คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #106 : บทที่เก้าสิบแปด -- ผมรักพี่นะ
บทที่เก้าสิบแปด
...ฤดูฝนมาเยือนอีกครั้ง...
วันนี้ตื่นมาตอนเช้าก็ได้ยินเสียงฝนตกปรอยๆ มองออกไปนอกระเบียงเห็นท้องฟ้ามืดครึ้มไม่มีทีท่าว่าฝนจะหยุดตกง่ายๆ ช่วงนี้เขาและเพื่อนสนิทเดินทางไปเรียนค่อนข้างลำบากต้องอาศัยเสื้อกันฝน ยังดีที่ระยะทางค่อนข้างใกล้จึงไม่เปียกมากนัก สงสารก็แต่ไอ้ตัวอ้วนที่ต้องขับรถมารับเขาทุกวันเนี่ยสิ
เช้าวันนี้ก็เช่นกัน เขาลงมายืนรอด้านล่างหอ บังเอิญเหลือเกิน...ที่พบเจอกับใครคนหนึ่งเข้า ก็ไม่แปลกหรอก เพราะอยู่หอเดียวกันนี่นา
“ พี่ณัฐ ? ” ฝ่ายนั้นยิ้มทักเมื่อเห็นเขา
“ อ้าว...น้องแมท ”
ตั้งแต่วันงานเฟรชชี่ไนท์คราวนั้น...น้องรหัสของเขาก็คว้าตำแหน่งหนุ่มหล่อมาครอบครองได้อย่างไม่ต้องสงสัย ที่รู้เพราะฝ่ายนั้นส่งข้อความมาบอกในคืนวันเดียวกัน แล้วหลังจากนั้น...เขาก็ไม่ค่อยได้เจอน้องรหัสคนนี้สักเท่าไหร่ เรื่องที่เคยคุยกับพี่สนในคราวก่อนเขายังจำได้ดี เพียงแต่...ยังไม่ได้จัดการอะไร เพราะยังไม่มีอะไรให้ต้องจัดการน่ะสิ
“ พี่ณัฐจะไปเรียนเหรอ ? ” ฝ่ายนั้นยิ้มร่าเหมือนอย่างทุกครั้ง
“ ใช่...กำลังรอจัมโบ้อยู่ ”
“ พี่ณัฐไปพร้อมผมมั้ย ? ”
“ อ๋อ ไม่เป็นไร เพื่อนพี่มันขับรถออกมาแล้ว ”
“ แต่พี่จัมโบ้ขับรถมอไซค์ไม่ใช่เหรอ ? พี่ณัฐจะไม่เปียกเหรอ ”
“ อืมม..ก็นิดหน่อยอ่ะ แต่ไม่เป็นไร ”
“ พี่ไปกับผมดีกว่า แบบนั้นลำบากแย่เลย พี่จัมโบ้อยู่หอแพทย์ไม่ใช่เหรอ ? ต้องขับวนมารับพี่ด้วยนี่นา ”
“ เอ่อ... ”
คือ ถ้าให้พูดจริงๆ เขาเองก็เกรงใจเพื่อนสนิทเหมือนกัน แต่ให้ทำไงได้ล่ะ ไอ้จัมโบ้มันก็ไม่ได้บ่นอะไรสักหน่อย ส่วนพี่สนก็ไปส่งไม่ได้เพราะเวลาเรียนไม่พร้อมกัน และถ้าจะให้ไปกับน้องแมทก็คงเป็นไปไม่ได้อีกเหมือนกัน...เพราะพี่สนไม่มีทางอนุญาติแน่นอน
“ เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกพี่ไม่ได้เปียกอะไรมากมาย เสื้อกันฝนก็มี น้องแมทไปเรียนเหอะ ไม่ต้องห่วง ” เขาเอ่ยตัดบท
“ แต่...... ” ฝ่ายนั้นยังคงมีสีหน้ากังวล ก็พอดีกับที่รถมอไซค์ไอ้จัมโบ้ขับมาถึงใต้หอพอดี
“ อ้าวนี่ไง เพื่อนมาแล้ว งั้นพี่ไปก่อนนะ ” เขาเอ่ยลาเพียงแค่นั้น ใส่เสื้อกันฝนแล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถเพื่อนทันที สองคนนั้นทักทายกันเล็กน้อย พวกเขาก็ขับออกมา
พอมาถึงคณะ เขาถอดหมวกส่งให้เพื่อนแล้วเอ่ยถาม
“ เฮ้ย...ถามจริงนะ ทุกวันนี้มึงขี้เกียจขับรถมารับกูไหม ? ”
“ ไม่...ทำไมเหรอ ? มันก็ไม่ได้ไกลมากนิ ” คำตอบของเพื่อนค่อนข้างชัดเจน
“ แต่ช่วงนี้ฝนตก มันอาจจะลำบากสักหน่อย ”
“ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร...ทำไมเหรอ ? ”
ทั้งสองร่างรีบรุดเดินขึ้นบันไดมุ่งไปยังห้องเรียน ร่างเพรียวพูดขึ้นมาเบาๆ
“ อืมม...ไม่มีอะไรหรอก แค่อยาก ‘ขอบใจ’ เท่านั้นเอง ”
เขาไม่มีทางทิ้งเพื่อนไปนั่งรถยนต์คนอื่นให้สบายตัวหรอกน่า เปียกก็ต้องเปียกด้วยกัน อีกอย่าง...ถ้าทำแบบนั้น พี่สนต้องไม่สบายใจแน่ๆ
หันไปมองเพื่อนแวบหนึ่งเห็นมันแอบยิ้มน้อยๆด้วย
“ อืม ไม่เป็นไร...เพราะไม่อย่างนั้นพี่สนจะฆ่ากูเอา ”
“ พี่สนเกี่ยวไรด้วย ? ”
“ ก็ไม่มีอะไรหรอก พี่เค้าแค่ฝากฝังนิดหน่อย ”
“ ฝากอะไร ? ”
“ นี่มึงจะถามทุกเรื่องเลยใช่มั้ย ? เดาเอาก็ได้นี่หว่า ไม่งั้นก็ไปถามพี่เค้าเอาละกัน ” ไอ้ตัวอ้วนรีบเดินหนีเข้าห้องเรียนทันที...อ้าว ? ไอ้นี่ !
