คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #110 : บทที่หนึ่งร้อยสอง -- ไผ่กลับมา
บทที่หนึ่งร้อยสอง
หลังจากปิดเทอมแล้วเขาก็อยู่หอพักต่ออีกประมาณสามวัน เหตุผลคืออยากจะอยู่ด้วยกันกับรุ่นพี่ แต่ไม่นานแม่ของเขาก็โทรมาเร่งบอกว่าอยากให้กลับมาบ้านเพราะว่าคิดถึง เขาจึงตัดสินใจเก็บของเตรียมตัวกลับเสียที ส่วนพี่สนเองก็ตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพเพื่อไปรอพี่ไผ่ที่นั่นด้วย เราจึงตกลงว่าจะขับรถกลับไปด้วยกัน
ขณะที่กำลังกินข้าวเย็นอยู่ในห้อง แม่ของเขาก็โทรมาหาอีกแล้ว ช่วงนี้โทรบ่อยจังแฮะ
“ ครับแม่ ”
“ ณัฐจะกลับบ้านวันไหนเหรอลูก ? ” เพราะแม่ของเขารู้ว่าตอนนี้เขาปิดเทอมแล้วน่ะสิ
“ ว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้าครับ ”
“ ดีๆ งั้นให้แม่ออกไปรับกี่โมงดีล่ะลูก รถจะมาถึงเมื่อไหร่ ? ”
เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย...ถ้าบอกว่ากลับรถทัวร์ แม่ก็ต้องออกมารอรับ แต่ครั้งนี้เขากลับกับรุ่นพี่นี่นา ยังไงก็ต้องไปส่งถึงที่บ้าน...เขาไม่อยากโกหกแม่ด้วยอ่ะ นี่แหละที่สำคัญ
“ คือ....พอดีว่า...ณัฐจะกลับกับ ‘รุ่นพี่’ อ่ะ ” เขาหันมองพี่สนที่กำลังนั่งอยู่ข้างกัน
“ แม่จำ ‘พี่สน’ ได้ไหม ที่เคยไปบ้านเราวันนั้นอ่ะ ” พอแม่เออออว่าจำได้เขาก็พูดต่อทันที
“ คือพี่เค้าจะขับรถกลับกรุงเทพเหมือนกันอ่ะครับ ณัฐก็เลยขอติดรถไปด้วย ” พูดออกไปแบบนี้แม่คงไม่สงสัยหรอกนะ
“ อ้าวเหรอ ? แล้วมากันกี่คนล่ะ ”
“ แค่สองคนนี่แหละครับ ” ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องพูดเสียงเบาออกไปด้วย
“ แล้วลำบากพี่เค้ามั้ยล่ะลูก ? ”
“ ก็ไม่นะครับ บ้านเราก็เป็นทางผ่านด้วย เดี๋ยวพี่เค้าจะไปส่งถึงบ้านเลยนะ แม่ไม่ต้องมารับหรอก ”
“ อืมๆ เอางั้นก็ได้ ฝากขอบใจพี่สนด้วยละกันนะ ”
“ ครับ ”
“ บอกพี่เค้าขับรถดีๆนะลูก ไม่ต้องขับเร็ว ไม่ต้องรีบก็ได้ ”
“ ครับ ”
“ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะณัฐ ”
“ ครับ...คิดถึงแม่นะ ”
“ จ้า ”
เขาเหลือบมองรุ่นพี่เห็นฝ่ายนั้นเผยยิ้มบางมาให้ เขาจึงยิ้มตอบกลับไปอย่างที่ก็เข้าใจในความหมาย แม่ของเขาคงไม่สงสัยอะไรหรอกมั้ง เพราะพี่สนก็เป็น ‘รุ่นพี่’ ของเขาเอง สนิทกันถึงขั้นไปบ้านมาแล้วด้วย จะติดรถไปกรุงเทพด้วยกันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เช้าวันถัดมาเขารีบปลุกรุ่นพี่ตั้งแต่เช้าตรู่เพราะไม่อยากออกตอนสายจะได้ไม่ร้อนมากจนเกินไป หลังจัดเก็บของขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันทันที แวะพักกินอาหารระหว่างทางบ้างเป็นบางครั้ง พอเวลาประมาณบ่ายสองก็เดินทางถึงกรุงเทพเสียที เขาโทรบอกแม่ว่ากำลังจะถึงบ้านแล้วเมื่อรุ่นพี่เลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านและชะลอจอดหน้าบ้านหลังหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ พี่สน...ลงก่อนมั้ย ? ” รุ่นพี่ครุ่นคิดสักเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบ
“ อืมม ก็ได้ ”
