คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่หนึ่ง -- ก้าวแรก
บทที่หนึ่ง
ชายหนุ่มลงจากรถโดยสารคันเล็ก ก้าวเท้ายาวมุ่งตรงไปยังหอพักที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า สภาพหอพักดูทรุดโทรมมากกว่าที่คาดไว้มาก มองไปเห็นระเบียงแต่ละห้องเรียงราย ด้านล่างหอพักมีรถจักรยานยนต์จอดอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เขาหยิบกระดาษในมือขึ้นมาดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
‘ หอพักนักศึกษาแพทย์ T ’
“ คงเป็นที่นี่แหละ เฮ้อ....ถึงซะที ” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว พร้อมกับมองสภาพหอพักอีกครั้ง
เป็นเวลามากกว่า 7 ชั่วโมง ที่ ‘ณัฐภัทร’ เดินทางมาที่นี่ ซึ่งเป็นสถานที่ๆเขาไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย สถานศึกษาที่ห่างไกลจากบ้านหลายร้อยกิโล เขาจินตนาการไว้มากมายสารพัด ความคิดต่างๆนานาที่คาดการณ์ไว้ ถ้ารวมกันได้เห็นจะใกล้เคียงกับคำว่า ‘ไม่เจริญ’ มากที่สุด แต่วันนี้ที่เขามาประจักษ์ด้วยตาตัวเองกลับไม่เป็นดังคาด ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นแค่มหาวิทยาลัยภูมิภาคแต่นับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่มาก ตึกอาคารต่างๆดูน่าเรียน ต้นไม้เขียวชะอุ่มตามสองข้างทางชวนให้รู้สึกสดชื่น แตกต่างจากกรุงเทพ บ้านเกิดที่เขาจากมา
ถ้าถามความรู้สึกในตอนนี้ก็นับว่า ที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว
เขารีบรุดเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสามของหอพักแล้วเลี้ยวขวาเดินไปตามทางยาวแคบ
“ 305
305
305 อ๊ะ !! เจอแล้ว ”
ณัฐภัทรรีบหมุนลูกบิดประตู เพื่อดูสภาพภายในห้อง ห้องคับแคบกว่าที่เขาคิดไว้มาก ถึงแม้ภายนอกจะดูเก่า แต่ภายในกลับดูสะอาดสะอ้านดีทีเดียว ห้องถูกแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างเรียบร้อย ของใช้มีอย่างละสองชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเตียงไม้สองเตียงที่อยู่คนละมุมห้อง ถูกกั้นด้วยโต๊ะอ่านหนังสืออีกสองโต๊ะ อีกฟากหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าเล็กๆอีกสองตู้ ห้องเล็กๆที่ถูกแทนที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ทำให้ห้องยิ่งแคบลงถนัดตา
ชายหนุ่มวางกระเป๋าลงบนเตียงฝั่งหนึ่ง แล้วเดินไปเปิดประตูระเบียงด้านนอก มองเห็นเพียงแค่ลานจอดรถยนต์ด้านล่างที่มีรถจอดเรียงรายหลายคัน ไกลออกไปเป็นสวนสาธารณะเล็กๆบรรยากาศดีใช้ได้ ที่ทำให้เขานึกเล่นๆในใจว่าถ้ามีเวลาว่างจะลองไปเดินเล่นชมดู เมื่อมองไปอีกฝั่งก็พบว่าเป็นตึกโรงพยาบาลขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันยาวประมาณสามตึก ใกล้กันนั้นเป็นตึกสีขาวที่ขนาดไม่ต่างกัน ป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า ‘ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย T ’ เหมือนกับที่เขาเคยรู้มาว่าที่นี่เป็นทั้งโรงพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ในตัว
ซึ่งที่นี่เองที่เขาเดินทางมาเพื่อที่จะมาฝากความหวังไว้ในอนาคต
หลายวันก่อนหน้านี้เขาเป็นคนหนึ่งในหลายหมื่นคนที่นั่งลุ้นผลประกาศเอนทรานซ์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะติดถึงอันดับสามจากสี่อันดับที่เลือกไว้ ทั้งสี่อันดับเลือกคณะแพทยศาสตร์ทั้งหมด แต่สามอันดับแรกเขาเลือกมหาวิทยาลัยในกรุงเทพที่ใฝ่ฝัน ส่วนอันดับสุดท้ายเลือกไว้เป็นมหาวิทยาลัยภูมิภาค ที่คิดไว้ว่าคงไม่มีวันได้เรียนแน่นอน แต่จนแล้วจนรอดก็พลาดจนได้ ทั้งๆที่เขาตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อการสอบในครั้งนี้ แต่โชคชะตาดันไม่เข้าข้าง คิดแล้วก็น่าเสียใจ ที่ผ่านมาเขายังพยายามไม่พออีกหรือ