ตกเย็นหลังเลิกเรียน...ถ้าวันไหนพี่สนไม่ได้อยู่เวร เขาก็จะรอกลับพร้อมกัน วันนี้พี่สนไม่ได้อยู่เวรและฝนก็พึ่งจะตกลงมาอีกรอบยังกับฟ้ารั่ว เขาขี้เกียจเดินขึ้นตึกผู้ป่วยไปหารุ่นพี่ จึงบอกฝ่ายนั้นว่า...จะรอที่ห้องสมุด
ร่างเพรียวหยิบชีทเอกสารที่พึ่งเรียนวันนี้มานั่งอ่านรอ สักพักก็มีร่างหนึ่งเข้ามานั่งเก้าอี้ด้านข้าง...เขาหันไปมองคิดว่าพี่สนคงมาถึงแล้ว แต่ไม่ใช่...
“ น้องแมท ! ”
“ พี่ณัฐมาอ่านหนังสือเหรอครับ ? ”
“ เปล่า ”
“ งั้น...รอกลับพร้อมพี่จัมโบ้เหรอ ? ”
“ เปล่า...พี่รอ........พี่สนน่ะ ” เขาบอกออกไปตามตรง ถ้าฝ่ายนั้นสงสัย เขาก็พร้อมจะบอก แต่แมทก็ไม่ได้ถามต่อ มีเพียงใบหน้าที่เขาเดาความคิดไม่ออก
“ พี่สน ? รุ่นพี่ปีสี่คนนั้นน่ะเหรอครับ ”
“ อืม...ใช่ ” จะบอกดีมั้ยนะ ถ้าบอกตอนนี้...
“ งั้นผมกลับก่อนละกันนะครับ ” ฝ่ายนั้นลุกขึ้นยืนทันที
“ อ๋อ...อืม ๆ ”
“ แล้วพรุ่งนี้เช้า...พี่ณัฐยังต้องไปกับพี่จัมโบ้รึเปล่า ? ”
“ ใช่ ”
“ พี่ณัฐไม่อยากไปกับผมบ้างเหรอ ? ” ฝ่ายนั้นถามเสียงอ้อน
“ อย่าเลยดีกว่า พี่ตกลงกับจัมโบ้...ไว้แล้วน่ะ ”
“ เหรอครับ ? งั้นก็...ไม่เป็นไร แต่ถ้าวันไหนพี่ลำบาก พี่จัมโบ้มารับไม่ได้ ก็โทรบอกผมได้เลยนะครับ ”
“ อื้มม...ขอบใจมากนะ ” กล่าวลาเพียงแค่นั้น อีกฝ่ายก็เดินจากไป
เรื่องที่พี่สนบอกให้จัดการ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าอะไรยังไม่แน่ชัด...แบบนี้...ถ้าน้องแมทไม่บอกตรงๆหรือถามออกมา เขาคงไม่มีโอกาสได้บอก คงทำได้เพียงเท่านี้แหละ
...เพราะยังไง เราก็เป็นพี่น้องรหัสกัน...
เขาอ่านหนังสือต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคยจึงแหงนหน้ามอง
“ รอนานไหมครับ ? ” พี่สนมาถึงแล้ว...มองนาฬิกาเป็นเวลาเกือบห้าโมง
“ นานจนอ่านจบไปชีทนึงเลย พี่สนงานเยอะเหรอ ? ”
“ ก็ตามปกติแหละ เนี่ยขนาดพี่รีบมาแล้วนะ ”
“ ไม่เป็นไรหรอก ณัฐรอได้........แค่ไม่อยากกลับกับคนอื่นน่ะ ” เขาบอกอีกฝ่าย พี่สนทำหน้าครุ่นคิด
“ ทำไมเหรอ ? ”
เขาตัดสินใจเล่าให้พี่สนฟังทั้งหมดเพราะไม่อยากปิดบังคนรัก ทั้งเรื่องเหตุการณ์เมื่อเช้าและเมื่อครู่นี้ด้วย... รุ่นพี่ไม่ได้ว่าอะไร มีเพียงพยักหน้ารับฟัง
“ อืมม...ก็ดีแล้ว ”
“ ณัฐว่า...น้องแมท คงไม่กล้ามายุ่งอะไรมากกว่านี้หรอก ไม่รู้เหมือนกัน แต่ณัฐคิดว่าอย่างนั้นนะ ”
“ อืมม...พี่ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ”
ทั้งสองร่างเดินไปตามทางเดินหินหยาบ ฝนตกเสียงดังจนพูดกันไม่ค่อยได้ยินจึงตัดสินใจเงียบกันไปตลอดทาง ฝนสาดกระเซ็นเข้ามาโดนตัวเล็กน้อยจนรู้สึกเย็นวาบ เมื่อพ้นส่วนทางเดินที่มีหลังคา ร่างสูงเอื้อมมือมาจับกุมมือเล็กแล้วดึงให้ออกวิ่งไปยังรถที่อยู่ไม่ไกล
ฝนเกาะพร่างพราวตามเส้นผม เสื้อผ้าเปียกปอนเล็กน้อยเมื่อเราเข้ามานั่งกันในรถ อยู่ดีๆก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงฝนข้างนอกยังคงดังสนั่น...ฝนตกแรงมากเหมือนกันนะเนี่ย
“ ฝนตกแบบนี้...คิดถึงตอนนั้นเนอะ ” อยู่ดีๆพี่สนก็พูดขึ้น
ร่างเพรียวยิ้ม “ ใช่...เมื่อปีที่แล้ว ”