แม่คงได้ยินเสียงรถล่ะมั้ง เพราะเห็นเดินลิ่วๆออกมาโน่นแล้ว พอเปิดประตูออกมาเขาก็เดินเข้าไปหาแม่ทันที ฝ่ายนั้นทั้งกอดทั้งหอมแก้มเขาเสียยกใหญ่ เพราะไม่ได้เจอกันเกือบปีนี่นา แล้วรุ่นพี่ก็รีบยกมือไหว้แม่ของเขาทันที
“ สน...ขอบใจมากนะ ที่มาส่งณัฐด้วย แล้วนี่กินข้าวกันมายัง ? ”
“ กินนิดนึงอ่ะแม่ แต่ณัฐหิวอีกแล้ว ” เพราะนี่ก็เกือบบ่ายสามแล้วด้วย
“ งั้นสนอย่าพึ่งกลับนะลูก เดี๋ยวกินข้าวด้วยกันก่อน ขับรถมาเหนื่อยๆ...พักก่อนๆ มาๆ ” เขายิ้มให้ฝ่ายนั้น รุ่นพี่จึงถือกระเป๋าของเขาเดินเข้าบ้านทันที
พ่อก็นั่งอยู่ในบ้านด้วย ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเองเหมือนพ่อจะอ้วนขึ้นด้วยนะเนี่ย เขาจึงเดินเข้าไปกอดพ่อให้ชื่นใจสักหน่อย พี่สนก็ยกมือไหว้ด้วยเช่นกัน
“ พ่ออ้วนขึ้นอ่ะ ” เขาทักทันที
“ คนอ้วนขึ้น แสดงว่ามีอันจะกินนะ ”
“ ไม่ต้องเลย เดี๋ยวโรคคนแก่ก็ถามหาหรอก ” ทั้งเบาหวานเอย ความดันเอย วันหลังต้องพาพ่อไปตรวจสุขภาพบ้างซะแล้ว
“ หมอบอกน่ะ เข้าใจไหมพ่อ ? ฮ่ะ ๆ ๆ ” แม่หันมาแซวพวกเราด้วย
พ่อหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจแล้วจึงหันไปถามรุ่นพี่แทน “ ขับรถเหนื่อยมั้ย ? ”
“ ไม่ครับ ระหว่างทางซื้อกาแฟกินด้วย แล้ววันนี้รถก็ไม่ติดเท่าไหร่ ”
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาซะแล้วสิ ณัฐลูบท้องตัวเองป้อยๆ
“ แม่มีไรกินบ้างเหรอ ? ”
“ แม่ทำก๋วยเตี๋ยวไก่ไว้ในครัวแน่ะ พาพี่ไปกินด้วยสิ ”
“ พี่สนไปกินข้าวป่ะ ” เขาพยักหน้าชวนอีกฝ่าย แล้วเราทั้งคู่ก็เดินเข้ามาในครัว เขาจัดแจงถือถ้วยสองใบมาตักอาหารให้อีกฝ่ายอย่างเคยชิน
“ หูววว...ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระด้วยอ่ะ สงสัยแม่ทำไว้รอพวกเราแน่เลย งั้นอุ่นแป๊บนึงนะ จะได้กินร้อนๆ พี่สนนั่งรอก่อนก็ได้ ”
แต่ฝ่ายนั้นกลับเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น แล้วรินน้ำใส่แก้วยื่นมาให้ “ อ๊ะ ”
“ ขอบคุณครับ ” เขายิ้มขำรุ่นพี่กับท่าทางที่คุ้นชินบ้านของเขาทำยังกะมาบ่อยอย่างนั้นแหละ
“ อยากอยู่ด้วยจัง ”
“ ฮึ ? ”
“ อยากอยู่บ้านหลังนี้ด้วยจัง...มีแต่ความรักลอยอบอวลอยู่เต็มไปหมดเลย ” ฝ่ายนั้นเผยยิ้มน้อยๆมองสบตามาที่เขา
“ พูดอะไรเนี่ย ? ”
“ ................................. ”
“ งั้นก็.........มาอยู่ด้วยกันสิ ” เขาตอบเสียงเบา
“ งั้นมาจริงนะ ”
เขาอมยิ้ม “ แต่ต้องมา ‘ขอ’ก่อนนะ อยู่ดีๆจะมาอยู่เลยได้ไง ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ได้ ”
“ พูดเล่น ! ไม่ต้องมาขอจริงล่ะ ”
“ แต่ยังไงสักวัน...ก็ต้องได้บอกนะ ” ฝ่ายนั้นเปลี่ยนเป็นแววตาจริงจัง มองแล้วทำให้รู้สึกสะท้านจนเขาต้องแอบหลบสายตา
“ อืมม ”
เรื่องที่จะบอกพ่อกับแม่ว่าเขากำลังคบกับพี่สนอยู่นั้น เขาเองยอมรับว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังมาก่อน รู้เพียงแต่ว่า...ถ้าไม่ให้ท่านทั้งสองรู้คงจะดีที่สุด เพราะกลัวพ่อกับแม่จะเสียใจและผิดหวังในตัวเขา จึงได้แต่ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า...ถ้าเขายังยืนยันว่าจะคบกับพี่สนต่อไปโดยไม่คิดจะเลิกกัน เขาควรจะเอาเรื่องนี้มาคิดให้จริงจังสักที