ได้แต่นั่งโทษฟ้าโทษดินไปได้ชั่วครู่ก็รู้สึกปลงตก คิดในใจว่าถึงจะติดอันดับสี่คงดีกว่าไม่ติดสักอันดับนี่นา ใจพาลก็นึกไปถึงว่า สถานที่ที่จะต้องไปเรียนนั้นจะเป็นยังไงบ้างหนอ ทั้งที่ไม่เคยได้คาดคิดมาก่อนว่าทั้งชีวิตของเขาที่เกิดและโตที่นี่ จะต้องได้ไปเรียนที่อื่น เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลๆ มาก่อน เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกันก็พากันติดที่นี่กันหมด นี่เขาจะต้องไปใช้ชีวิตในดินแดนที่ห่างไกลเพียงลำพังหรือ คิดแล้วก็พาลรู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที
“ ติดมั้ยลูก ? ” เสียงผู้เป็นแม่ถามขึ้นก่อนที่ประตู้ห้องจะถูกผลักเปิดอย่างรวดเร็ว
ณัฐหันหน้าไปทางต้นเสียง แต่ไม่ได้มีรอยยิ้มที่ผู้เป็นแม่หวังว่าจะได้เห็นอยู่บนหน้า
“ ติดครับ ” ยังไม่ทันจะได้พูดคำว่าแต่ ผู้เป็นแม่ก็ยิ้มจนหน้าบานแล้วโผเข้ามากอดทันที
“ แม่รู้อยู่แล้ว ว่าณัฐลูกแม่เก่ง ในที่สุดก็ติดหมอสักที แม่ดีใจจังเลย ” พร้อมกับหอมแก้มลูกชายสุดที่รักฟอดใหญ่
“ แต่ณัฐติดที่ ม. T นะแม่ ” จากคำพูดนั้น ทำให้รอยยิ้มของผู้เป็นแม่หุบลงเล็กน้อย แล้วก็กลับมายิ้มและกอดเขาดังเดิม
“ ถึงยังไงก็ยังได้เรียนหมออยู่นี่นา ถึงจะไกลหน่อย แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอก ณัฐไม่อยากไปเหรอลูก ? ”
“ ก็ไม่เชิงครับ เพียงแต่ณัฐ...ไม่รู้ว่าที่นั่นจะเป็นไงบ้าง ? ”
ผู้เป็นแม่ลูบหัวลูกชายเบาๆ “ อย่าไปกลัวในสิ่งที่ยังไม่มาถึงสิลูก ณัฐอาจจะทำได้ดีที่นั่นก็ได้ แต่ถ้าคิดถึงกันมาก เดี๋ยวแม่จะไปหาบ่อยๆ ”
คำพูดของผู้เป็นแม่ทำให้ณัฐสบายใจได้เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโตแม่เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด และอาจจะเรียกได้ว่ารู้ใจเขามากที่สุด อาจจะเพราะเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว แม่จึงเอาใจใส่ดูแลเขาไม่เคยขาด ส่วนพ่อนั้นก็รักลูกชายไม่น้อยเช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้แสดงออกมากเท่านั้นเอง ถ้าถึงวันที่เขาต้องจากท่านทั้งสองไปเรียนที่ไกลบ้านจริงๆ เขาจะทนได้หรือ และสิ่งที่เขาวิตกกังวลในตอนนี้อีกอย่างคงหนีไม่พ้นเรื่องท่านทั้งสอง
“ ณัฐเป็นห่วงพ่อกับแม่ใช่มั้ย ? ” เหมือนกำลังถูกอ่านความคิด แม่มักจะเข้าใจความรู้สึกของลูกชายแทบทุกครั้ง เพราะผู้เป็นแม่รู้ดีว่าลูกชายของตนมักจะนึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชายเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นลูกแหง่เอาแต่ใจอย่างที่คิด เพราะเขาได้เฝ้าพร่ำสอนลูกชายมาเป็นอย่างดี
“ ณัฐไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่หรอกนะ พ่อกับแม่ดีใจที่ลูกได้เรียนในสิ่งที่ลูกรัก เท่านี้แม่ก็ดีใจจะแย่แล้ว ไม่ต้องคิดมากเรื่องพ่อกับแม่นะ พ่อกับแม่อยู่สองคนได้สบายมาก แค่ลูกตั้งใจขยันเรียนก็พอแล้ว ” ผู้เป็นแม่พูดด้วยรอยยิ้มละไม
“ ใช่สิ !” ผู้เป็นแม่อุทานขึ้นแทบจะในทันทีที่พูดจบ
“พ่อยังไม่รู้นี่นา เดี๋ยวแม่รีบไปบอกข่าวดีพ่อดีกว่านะ ” พร้อมกับรีบลงไปข้างล่างจนเหลียวหลังแทบไม่ทัน
หลังจากได้พูดคุยกับผู้เป็นแม่ ตอนนี้เขาสบายใจขึ้น และตัดสินใจได้แล้ว...
ณัฐภัทรหันกลับมามองหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
‘ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย T ’ เฮ้อ...จะเป็นยังไงบ้างน้า ?
*****************
กระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ถูกเปิดออก ด้านในมีแต่เสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นเท่านั้น ณัฐภัทรตั้งใจไว้ว่าจะเดินทางมาคนเดียวก่อน เพื่อมาดูที่พักและที่เรียนสักหนึ่งอาทิตย์ก่อนเปิดเทอม แล้วค่อยให้พ่อกับแม่เอาของที่คิดว่าจะได้ใช้ตามมาทีหลัง
ขณะที่กำลังจัดข้าวของอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นและถูกเปิดออก
ผู้มาใหม่โผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับยิ้มแป้นทักทายให้ “หวัดดี”
เขาหันมองไปทางต้นเสียง ก็เห็นหนุ่มรูปร่างอ้วนท้วม ผิวสีแทน ค่อนข้างเตี้ยกว่าเขาสักสิบเซ็นต์เห็นได้ ท่าทางเป็นกันเอง กำลังยิ้มกว้างให้
“หวัดดี” ณัฐกล่าวทักทายตอบ
..นี่คงเป็นรูมเมทเขาสินะ.. ชายหนุ่มคิดในใจ
ผู้มาใหม่เบียดตัวผ่านประตูเข้ามา พร้อมกับข้าวของเต็มสองมือพะรุงพะรังท่าทางหนักพอดู เขาวางของที่ข้างเตียงฝั่งตรงข้ามแทบจะทันที แล้วนั่งบนเตียงเต็มแรงพลางหอบเหนื่อย เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคงเหน็ดเหนื่อยกับการขนของมากมายขนาดนั้นเดินขึ้นบันไดมาถึงสามชั้น
เจ้าตัวอ้วนมองตรงมาที่เขาแล้วยิ้มกว้างเป็นกันเองให้ พลันพยายามเช็ดเหงื่อบนใบหน้าด้วยแขนเสื้อตัวเอง
“ เราชื่อ ‘จัมโบ้’ นะ นายชื่ออะไรเหรอ ? ” เจ้าอ้วนถามเสียงแผ่ว จากอาการเหนื่อย
“ เราชื่อ ‘ณัฐ’ ” เขารีบตอบคำ
หลังจากนั่งพักพอหายเหนื่อย จัมโบ้จึงหยิบข้าวของจากเป้สะพายหลังของตนมาจัดบ้าง แล้วสนทนาไปพลาง
“ นายมาจากไหนเหรอ ? ”
“ มาจากกรุงเทพ ”
“ นั่นไง ! คิดไว้แล้วเชียว ” เจ้าตัวอ้วนดีดนิ้วมือดังเป๊าะ “ ถ้าทายหวยถูกอย่างนี้ก็ดีสิ ”
“ ทำไมถึงคิดงั้นล่ะ ? ”
“ ฟังจากสำเนียงก็รู้ แล้วอีกอย่างนะ ... หล่อ ดูดี ... ยังกะคนกรุงเทพ ”
ณัฐได้แต่หัวเราะเบาๆในคำเยินยอของเพื่อน “ ขนาดนั้นเลย ? ”
“ แล้วทำไมถึงมาเรียนถึงที่นี่ล่ะ ไม่ไกลไปหน่อยเหรอ ? ”
“ ก็...ดันติดที่นี่ น่ะสิ ”
เจ้าตัวอ้วนสัมผัสได้จากน้ำเสียงของเพื่อน “ พูดอย่างนี้ แสดงว่าพลาดอันที่ตั้งใจไว้ล่ะสิ ”
“ คงงั้นมั้ง ”
จัมโบ้ยิ้มกว้างเหมือนเป็นการปลอบใจ
“ ไม่ต้องเสียใจไปหรอก ที่นี่ดีจะตาย สำหรับสายตาคนกรุงเทพอาจจะไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่สำหรับเราแล้ว ที่นี่เป็นที่เรียนอันดับหนึ่งที่เราใฝ่ฝันเลยนะจะบอกให้ ” เจ้าตัวอ้วนยกยอมหาลัยให้เขาฟังเสียยืดยาว สมกับที่เป็นมหาลัยอันดับหนึ่งในใจเลยทีเดียว
คุยกันไปมาจึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วจัมโบ้เป็นคนจังหวัดนี้ เพียงแต่อยู่แถวชานเมือง ลำบากในการเดินทางมาเรียน จึงได้ตัดสินใจมาอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย เขาได้แต่นั่งฟังจัมโบ้เล่าเรื่องต่างๆสารพัด เพื่อนใหม่คนนี้เป็นคนคุยสนุกทีเดียว มีเรื่องมากมายเล่าให้ฟังไม่หยุดหย่อน ทั้งฟังไป หัวเราะไป ปกติแล้ว เขาจะเป็นคนพูดน้อยกับคนที่ไม่ค่อยสนิท แต่สำหรับเพื่อนใหม่คนนี้ เขาสามารถพูดคุยด้วยได้อย่างสบายใจ ไม่รู้สึกเกร็งหรืออึดอัดแต่อย่างใด ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็รู้สึกคุ้นเคยและสนิทสนมกันมากขึ้น
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนฟ้าเริ่มมืดลง เขาและเพื่อนจัดของเสร็จนานแล้วเพราะมีข้าวของกันไม่มากนัก ท้องเจ้ากรรมก็ร้องขึ้นมาเหมือนกับจะฟ้องว่าหิวเต็มทน เขาได้แต่ลูบท้องตัวเองป้อยๆ
เจ้าตัวอ้วนหัวเราะขึ้นมาทันที “ งั้นไปกินข้าวกันเถอะ เราก็หิวเหมือนกัน เรารู้จักร้านอร่อยๆอยู่หลายร้าน เดี๋ยวจะพาไป ” เพื่อนตัวอ้วนอาสาเป็นไกด์ให้
****************
ร้านอาหารนับสิบร้านเรียงตามยาวทั้งสองฝั่ง อาหารมีมากมายหลายชนิดให้เลือกสรร ผู้คนพลุกพล่านจอแจ ทั้งกำลังนั่งรับประทานอาหาร ทั้งเดินผ่านไปมาขวักไขว่ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นนักศึกษาของที่นี่ จากปริมาณของจำนวนผู้คนที่แวะเวียนมายังย่านนี้สามารถสื่อได้เป็นอย่างดีว่า ที่แห่งนี้คงเป็นแหล่งอาหารที่นิยมของมหาวิทยาลัย
บรรยากาศของชีวิตนักศึกษาเป็นอย่างนี้เองสินะ
เขาและเพื่อนเลือกนั่งร้านหนึ่งที่โต๊ะว่างพอดี สั่งอาหารกันได้สักพักก็ถึงคราวต้องนั่งรอ
ณัฐภัทรได้แต่เฝ้าสังเกตผู้คนมากมายไปมา ทั้งโต๊ะหญิงสาวที่คุยกันแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน ทั้งกลุ่มโต๊ะชายที่กำลังแกล้งเพื่อนแล้วหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง พลันให้คิดกับตัวเองในใจว่า ‘แต่ละคนต่างที่ต่างถิ่น แต่ก็ยังมาอาศัยอยู่ร่วมกันได้ เป็นเพื่อนกันได้ ทนกับความเหงาและความว้าเหว่ภายในใจมาได้ แล้วเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังจะเผชิญกับชะตากรรมเหล่านั้น ในเมื่อทุกคนผ่านมันมาได้ ทำไมเขาจะผ่านมันมาไม่ได้ เขาได้แต่หวังว่าบางทีชีวิตนักศึกษาของที่นี่อาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิดก็เป็นได้’
ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั้นก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง...