พี่สนสตาร์ทรถและออกตัว เขามองที่ปัดฝนทางด้านหน้าที่กำลังทำงานอย่างหนัก
“ เราเจอกันช่วงฤดูฝนนี่นา พี่สนจำวันนั้นได้ไหม ?...ที่พี่สนไปนั่งรอณัฐที่สวนสาธารณะอ่ะ ฮ่ะ ๆๆ ตั้งใจจะไปจีบเค้าก็บอกมาเถอะ กิ้ว ๆ ๆ ” แอบเขี่ยข้างแก้มรุ่นพี่เบาๆ
ฝ่ายนั้นยักคิ้ว หัวเราะร่า
“ แล้ววันนั้นณัฐก็...เขินพี่มากด้วย จำได้ ชอบพี่แล้วก็บอกมาเหอะ กิ้ว ๆ ๆ ” พี่สนล้อเลียนกลับ
กลางสวนสาธารณะในวันที่ฝนตกหนัก...พี่สนเสียสละเสื้อกันฝนให้เขาใส่ จนตัวเองเปียกสนิทไปทั้งตัว อาจจะเริ่มตั้งแต่วันนั้นล่ะมั้ง...ที่เขาเริ่มจะหวั่นไหวและประทับใจผู้ชายคนนี้
“ ยังไม่ได้ชอบซะหน่อย ”
“ แต่ก็เริ่มจะชอบแล้ว ”
“ อืมม...อาจจะใช่ ”
พี่สนหันหน้ามามองแล้วแอบยิ้มในคำตอบของเขา
“ เผลอแปบเดียวก็คบกันมาเกือบปีแล้วนะ ” ร่างเพรียวพูดพลางยิ้ม
“ อีกหน่อยก็สองปี...สามปี...สี่ปี...ห้าปี...ไปเรื่อยๆแหละ ”
แม้ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่เขาก็อยากจะคบกับพี่สนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ...จะเป็นไปได้หรือเปล่านะ ?...พอนึกถึงจุดนี้ทีไรเขาก็ต้องเลิกคิดทุกครั้ง เพราะตอนนี้ก็มี ‘ความสุขมาก’ อยู่แล้ว และเรายังรักกันดี ไม่อยากเอาเรื่องของอนาคตมาคิดมาก คิดไปก็ทุกข์เปล่าๆ
“ พี่สนห้ามทิ้งณัฐด้วย ! ” เขากอดอกแอบส่งสายตาขู่อีกฝ่ายเล็กน้อย แต่ภายในใจเหมือนเป็นการอ้อนวอนขอร้องว่า...อย่าทิ้งเขาไป...มากกว่า
“ พี่ไม่ทิ้งณัฐหรอก จะอยู่ด้วยกันตลอดไป เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ? ”
เขาอมยิ้ม “ จำได้...แต่แค่อยากได้ยินซ้ำเฉยๆ ”
******************************
ช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักเกือบทุกวัน เขาเดินทางไปเรียนตอนเช้ากับจัมโบ้ทุกครั้ง หลายครั้งที่เดินสวนกันกับน้องแมทที่ด้านล่างหอพัก แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ทวงถามเรื่องอยากไปส่งอีก มีเพียงยิ้มทักทายกันตามปกติ...และออกจะน้อยกว่าปกติด้วยซ้ำ
เย็นวันนี้...แพรกับจัมโบ้ว่าจะชวนน้องรหัสไปเลี้ยงด้วยกัน ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะไอ้จัมโบ้มันบ่นมาหลายวันแล้วว่าอยากเลี้ยงน้องรหัสที่แสนน่ารักของมัน เขาเองก็เคยแนะนำไปแล้วว่าให้ไปด้วยกันสองคนเลย มันก็ไม่กล้า เลยต้องเดือดร้อนมาชวนแกมบังคับให้ไปด้วยกันเสียให้ได้ เพราะแพรก็ตกลงไปแล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่เขา...
“ ณัฐ นะ ๆ ไปเลี้ยงน้องกับพวกกูนะ คนจะได้เยอะๆ สนุกดี ”
“ มึงก็ไม่ได้อยากให้คนเยอะนิ แค่อยากไปกับน้องลูกปลาสองคนก็บอก ”
“ เหอะน่า...พวกเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันนี่นา ก็ต้องไปเลี้ยงด้วยกัน มึงก็ชวนน้องแมทไปด้วย ”
เขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเลี้ยงน้องรหัสหรอกนะ เพราะเป็นเรื่องปกติที่ควรทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า...เพราะเป็นน้องแมท ถ้าพี่สนรู้เข้า จะว่าอะไรหรือเปล่านะ ?
