คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : บทที่หนึ่งร้อยสี่ -- เที่ยวกระบี่กันเถอะ2
ร่างเพรียวตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่งบนเตียงสีขาวขนาดใหญ่ในห้องที่ไม่คุ้นตา พลันนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขากำลังมาเที่ยวทะเลที่กระบี่นี่นา ดวงตากลมปรือปรอยมองอีกคนที่กำลังหลับสนิทแน่นิ่งได้ยินเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เขาขยับพลิกตัวอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น จึงถือโอกาสนอนมองทั้งอย่างนั้นเลย
ใบหน้าคมได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ผิวเนียน ริมฝีปากอิ่ม...
เท้าคางมอง...อยู่ดีๆก็เผลออมยิ้มออกมา
เกือบสองปีแล้วที่เขากับรุ่นพี่ได้คบกันมา ตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ เราทั้งสองผ่านเรื่องทุกข์เรื่องสุขมาด้วยกันก็มาก พี่สนเป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆจะต้องได้มาคบกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้ คิดอีกทีแล้วก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเหมือนกัน
แต่ถึงชีวิตจะเปลี่ยนไปก็นับว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดี นอกจากจะมีคู่รักแล้วก็ได้มีคู่ใจอีกด้วย...คนที่มาเติมเต็มหลายอย่างในชีวิตให้มันมีความหมายมากขึ้น คนที่ทำให้แต่ละวันของเขาช่างมีความสุขเหลือล้น คนที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมี...คนๆเดียวที่กำลังอยู่ตรงนี้...และยังอยู่ข้างๆกัน
ณัฐโน้มตัวเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ เปลือกตาร่างสูงขยับเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย
“ ตื่นแล้วเหรอ ? ” ฝ่ายนั้นถามเสียงแหบพร่า
“ อื้มมม ” เขาโน้มตัวเข้าไปจุมพิศที่ริมฝีปากรุ่นพี่อีกครั้ง ฝ่ายนั้นเหมือนจะยังไม่ตื่นดีเลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
“ เราต้องออกจากนี่กี่โมงเหรอ ? ” เขาถาม
พี่สนคว้านาฬิกาข้อมือที่วางอยู่บนหัวเตียงมาเพ่งมอง “ นี่พึ่งหกโมงเองนะ ตื่นเช้าจัง ? รถตู้จะมารับหน้าโรงแรมตอนแปดโมงอ่ะ ”
“ ไม่เช้าหรอก อากาศก็กำลังดี อาบน้ำแต่งตัว เก็บของก็แปดโมงพอดีแหละ ”
แต่ฝ่ายนั้นเหมือนทำท่าว่าอยากนอนต่อ เขาจึงคว้าจับไหล่เขย่าทันที
“ พี่สนอ่ะ...พาไปเดินเล่นหน่อย อยากเดินเล่นตอนเช้าๆอ่ะ...อากาศคงดี ”
“ บรรยากาศอะไร ? ยังไม่ถึงทะเลเลยนะ ”
“ ก็อยากเดินเล่นตอนเช้าอ่ะ ” ร่างเพรียวทำปากจู๋ รุ่นพี่หันหน้ามามอง ตอนนี้พี่สนคงตื่นดีแล้ว
“ อ่ะๆ ก็ได้ๆ ”
“ เย้ !! งั้นไปอาบน้ำกันเถอะ ”
ณัฐดีดตัวกระโดดลงจากเตียงรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันร่างไว้ทันที แล้วหันหลังกลับมาถาม
“ จะอาบด้วยกันหรืออาบคนละที ? ”
“ ณัฐอาบก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่เก็บของรอ ”
เขาจึงเดินเข้าห้องน้ำทันที เพราะรู้ดีว่าพี่สนไม่ได้ลุกมาเก็บของหรอก...อยากนอนต่อล่ะไม่ว่า