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของผู้คนมากมาย เขากลับมีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองจากใครสักคน เขารู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เพียงแต่พอมองไปทางนั้นทีไรกลับไม่พบว่ามีใคร ทุกคนยังคุยกันสนุกสนานตามปกติดี
แปลกจัง...
หรือว่ารู้สึกไปเองนะ
ความคิดต่างๆถูกสลัดหายไปในพริบตาเมื่อแม่ค้าร้านข้าวยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ความสงสัยเมื่อครู่หายไปในทันทีด้วยกลิ่นหอมโชยจากอาหาร
“ หิว แทบแย่ .... กินล่ะนะ ” เพื่อนตัวอ้วนรีบตักคำข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว
ณัฐรีบกินบ้าง วันทั้งวันเขาได้กินแต่ข้าวเช้า เดินทางมาก็เหนื่อยแสนเหนื่อย ได้กินอาหารอร่อยๆอย่างนี้ก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้าง
ทันใดนั้น จัมโบ้ก็มาสะกิดแขนเขาเบาๆ พร้อมกับทำหน้าทะเล้น แล้วพยักหน้าไปทางด้านหลังให้มองตาม
“ ผู้หญิงโต๊ะนั้น มองนายใหญ่เลย ” ณัฐหันไปตามทางที่เพื่อนบอก เห็นกลุ่มหญิงสาวสี่ห้าคนที่นั่งถัดจากโต๊ะเขาไปแค่สองโต๊ะกำลังมองมา แล้วหัวเราะคิกคัก หนึ่งในนั้นทำท่าเขินอายเมื่อเขาหันไปมองพอดี
“ นึกแล้วว่านายต้องเสน่ห์แรง นี่ขนาดมานั่งกินข้าวแค่ไม่กี่นาที ยังมีคนชอบเลย ” จัมโบ้พูดกระซิบเสียงเบา
เขาได้แต่คิดกับตัวเองในใจว่า ‘วันนี้แปลกชอบกล ทำไมถึงมีแต่คนมองนะ ? เมื่อครู่ก็รู้สึกครั้งหนึ่งแล้ว แล้วนี่ยังจะมีอีกหรือ’
“ รู้ได้ไงว่าเขาชอบ เขาก็แค่มองเฉยๆน่า ไม่เห็นมีอะไรสักหน่อย ดีไม่ดีเขาอาจจะมองคนอื่นก็ได้ ” ณัฐไม่ได้แกล้งทำเป็นปฏิเสธ เพียงแต่คิดอย่างนั้นจริงๆ
เจ้าจัมโบ้เอียงหน้าเล็กน้อยแอบใช้หางตาหันไปมองเป้าหมายทางด้านหลังเขาอีกครั้ง
“ ชัวร์ป้าบ! มองนายนั่นแหละ ” เจ้าตัวอ้วนพูดด้วยน้ำเสียงแบบมั่นใจสุดๆ
จัมโบ้หันมาพิจารณาใบหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับแซวทะเล้น
“ ดีจังน้า...เป็นคนหน้าตาดีเนี่ย ทั้งหล่อ ทั้งสูง ทั้งขาว มีสาว ๆมาสนใจเพียบ ”
เขาไม่รู้จะหยุดบทสนทนานี้อย่างไรดี...
นี่ไม่ใช่คำชมแรกที่เขาเคยได้รับ แต่ไหนแต่ไรมาเขามักได้ยินคำเยินยอประเภทนี้ประจำ และทุกครั้งที่ได้ยิน ก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินเท่าไรนัก ทำให้วางตัวไม่ค่อยถูก แต่เมื่อโดนชมว่าหล่อ ก็ยังดีกว่าถูกชมว่า...อืมม อีกแบบมากกว่า....
แต่จัมโบ้ยังไม่หยุดพิจารณาใบหน้าที่อยู่ตรงข้าม
“ เอ...แต่จะว่าหล่อ ก็ไม่ถูกไปสักทีเดียว อืม...ต้องบอกว่า ‘หน้าสวย’ ใช่ เป็นผู้ชายที่หน้าสวยมาก สิ ถึงจะถูก ”
ณัฐภัทรได้ยินแทบจะสำลักข้าวที่กำลังตักเข้าปากไป !!!!