“ เดี๋ยวนะ ขอโทรถามพี่สนก่อนได้ไหม ? ” แค่อยากจะโทรถามก่อน เพราะถ้าได้ไปจริงๆ จะได้โทรบอกน้องรหัสตอนนี้...แต่ถ้าไม่ได้ไปจริงๆ ก็จะได้ปฏิเสธเพื่อนไป
ไอ้ตัวอ้วนทำหน้างง แต่ก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
เขาโทรหาพี่สนทันที เพราะตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยง...คงไม่ได้ยุ่งอยู่หรอกมั้ง
“ ฮัลโหล พี่สน ? ”
“ คือ ตอนเย็นแพรกับจัมโบ้ชวนไปเลี้ยงน้องรหัสอ่ะ ”
“ อืมม...ใช่ คงงั้นแหละ ”
“ พี่สน...ว่าไง ? ”
ร่างเพรียวคิ้วขมวดมองไปทางแพร “ อืมม...อยู่ตรงนี้แหละ ”
เพราะพี่สนขอคุยกับแพร เขาจึงยื่นโทรศัพท์ให้ฝ่ายนั้น หญิงสาวรับมาคุยอย่างงงๆ
“ ค่ะ พี่สน ”
“ อ๋อค่ะ ”
เธอหันหน้ามามองเขาแวบหนึ่ง “ ค่ะ...แพรก็เคยสงสัยเหมือนกัน ”
“ ได้ค่ะ พี่สน ”
“ ได้ค่ะ...ค่ะ...ค่ะ...ไม่ต้องห่วงค่ะ ”
แพรยื่นโทรศัพท์มาคืน เขาจึงเอาแนบหูแต่สายกลับถูกตัดไปแล้ว
“ พี่สนวางไปแล้วแหละ ”
“ อ้าว ? แล้ว...พี่สนคุยอะไรกับแพรเหรอ ? ”
เธอยิ้มมีเลศนัย “ ก็...ฝากช่วยดู...นิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก ”
“ อ๋ออ ”
เขาไม่กล้าถามออกไปว่าเป็นเรื่องน้องแมทหรือเปล่า ? เพราะแพรยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ก็คิดว่าคงจะฝากฝังตามปกติแหละ ไอ้จัมโบ้ตอนนั้นก็คงเหมือนกัน
“ งั้นก็แสดงว่าให้ไปได้ ”
“ ใช่ ”
เขาลอบถอนหายใจเล็กน้อย ทำไมพี่สนถึงปล่อยให้เขาไปได้ง่ายขนาดนั้นนะ ?
เขานัดกับเพื่อนและน้องรหัสที่หอพักแพทย์ประมาณหนึ่งทุ่ม จึงกลับหอพักไปกับพี่สนก่อน พอถึงห้องฝ่ายนั้นก็ถามออกมาทันที...นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว
“ แล้วไม่ไปเลี้ยงน้องเหรอ ? พี่นึกว่าไปหลังเลิกเรียนทันทีซะอีก ”
“ ก็...นัดกันไว้ทุ่มหนึ่ง ที่หอแพทย์น่ะ ”
รุ่นพี่พยักหน้า...เพียงแค่นั้น “ ............................. ”
“ พี่สน...ให้ณัฐไปจริงๆเหรอ ? ” เขาถามย้ำ
“ ก็ให้ไป...ทำไมเหรอ ? ”
“ ไม่หึงแล้วเหรอ ? ” อดไม่ได้ที่จะถามแบบนี้ เพราะตอนนั้นพี่สนหึงน้องแมทขนาดหนักเลยน่ะสิ แล้วทำไมตอนนี้ถึงให้ไปได้ง่ายๆล่ะ
ฝ่ายนั้นยิ้ม ดึงเขาให้ไปนั่งตัก
“ ก็หึง...แต่ก็ไว้ใจ ณัฐอ่ะพี่ไว้ใจอยู่แล้ว แล้วเพื่อนณัฐก็ไปกันทั้งสองคน คงช่วยกันดูแลได้อีกแรง แล้วช่วงนี้ณัฐก็บอกเองว่าน้องรหัสไม่ค่อยมายุ่งกับณัฐแล้วนี่นา ”
“ จริงเหรอ ? ”
“ ทำไมล่ะ ? ไม่อยากไปเหรอ ” รุ่นพี่ถาม
“ เปล่า...ณัฐก็อยากเลี้ยงน้องเหมือนกัน แต่กลัว...พี่สนไม่สบายใจนี่นา ”
“ บอกตามตรงว่าก็คงกระวนกระวายใจนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ก็บอกพี่ละกัน เดี๋ยวไปรับ ”
เขามองสบตารุ่นพี่ ฝ่ายนั้นพูดจริงไม่ได้ประชดแต่อย่างใด และเขาเองก็พอจะเข้าใจด้วย
“ งั้น...ไปด้วยกันไหม ?! ”
ฝ่ายนั้นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาถามออกไปแบบนั้น
“ พี่สนไปด้วยกันไหม ? ”
“ อยากให้ไปด้วยเหรอ ? ”
“ อื้มม ” ร่างเพรียวพยักหน้า
“ แล้วคนอื่นล่ะ ? ”
ฝ่ายนั้นคงหมายถึง...น้องรหัสของพวกเขานั่นเอง ที่ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรุ่นพี่
“ ก็ไม่เป็นไร ”
รุ่นพี่ยิ้ม “ ถ้าอยากให้ไป...ก็คงต้องไปแหละ ”
“ แต่ถ้าไม่ไปก็ได้นะ ” เขาเบ้ปาก เอียงหน้าหนี แต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายหอมแก้มเขาได้ง่ายมากขึ้น แถมยังเข้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากอีกต่างหาก
“ พี่ดีใจนะ...ที่ณัฐชวน ”
“ บอกว่า ‘อยากไป’ แต่แรกก็จบ ” เขาแซว
“ ไม่ได้บอกว่าอยากไป แต่ ‘ไว้ใจ’ ต่างหาก อยากให้สนุกกับเพื่อน ”
เขาแกล้งปิดหูทั้งสองข้าง “ ไม่เชื่อ ๆๆ ”
“ ทำไมไม่เชื่ออออออออออออออ ” พี่สนแกล้งมาตะโกนข้างหูซะเสียงดัง แถมยังกระชับกอดเอวเขาเอาไว้ซะแน่น ไม่ให้หนีไปไหนด้วย
“ ฮ่ะ ๆ ๆ พี่สนปล่อยนะ ! ”
“ ไม่ปล่อยหรอก คนดื้อแบบนี้เนี่ย ! ”