หลังอาบน้ำกันจนเสร็จทั้งสองคน พวกเราก็เดินลงมาชั้นล่างของโรงแรม อันที่จริงจะเดินไปไหนก็ยังไม่รู้จุดหมายเหมือนกัน รู้แค่ว่าอยากเดินเล่นใกล้ๆแถวนี้เพราะตอนเช้าอากาศคงดีน่าดู โชคดีที่พอเดินมาได้สักพักก็เห็นตลาดนัดยามเช้า เขาเดินดูของไปเรื่อย ดีที่พี่สนหยิบกล้องถ่ายรูปมาด้วย ฝ่ายนั้นจึงทำหน้าที่นี้ไป อยู่ดีๆเขาก็ได้ของกินมาเต็มไม้เต็มมือ จึงซื้อกลับไปฝากพี่ไผ่กับยูมิที่โรงแรมด้วย
พอมาถึงก็เก็บของจนเสร็จเรียบร้อยดี ไม่นานรถตู้ที่นัดไว้ก็มารับที่หน้าโรงแรมและไปส่งที่ท่าเรือเพื่อนั่งเรือหางยาวไปที่เกาะต่อ จุดหมายของพวกเราในวันนี้คือเที่ยวสี่เกาะ...นั่นเอง
นั่งเรือกินลมชมวิวประมาณ 20 นาทีก็มาถึงเกาะแรก... ‘เกาะปอดะ’ สิ่งแรกที่ได้เห็นคือน้ำทะเลใสมาก เขามองไปไกลสุดลูกหูลูกตาแล้วพลันหัวใจพองโต สีเขียวตัดกับสีน้ำเงินเป็นประกายสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ นับว่าสวยมากกว่าทะเลอื่นที่เคยไปซะอีก มองออกไปไกลจะเห็นเกาะน้อยใหญ่กระจุกตัวอยู่บริเวณใกล้กันด้วย ทันทีที่ได้ลงเรือเขาก็รีบจูงมือพี่สนออกเดินทันที ความรู้สึกเหมือนอยากวิ่งลงทะเลให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย รุ่นพี่เห็นแล้วก็หัวเราะชอบใจใหญ่
“ พี่สน...เล่นน้ำกันมั้ย ? ” ร่างเพรียวถามด้วยความตื่นเต้น
แต่ไม่ทันแล้ว เพราะพี่ไผ่กับยูมิที่มาจากทางไหนไม่รู้มาลากแขนเขาคนละข้างกระชากออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัวร่างของเขาก็จมอยู่ในน้ำเสียแล้ว กว่าจะพยุงตัวให้มั่นคงได้ ก็เห็นทุกคนหัวเราะชอบใจใหญ่ เขาเองก็เผลอหัวเราะตามไปด้วย
“ เป็นไง ได้เล่นน้ำสมใจเลยมั้ย ? ” พี่สนตะโกนถามกลั้วหัวเราะ เดินลงน้ำมาเป็นคนสุดท้าย
“ แกล้งณัฐอ่ะ ”
เขาหันมาทำหน้างอนใส่พี่ไผ่เล็กน้อยพอเป็นพิธี ฝ่ายนั้นเหมือนหน้านิ่งไปพักหนึ่ง เขาจึงแลบลิ้นยิ้มกว้างจนตาหยีแล้วหันหลังว่ายออกไปให้ไกลกว่าเดิม ฮ่ะ ๆ แกล้งพี่ไผ่คืนเลย ได้ยินแต่เสียงอีกคนตะโกนตามหลังมาบอกให้รอด้วย เราจึงแยกกันว่ายน้ำเล่นกับคู่ของตัวเองไป
เล่นน้ำกันสักพัก ก็ขึ้นเรือต่อเพื่อไปยังเกาะต่อไป นั่นก็คือ... ‘เกาะไก่’ เข้าใจแล้วทำไมเรียกชื่อนี้ เพราะเห็นชะง่อนผาทางด้านหน้ามีรูปร่างคล้ายไก่เลยน่ะสิ เขายิ้มแล้วรีบชี้ให้รุ่นพี่ดู
“ พี่สนดูนั่นสิ !! ”
“ อืมม...แปลกเนอะ เหมือนหัวไก่เลยอ่ะ ”
ไม่นานเรือก็จอดและหยุดพักเพื่อให้เราดำน้ำชมปะการังและฝูงปลาตรงจุดนี้ พี่สนช่วยใส่เสื้อชูชีพและอุปกรณ์ให้ด้วย หลังจากแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ลงน้ำกันทันที เพราะเขากับพี่สนชอบดำน้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้เห็นปลาลายเสือฝูงใหญ่ว่ายอยู่รอบตัวสัมผัสอย่างใกล้ชิดแบบนี้ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อย่างนี้แหละนะที่เขาบอกว่าคนเราควรจะหาเวลาพักจากการเรียนหรือทำงานเพื่อมาพักผ่อนแบบนี้บ้าง เพราะมันมีความสุขทั้งกายและใจจริงๆ