ไม่นานหม้อน้ำซุปก็เดือด เขาจึงหลุดจากห้วงความคิดแล้วหันมาจัดการกับอาหารแทน เรานั่งกินด้วยกันเพียงสองคนบนโต๊ะอาหารในห้องครัว นั่งคุยกันไปตามปกติ เพราะส่วนนี้ก็อยู่ห่างจากห้องนั่งเล่นพอสมควร พ่อกับแม่คงไม่ได้ยินอะไรหรอก
“ แล้วพี่สนจะกลับเลยเหรอ ? ”
“ อืมม ก็คงกลับเลยแหละ ”
“ แล้ว...เรื่องไปเที่ยว ”
“ ไว้รอพี่ไผ่กลับมาก่อนละกัน เดี๋ยวพี่จะโทรมาบอกอีกทีนะ เห็นบอกว่าจะพาแฟนมาเที่ยวไทยด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ”
“ งั้นเหรอ ? ” ไม่รู้ว่าทำสีหน้าอะไรออกไป แต่ฝ่ายนั้นกลับพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ ทำใจให้สบายน่า ”
ร่างเพรียวทำแก้มป่อง “ เปล่าสักหน่อย ”
“ แล้วก็...เดี๋ยวพี่จะโทรมาหาบ่อยๆ ”
“ อื้มม ”
“ อยู่บ้านก็ไม่ต้องเบื่อล่ะ อยู่กับพ่อแม่ทั้งที ”
เขายิ้มพยักหน้า แล้วเก็บถ้วยของเราทั้งสองคนไปล้าง ก่อนที่จะพารุ่นพี่เดินไปร่ำลากับพ่อและแม่ในห้องนั่งเล่น
“ อ้าว จะกลับแล้วเหรอลูก ? ”
“ ครับ ขอบคุณมากนะครับ ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมากเลย ”
“ แหม...อร่อยก็มากินบ่อยๆสิจ้ะ ”
รุ่นพี่ยิ้มกว้าง “ งั้นผมขอมากินอีกจริงๆนะครับ ”
“ ได้สิ จะมาตอนไหนก็บอกณัฐมาก่อนก็ได้ แม่จะได้เตรียมอาหารไว้รอ ”
“ แม่...พอแล้ว ” เขาพูดแทรก แม่ดันรับคำพี่สนซะอย่างนั้น
“ อ่ะ ๆ ๆ งั้นก็ขอบใจมากนะลูก ที่มาส่งณัฐ...กลับบ้านก็ขับรถดีๆล่ะ ”
“ ครับ ขอบคุณมากนะครับ ”
พอรุ่นพี่ไหว้พ่อกับแม่เสร็จ เขาจึงเดินมาส่งฝ่ายนั้นที่หน้าบ้าน พอคิดว่าจะไม่ได้อยู่กับพี่สนแล้วก็รู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเดินออกมานอกประตูรั้วร่างเพรียวสีหน้าเศร้าลงทันที อีกฝ่ายเห็นจึงยิ้มแล้วเข้ามาลูบหัวเบาๆอย่างที่เคยทำ
“ ทำหน้าแบบนี้ทำไม ? ฮึ ”
“ ก็...จะไม่ได้เจอหน้าพี่สนแล้วนี่นา ”
“ อะไร ! พี่ยังไม่ตายซะหน่อยนะ ”
เขาเบ้ปากแล้วยิ้มๆ มองใบหน้าอีกฝ่าย...ตรงนี้จะกอด จะจูบอย่างที่ใจคิดก็ไม่ได้ด้วย
“ งั้นก็ ขับรถดีๆนะ พอถึงบ้านแล้วก็โทรมาหาณัฐด้วย ”
“ ครับ ”
เพราะบ้านพี่สนก็อยู่ค่อนข้างไกลจากบ้านของเขาอยู่เหมือนกัน ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยชั่วโมงกว่าๆ เขาจึงไม่กล้าชวนฝ่ายนั้นออกมาเที่ยวด้วยกันน่ะสิ งั้นรอไปเที่ยวด้วยกันพร้อมกับพี่ไผ่เลยดีกว่า
“ บ๊าย...บาย นะ ”
รุ่นพี่ยิ้มกว้างโบกมือลา แล้วขึ้นรถขับเคลื่อนออกไปช้าๆ เขายืนมองจนฝ่ายนั้นลับสายตา ถอนหายใจกับตัวเองหนึ่งครั้งแล้วจึงเดินหันหลังกลับเข้าบ้านทันที
ช่วงวันหยุดเขาก็ใช้เวลาไปกับการเฝ้าร้านดอกไม้ช่วยแม่และพี่นวล เพราะพ่อก็ออกไปทำงานทุกวันราชการเลยไม่มีใครอยู่บ้าน ได้นั่งขายของไปเพลินๆแบบนี้ก็สบายใจดีเหมือนกัน