ก่อนหนึ่งทุ่ม เขาโทรไปบอกแพรกับจัมโบ้ว่าพี่สนจะไปด้วย สองคนนั้นไม่ได้ว่าอะไร ระหว่างที่เขานั่งรถมากับรุ่นพี่ เสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น...น้องแมทโทรมานั่นเอง
“ ฮัลโหล น้องแมท ? ” รุ่นพี่หันหน้ามามองเล็กน้อย
“ อ๋อ พี่ออกมาแล้ว ”
“ ไม่เป็นไร ขอบใจนะ...แมทก็รีบออกมานะ เจอกันหอแพทย์ ”
พอกดวางสาย เขาก็หันไปบอกรุ่นพี่ตามอัติโนมัติ
“ น้องแมทโทรมาถามว่าไปด้วยกันไหม ? ”
บางที อาจจะเป็นเพราะเราอยู่หอพักเดียวกัน น้องแมทก็เลยต้องโทรมาถาม เพราะยังไงก็ต้องไปเลี้ยงด้วยกันอยู่ดี
พอมาถึงหอแพทย์ก็เห็นจัมโบ้ยืนรออยู่แล้ว น้องแพรกับน้องลูกปลาก็มาถึงแล้วด้วย เหลือแต่แพรกับน้องแมท เขากับพี่สนเดินมาจนถึงลานกว้าง ทักทายกับเพื่อนและน้องทั้งสองคน สองคนนั้นมองพี่สนเล็กน้อย คงพากันสงสัยว่าเป็นใคร ? ไม่นานน้องแมทและแพรก็มาถึงเกือบจะพร้อมกัน
“ พี่สน...หวัดดีค่ะ ” แพรทักทายรุ่นพี่ก่อนเลย
พอน้องแมทเดินเข้ามาถึง ฝ่ายนั้นชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่สนแต่ก็ไม่ลืมที่จะโค้งหัวให้ ก่อนที่จะหันหน้ามามองเขาแล้วยิ้มทักตามปกติ
“ มาครบกันแล้ว งั้นก็ไปกันเลยนะ ” เพราะมีกันเจ็ดคน เลยตกลงว่าจะไปกันแค่สองคันพอ คือรถแพร...และรถพี่สน น้องปีหนึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ พี่สน...รู้จักร้าน xxx ไหมคะ ? ที่อยู่ในเมืองอ่ะค่ะ ” แพรหันมาถาม พี่สนก็บอกว่ารู้จัก แล้วเธอก็หันไปทางรุ่นน้อง ก่อนที่จะจัดการให้ใครมานั่งรถใคร สรุปได้ว่า...
“ จัมโบ้ แกไปคันพี่สนกับณัฐนะ ส่วนน้องปีหนึ่งมารถพี่ ”
ไอ้จัมโบ้แอบทำหน้าขัดใจเล็กน้อย แต่มันก็ยอมมาแต่โดยดี เขาแอบลอบมองน้องแมท ฝ่ายนั้นก็เดินไปทางรถแพรทันทีเหมือนกัน
รุ่นพี่เลี้ยวเข้าร้านอาหารร้านหนึ่งที่เขาเองไม่เคยเห็นมาก่อน ร้านค่อนข้างใหญ่ บรรยากาศดีมากมีต้นไม้ประปรายหลายต้นทางด้านหน้าถูกประดับด้วยแสงไฟสวยงาม มีโต๊ะทั้งภายในและนอกร้าน ส่วนใหญ่โต๊ะภายนอกถูกจับจองเกือบเต็มหมดแล้วเพราะบรรยากาศค่อนข้างดี พวกเราจึงหาที่นั่งบริเวณทางด้านใน
เขานั่งข้างแพร และพี่สนก็มานั่งข้างกัน ส่วนไอ้จัมโบ้นั่งหัวโต๊ะและไม่ต้องบอกว่ามันนั่งใกล้ใคร... น้องปีหนึ่งนั่งตรงข้ามพวกเขา ส่วนน้องแมทก็บังเอิญนั่งตรงข้ามกับพี่สนซะด้วย
พอบริกรมาถึง พวกเราช่วยกันสั่งอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่สั่งเสียมากกว่า เพราะพี่สนกับแพรเคยมากิน จึงทราบว่าเมนูไหนอร่อย และน้องอยากกินอะไรเพิ่มเติมก็ช่วยกันสั่งได้
“ พี่สนไม่ชวนน้องรหัสมาด้วยกันเหรอคะ ? ” แพรเปิดประเด็นพูดคุยระหว่างรออาหาร
น้องรหัสของพี่สน...ก็มีตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสามนั่นแหละ เขาเองก็พอรู้จัก
รุ่นพี่ยิ้ม “ อ๋อ มากะทันหันน่ะ ก็เลยไม่ทันได้ชวน ”
“ แหม...มาเฝ้ากันเลยนะคะ ” แพรยิ้มแซวมองพวกเราสองคน อืมม...แพรนี่ก็ชัดเจนดีนะ
พี่สนยิ้มรับอย่างเดียวไม่ได้ว่าอะไร แต่ดูเหมือนน้องผู้หญิงอีกสองคนจะสนใจมองพวกเขาซะเหลือเกิน ส่วนน้องแมทน่ะเหรอ ? ...ยังไม่เห็นพูดอะไรเลย ทั้งที่ปกติออกจะพูดจ้อแท้ๆ เห็นแล้วก็อดที่จะ...สงสารไม่ได้
พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันไปตามปกติ ส่วนสถานะความสัมพันธ์ของเขากับพี่สนนั้นไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศบอก เพราะคิดว่ายังไงก็คงจะเดากันอยู่แล้ว ถึงเดาไม่ได้ก็คงจะสงสัย ไม่ว่าจะเป็นทางไหน เขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
สักพักอาหารก็มาถึง มีแต่จานน่ากินทั้งนั้น พวกเราลงมือกินอาหารกันทันที น้องๆเริ่มสนทนากับพี่มากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นแพรกับจัมโบ้ที่คุยกับน้อง เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนคุยเก่งอะไร จึงไม่ได้ชวนคุยเท่าไหร่ แต่ก็อยากจะถามสักหน่อย...