ดำน้ำกันอยู่ประมาณสามสิบนาที เราก็ไปต่อกันที่... ‘ทะเลแหวก’ เห็นทะเลสองฝั่งที่ถูกแยกด้วยหาดทรายสีขาวคั่นกลางทำให้สามารถเดินข้ามผ่านไปได้ เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ใจมาก พวกเราจึงถ่ายรูปไว้ด้วยกันหลายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นความประทับใจ
หลังกินอาหารเที่ยงกันเสร็จก็ไปต่อกันที่ ‘อ่าวไร่เลย์’ และ ‘หาดอ่าวพระนาง’...หน้าผาเห็นแต่หินงอกหินย้อยทำให้ทิวทัศน์ดูแปลกตามากกว่าที่อื่น หาดทรายก็สีขาวเนียนละเอียด แต่ติดตรงที่นักท่องเที่ยวเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง พออากาศเริ่มร้อนก็เริ่มจะเหนื่อย ยังดีที่แถวนั้นมีของกินทั้งน้ำทั้งอาหารหลายอย่าง พวกเขาจึงซื้อของว่างมานั่งกินด้วยกันสี่คน พอมีเรี่ยวมีแรงแล้วจึงออกเดินดูบริเวณถ้ำพระนางต่อ แล้วก็นั่งเรือกลับกัน
เราย้ายไปพักในที่แห่งใหม่ในคืนที่สอง...และไม่ต้องแปลกใจเพราะบรรยากาศดีอีกแล้ว ต้องยกความดีความชอบนี้ให้พี่สนเพราะฝ่ายนั้นเป็นคนจัดการเองทั้งหมด เราขนของเข้าห้องแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาอะไรกินกันข้างนอก พอกินอาหารเย็นเสร็จพวกเราก็ต่างแยกย้ายพักกันในห้องพักตัวเองทันที อาจจะเพราะเที่ยวเป็นวันแรกจึงยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็ต้องเก็บแรงไว้เที่ยววันพรุ่งนี้ต่อ
อาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะเข้านอนเต็มที่ สายตาก็หันไปเห็นกล้องถ่ายรูปวางอยู่ใกล้หัวเตียง เขาจึงหยิบขึ้นมาเปิดดู พี่สนถ่ายไว้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่ส่วนใหญ่จะมีภาพวิวทิวทัศน์และธรรมชาติ แล้วรูปคนอยู่ไหนเนี่ย ?
พอฝ่ายนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ถามทันที
“ พี่สน ไม่เห็นมีรูปคนเลยอ่ะ ”
“ มีอยู่ไม่ใช่เหรอ ? ”
“ ไม่ ณัฐหมายถึงว่ามีน้อยต่างหาก มีแต่ภาพทะเลกับโขดหิน ” ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แค่อยากแซวไปงั้นแหละ ไม่ใช่ผู้หญิงนะที่จะมาโวยวายว่าทำไมไม่มีรูปสวยๆของตัวเอง
“ ถ่ายคนทำไมเยอะแยะ ถ่ายธรรมชาติดีกว่า ” เขาเบ้ปากยิ้มในคำตอบ ถึงพี่สนจะพูดออกมาแบบนี้ แต่รูปคนที่ยังเห็น...ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปของเขาเองที่ถูกแอบถ่ายนั่นแหละ
ดูเสร็จก็วางกล้องกลับที่เดิม รุ่นพี่เข้ามานอนข้างกันบนเตียง อาจจะเร็วไปสักหน่อยถ้าจะนอนตอนนี้เพราะมันก็ยังไม่ดึกมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไร เขาจึงเดินไปเปิดทีวีดูซะเลย
“ อ้าว ไม่นอนเหรอ ? ” รุ่นพี่ถาม
“ ก็ยังไม่ง่วงอ่ะ นี่พึ่งสามทุ่มเองนะ ”
“ อืมม พี่ก็ไม่ง่วงเหมือนกัน ” รุ่นพี่หยิบหมอนมาวางพาดหัวเตียงไว้แล้วนั่งพิง เขาเดินเข้าไปหาแล้วจึงเอนตัวนอนซบไหล่กว้างฝ่ายนั้นไว้ คือถ้าไม่ได้แนบชิดกันจะรู้สึกเหมือนห่างไกลยังไงก็ไม่รู้สิ
พี่สนโอบกอดเขาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็หยิบรีโมทมากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย สุดท้ายก็หยุดที่ช่องหนังเรื่องหนึ่ง เป็นแนวแอคชั่นสุดมันส์ที่อีกฝ่ายชอบนั่นแหละ
“ เตียงสวยดีเนอะ ”
