อ...ไม่ได้เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว พี่เป็นห่วงแทบแย่ ” เขาถอนหายใจกับตัวเอง แล้วถอยหลังมานั่งบนโซฟา
“ แล้วรถไปโดนอะไรล่ะ ? ”
ณัฐทำหน้ายู่อีกรอบ “ ขอโทษ...คือตอนเลี้ยว มันแบบ...กะไม่ถูก แล้วมันก็...ขูดกับฟุตบาทอ่ะ ” เพราะรถของเขาโหลดต่ำ ไม่แปลกที่จะขูดกับฟุตบาทเอาได้ง่ายๆ
“ ไม่ได้ถูกรถคนอื่นก็ดีแล้ว ”
“ พี่สนไม่ว่าณัฐเหรอ ? ”
“ ไม่ว่าแถมยังโล่งใจอีกด้วย ”
“ ทำไมล่ะ ? ”
“ ก็กลัวว่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้น่ะสิ เห็นยังไม่กลับมาถึงห้อง แล้วพอมาถึงก็ทำหน้าแบบนั้นใส่พี่อีก ”
“ ก็ณัฐตกใจนี่นา ทำรถพี่สนเป็นรอยอ่ะ ”
“ ช่างเถอะ แค่นั้นอ่ะเอาไปทำใหม่ได้ รถมีประกันอยู่ ”
“ ไม่ลงไปดูหน่อยเหรอ ? ลงไปดูเถอะ ป่ะๆๆ ”
ฝ่ายนั้นกึ่งลากกึ่งจูงพาเขามาจนถึงลานจอดรถชั้นล่างจนได้ แล้วรีบชี้ให้ดูรอยมุมหนึ่งทางด้านหน้าทันที
“ นี่แหละ เป็นรอยยาวเลยอ่ะ ”
เขาสังเกตเห็นรอยขูดลึกยาวเกือบสิบเซนต์หลายเส้นที่มุมด้านซ้าย
“ นิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก พี่ยังเคยถอยรถชนต้นไม้เลย ข้างหลังบุบเข้าไปตั้งเยอะ ทำใหม่ตั้งนาน แค่นี้อ่ะถือว่าน้อยมาก ”
“ ขอโทษนะ ”
“ ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ” เขาลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ “ ป่ะ ขึ้นห้องได้แล้ว ข้างล่างอากาศหนาวนะ ”
“ เออใช่ ! พี่สนไม่สบายนี่นา ขอโทษๆ งั้นรีบขึ้นห้องกันเถอะ ” เดี๋ยวก็รีบจูงแขนพาลงมา เดี๋ยวก็รีบลากขึ้นไปอีก เขาอาจจะไข้ขึ้นหรือไม่ก็เวียนหัวเพราะแฟนตัวเองเนี่ยแหละ
“ เดี๋ยวจะทำข้าวเย็นให้กินนะ พี่สนรอแปบเดียว ”
ร่างเล็กรีบจัดเก็บข้าวของเข้าครัว เห็นแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ ไม่ว่าจะตอนเจ็บป่วยหรือร่างกายแข็งแรงดีอีกฝ่ายก็คอยดูแลเขามาตลอด รู้สึกว่าเขาเองเป็นคนที่โชคดีเหลือเกินที่มีณัฐอยู่ข้างกาย
“ เหนื่อยมั้ย ? ” ร่างสูงจึงเข้าไปโอบกอดอีกฝ่ายเบาๆ
ฝ่ายนั้นเผยยิ้มกว้าง “ ไม่...เลยสักนิดเดียว ”
“ เดี๋ยวทำช่วยนะ ”
“ หายไข้แล้วเหรอ ? ”
“ พี่อาการดีขึ้นมากแล้ว ปั่มปั๊มตอนนี้ยังไหวเลย ”
ฝ่ายนั้นหยิบส้อมขึ้นมาชี้หน้าเขาทันที “ เมื่อกี้ว่าไงนะ ?! ”
“ ล้อเล่นน่า คิดจริงเหรอเนี่ย ? ”
“ ก็ป่าวสักหน่อย ” ณัฐจึงหันไปจัดแจงกับผักตรงหน้าต่อ
“ คิดจริงก็บอก ”
“ ไม่เอาแล้ว พี่สนน่ะอย่ากวน ไปดูทีวีไป ณัฐจะทำกับข้าว ”
ในที่สุดเขาก็โดนไล่ออกมาจากครัวจนได้ เดี๋ยวนี้เผลอนิดเผลอหน่อยเป็นออกคำสั่งทุกที
เฮอะ ! เดี๋ยวรอหายป่วยก่อนเถอะ จะสั่งให้ทำทุกอย่างเลย ฮ่ะ ๆ ๆ
“ พี่สน !! เปิดทีวีทำไมเสียงดัง เดี๋ยวห้องข้างๆก็ว่าหรอก ” ฝ่ายนั้นตะโกนออกมาจากในครัว
“ ค้าบบบบ ”
**********************************
ความคิดเห็น