“ น้องแมท...อร่อยไหม ? ”
ฝ่ายนั้นยิ้มและพยักหน้ารับ “ อร่อยครับ ”
“ กินเยอะๆนะ ”
“ ครับ ”
“ แล้ว...มีหนังสือครบหมดทุกวิชาแล้วหรือยัง ? ”
“ ก็น่าจะครบนะครับ แต่...ยังเหลือพวกเอกสาร ”
“ งั้นเดี๋ยวพี่จะเอาชีทเนื้อหากับพวกข้อสอบเก่าไปให้ละกันนะ ” เพราะเขาเองยังไม่ได้ให้หนังสือน้องเลยน่ะสิ ว่าจะหาโอกาสให้แต่ก็ลืมทุกที
“ ขอบคุณครับพี่ณัฐ ”
น้องแพรเลยทวงถามกับแพรบ้าง เธอจึงยิ้มแห้งๆแล้วบอกว่าจะเอามาให้เหมือนกัน ส่วนจัมโบ้...เขาพึ่งมารู้ทีหลังว่ามันจัดการเอาให้น้องรหัสไปตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว
“ แล้วใกล้ถึงงาน Presentation หรือยัง ? ” อยู่ดีๆพี่สนก็ถามขึ้นมองหน้าน้องปีหนึ่ง เพราะรุ่นพี่ก็อยู่ตั้งปีสี่ น้องแต่ละคนเลยออกอาการเกรงๆสักเล็กน้อย แต่ละคนทำหน้างงเหมือนไม่ได้ยินกันมาก่อน น้องลูกปลาจึงเป็นฝ่ายตอบ
“ ยังค่ะ ”
“ อ้าวเหรอ ? ช่วงนี้ใกล้แล้วนี่นา ”
“ อีกประมาณสามอาทิตย์อ่ะค่ะพี่สน คิดว่าอาทิตย์หน้าคงจะเริ่มเตรียมน้องกันแล้ว ” แพรตอบ
ทำไมแพรถึงรู้ล่ะเนี่ย ? ขนาดเขายังไม่รู้เลย
“ งาน Presentation เป็นงานแสดงของน้องปีหนึ่งเนี่ยแหละ...เดี๋ยวพวกน้องก็จะได้รู้เอง พี่ปีสามคงจะมาบอกงานเองประมาณอาทิตย์หน้าล่ะมั้ง ? ” เธอบอกน้องๆ
กินข้าวเสร็จก็ตั้งใจจะไปร้องคาราโอเกะกันต่อ ถามน้องแต่ละคนแล้วไม่มีใครปฏิเสธ จึงตกลงตามนั้น บอกที่หมายกันเรียบร้อยจึงขับรถไปยังร้านคาราโอเกะร้านประจำทันที
ร้านนี้เป็นที่นิยม เพราะร้านค่อนข้างใหญ่และเครื่องเสียงก็ดี เป็นที่นิยมตั้งแต่นักศึกษาไปจนถึงวัยทำงาน พวกเราเดินตามพนักงานไปยังห้องๆหนึ่ง ภายในแสงไฟค่อนข้างสลัว เครื่องเสียงถูกเปิดและพวกเขาก็ให้น้องเริ่มเลือกเพลงก่อน
“ พี่สนร้องไหม ? ” เขาสะกิดถามรุ่นพี่
“ ให้น้องร้องดีกว่า ”
น้องแพรเริ่มร้องเพลงแรก แพรกับจัมโบ้ก็เริ่มเลือกเพลงแล้วเหมือนกัน น้องแมทจึงเดินไปเลือกเพลงบ้าง มีเพียงเขากับพี่สนเท่านั้นมั้ง ที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
“ พี่สน...ไม่ร้องเหรอคะ ? ” แพรถาม เขาเองก็พยักหน้าเห็นด้วย เคยได้ฟังพี่สนร้องเพลง ก็ร้องเพราะนี่นา เห็นแต่ฝ่ายนั้นส่ายหัวยิ้มๆ
“ งั้นแพรเลือกให้เลยละกันนะคะ ”
ดีมากแพร ! เขาได้แต่คิดในใจ เพราะไม่เคยมาร้องคาราโอเกะกับรุ่นพี่เลย ครั้งนี้จึงเป็นความรู้สึกที่แปลกไปสักหน่อย...ก็อยากได้ยินเสียงพี่สนอีกนี่นา
“ ณัฐไม่ร้องเหรอ ? ” รุ่นพี่หันมาถามยิ้มๆ
“ ไม่เอาอ่ะ ณัฐร้องเพลงไม่เก่ง อยากฟังมากกว่า ” เขาตอบตามจริง ก็ร้องเพลงไม่เป็นนี่นา ปกติเวลามาร้องกับเพื่อนก็มีแต่แพรกับจัมโบ้ที่ร้อง
เพลงถัดมาเป็นของไอ้จัมโบ้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะร้องแนวไหน เพราะมันร้องเพลง...เธอน่ารัก ของบางกอกจิ๊กกะโร่ เฮ้อ...ท่าทางจะเป็นเอามากนะเนี่ย ?