หลังจากแยกกันในวันนั้น พี่สนยังคงโทรมาหาเขาทุกวัน บางวันก็หลายครั้งเสียด้วย ถามไปถามมาถึงรู้ว่าพี่สนอยู่บ้านแค่คนเดียว พ่อก็ทำงานตลอดส่วนใหญ่จะนอนคอนโดที่ทำงานเลย ฟังแล้วก็สงสารอยากจะไปอยู่เป็นเพื่อนจัง ส่วนพี่ไผ่บอกว่าจะกลับมาอาทิตย์หน้าพร้อมกับจะพาแฟนมาเที่ยวเมืองไทยด้วย พอได้ยินแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวลปนเปกันไปหมด แต่เพราะมั่นใจว่ายังมีพี่สนอยู่เคียงข้างกัน แค่นี้เขาก็มั่นใจว่าจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้แน่นอน
*********************************
อีกฟากหนึ่งของเมือง...
ร่างสูงอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่ในเมืองกรุงอย่างโดดเดี่ยวมาประมาณสองสัปดาห์แล้ว...ทั้งๆที่เป็นบ้านของตัวเอง แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นใจแม้แต่น้อย ภายในบ้านมีคนอาศัยอยู่เพียงสองสามคนที่คอยดูแลบ้านหลังนี้ยามที่เจ้าของไม่อยู่เพื่อไม่ให้กลายเป็นบ้านร้างไปเสียก่อน เพราะพ่อของเขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วเหมือนกัน ความหวังที่ทำให้เขาอยากอยู่บ้านหลังนี้ในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือ...พี่ไผ่กำลังจะกลับมา
“ คุณหนูต้นสน ป้าทำลอดช่องแตงไทยพึ่งเสร็จ คุณหนูอยากกินมั้ยคะ ป้าจะเอามาให้ ”
หญิงชราวัยหกสิบต้นๆถามผู้เป็นนายด้วยท่าทางนอบน้อม เธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาเกือบสิบปีแล้ว แต่รู้จักและคอยรับใช้ครอบครัวนี้มานานตั้งแต่พวกคุณหนูยังไม่เกิดด้วยซ้ำ อาหารชนิดไหนคุณหนูชอบหรือไม่ชอบ...เธอรู้ดี
“ อากาศร้อนๆแบบนี้ ได้กินของหวานเย็นๆก็ดีเหมือนกันนะป้าจันทร์ งั้นสนขอถ้วยนึงนะ ”
อีกฝ่ายนั่งอย่างสบายอารมณ์บนโซฟาตัวกว้าง เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของคุณหนูแบบนี้แล้วทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก คุณหนูต้นสนกลับมาบ้านหลังนี้ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่นัก พึ่งเห็นครั้งล่าสุดก็เมื่อหนึ่งปีก่อน แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคือเด็กหนุ่มที่แสนเย็นชาได้หายไปแล้ว...คุณหนูดูมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
“ ป้าดีใจจัง ที่มีคนมาให้ป้าดูแล ” หญิงชรายิ้มกว้างจนเห็นริ้วรอยบนใบหน้าตามวัย พลางยื่นถ้วยของหวานลงบนโต๊ะ
“ ป้าได้ดีใจอีกแน่ เพราะอีกสองวันพี่ไผ่ก็จะกลับมาแล้ว ”
“ ตายแล้ว...จริงเหรอคะ ?! ” หญิงชราอุทานเสียงดังทาบมือบนอก ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด
“ ยังไม่ตายซะหน่อยป้า ! ”
“ ไม่ใช่นะคุณหนู ป้าแค่ดีใจเท่านั้นเอง ก็ปกติไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันนี่นา ถ้าพี่มา...น้องก็ไม่มา ถ้าน้องมา...พี่ก็ไม่มาซะอย่างนั้น แต่นี่ ป้าจะได้เห็นคุณหนูอยู่ด้วยกันสักที คนแก่อย่างป้าก็เลยดีใจน่ะสิ ”
“ เอ้อ !...แล้วนี่โทรบอกคุณท่านหรือยังคะ ? ว่าคุณหนูต้นไผ่จะกลับมา ”
“ พี่ไผ่บอกแล้วครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อจะกลับมาบ้านหรือเปล่า ? ”
หญิงชราเผยรอยยิ้มอบอุ่น เขารู้เรื่องของครอบครัวนี้เป็นอย่างดี ความเจ็บปวดร้าวรานของสองพี่น้องจากการสูญเสียผู้เป็นแม่ในอดีต และการดูแลอย่างห่างเหินของผู้เป็นพ่อ ทำไมเธอจะไม่รู้...