อยู่ดีๆเขาก็พูดขึ้น พึ่งสังเกตว่ารอบเตียงมีผ้าสีขาวผืนบางที่รวบมัดผูกกับเสาเตียงไว้ทุกด้าน เข้ากับแสงไฟสีส้มอ่อนภายในห้องได้ดีมากเลยทีเดียว
“ อื้มม ”
“ อยากได้เตียงแบบนี้ไว้ในบ้านจัง ”
รุ่นพี่ยิ้มก้มหน้ามามอง “ งั้นบ้านของเรา...ซื้อเตียงแบบนี้ดีมั้ย ? ”
เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างแปลกประหลาดเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้...บ้านของเรางั้นเหรอ ? ร่างเพรียวเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ เราจะมีบ้านด้วยกันเลยเหรอ ? ”
“ อ้าว...ทำไมถามงี้ล่ะ ”
“ เปล่าสักหน่อย แค่คิดว่า...เหมือนเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากเลย ”
“ ไม่เห็นไกลเลย...อีกหน่อยพี่ก็เรียนจบแล้ว ”
“ นั่นสินะ ” จะว่าไปแล้วก็จริง อีกแค่ปีเดียวพี่สนก็จะเรียนจบแล้วนี่นา
“ แล้ว...พี่สนจะเรียนต่อเลยมั้ยอ่ะ ? ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่อยากใช้ทุนก่อนอ่ะ ขึ้นเหนือหรือลงใต้ แบบไหนดีกว่ากัน ฮ่ะ ๆ ๆ ”
“ ถ้าพี่สนเรียนจบแล้ว ณัฐจะอยู่กับใครล่ะ ? ” ร่างเพรียวหน้าสลดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฝ่ายนั้นมองสบตาสักพัก
“ งั้นพี่เลือกใช้ทุนใกล้ๆก็ได้ จะได้อยู่ด้วยกัน...ดีมั้ย ? ”
“ สัญญานะ ”
“ จะพยายามครับ ”
ถึงแม้จะไม่ใช่คำตอบที่เด็ดขาด แต่เขาก็รู้ดีว่าทำไม...เพราะอนาคตในวันข้างหน้าไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ สุดท้ายแล้วพี่สนอาจจะได้ไปอยู่ที่ไหนไกลๆสักแห่งก็ได้ หรือบางที...เราสองคนอาจจะคบกันไม่ถึงตอนนั้นก็ได้...ใครจะไปรู้
กำลังคิดเพ้อฝันถึงเรื่องอนาคตของเราสองคนอยู่ดีๆ ทันใดนั้นเอง !!! เขาก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังแว่วแผ่วเบาให้ได้ยิน...
“ พี่สน ได้ยินเสียงอะไรมั้ยอ่ะ ?! ”
ร่างเพรียวตั้งใจฟังมากยิ่งขึ้น คล้ายกับเสียงของผู้หญิงเลยแฮะ...เหมือนเสียงผู้หญิงที่กำลัง...
ร้องคราง...
อ๊า........อา.........อ๊ะ.........อ๊ะ
“ อืมม ได้ยิน ”
“ เสียงอะไรเหรอ ? ” ถึงจะถามออกไปแบบนั้น แต่ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวเสียแล้ว
“ เสียงยูมิมั้ง ” ฝ่ายนั้นตอบแบบไม่สะทกสะท้าน แค่นี้ก็เข้าใจในความหมายแล้ว
“ เอ่อ... ” เขาได้แต่กอดเอวรุ่นพี่แน่น ตามองจ้องหนังบู้แอคชั่นสุดมันส์ในทีวี แต่กลับได้ยินเสียงอย่างว่าประกอบ และดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆด้วย อาจจะเพราะครั้งนี้ห้องอยู่ติดกันเกินไป พอได้ยินแบบนี้แล้วก็...อายเหมือนกันนะเนี่ย
“ ทำไมเหรอ ? ” รุ่นพี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ ยังจะถามอีก ! พี่สน ไม่อายบ้างเหรอ ? ”
“ เราจะอายทำไม คู่นั้นต่างหากที่ต้องอาย แต่จะว่าไปแล้ว...มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติอ่ะนะ ”
“ ก็.......ก็....... ร้องเบาๆก็ได้นี่นา ”
“ เขาก็คงมีความสุขล่ะมั้ง ”
มันใช่เวลาที่พวกเขาจะต้องมาถกเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอย่างว่าของคู่พี่ไผ่มั้ยเนี่ย ?!!