‘ผู้ชายหน้าสวย’ งั้นเหรอ ?
คำนี้อีกแล้ว...คำที่เขาได้ยินแล้วไม่รู้ว่าควรจะดีใจ ดีหรือไม่ เกิดมาเป็นผู้ชายทั้งทีแล้วมีหน้าสวยอย่างกับผู้หญิงมันดีตรงไหนกัน เขาเป็นผู้ชาย ควรจะถูกชมว่าหล่อ เท่ อะไรแบบนั้นมากกว่า
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เขายังไม่เคยชินกับคำชมนี้สักที
“ เอ่อ... ”
“ ขอบคุณนะ แต่ถ้าจะให้ดี อย่าชมแบบนี้อีกจะดีกว่า ฟังแล้วมันทะแม่งๆชอบกล ” เขารีบกล่าวปิดประเด็นเสียเอง
ส่วนเจ้าจัมโบ้ได้แต่นั่งหัวเราะร่วนเพราะรู้สึกดีที่ได้แกล้งเพื่อน
*****************
ขอบคุณหลายๆ
EdS0uL ---- นายณัฐน่าสงสารจิงๆนะเนี้ย
โดนไปแบบไม่รู้ตัวเลย
ปาปัวปูกาด้า ---- ขอบคุณมากๆ เม้นแรกๆ....คุณคือเสียงสวรรค์ พระเจ้าทรงโปรด 555
ตอนแรกณัฐก็ไม่ชอบ...แต่เด๋วก็รู้ว่าได้มานี่แล้ว คุ้ม !! หึหึหึ ( หัวเราะเจ้าเล่ห์)
chatchaann ---- เริ่มเรืองก็น่าสนุกเลยนะ
ปาปัวปูกาด้า --- ขอบคุณหลายๆเจ้า...อย่าลืมอ่านต่อนะเจ้า
NattY_LovE_SungmiN ---- สนุกมากเลยค่ะ
เทน ค่ะ ไม่สนใจ ทาม สักนิดหรอค่ะ อิอิอิอิอิอิ
สู้ ๆ นะค่ะ ไรเตอร์
ปาปัวปูกาด้า ---- เอ่อ...คือว่า...จะด่าว่าโง่ก็ยอมนะ อะไรคือ เทน เหรอ ??? 555 แบบว่า โลวไอที อ่ะ !!
ปล.ส่วนตัว กรี๊ดดดดดดดดดด ซองมินอปป้า !!! ชอบเหมือนกันเลย 555
รักยองอุงแจจุง ---- เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก
สนุกมากค่ะ
ปาปัวปูกาด้า ---- อย่าลืมเข้ามาอ่านครั้งที่สอง สาม สี่ ....ไปเรื่อยๆเด้อจ้าเด้อ
d_noi ---- สนุกมากค่ะ พยายามต่อไปนะ รออ่านอยู่
ปาปัวปูกาด้า ---- แทงคิวจ้า อัพบ้าง อะไรบ้าง เม้นบ้าง อะไรบ้าง เนาะ ??
MeeN ---- พึ่งเข้ามาอ่าน อ่านตอนแรกก็ชอบซะแล้ว
อดเม้นไม่ได้ เลยมาเม้นก่อน
^_______^
ปาปู ---- โอ้วว...เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดจ้า เม้นวันละนิด จิตใจผู้แต่งแจ่มใส
Dark Of Night Blood ---- ลงสดๆวันนี้หมดเลยเราะพี่ท่านสุดยอด
ปาปู ---- ผัวะ !! ตบหัวตัวเองหนึ่งที(ไม่กล้าตบหัวคนอ่าน) อันนั้นก็เทพเกินแล้วเพ่...!!
n'earth ---- กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด สนุกม๊ากมากกกกกกก แล้วใครเปนนางเอก อ่ะ
ยังไม่อ่านเด๋วมาอ่านใหม่นะ เข้ามาเฉยๆ เข้ามารายงานตัว
ปาปู ---- กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เรื่องนี้ไม่มีนางเอก ไม่เนียนจ้าไม่เนียน -*- เข้ามาอ่านต่อซะดีดี ให้ไวๆ
ความคิดเห็น