ร้องวนสลับกันไปเรื่อยๆก็มาถึงเพลงหนึ่ง และน้องแมทถือไมค์ไว้แล้ว น้องแพรกับน้องลูกปลาส่งเสียงแซวเพื่อนสักเล็กน้อยก่อนร้อง อืมม...ก็น้องแมทร้องเพลงเพราะนี่นา
ชื่อเพลงขึ้นมาก่อน และเขาเองก็เห็นแล้ว...
...แค่บอกว่ารักเธอ...ของ ปราโมทย์...
เสียงร้องที่เคยได้ฟังมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายร้องเป็นเพลงภาษาไทย จึงฟังดูแล้วแปลกไปอีกแบบ แต่ก็ไพเราะ...เหมือนกัน
ภายใต้ห้องแสงสลัวและร่างที่นั่งแนบชิด ใครเลยจะรู้ว่ามือแกร่งได้คว้ามือเล็กมากอบกุมเอาไว้ ร่างเพรียวหันหน้ามามองรุ่นพี่แล้วยิ้มบางให้ ถ้าไม่ได้สังเกตจริงๆ...คงจะไม่มีใครรู้ว่าเรากำลังนั่งจับมือกัน และเขาเองก็รู้ดีว่าพี่สนหมายความว่ายังไง จึงกระชับมือกลับไป...เพื่อให้ความมั่นใจ
เสียงเพลงจบลง...ได้ยินเสียงปรบมือชื่นชมจากเพื่อนทั้งสองรวมถึงแพรด้วย แล้วเพลงอื่นก็เข้ามาแทนที่ ถึงแม้ว่าระหว่างร้องเพลงน้องแมทจะไม่ได้หันมามองเขาแม้แต่น้อย แต่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าเสียงเพลงนั้นร้องเข้าถึงอารมณ์ราวกับมาจากความรู้สึกข้างในจริงๆ
...ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย...ไม่อยากให้เป็น ‘เขา’ เลย
หลังจากแพรร้องไปสองเพลงแล้ว ฝ่ายนั้นก็ยื่นไมค์มาให้ แต่ดันยื่นมาสองตัวเนี่ยสิ
“ ณัฐ...ร้องเพลงกัน เอาไมค์ให้พี่สนด้วย ”
นั่นเป็นเพราะว่าแพรเป็นคนเลือกเพลง แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไร ยังไม่ทันได้มอง เสียงดนตรีก็ขึ้นซะแล้ว คนด้านข้างเขายกไมค์ขึ้นร้องทันที
‘ในโลกที่มีความวกวน ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน ที่สับสนร้อนรนจนใจนั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร
แต่ยิ่งชีวิตยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบยิ่งเจอ กลับทำให้ฉันยิ่งคิดในใจ
ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบอะไร ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้
ในอุปสรรคที่มากมาย ในความหวาดหวั่นที่วุ่นวาย ในอนาคตในปัจจุบันและอดีต
ในความเจ็บปวดที่ต้องเจอ ที่ไม่เคยพ้นไปสักที ยังไม่รู้พรุ่งนี้ต้องเจอกับเรื่องใด’
เขาถือไมค์ไว้กับตัวแต่ปล่อยให้พี่สนร้องเพียงคนเดียว ท่วงทำนองของเพลงและเสียงนุ่มทุ้มของรุ่นพี่ทำให้รู้สึกเคลิ้มจนไม่อยากร้องขัด ฝ่ายนั้นหันหน้ามายิ้มให้เล็กน้อยตอนกลางเพลงจนเขารู้สึกเขินอาย คนอื่นส่งเสียงโห่แซวกันยกใหญ่โดยเฉพาะแพรและจัมโบ้ น้องผู้หญิงทั้งสองคนก็พอจะเข้าใจและยิ้มเขินไม่ต่างกัน...มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่แสดงอาการใดๆออกมาเลย
‘แต่ยิ่งชีวิตยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบยิ่งเจอ กลับทำให้ฉันยิ่งคิดในใจ...
ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบอะไร ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้
ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่กับฉัน...’