เสียงเริ่มดังและถี่เร็วมากขึ้น หัวใจของเขาก็พลันเต้นเร็วตาม และไม่นาน...เสียงนั้นก็หายไป และทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ เสียงเงียบไปแล้ว ”
“ ฮ่ะ ๆ ” รุ่นพี่ยกมือมาลูบหัวเขาเบาๆ “ อะไรเนี่ย ! เราน่ะตลกจัง ”
“ เออใช่ !! แล้วเมื่อวาน สองคนนั้นจะได้ยินเสียงเรามั้ยอ่ะ ? ” ร่างเพรียวถามตาโตเพราะพึ่งนึกขึ้นได้
“ ไม่ได้ยินหรอก ห้องอยู่คนละฝั่งเลย ”
เขาถอนใจอย่างโล่งอก นั่นสินะ เมื่อวานอยู่ห้องคนละฝั่ง แต่วันนี้ได้อยู่ห้องติดกัน
“ แต่ห้องข้างๆเราเมื่อวาน...อาจจะได้ยินนะ ฮ่ะ ๆ ”
เขาตีพุงรุ่นพี่ดังแปะ “ ไม่ต้องเลย ”
“ ไม่ต้องอะไรครับ ”
อยู่ดีๆฝ่ายนั้นก็เข้ามาหอมหน้าผาก ตามด้วยขมับ และแก้ม...
“ อะไร ? ” ร่างเพรียวเอียงหน้ามองอย่างหวาดๆ ฝ่ายนั้นยกยิ้มมุมปาก สายตาที่มองมาราวกับหมาป่าที่กำลังจะออกล่าเหยื่อ
“ ถึงตาเราบ้างแล้วนะ ”
“ ม่ายยย...ไม่เอา ”
เสียงพึมพำในลำคอถูกหยุดด้วยริมฝีปากของรุ่นพี่ที่เข้ามาระดมจูบอย่างเอาแต่ใจ เขาได้แต่จับไหล่ของอีกฝ่ายไว้แน่น ต้องยอมจำนนหลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้นแทน
“ พี่สน...งั้น ห้ามเสียงดังนะ ”
เขาหายใจรวยระรินเพราะฝ่ายนั้นเริ่มใช้มือซุกไซ้เข้าไปในเสื้อนอนตัวบางแล้วน่ะสิ กางเกงของเขาถูกดึงออกอย่างรวดเร็วทันใด และไม่ต้องแปลกใจที่ส่วนนั้นได้ลุกชูชันขึ้นมาบ้างแล้ว เป็นเพราะถูกกระตุ้นเร้าจากเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี่แหละ
“ ไม่อยากให้มีเสียง...ก็ต้องปิดปากไว้ สิครับ ”
“ หืออ ? ”
แล้วเขาก็ต้องเข้าใจในความหมาย เมื่อฝ่ายนั้นถอดกางเกงตัวเดียวของตนออกเช่นกัน ส่วนแข็งขึงใหญ่โตชูชันให้ได้เห็น รุ่นพี่เปลี่ยนเป็นนั่งชันเข่าต่อหน้าเขา
“ ทำให้พี่หน่อยสิครับ...ที่รัก ”
พี่สนทำหน้าอ้อนวอนจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ จะอิดออดก็ไม่ได้เพราะท่าทางพร้อมขนาดนี้แล้ว เขาจึงเอื้อมมือเล็กกำรวบสิ่งอุ่นร้อนนั้นไว้ ก่อนที่จะแตะลิ้นและครอบปากเข้าไปเบาๆ สร้างความสุขสมให้อีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เพราะได้ยินเสียงครางอือในลำคอเบาๆ
“ ที่รัก...เก่งจัง ”
เขาไม่สนใจ หลับตาพริ้มปากก็พยายามปรนเปรอให้อีกฝ่ายต่อ ส่วนนั้นแข็งขึงชูชันในปากเต็มที่ ส่วนปลายเริ่มเป็นสีชมพูเข้มไม่นานของเหลวก็ไหลเยิ้มออกมาบ้างชวนให้ลิ้มรสชาติแปลก เขาจึงขยับมือรูดไปพร้อมกัน
“ พอแล้วครับ ”
ฝ่ายนั้นลูบศีรษะของเขาเบาๆบอกให้หยุด ร่างเพรียวถอนปากออกปรือตามองด้วยความฉงน รุ่นพี่เข้ามาพรมจูบจนทั่วใบหน้า ก่อนที่จะจัดท่าทางของเขาให้พร้อม...