“ ไม่เป็นไรนะคะ คุณพ่อไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร ป้าจะดูแลปรนนิบัติคุณหนูเต็มที่เลย อยากกินอะไร อยากได้อะไรขอให้บอกนะคะ ”
ร่างสูงยิ้มกว้าง “ ขอบคุณมากนะครับป้า แต่ทุกวันนี้สนก็นั่งกินนอนกิน จนเริ่มมีพุงแล้วเนี่ย ป้าเล่นทำกับข้าวซะเยอะเลย ผมกินไม่หมดนะ ”
“ แหม...ป้าอดไม่ได้นี่นา แต่กินไม่หมดไม่เป็นไร ไอ้พลคนสวนมันกินที่เหลือจนหมดเองแหละ ตอนนี้เห็นมันบ่นว่าก็อ้วนขึ้นเหมือนกัน ” หญิงชราส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ
ร่างสูงนั่งกินจนหมดถ้วย อีกฝ่ายจึงรีบถามขึ้นมาทันที
“ เอาอีกถ้วยไหมคะ ? ”
“ ไม่เป็นไรครับ ถ้วยเดียวก็พอแล้ว ป้าจันทร์ไปพักเถอะ แค่นี้สนก็เกรงใจป้าจะแย่แล้ว ป้าแก่แล้วนะ มาคอยช่วยนั่นช่วยนี่สนตลอดเลย ให้พี่นงค์มาทำแทนก็ได้นะครับ ” พี่นงค์คือแม่บ้านอีกคนนั่นเอง
“ คุณหนู...ถึงป้าจะแก่แล้ว แต่ป้าก็ยังอยากดูแลคุณหนูอยู่นะคะ ป้าคอยรับใช้มาตั้งแต่คุณผู้หญิงแล้ว แล้วก็อยากดูแล ‘ลูกของคุณหนู’ ด้วยนะ ป้าอยากรอเห็นหน้าเหลน ”
“ โห !...ป้าจันทร์ งั้นป้าก็รอลูกพี่ไผ่ละกัน สนไม่มีหรอก ” ร่างสูงตอบอมยิ้ม...อยากบอกออกไปเหลือเกินว่า ‘แฟนผมเป็นผู้ชายครับ’ คงมีลูกให้ป้าไม่ได้
“ คุณหนูยังไม่มีแฟนอีกเหรอ ? แหม...ป้าไม่เชื่อหรอก ” นานๆทีจะได้คุยกับคุณหนูต้นสนในมาดที่ไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน จึงอยากชวนคุยให้นานๆสักหน่อย
“ แฟนน่ะ...ผมมีแล้วล่ะ ”
“ อุ๊ยตาย ! จริงเหรอคะเนี่ย ?! ”
“ สรุปว่าป้าอยากให้ผมมีหรือไม่อยากให้มีครับเนี่ย ” ร่างสูงยิ้มน้อยๆ
“ แล้วแฟนคุณหนู...เป็นคนยังไงเหรอคะ ? ” อีกฝ่ายยิ้มถาม
“ ก็...น่ารักครับ ” เด็กหนุ่มยิ้มเขินอายเล็กน้อยอย่างที่หญิงชราไม่เคยเห็นมาก่อน หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้คุณหนูสดใสมากกว่าเมื่อก่อนมาก อยากเห็นจังเลยว่าจะเป็นคนยังไง
“ วันหลังก็ชวนมาบ้านสิคะ ป้าจะต้อนรับอย่างดีเลย ”
สนได้แต่นึกคิดในใจ ถ้าณัฐมาบ้านของเขา...จะเป็นยังไงนะ ?