พอเสียงเพลงจบลง รุ่นพี่หันมายิ้มกว้างให้...สายตาหวานเยิ้มเชียว
“ แพรเลือกเพลงนี้ให้เราอ่ะ เพราะเนอะ ”
“ ร้องแบบนี้ไม่อายน้องหรือไง ” เขาตีแขนอีกฝ่าย
“ ไม่อาย แล้วทำไมเมื่อกี้ณัฐไม่ร้องล่ะ ? ”
“ ร้องไม่เป็น นั่งฟังพี่สนร้อง เพราะกว่าตั้งเยอะ ”
“ แต่อาจจะเพราะน้อยกว่าน้องรหัสณัฐนะ ” ฝ่ายนั้นแอบมากระซิบเบาๆ ไม่ต้องมาแกล้งประชดประชันเลย
“ อืม...อาจจะใช่นะ ” อยากประชดดีนัก แกล้งกลับซะเลย ที่จริง...เขาว่าก็ร้องเพราะทั้งสองคนแหละ แต่เพราะคนละแบบ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาประทับใจใครมากกว่า...ก็ต้องแฟนเขาน่ะสิ
บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เพราะน้องต่างพากันร้องเพลงเร็วสนุกสนานกันแล้ว และเพราะกินน้ำมาเยอะ ตอนนี้ชักรู้สึกปวดฉี่ซะแล้วสิ
“ พี่สน...ณัฐไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ เขาจึงเดินออกมาทันที
หลังจากปลดปล่อยแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ ขณะที่กำลังล้างมือที่อ่างอยู่นั้น...ใครบางคนก็เดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี
“ พี่ณัฐ ? ”
“ อ้าว แมท...ปวดฉี่เหมือนกันเหรอ ? ”
เขามองใบหน้านั้นผ่านกระจกเงา...สีหน้าและแววตาเศร้าหมองอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนกำลังจ้องมองมาที่เขา
“ ไม่หรอก...ผมมีเรื่องอยากถามพี่ณัฐ ”
“ เรื่องอะไรเหรอ ? ”
อีกฝ่ายมองเขาด้วยแววตาจริงจัง “ พี่ณัฐกับพี่สน...เป็นแฟนกันเหรอ ? ”
ในที่สุด...น้องแมทก็ถามออกมาแล้ว
เขาพยักหน้ารับ “ ใช่...พวกพี่เป็นแฟนกัน ”
อีกฝ่ายคิ้วขมวดแน่น สีหน้าบ่งบอกความเจ็บปวด
“ พี่ณัฐ ? ”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น อีกฝ่ายก็เข้ามาสวมกอดเขาเอาไว้ทันที เขาตกใจตาโตพยายามผลักดันเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เพราะฝ่ายนั้นร่างสูงใหญ่พอที่จะโอบกอดร่างเขาเอาไว้ได้ทั้งหมด
“ แมท ปล่อยพี่ก่อน ”
“ พี่ณัฐ...ผมชอบพี่นะ...ชอบมากๆเลย !! ” น้องแมทพิงซบไหล่เขาเอาไว้ ร่างสูงใหญ่นั้นกำลังสั่นเทาคล้ายกับ...กำลังร้องไห้อยู่อย่างนั้นแหละ
เขาทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งจนตัวแข็ง ไม่นานฝ่ายนั้นก็ยอมผละกอด...น้องแมทร้องไห้จริงๆด้วย
“ แมท...พี่ขอโทษ ” ไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่านี้แล้ว
“ แมทรักณัฐนะ...รักมาก ” ฝ่ายนั้นเรียกชื่อของเขาแทน...อย่างที่ไม่เคยเรียกมาก่อน
“ แต่พี่รักแมทไม่ได้หรอก เพราะพี่รักพี่สนแล้ว ”
“ ผมรู้ครับ... ” ฝ่ายนั้นปล่อยมือจากเขา
“ ผมแค่อยากบอกพี่ณัฐให้ได้รู้ไว้ ไม่ได้คิดอยากแย่งมาจากใคร เพราะพี่ณัฐกับพี่สนก็คงรักกันมากด้วย...ผมรู้ดีครับ ”
เขาพยักหน้ารับ “ พี่ขอบคุณนะ ที่รู้สึกดีด้วย และพี่ก็ขอโทษ... ”
“ แต่เรายังเป็นพี่น้องรหัสกันเหมือนเดิมนะ ”
ฝ่ายนั้นเช็ดน้ำตา เผยยิ้มน้อยๆถึงจะดูฝืนมากก็เถอะ
“ ครับ...พี่รหัส ”
เขายิ้มบาง ตบไหล่ฝ่ายนั้นเบาๆ เพราะไม่อยากให้เศร้าเกินไป...เห็นแล้วมันสงสารน่ะ
“ ไม่ต้องเศร้าขนาดนั้นหรอกน่า แมทเองก็หล่อ...จีบใครก็ติดน่า ไม่ต้องมาเสียเวลากับพี่หรอก ” แต่เหมือนไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
“ ผมคิดว่าแฟนพี่คงไม่ปล่อยให้พี่อยู่นอกสายตานานเท่าไหร่หรอก... ”
“ อ๋อ...อืมๆ นั่นสินะ ” พี่สนคงรอเขานานแล้ว เขาก้าวเท้าตั้งใจจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ฝ่ายนั้นกลับพูดเสียงดังขึ้นมาเสียก่อน น้ำเสียงหนักแน่นจนเขาแปลกใจ
“ ผมรู้ว่าพี่อยู่ตรงนั้น...ถ้าวันไหน ‘พี่’ ทำให้พี่ณัฐเสียใจ...”
“ วันนั้น... ผมจะทวงพี่ณัฐคืนและจะเป็นคนดูแลพี่ณัฐเอง !! ”
เขาหันไปมอง น้องแมทยังคงยืนหันหลังให้เขาอยู่อย่างนั้น ร่างเพรียวตัดสินใจเดินออกมา แล้วเขาก็ต้องเข้าใจประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมาเมื่อกี้ เมื่อเห็นใครอีกคน...กำลังยืนกอดอกพิงผนังอยู่ตรงนั้น
พี่สนเผยยิ้มบางให้ มองมาที่เขาด้วยสายตาอบอุ่น เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย มีเรื่องราวมากมายอยากจะบอกอยากจะเล่าให้ฟัง แต่ฝ่ายนั้นกลับยื่นมือมาให้....
“ อยากกลับหรือยัง ? ”
เพียงแค่นั้นก็เป็นคำตอบทั้งหมดแล้ว
เขาพยักหน้าเอื้อมมือไปจับมือแกร่งนั้น พี่สนพร้อมมอบความอบอุ่นมาให้เขาเสมอทุกครั้งที่ต้องการ เขากระชับมืออีกฝ่ายไว้แน่นแล้วพิงซบไหล่เดินไป...รุ่นพี่ลูบศีรษะของเขาเบาๆ เพราะไม่ต้องเอ่ยอะไรแต่เราก็เข้าใจกันได้ดี
...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...แต่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก...
“ เรื่องน้องแมท... ”
“ ครับ...พี่รู้แล้ว ”
********************************
ความคิดเห็น