พี่สนนอนตะแคงข้างคนละด้านทะแยงตามแนวเตียง เพราะเคยทำท่าที่มาก่อนจึงพอเข้าใจในความหมาย เขารู้สึกถึงความเสียวซ่านเมื่อฝ่ายนั้นครอบปากลงส่วนแก่นกลางนั้นในทันที ร่างเพรียวจึงทำตามบ้าง
เพราะส่วนนั้นไวสัมผัสมาก จึงรู้สึกเสียวซ่านจนเกินจะทน ไม่อยากร้องครางให้อีกห้องได้ยินจึงได้แต่ปรนเปรออีกฝ่ายกลับคืนอย่างหนักหน่วงเช่นกัน
ความสุขขีดสุดอยู่ใกล้แค่เอื้อม เราถึงจุดด้วยการปลดปล่อยความสุขออกมาแทบจะในเวลาเดียวกัน รุ่นพี่เอี้ยวตัวขึ้นมานอนข้างกันแล้วพรมจูบหน้าผากมนเบาๆ
“ ล้างตัวมั้ย ? ”
เขาไม่ตอบเพราะยังเหนื่อยอยู่ จึงได้แต่ยื่นมือสองข้างออกไปเป็นคำตอบ ฝ่ายนั้นจึงได้แต่หัวเราะน้อยๆแล้วก็อุ้มร่างของเขาไว้ในอ้อมกอด พาเดินไปเข้าห้องน้ำทันที
“ ถือซะว่า...เล็กๆน้อยๆก่อนนอน ละกันนะ ” ฝ่ายนั้นพูดแซว เขาจึงบิดต้นแขนกลับคืน ได้ยินแต่เสียงร้องโอดโอยตามมา
************************
เขาตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้เราเตรียมตัวไปเที่ยวสระมรกตกับน้ำพุร้อนกัน พวกเราตัดสินใจเช่ารถเก๋งขับไปด้วยกันเพื่อความสะดวก พี่ไผ่เป็นคนขับ ยูมินั่งด้านหน้า ส่วนเขากับพี่สนนั่งด้านหลัง พอเห็นหน้าพี่ไผ่กับยูมิแล้วชวนทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนยังไงก็ไม่รู้สิ
แต่ก็ช่างเถอะ ถือซะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ขนาดเขากับพี่สนยังทำเลย เฮ้อ !! คิดอีกก็เขินอีก
สถานที่แรกที่ไปถึงคือน้ำพุร้อนและตามด้วยน้ำตกร้อน กว่าจะเดินเข้าไปถึงต้องเดินลึกเข้าไปอีกประมาณ 400 เมตรเห็นจะได้ พอเห็นแล้วก็ลองพิสูจน์ว่าน้ำจะร้อนจริงๆหรือเปล่า แต่พอเอาขาจุ่มลงเท่านั้นแหละ ร้อนจริงๆ...ก็เลยไม่กล้าลงไปแช่เท่าไหร่ เห็นแต่นักท่องเที่ยวคนอื่นโดยเฉพาะชาวต่างชาติ นอนแช่กันจนอิ่มหนำสำราญกันไป
แล้วเราก็ไปต่อกันที่ ‘สระมรกต’...เมื่อวานเขาว่าน้ำทะเลสวยแล้วนะ แต่ที่นี่สวยมากยิ่งกว่าอีก สมกับที่ชื่อว่าสระมรกตจริงๆ สีเขียวสะท้อนเป็นประกาย ที่สำคัญใสมากด้วย เราลงเล่นน้ำกันที่นี่อีกรอบ ทั้งเล่นทั้งดำน้ำจนหนำใจ ครั้งนี้ยูมิใส่บิกินี่สีชมพูตัวสวยลงเล่นด้วย เห็นพี่สนแอบมองบ้างเหมือนกัน จนเขาต้องสะกิดหลังทักฝ่ายนั้นจึงยิ้มแบบรู้สึกผิดนิดๆ
“ มองใหญ่เลยนะ ” เขาเอ่ยแซว
“ ก็แค่มองเฉยๆน่า ”
เขาเบ้ปากเล็กน้อยแล้วว่ายน้ำหนี รุ่นพี่ก็ว่ายตามมาเหมือนเคย เขาจึงดำน้ำลงด้านล่างอย่างไม่สนใจและเพราะน้ำใสมากจึงสามารถลืมตามองในน้ำได้เลย ขณะกำลังมองไปรอบๆอยู่นั้น พี่สนที่มาจากไหนไม่รู้อยู่ดีๆก็เข้ามาประกบริมฝีปาก...จูบกันใต้น้ำเฉยเลย เขาจึงรีบเด้งตัวให้โผล่พ้นน้ำเพื่อรับเอาอากาศหายใจ
“ ทำอะไรเนี่ย ?! ”
“ ก็จูบใต้น้ำไง ” ยังมาแกล้งทำเป็นยิ้มหวานอีกต่างหาก พี่สนนะพี่สน !!