ร่างสูงได้แต่ตอบยิ้มๆกลับไป
“ เขาไม่กล้ามาหรอกครับ ”
********************************
ร่างสูงตื่นเต้นเล็กน้อยหลังได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายว่าเดินทางมาถึงเมืองไทยแล้ว อันที่จริงก็พอทราบมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะว่าจะเป็นวันนี้ เขาจึงรีบบึ่งขับรถไปรับที่สนามบินทันที สายตาคมมองผู้คนที่เดินพลุกพล่านไปมาสักพักก็ได้เห็นใครคนหนึ่งที่ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงตนเองนั่งอยู่ตรงนั้น ร่างสูงยิ้มกว้างรีบปรี่เข้าไปหาทันที
“ เฮ้ย !! ไผ่ ”
เขาโบกไม้โบกมือก่อนที่จะเดินไปถึงตัวซะอีก อีกฝ่ายหันมามองแล้วยิ้มกว้างด้วยความดีใจไม่ต่างกัน ลุกขึ้นมาโอบกอดเขาเสียแน่น...ไม่ได้เจอพี่ไผ่มาสองปีแล้วสินะ
สนผละกอดจากพี่ชายแล้วพิจารณามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีดำยาวประบ่า ใบหน้าขาวใสยิ้มแย้มสดใสไม่ต่างจากเมื่อก่อน อีกฝ่ายใส่เสื้อไหมพรมแขนยาวสีน้ำเงินตัวบางกับกางเกงยีนส์คู่ใจที่เขาเคยเห็นในภาพถ่ายบ่อยๆ เพราะว่าช่วงนี้กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลินั่นเองอากาศคงหนาวเย็นอยู่สินะ
“ เป็นไอ้หนุ่มผมยาวรึไงวะ ? ซกมกจริงนะมึง ”
ถึงผมจะยาวจนประบ่า แต่อาจจะเป็นเพราะอากาศที่นู่นทำให้คนตรงหน้าผิวขาวใสกว่าเขาหลายเท่านัก เรื่องที่บอกว่าซกมกนั่นไม่จริงเลย เขาพูดปดไปงั้น
“ เออ ! มันเป็นสไตล์กู...นี่ๆ ”
ฝ่ายนั้นหันไปด้านหลังเพื่อไปโอบไหล่ใครคนหนึ่ง เขาพึ่งสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเชียว ตัวเล็กๆ ผิวขาว ดวงตากลมโต ผมสีน้ำตาลยาวตรงจนถึงกลางหลัง...หน้าตาคนเอเชียนี่นา นึกว่าแฟนจะเป็นฝรั่ง
“ แฟนกูเอง ชื่อ...ยูมิ เป็นคนญี่ปุ่น ”
ฝ่ายนั้นยิ้มน้อยๆ ทักทายเป็นภาษาอังกฤษ อืมม...สำเนียงก็ใช้ได้ คงสื่อสารกันไม่ยากนัก หลังทักทายกันเสร็จแล้วเขาก็ช่วยทั้งสองคนจัดแจงข้าวของใส่รถทันที
“ พึ่งรู้ว่ามีแฟนเป็นสาวญี่ปุ่น ” เขาถามพี่ชาย พลางมองกระจกหลังขณะกำลังขับรถไปตามทาง
“ อืม เรียนคลาสเดียวกัน คบกันมาเป็นปีแล้วนะเว้ย อย่าดูถูก ” เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายของเขาเปลี่ยนแฟนบ่อยมากจนเขาไม่อยากจำแล้วว่าช่วงไหนคบอยู่กับใคร แต่แปลกที่มันไม่เคยพาแฟนคนไหนมาเที่ยวเมืองไทยสักครั้งเลยน่ะสิ...คนนี้เป็นคนแรก
“ ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย คบกันนานก็ดีแล้ว ”
แฝดพี่ยิ้มส่ายหัวน้อยๆ “ แล้วนี่มาอยู่บ้านนานยัง ? ”
“ อยู่ได้สองอาทิตย์กว่าๆแล้ว เบื่อจะตายชัก ”
“ แล้วพ่อล่ะ ? ”
“ ก็ไม่เห็นจะกลับมาบ้านเลยสักวัน ”
อีกฝ่ายถอนหายใจ “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีก็ได้ ”
พี่ชายของเขานี่ก็แปลก บางครั้งก็เรียกกูมึงตบหัวหยอกล้อกับเขาเหมือนเพื่อนเล่น บางครั้งก็ชอบวางมาดเป็นพี่ชายเรียกตัวเองว่า ‘พี่’ ซะอย่างนั้น
“ อืมม...ถ้าเค้ายุ่งก็ปล่อยเค้าไปเถอะ ”
“ ไม่ได้หรอก อยู่กันพร้อมหน้าทั้งที จะมัวมาทำงานอย่างเดียวอย่างนี้ได้ไง ออกมากินข้าวกับลูกชายสุดหล่อสองคนบ้าง ”