เพราะที่จริงก็เขินมากอยู่เหมือนกันที่รุ่นพี่มาทำอย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดีจึงทำเนียนว่ายน้ำเล่นต่อไป เล่นอยู่นานจนตัวเกือบเปื่อยก็เริ่มหิวแล้ว เราทั้งสี่คนจึงแวะกินข้าวที่ร้านอาหารทะเลร้านหนึ่งบริเวณท่าน้ำ อยากบอกว่าของสดและอร่อยมากเลย ขนาดยูมิเองยังชมไม่ขาดปาก แล้วจากนั้นเราก็นั่งเรือไปเที่ยวชมถ้ำเขาขนาบกันต่อ พอตกเย็นก็ขับรถกลับที่พักและไปยังที่พักใหม่
ค่ำๆเราก็ไปเดินเล่นแถววอร์คกิ้งสตรีท หาอาหารเย็นกินกันที่นั่นแล้วจึงกลับมาพักโรงแรมตามเดิม วันนี้งดปั่มปั๊มเพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยจากที่เล่นน้ำมาทั้งวันแล้ว พอหัวถึงหมอนเท่านั้นแหละเขาก็หลับเป็นตายทันที
วันถัดมาเราไปเที่ยวทัวร์ห้าเกาะกัน นั่งเรือใหญ่แบบเหมาลำกันไปเท่าที่ดูแล้วเพื่อนร่วมทริปเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด มีคนไทยแค่สามคนเท่านั้นนั่นก็คือพวกเขาเอง วันนี้พวกเราก็ตะลอนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานอีกแล้ว เขายังใส่เสื้อผ้าครบชิ้นเพราะไม่กล้าถอดเท่าไหร่ หุ่นบางขนาดนี้จะเอาอะไรไปสู้คนอื่นได้ ส่วนพี่ไผ่กับพี่สนน่ะเหรอต้องถอดเสื้อตัวบนออกอยู่แล้ว ไม่อยากจะบอกว่าหุ่นดีด้วยกันทั้งคู่เลย แต่พี่ไผ่จะขาวกว่าพี่สนเล็กน้อยแค่นั้น ยูมิเตรียมพร้อมสุดเพราะเพียงแค่ถอดผ้าบางสีขาวออกแล้วก็กลายชุดบิกินี่ตัวจิ๋วสีดำสุดเซ็กซี่ในทันที หน้าตาเธอเองก็น่ารัก ทรวดทรงองค์เอวน่ามองไปหมด โดยเฉพาะเนินอกที่ล้นออกมานั้น เห็นแล้วบอกตามตรงเลยว่าขนาดเขาเองยังเผลอมองตามเลย นับประสาอะไรกับพี่สนและนักท่องเที่ยวผู้ชายอีกหลายคน ส่วนพี่ไผ่ก็ไม่มีทีท่าอะไรออกจะชอบมากเสียด้วยซ้ำ แต่ก็คงจะหวงบ้างแหละเพราะเห็นจูงมือฝ่ายหญิงไม่ห่างตัวเลย
ช่วงกลางวันเราก็กินอาหารของทัวร์ที่เตรียมมาให้โดยนักท่องเที่ยวทุกคนต้องต่อคิวตักอาหารกันริมชายหาด เห็นภาพแบบนี้แล้วก็น่ารักดีเหมือนกันยังกับเด็กประถมเลย อาหารก็มีแต่อาหารไทยที่ไม่มีรสเผ็ดสักอย่างแต่ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว
กินอาหารเสร็จก็มาถ่ายรูปกับวิวทิวทัศน์สวยๆกันต่อ ครั้งนี้ยูมิขอร้องให้พี่สนถ่ายรูปสวยๆของเธอบ้างเพราะเธอเห็นรูปที่รุ่นพี่ถ่ายแล้วบอกว่าสวยดีจึงอยากเก็บไว้เป็นความประทับบ้าง พี่สนก็ถ่ายรูปไปส่วนเขาก็นั่งข้างรุ่นพี่ จะว่าไปแล้วยูมิเองก็ทำหน้าที่นางแบบได้ดีเหมือนกันนะเนี่ย เพราะท่าโพสของเธอเขาเองยังมองเพลินเลย สักพักเธอก็ถ่ายคู่กับพี่ไผ่ ตอนแรกก็ยืนเคียงคู่กันธรรมดา แต่ต่อมาสองคนนั้นก็ทั้งกอดทั้งจูบไม่แคร์สื่อกันเลยทีเดียว เขาได้แต่แอบเบือนสายตาเสมองไปทางอื่นด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“ เอากล้องมานี่ดิ เดี๋ยวกูถ่ายรูปคู่มึงให้ ” พี่ไผ่เดินเข้ามาถือกล้องแทนพี่สน เขาที่นั่งข้างกันถึงกับทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
“ อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ” ปฏิเสธออกไป แต่พี่สนกลับจูงมือเขาออกเดินซะแล้ว
“ ถ่ายด้วยกันเถอะ วิวที่นี่สวยดีนะ ”
ได้ยินรุ่นพี่พูดแบบนั้น เขาจึงต้องพยักหน้ารับแต่โดยดี ถึงแม้จะเคยถ่ายรูปคู่มาด้วยกันบ่อย แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกเขินอายชอบกล อาจจะเป็นเพราะอยู่ในสายตาของพี่ไผ่กับยูมิล่ะมั้ง เขาจึงได้แต่ยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกแบบนี้
“ แสดงให้เหมือนคนรักกันหน่อยสิ !! ” พี่ไผ่ตะโกนทักพร้อมกับยิ้มนิดๆ เขาหันไปมองคนด้านข้างที่อาการก็ไม่ต่างกัน นานๆครั้งจะเห็นพฤติกรรมแบบนี้ของพี่สนนะเนี่ย
ไม่คาดคิด...เพราะยูมิยิ้มหวานเดินเข้ามาหาพร้อมกับจับมือของเราให้กุมกันไว้ ก่อนที่กลับหันหลังไปทางพี่ไผ่ แล้วฝ่ายนั้นก็กดชัตเตอร์รัวทันที สักพักฝ่ายหญิงก็ตะโกนมาทำนองว่า ‘ให้กอดกันเลย’ พร้อมกับทำท่าทางประกอบด้วย ไม่ทันไรพี่สนก็เคลื่อนตัวไปด้านหลังแล้วโอบเอวเขาเอาไว้ทันที เขาได้แต่ตกใจตาโต...แบบนี้มันเขินนะเนี่ย !!
“ พี่สน ?! ”
“ เหอะน่า !! ไม่อยากถ่ายรูปคู่กับวิวสวยๆหรือไง จะได้เอาไปใส่ในอัลบั้มของเราเพิ่มไงครับ ” ฝ่ายนั้นแอบกระซิบข้างหู ได้ยินแต่พี่ไผ่ส่งเสียงให้สัญญาณแล้ว เขาจึงต้องยิ้มกว้างให้กล้องแต่โดยดี ถ่ายรูปได้สักพักเราก็เล่นน้ำทะเลกันต่อ อยู่นานไม่ได้เขินตายเลย
เล่นน้ำไปชื่นชมกับความสวยงามของทะเลไทยไป น้ำทะเลสีเขียวอมฟ้าใสสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ ฉากด้านหลังมีหน้าผาสูงใหญ่กั้น มีคนรักอยู่ข้างกายแบบนี้ด้วยแล้วมันมีความสุขจริงๆ ในจังหวะที่เล่นน้ำกับรุ่นพี่สองคนแล้วไม่มีใครอยู่แถวนั้น เขาจึงแอบเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ไม่ใช่อะไรหรอก...บรรยากาศมันพาไป ฮ่ะ ๆ ส่วนอีกคนน่ะเหรอ ? ก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มกริ่มแล้วแทบจะพุ่งตัวเข้ามาหา เขาจึงต้องว่ายน้ำหนีน่ะสิ คนอย่างพี่สนน่ะล้อเล่นเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวกลายเป็นเรื่องใหญ่กันพอดี
ว่ายน้ำเล่นกันเกือบบ่ายสามก็ถึงเวลานั่งเรือกลับที่พักกันเสียที วันนี้จะเป็นวันเที่ยววันสุดท้ายแล้ว เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับ พอคิดแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ เพราะทะเลที่นี่สวยมากจริงๆเขาอยากเล่นน้ำทั้งวันทั้งคืนให้สะใจจนตัวเปื่อยไปเลย แต่จะว่าไปแล้วเขาเองก็เล่นน้ำจนหนำใจจริงๆล่ะนะ ส่วนพี่สนก็เก็บภาพสวยๆมาได้เยอะ คู่รักคู่นั้นก็ดูท่าจะแช่มชื่นมีความสุขไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญการได้มาเที่ยวในครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับพี่ไผ่และดูท่าเหมือนว่าฝ่ายนั้นก็ไม่ได้คัดค้านความรักของเขากับพี่สนด้วย และยูมิเองก็คงเหมือนกัน สรุปว่าทริปนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จล่ะนะ
พวกเราทั้งสี่คนกลับไปนอนที่โรงแรมเดิม และเดินทางกลับกรุงเทพในเช้าวันถัดมา...
*************************
ความคิดเห็น