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อยู่กับพี่ไผ่แล้วเขาจะรู้สึกสบายใจทุกครั้ง เรื่องเครียดแค่ไหนก็สามารถทำให้เป็นเรื่องเบาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาเหลือบมองกระจกหลัง เห็นหญิงสาวนั่งเงียบมาตลอดทาง ได้ยินพวกเขาคุยกันแต่ฟังไม่รู้เรื่องคงจะอึดอัดอยู่ไม่น้อย ชวนคุยสักหน่อยดีกว่า
“ ยูมิ...เธอเคยมาเมืองไทยบ้างหรือเปล่า ? ” สนถามเป็นภาษาอังกฤษ
ฝ่ายนั้นตาโตเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกชื่อ ก่อนที่จะเผยยิ้มออกมา
“ ฉันเคยมาเมื่อสามปีก่อน มาที่...พัทยาน่ะค่ะ ”
“ ดีจัง แต่เมืองไทยมีที่เที่ยวเยอะแยะเลยนะ คุณอยากไปหรือเปล่า ? ”
“ ฉันอยากไปค่ะ ฉันชอบเมืองไทย ”
“ ชอบเมืองไทย...แล้วผู้ชายไทยล่ะ ? ” แฝดอีกคนพูดแทรก ส่งยิ้มทะเล้นให้คนที่นั่งเบาะด้านหลัง หญิงสาวยิ้มเขินอาย
“ ผู้ชายไทยฉันก็ชอบค่ะ ”
“ แต่ฉันรักเธอนะ ไม่ใช่แค่ชอบ ” พึ่งรู้ว่าพี่ชายของเขาก็ปากหวานไม่เบาเลยนะเนี่ย แต่เล่นหยอดกันไม่แคร์สื่อแบบนี้ก็สนุกสิครับ พูดแล้วก็คิดถึงณัฐขึ้นมาตะหงิดๆเลยวุ้ย
“ ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ ” สองคนมองกันตาหวานเยิ้ม ถ้าจูบกันได้คงจูบกันไปแล้วล่ะมั้ง เขาจึงแกล้งกระแอมขัดจังหวะเสียก่อน หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
“ กูรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางเลยว่ะ ” เขาเปลี่ยนมาพูดภาษาไทยแทน
“ ฮ่ะ ๆ ๆ เออน่า เดี๋ยวมึงก็ชิน ขับรถไป ”
ไม่นานก็ขับมาถึงบ้านซะที ตอนนี้ดึกประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ พอขนของเสร็จเรียบร้อยเราต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนทันที มีอะไรไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันพรุ่งนี้ เพราะสองคนนั้นคงจะเหนื่อยมากอยู่เหมือนกัน และคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ยูมิจะนอนห้องเดียวกันกับพี่ชายของเขา
“ พักกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน พรุ่งนี้เช้าป้าจันทร์แกคงจะทำกับข้าวรอไว้เยอะอ่ะ ”
“ อืมๆ ได้ๆ ตอนนี้เหนื่อยมากเลย ”
อีกฝ่ายทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วก็เข้าห้องนอนพร้อมกับแฟนสาว เขาหันหลังเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองที่อยู่อีกฟากหนึ่ง ความรู้สึกในตอนนี้อยากอมยิ้มยังไงก็ไม่รู้ ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากประเป๋าแล้วกดโทรออกหาใครบางคนทันที พอมีเรื่องน่ายินดีเขาก็อยากบอกอีกฝ่ายเป็นคนแรก
“ ฮัลโหล...นอนยังครับ ? ”
“ แล้วทำอะไรอยู่ ” ทั้งๆที่ดึกแล้วแต่ฝ่ายนั้นยังเสียงสดใสอยู่เลย บอกว่ากำลังนั่งฟังเพลงเพลินๆยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ
“ พี่ไผ่มาถึงบ้านแล้วนะ พี่พึ่งไปรับที่สนามบินเมื่อกี้ ”
“ อืม ใช่ พาแฟนมาด้วยอ่ะ เป็นคนญี่ปุ่น ชื่อยูมิ...หน้าตาน่ารักเลยล่ะ ”
“ ตอนนี้แยกย้ายกันนอนแล้วล่ะ เดี๋ยวค่อยถามเรื่องไปเที่ยวอีกทีพรุ่งนี้ เห็นบอกว่าอยากไปทะเลนะ ”
“ เตรียมตัวไว้ละกัน เดี๋ยวจะพามาเปิดตัว ” ร่างสูงอมยิ้ม ได้ยินแต่เสียงแหวดังมาตามปลายสาย
“ ............................ ”
“ ............................ ”
“ คิดถึงนะ ”
ได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับคำเดียวกันก็รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจดีเหลือเกิน
“ ณัฐ...? ”
“ อยากมาเที่ยวบ้านพี่มั้ย ? ”
อยู่ดีๆก็อยากถามแบบนั้นออกไป น้ำเสียงอีกฝ่ายตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ ก็ลองชวนดูไง เผื่ออยากมา ”
“ ที่บ้านก็มีแค่พี่แล้วก็พี่ไผ่ แฟนพี่ไผ่ ป้าจันทร์ ประมาณนี้แหละ ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ไม่ได้บังคับสักหน่อย ”
“ แล้วอยากมามั้ยล่ะ ? ” ฝ่ายนั้นตอบแค่ว่าไม่รู้ เขาก็พอจะเข้าใจความรู้สึกอ่ะนะ
“ อืมๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน ยังไงก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว ”
ฝ่ายนั้นบ่นอุบอิบสักเล็กน้อย ก่อนที่จะขอวางสายเพื่อไปอาบน้ำ เห็นบอกว่าเหนียวตัวไปหมดแล้ว
“ ก็ไปอาบสิ...แต่ไม่ต้องวางสายนะ ”
“ ฮ่ะ ๆ ก็วางไว้ในห้องน้ำน่ะแหละ เดี๋ยวฟังเสียงอาบน้ำด้วย ”
เขาขำออกมาทันที เมื่อได้ยินฝ่ายนั้นบอกว่ารู้สึกเหมือนถูกลวนลามผ่านทางโทรศัพท์
“ ก็ไม่ดีเหรอ คิดว่าพี่กำลังสัมผัสณัฐอยู่ไง ”
เขาถูกด่าว่า ‘โรคจิต’ ในทันที ฮ่ะ ๆ ตอนนี้ต้องกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ พูดแล้วก็คิดถึงจัง...
“ อ่ะๆ ก็ได้ งั้นก็ไปอาบน้ำเถอะ เช็ดผมให้แห้งด้วย แล้วก็รีบนอนนะครับ ”
“ ครับ...รักนะ ”
ร่างสูงกดวางสายพลันยิ้มกับตัวเอง ก่อนที่จะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเพราะเขาอาบน้ำตั้งแต่ก่อนที่จะออกไปรับพี่ชายแล้ว ได้นอนซุกตัวในผ้าห่มเปิดแอร์เย็นๆในช่วงอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ แล้วมันสบายตัวจริงๆ
**************************************
“ ตกลงเราจะไปเที่ยวไหนกันเหรอ ? ”
เขาถามแฝดพี่บนโต๊ะอาหารมื้อเช้า วันนี้ป้าจันทร์ทำอาหารต้อนรับซะเยอะแยะเลย ทำแต่ของที่พวกเราชอบทั้งนั้น...ป้านี่รู้ใจจริงๆ
“ ยูมิ...เธออยากไปเที่ยวทะเลใช่มั้ย ? ” พี่ไผ่ถามหญิงสาวที่นั่งด้านข้าง
“ ใช่ค่ะ ฉันอยากไปทะเลสวยๆ ”
“ อืมม...งั้นไปแถวอันดามันกันมั้ยล่ะ ไปกระบี่หรือภูเก็ตมั้ย !! ” เขาเสนอความคิดเห็น
“ เออๆ ก็เข้าท่านะ งั้นตกลงตามนี้แหละ เราไปกระบี่กัน !! ”
เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ “ งั้น...ผมขอพาแฟนไปด้วยนะ ” ครั้งนี้พูดเป็นภาษาไทย
คนตรงหน้าคิ้วขมวด ก่อนที่จะเผยยิ้มเลศนัย “ เฮ้ยยยย !! มีแฟนทำไมไม่เคยบอกวะ ”
“ ก็...ว่าจะหาโอกาสบอกนี่ไง ”
“ ดีๆ งั้นก็พามาด้วยกันสิ ไปด้วยกันสี่คน...สองคู่ชูชื่น ฮ่ะ ๆ ๆ ”
พี่ไผ่หันไปบอกแฟนสาวทันทีว่าเขาจะพาแฟนไปด้วย กลายเป็นไปเที่ยวด้วยกันสี่คน แต่พอได้ยินคำหนึ่งของพี่ไผ่แล้วเขาก็สะดุดทันที
“ No..No..No..!! Not girlfriend , Umm…Boyfriend. Yes ! My boyfriend. ”
ทั้งสองหันมามองสีหน้าตะลึงงันไม่ต่างกัน แล้วยูมิก็หัวเราะยิ้มนิดๆ
“ You’re just kidding. Right ?! ”
พี่ชายของเขาก็กลั้นใจรอฟังไม่ต่างกัน ถึงจะพูดเป็นภาษาอังกฤษแต่คนที่เขาต้องการอยากบอกจริงๆคือพี่ไผ่
สนส่ายหัวปฏิเสธ พูดด้วยรอยยิ้มแต่น้ำเสียงกลับจริงจัง
“ I’m not kidding. ”
“ I have a boyfriend. ”
************************************
ความคิดเห็น